 |
เรื่องไม่ประทับใจที่คองจู Pathumwan Princess ครับ
เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมซึ่งผมอยากจะแบ่งปัน รวมถึงเตือนภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และท้ายสุดคงเป็นการวิจารณ์กระบวนการบริหารจัดการของทางโรงแรมและห้องอาหารนี้ด้วยครับ
ผมยินดีที่จะฟังความเห็นจากทุกท่าน จะวิพากษ์วิจารณ์ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ หรือจะตำหนิผมก็ได้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมเองได้ตัดสินใจไปทานอาหารเพื่อส่งท้ายการทำงานที่เมืองไทย ที่ห้องอาหารเกาหลี คองจู โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ตรงมาบุญครองนั่นแหละครับ ตอนแรกก็จองในส่วนตามสั่งไป แต่ไปๆมาๆ พอไปถึงหน้าร้าน เดินดูไลน์บุฟเฟ่ต์แล้วน่าทาน ประกอบกับไม่ได้ทานแบบบุฟเฟ่ต์ของที่นี่มานานสักสามปีแล้ว เลยตัดสินใจทานแบบบุฟเฟ่ต์ พนักงานเองก็พาเข้าไปนั่ง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พนักงานเองก็เดินอยู่รายรอบร้านเป็นอย่างดีครับ
เรื่องมาเกิดขึ้นตอนที่ผมและรุ่นพี่ที่ทำงานลุกขึ้นไปตักของที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ครับ นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของผมจริงๆ เนื่องจากเห็นไลน์บุฟเฟ่ต์ว่าใกล้ ก็เลยวางกระเป๋าทิ้งไว้ทั้งคู่ เรื่องมันก็เกินตอนนี้ครับ เพราะกลับมาที่นั่งกระเป๋าของผมก็อันตรธานไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมเองรวมถึงคนอื่นๆไม่มีใครรู้ตัวหรอกครับ เพราะโจรเองมาเหนือชั้น ด้วยการสลับกระเป๋าของผมกับของโจรเอง ที่มีสีดำเหมือนกัน ความจริงผมก็ว่ามันแปลกตั้งแต่ตอนกลับมานั่งที่ที่กระเป๋าผมดันตั้งแทนที่จะวางนอนลง แต่ไม่ติดใจอะไร เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม เพราะกระเป๋าก็ดูไม่มีราคาค่างวดอะไรมาก
ผมมาสังเกตความผิดปกติได้ที่กระเป๋าก็เมื่อเวลาผ่านไปสามนาที เนื่องจากเห็นซิปกระเป๋ามีลักษณะแปลกไป กล่าวคือ มีลักษณะเป็นสายยื่นออกมา หยิบมาดูตอนแรกนึกว่าคนหยิบกระเป๋าผิดเลยรีบแจ้งพนักงาน พนักงานก็ดูไม่สนใจอะไร จนผมร้อนใจต้องเปิดกระเป๋าดูเอง พบเพียงขวดน้ำกับแผนที่ด้านใน ถึงเวลานี้รู้ชัดเจนแล้วครับว่ากระเป๋าโดนขโมยแน่ รีบบอกโรงแรม โรงแรมก็พยายามปิดทางออก แต่ไม่ทัน เพราะคุณโจรหนีไปไหนต่อไหนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
เล่ามานี้ ผมยอมรับโดยดุษณีครับ ที่ตนเองประมาทเลินเล่อ ไม่คิดว่าจะโดนขโมย เนื่องจากอยู่ในร้านแบบปิดของทางโรงแรม และตรงที่ผมนั่งก็มีพนักงานเดินไปมาตลอด แต่สิ่งที่จะเล่าต่อและสนุกยิ่งกว่า ก้คือการจัดการรับมือกับปัญหาของทางโรงแรม ที่ทำให้ผมอึ้งและทึ่ง หนก่อนหน้าผมเคยเจอปัญหาที่เวสทิน เคยเล่าที่นี่แล้วด้วย อันนั้นแก้ปัญหาไม่ดี แต่พอระดับสูงทราบเรื่อง วิธีการแก้ปัญหาต่อเนื่องของเวสทิน บอกได้คำเดียวว่าสุดยอดและเป็นมืออาชีพมากๆครับ
หลังจากปิดทางเข้าออกไม่ทัน โรงแรมก็ไปจัดการสำรวจกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งแจ้งว่า เดี๋ยว duty manager จะลงมาคุย ฟังดูดีใช้ได้ แต่กว่าจะมา ก็รอแล้วรออีก ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปก็แล้ว จนผมอยากจะขอบิลเพื่อจ่ายเงินกลับบ้านใจจะขาด เพราะอารมณ์ในการทานไม่เหลือแล้ว คนที่มาด้วยก็ไม่อยากทานอะไรเช่นกัน ระหว่างนี้พนักงานทุกคนก็ยังทำหน้าที่ของตนต่อไป ทำนอง the show must go on ไม่ได้แยแสช่วยผมตามหาอะไร ตรงกันข้ามจะมีแต่โต๊ะข้างๆที่เป็นลูกค้าด้วยกัน จำรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายได้ และยังช่วยออกไปตามหาให้ผมอีกครับ
