Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    Eating in Season : Into The Forest # 1 ... Japanese Sweet Chestnut ฤดูกาลเกาลัดหล่น...ลงบนจานของหวาน

    ป่ากับเรา เป็นเสมือนหนึ่งชีวิตเดียวกัน
    เรารักป่าไม่ใช่ในอารมณ์ เพื่อโลก เพื่อธรรมชาติเท่านั้น
    แต่เราเรียนรู้สิ่งมหัศจรรย์และความยิ่งใหญ่มากมายจากป่า
    ทุกครั้งที่ได้เข้าไปสู่ป่า เราจะรู้สึกว่า มนุษย์ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่จ้อยร่อย

    “เข้าป่า” กับ “ไปทะเล” สำหรับเรานั้น ให้ความหมายทางอารมณ์ต่างมิติกัน
    ไปทะเล ... เกิดอารมณ์ดื่มด่ำ ซาบซึ้ง เติมเต็ม ได้พักผ่อนทางสายตากว้างไกลไปบนแผ่นน้ำสีคราม
    เข้าป่า ... เกิดอารมณ์คารวะ ส่องรู้จักจิต รู้สังขารตัวเอง พบเจอความงามของธรรมชาติมหัศจรรย์หลากหลาย
    สัญชาตญาณในความเป็นมนุษย์ถูกขุดขึ้นมาใช้ในป่า ทำให้เรารู้จักคุณค่าในการมีชีวิตและดำรงชีวิตที่แท้จริง
    สังขารเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ได้ไปรู้จักยุบหนอ พองหนอ ลำบากหนอ เหนื่อยชิปหายสุดๆ หนอ ... ก็ตอนเดินป่านี่ล่ะ

    เราเกิดในจังหวัดภาคกลางแบนเรียบ ไม่มีทั้งภูเขาและทะเล
    ฉะนั้นการไปสู่ทะเลและภูเขา จึงเป็นการเดินทางไปถึงโดยตั้งใจทุกครั้ง ไม่ใช่เดินผ่านไป
    ไม่ได้รักภูเขาเพราะมันตั้งอยู่ตรงหน้า หรือชอบทะเลเพราะบ้านตั้งอยู่เกยชายหาด

    จำได้ว่าเราไปเดินป่าที่แรก คือ ป่าละอู - แก่งกระจาน
    เพราะ จ. เพชรบุรีนี่ถือเป็นแดนภูเขาที่เอื้อมสุดแล้วสมัยอายุ 14 : )
    โชคดีที่มีเพื่อนสมัยมัธยมกลุ่มเที่ยวด้วยกัน ชาย 1 หญิง 3 กับรถกระบะ 1 คัน
    พอปิดเทอมต่างคนต่างก็แอบโกหกพ่อแม่ไปท่องเที่ยวกัน 1-2 วัน ไปแค่อ่าวมะนาว ชะอำ ไปแก่งกระจาน ...
    รูปถ่ายวันเก่า ยังทำให้ยิ้มได้ถึงความเซี้ยว ซ่า อยากเห็นโลกที่กว้างไปกว่าจังหวัดบ้านตัวเองของพวกเรา

    แต่ป่าจริงๆ ที่เราได้เดินขาลาก คือ ป่าเขาใหญ่ ตอนอายุ 18  อยู่มอ. ห้า (จำได้แม่น)
    เป็นความดันทุรังแห่งการอยากเดินทางไกล  แม้ไม่มีทุนทรัพย์เดินทางด้วยตนเอง และบุพการีไม่มีงบสนับสนุน
    เราจึงมองหาช่องทางการเดินทางแบบไม่เสียเงิน ไปสมัครทำงานค่ายเยาวชนขององค์กรแห่งหนึ่ง
    พอสอบผ่านแล้ว เขาพาไปฝึกอบรมที่ - เขาใหญ่ ยูปปี้  - ฝันเป็นจริง

    หลังจากนั้น อะไรก็ฉุดไม่อยู่แล้ว อย่าเอาโอกาสมาวางตรงหน้า ข้าจะหนีเรียนไปให้จงได้
    ได้ไปแม่จัน ขึ้นดอยแม่สลอง สมัยอายุ 19 ตามพี่สาวที่เป็นครูอาสาที่หมู่บ้านอาข่าขึ้นไปสอนเด็กดอย
    สมัย 20 กว่าปีนั้นเรายังต้องเดินเท้า 8 กิโลเมตรจากแม่สลอง ขึ้นเขาลงเขา เข้าไปในหมู่บ้านกัน
    สมัยนี้มีทั้งรถสองแถวและมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ... ไม่ได้กลับไปแม่จันมานานกว่า 10 ปี
    กลับไปพบดอยแม่สลองสมัยเจริญแล้วตอนนั้น ... รู้สึกเศร้าๆ มากมาย

    แล้วอีกกี่ป่ากี่ดอยที่เดินผ่านมา เราจำได้ไม่หมด รู้แต่ว่า รักทุกป่าทุกเขาในเมืองไทย
    (ป่าเมืองนอกสวยจริง แต่ป่าไม่สมบูรณ์หลากหลายทางชีวภาพเท่าที่เมืองไทย)
    เขียนแล้วทำให้นึกถึง ดอยอินทนนท์ / ดอยเชียงดาว / ดอยภูขา / ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร /ป่าห้วยขาแข้ง
    ป่าแม่ตื่น-แม่สอด / ป่าอุ้มผาง / ป่าเขาสก / ป่าภูพาน 9ล9
    ... เราไม่สนิทกับป่าภาคอีสานมากนัก เพราะโอกาสไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้

