กัลปพฤกษ์
สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานัดเจอเพื่อนที่ Emporium เพราะเพื่อนบอกว่าอยากชวนมากินส้มตำอร่อย พอเพื่อนบอกว่าจะพาไปที่กัลปพฤกษ์ เราก็นึกในใจว่า จะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะร้านนี้เมื่อก่อนนี้ดังแต่เค๊กและขนมหวาน พอจะเริ่มสั่งอาหารเราก็ึนึกใจว่าให้มากินส้มตำที่นี่ไม่เอาดีกว่า ปล่อยให้เพื่อนสั่งมาแล้วค่อยตอดของเพื่อนชิมดูว่ามันจะเด็ดอย่างที่เพื่อนคุยโวไว้ไหม ส่วนผมก็สั่งอย่างอื่นมาลอง
หลังจากที่ได้เลือกอาหารเป็นเวลานานพอสมควรจึงลงเอยที่ "ข้าวปลาเค็มอบหม้อดิน" เราก็วาดภาพไว้ว่าคงเอาไปอบแบบว่าควันฟุ้งเวลาเปิดฝาหม้อออกมา พอได้อาหารมา ก็ถึงกับตะลึงกับหน้าตาข้าวอบหม้อดินที่มาวางตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันดูไม่ต่างจากข้าวผัดปลาเค็มแฉะๆใส่มาในภาชนะกระเบื้องเคลือบ แถมร้อนก็ไม่ร้อน ชุ่มน้ำมันอีกต่างหาก ปลาเค็มก็แข็งจนแทบเคี้ยวไม่ได้ ไม่ว่าจะใส่น้ำปลาพริก หรือเอาน้ำส้มตำเพื่อนมาราดชูรส มันก็ไม่อร่อยขึ้นมาเลย กินไปได้สองสามคำเลยบอกเพื่อนว่า มันกินไม่ได้ เสียปากมากๆถ้าจะกิน เลยเรียกหาเมนูมาเพื่อสั่งอย่างอื่นมากิน ในตอนนั้นถ้าไม่เกรงใจเพื่อนคงไม่คิดจะสั่งอะไรต่ออีก แต่นานๆเจอกันทีเลยถือว่ามานั่งคุยกัน
พอพนักงานเอาเมนูมาให้ผมก็เลื่อนโถกระเบื้องข้าวอบจอมปลอมที่ว่าไปที่ขอบโต๊ะเพราะไม่ต้องการที่จะรับประทานมันต่อไป พนักงานที่เอาเมนูมาให้ดันเป็น ผจก. เขาเลยถามว่าอาหารมีอะไรผิดปกติหรือไม่ ผมก็บอกไปตรงๆว่ามันไม่อร่อย เพราะข้าวมันแฉะ และปลาเค็มก็แข็ง เลยอยากสั่งอาหารอย่างอื่นมาเพื่อทาน ผจก คนนั้นก็ดี ยกอาหารกลับไป และบอกว่าจะเอาเข้าไปให้ในครัวดู เป็นอันว่า จบเรื่องข้าวปลาเค็มอบหม้อดิน
หลังจากนั้น เลยลองดูว่าจะทานอะไรต่อดี เลยเลือก "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ" พออาหารมาถึง ผมก็เริ่มสังหรณ์ใจว่ามันต้องไม่ได้ความอีก เพราะก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับที่ยกมามันดูตายๆไร้ชีวิต ควันไม่มีเลย พอผมตักใส่ปากก็รู้เลยว่า คงทำเอาไว้หม้อใหญ่ๆ พอลูกค้าสั่งก็เอามาราดเส้นที่ทำเตรียมไว้แล้ว ก่อนยกออกมาก็เอาไปเวฟซะนิด แล้วเอาผักกาดหอมแต่งจานซะหน่อย แต่คงเวฟแบบขอไปที เพราะมันอุ่นๆแบบชนิดที่ว่าแทบจะหมดความอุ่นแล้ว แถมเนื้อสับยังเหนียว เส้นก็กระด้าง ผมก็เกรงใจเพื่อนผม เลยกล้ำกลืนกินมันลงท้องไป เพราะมันก็พอกินได้ และเสียดายเงินค่าอาหาร เพราะแต่ละจานนี่ตั้งราคาไว้ร้อยบาทอัพ เลยนึกๆไปว่า กินๆไปเถอะฟ่ะ อีกทั้งจานที่แล้วก็ต้องจ่ายไปฟรีๆแล้วจานนึงโดยที่ไม่ได้กิน
หลังจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับหมด ท้องยังหิวอยู่ เลยหาอะไรกินต่อ เลยสั่ง "้ข้าวหมกไก่+ซุปเนื้อ" ที่สั่งเพราะเห็นโต๊ะอื่นสั่งแล้วตอนที่บ๋อยยกมาเสิร์ฟผมก็เห็นว่าหน้าตามันน่าทานดี ผลปรากฎว่าโอเค ข้าวหมกไก่กินได้ อร่อยในแบบที่เขาทำ แต่ว่าปัญหายังคงมี ซึ่งก็คือไอ้เจ้าซุปเนื้อที่ยกมาคู่กับข้าวหมกนี่แหละ ทำไมมันหวานเกินจริงได้ปานนั้น จะว่าหวานผักก็คงไม่ใช่ หรือว่าจะหวานน้ำตาล ข้าวหมกอร่อยๆโดนรสหวานของซุปกลบซะ หมดกัน!! ยังดีนะที่ข้าวหมกโอเคถูกลิ้น ไม่เช่นนั้นแล้ววันนั้นคงเจอจ่ายค่าอาหารไปฟรีๆแบบฉุนๆไปสามเด้ง
แต่มีเรื่องเซอร์ไพรส์ตอนเช๊คบิล (ดันเป็นตัว ผจก ร้านคนเดิมอีกที่เจอเราตอนกวักมือเรียกให้คิดเงิน) พอบิลมาถึง คุณ ผจก ก็บอกว่าไม่คิดค่าข้าวปลาเค็มอบหม้อดิน เพราะเขาก็เห็นว่ามันแฉะจริงๆ
กัลปพฤกษ์นี่ขายแต่ชื่อ แต่รสชาติและคุณภาพอาหารหลายๆอย่างไม่สมเหตุสมผลกับราคาที่ตั้งไว้เป็นอันมาก งานนี้ขอยกความผิดให้ตัวเอง ทั้งๆที่รู้ว่าร้านนี้ไม่ควรเข้า ก็ไม่ยอมทัดทานเพื่อนรักที่อยากพาไปชิมส้มตำที่เจ้าหล่อนอวดอ้างว่าแสนอร่อยเป็นหนักหนา (แต่ถ้าจะว่าไป ส้มตำมันก็โอเค แถมมีหมูย่างรสชาติทั่วไปๆมาชิ้นนึง และมีข้าวเหนียวมาอีกกำปั้นนึง จานนี้ร้อยกว่าๆอีกนิดหน่อย นี่ถ้าไปกินร้านที่เขาสเปเชี่ยลไลซ์เฉพาะทาง คงสั่งได้หลายอย่างในราคาที่เท่ากับที่ต้องจ่ายที่ร้่านกัลปพฤกษ์นี้) ทำไมบ้านนี้ถึงทำกะลูกค้าได้
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 04:29:20
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 04:28:21
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 04:23:51
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 51 04:20:22