แม้ว่าผมจะรู้ผลลัพธ์ว่าหวยจะออกอย่างไร แต่ด้วยความอยากลองดูว่าที่นี่จะมืออาชีพหรือไม่ ก็เลยอยู่พบผู้จัดการดู วันนี้เป็นผู้หญิงร่างใหญ่ มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง วางภาพที่ปรินท์ออกจากกล้องวงจรปิดให้ผม พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า คุณไม่ทราบเลยหรือว่าคนร้ายตามคุณมาตั้งแต่ลานจอดรถ นี่แสดงว่าเขาประสงค์ต่อทรัพย์คุณ คุณมีปัญหากับใครหรือไม่สงสัยใครบ้างหรือ ข้างในกระเป๋ามีอะไรบ้าง มูลค่าเท่าไร และอีกสารพัดประเด็นคำถามที่ประเดประดังเข้ามาเกินกว่าที่ผมจะตอบได้ทัน
ถามใจผมผมรู้สึกแย่มาก ที่ในสถานการณ์ที่ผมรู้สึกแย่อยู่แล้ว คุณกลับทำเหมือนจะซ้ำเติม คุณถามด้วยลักษณะของการคุกคาม ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่วิธีการจัดการที่ดี คุณอาจจะมี capability ในการแก้ปัญหา แต่คุณไม่มีหัวใจของ compassionate มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน คุณผู้จัดการเธอยังไม่หยุด ซักและสอบปากคำผมอีกหลายอย่าง มากกว่าที่สน. ปทุมวันถามผมเสียอีก จากนั้นเธอก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังดุผมซ้ำอีก ก่อนที่เธอจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมบอกให้ไปแจ้งความเป็นหลักฐาน โดยจะส่งหัวหน้างานรักษาความปลอดภัยไปด้วย
ผมเองก็จัดแจงรีบจ่ายเงินให้เสร็จๆก่อนจะออกมาพร้อมหัวหน้า รปภ. ทันทีที่ขึ้นรถ คุณหัวหน้าท่านก็บอกว่า ผมรู้ทางว่า สน. ปทุมวันอยู่ไหน เดี๋ยววิ่งออกหลังจุฬาฯ ตรงศศินทร์ ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงก็เลยปล่อยให้นำทางไป สุดท้ายก็พาไปหลง และผมเองก็ต้องจัดแจงบอกทางเองว่าอยู่หลังตลาดสามย่านใหม่ คุณหัวหน้านั่นยังจะเถียงผมอีก จนถึงสถานีตำรวจ ผมก็เลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะไม่รู้จะส่งหัวหน้า รปภ.มาทำไม เพราะผมเองก็ต้องเดินเรื่องเองทุกอย่าง ส่วนคุณหัวหน้า ก็รออยู่แถวที่จอดรถด้านนอก แถมขากลับยังต้องขับไปส่งที่โรงแรมอีก ไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระแต่ดูเหมือนจะเป็นภาระด้วยซ้ำไปครับ
รุ่งเช้า ผมเองก็มานั่งทบทวน สุดท้ายก้รู้สึกว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง เหมือนที่เคยเขียนอีเมล์ถึงเวสทิน หนนี้ก็ลองทำดูบ้าง ได้ผลเหมือนกัน แต่ที่แปลกก็คือโรงแรมนี้ ไม่ส่งคนไทยโทรศัพท์มาคุยกับผม ส่งฝรั่งมาคุยแทน ไม่รู้คิดอะไรเหมือนกัน ก็คุยกันไป จนสุดท้ายก็บอกว่าเดี๋ยวส่งเรื่องให้บริษัทประกันดำเนินการ
ซึ่งผมเองก็รู้อยู่ว่าจะเป็นอย่างไร เลยไม่สนใจคาดหวังเท่าไรว่าอยากจะได้อะไรชดเชย แต่อยากจะลองดูกระบวนการจัดการ อย่างที่เรียนตั้งแต่ต้น ก็เลยบอกว่าจะทำอะไรก็ทำไปตามสบาย ส่วนตอนบ่าย ผมก็ไปซื้อของที่หายในกระเป๋าทั้งหมด บางอย่างมันก็ไม่เหมือนเดิม เพราะมูลค่าทางใจสูงมาก จากนั้นก็มารอ surveyor มาสัมภาษณ์ ก็แจ้งรายละเอียดไปตามเรื่อง แล้วก็เงียบหายไป