    เหตุผลจากความรักที่จะมุ่งไปเข้าป่า (ไม่ใช่เหตุผลแบบคนยุค 16 ต.ค. )
    ทำให้พอเรียนจบ ทำงาน เราจึงเลือกงานที่จะได้เดินทางไปทำงานในป่าเสมอๆ
    และโชคดีที่ผูกมิตรเหนียวแน่นกับพวกพี่ๆสุดอึด ชาวจีออ มช. ทำให้เรามีผู้นำทางเข้าป่าสุดประเสริฐ
    การเดินป่ากับคนที่มีความรู้ด้านภูมิศาสตร์รอบด้านนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตจริงมากมาย
    ลูกหาบไม่เคยใช้ ของทุกอย่างแบกไปเอง อาหาร ฟืน น้ำ บางทีไปหากันในป่า นอนกลางฟ้า น้ำไม่อาบ 1 อาทิตย์
    บางครั้งขนาดเต๊นท์ยังไม่มี อาศัยนอนตูบม้งรายทาง (กระท่อมพักกลางทางของชาวไร่)

    พี่กลุ่มจีออคนหนึ่งชื่อ พี่จักร แกเป็นลูกนายพรานเก่าทางภาคเหนือ เดินป่ากับแกนี่แสนเพลิน
    เพราะพี่แกรู้จักต้นไม้ไปซะเกือบทั้งป่า ใบนั้นกินได้ ผลนี้กินได้
    ไม้แบบนี้จุดฟืนดี เพราะไม้มีน้ำมันในเนื้อเยอะ (เช่น ไม้สนเกี๊ยะ)
    เจอเห็ดในป่า รู้ว่าชนิดไหนกินได้ เจอมอส เจอเฟิร์น พี่แกรู้จักชื่อไปซะหมด
    เห็นรอยเท้าสัตว์บนดิน ก็วิเคราะห์ได้ว่า สัตว์อะไร เดินผ่านมานานแค่ไหน  

    ไอ้เด็กเมืองอย่างเราสมัยนั้น ฟังแกเล่าแล้วรู้สึกอย่างเดียว ถ้ากรูหลงป่า สงสัยกรูตายแน่ๆ
    ความรู้รอบป่าช่างไม่มีซะเลย จึงต้องหัดเรียนรู้ สังเกต เดินตามพี่จักรนี้ไปอยู่หลายป่า
    จึงค่อยเริ่มรู้จักป่า ... มากขึ้น มากขึ้น

    ฮ่าๆ เล่าเรื่องป่าซะเพลิน จะโดนไล่ไป BP ซะละมั้งเนี่ย

    จริงๆ แค่อยากเกริ่นว่า การเดินป่านั้น ทำให้เราได้เรียนรู้ธรรมชาติตามฤดูกาลที่ดีวิธีหนึ่ง
    แล้วนักเดินป่าจริงๆ ก็ล้วนมีความรู้ที่จะเอาตัวรอดให้ได้ในป่าหลากหลายแบบ
    จึงรู้จักการหาอาหารธรรมชาติมาปรุงกินกันไป ไม่ใช่แบกมาม่า ปลากระป๋องกันไปปรุงประทังชีวิตเสมอไป

    อาหารตามฤดูกาลจากป่า เป็นภูมิปัญญาของมนุษย์ที่อยู่ใกล้ชิดป่าได้เรียนและลองเลือกเก็บมาทำกินกันแต่โบราณ
    ถ้าเราไม่อยู่ใกล้ป่า เราจะรู้ไหมหนอว่า ป่า คือ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถูกที่สุด อยากได้อาหาร ก็เข้าป่าเสาะหามันมา
    แต่ยุคนี้ที่ป่าถูกทำลายเร็วมาก ป่าหลายป่าถูกควบคุม คนใกล้ป่าไม่สามารถเข้าป่าหาอาหารได้เหมือนเมื่อก่อนได้
    คนบ้านป่าอยู่ร่วมกับป่าได้ไหม? เราว่า อยู่ได้นะ แต่ป่ากับคนที่เป็นนายทุน ไม่ควรมาอยู่ใกล้กัน
    เพราะป่าจะถูกถางราบ เก็บกิน หมดไปอย่างน่าใจหาย (พักถอนหายใจ)

    บ่นซะใจแล้ว ,,, เข้าเรื่องดีกว่า : )

    กระทู้ก่อน(นานมาแล้ว) มาชวนว่า จะพาไปเก็บลูกเกาลัดในป่าแถวนี้กัน
    แต่ลูกเกาลัดในป่าเมืองหนาว ไม่ใช่ว่าทุกชนิดจะกินได้ แบบไหนกินได้ แบบไหนกินไม่ได้
    เราจะเรียนรู้กันไป ถ้าเราเข้าไปเยี่ยมป่าบ่อยๆ

    แต่ก่อนที่จะตามเด็กๆเข้าป่า เราทำ japanese sweet chestnut มาฝาก
    ร่ายซะยาว เมื่อยลิ้น เอาของหวานมาเสริฟ แล้วไปเข้าป่า เก็บของสวยๆงามๆ แห่งฤดูกาลกัน

    ... แสร้งว่าเกาลัดแบบญี่ปุ่นๆ ...

     
     

    จากคุณ : เสมอกลาง - [ 2 พ.ย. 51 18:47:37 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com