โรงแรมเองไม่ติดต่ออะไรมาเลย ไม่แม้แต่จะบอกว่าอะไรคืบหน้าไปถึงไหน บริษัทประกันเองบอกว่าสองสัปดาห์จะทราบผลก็หายเงียบไป เขาคงไม่รู้หรอกว่า ผมต้องลำบากแค่ไหน เพราะเอกสารทุกอย่าง ตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ วีซ่า พาสปอร์ต กล้อง ข้อมูลงานและอีกมากมายหายไปหมด และผมจะต้องเดินทางในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากนั้น ยังดีที่มีคนเก็บพาสปอร์ตผมได้ เลยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ครับ ตรงกันข้ามไม่มีแม้แต่คำแสดงความเสียใจหรือความใส่ใจใดๆ จากทางโรงแรม มีแต่หลายประโยค ที่ผมฟังแล้วยังรู้สึกสะอึกและเหมือนอะไรติดอยู่ที่คอ เช่น คุณรู้ไหมว่าเอกสารที่หายไปเขาปลอมเป็นคุณได้เลยนะ หรือ ไม่รู้เลยหรือว่ามีคนตามปองร้ายและจ้องจะเอาทรัพย์สินคุณอยู่
หนึ่งเดือนผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครติดต่อมาทั้งประกันของทางโรงแรมและตัวโรงแรมเอง มีแต่ผมติดต่อกลับไป เพราะอยากจะจัดการเรื่องให้จบก่อนเดินทาง หนึ่งวันก่อนเดินทาง โทรไปก็ได้รับคำตอบแบบเดิมๆ ว่ายังเดินเรื่องอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่ผมก็เดาคำตอบได้อยู่แล้วว่าผลสรุปจะเป็นอย่างไร จากที่สัญญาว่าสองอาทิตย์จะรู้ผล สุดท้ายเดือนครึ่งก็ยังเงียบ จนกระทั่งผมย้ายมาอยู่เอดินเบอระ เลยส่งจดหมายไปต่อว่าหนึ่งครั้ง วันรุ่งขึ้นผลก็เป็นไปตามคาด คือโรงแรมไม่ผิด เพราะกรณีนี้ไม่ใช่การรับฝากของ ซึ่งผลนี้ผมก็เดาได้แต่แรก แต่ไม่เข้าใจว่า ทั้งทางโรงแรมและบริษัทประกัน(บริษัทนี้สำนักงานก็อยู่ตึกเดียวกันกับโรงแรมนั่นแหละครับ) ถึงทำงานได้ช้าขนาดนี้
ที่เล่ามานี่ ก็แค่อยากระบายความผิดหวังเท่านั้นล่ะครับ ส่วนเรื่องความผิดผมก็ยอมรับว่าผมผิดเอง เพียงแต่ผิดหวังกับกระบวนการแก้ปัญหาของทางโรงแรม ต้องใช้คำว่าแย่มากถึงมากที่สุด ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจสนใจอะไร แล้วก็ไม่ได้ช่วยเหลือเท่าที่ควร บางครั้งกลับจะสร้างปัญหามากขึ้นไปอีก เช่นการแก้ปัญหาของหัวหน้า รปภ.หรือ duty manager ที่ยิ่งแก้ปัญหาก็ยิ่งแน่น ผิดกับการแก้ปัญหาของเวสทิน ที่นั่นได้ใจผมกลับไปอย่างเต็มๆ และทำให้รู้สึกอยากจะกลับไปใช้บริการอีก
ถึงตอนนี้ เพื่อนร่วมงาน แล้วก็คนรู้จักหลายๆ คนของผมพยายามเลี่ยงโรงแรมนี้ เพราะความไม่มั่นใจ ในวิธีคิด วิธีการบริหาร และหัวใจของการให้บริการ ถ้าจำเป็นก็ไป แต่ก็คงต้องระวังมากที่สุด
โดยสรุป ผมเองก็เลยอยากจะให้เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์มากกว่า ไม่ว่าที่ไหนๆก็อาจเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ได้ แต่ทางที่ดีอย่าให้มันเกิดเลยครับ ระวังทรัพย์สินมีค่าไว้มากๆ อย่าได้วางทิ้งไว้เป็นอันขาด แม้ว่าระยะที่คุณเดินไปจากโต๊ะจะมองเห็นได้ก็ตามที เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีความเป้นมืออาชีพขึ้นมาก เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจเป็นแบบผม ที่นอกจากจะต้องวุ่นวายจัดการกับทั้งเอกสารและทรัพย์สินที่สูญหาย แล้วยังต้องมานั่งปวดหัว กับวิธีการแก้ปัญหาที่พิลึกพิลั่น และเก็บเอาไปเป็นกรณีศึกษา ชนิดที่เล่าให้ใครฟังก็ส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนแบบนี้ครับ
วิจารณ์ได้ตามสบายครับ ผมเองตำหนิโรงแรมในส่วนของการแก้ปัญหาหลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ส่วนเหตุของปัญหา ผมยอมรับว่าผมผิดเองส่วนใหญ่ แล้วโรงแรมก็ผิดส่วนหนึ่งที่น้อยกว่า ในแง่ของการหละหลวมในการตรวจสอบคนเข้าออกในร้านครับ
จากคุณ :
buenos
- [
22 ต.ค. 51 06:01:07
]
|
|
|
|
|