ความคิดเห็นที่ 1 พัฒนาในที่นี้ไม่แน่ใจความมันหมายความว่าอย่างไง แต่ขออธิบายคำว่า ไวน์จะพัฒนาในความคิดเราคือ อย่างไวน์ชิลิ อาจจะไวน์ที่ อร่อยมาก ๆ ก็ได้ แต่ไม่ได้ที่การเก็บไวน์นะค่ะ ทำไมไวน์ต้อง บอร์ดโด มีคนสงสัยมั้ย ทำไมไม่สระบุรี หรือญี่ปุ่น(คิดได้ไงนี้) เพราะว่าดินรู้จัก องุ่นมาเป็นเวลานานหลายพันปี คือว่าดินต้องเป็นดินเก่า แล้วก็ดินดี แล้วต้องรู้จักองุ่นมานานค่ะ อย่างยิ่งไร่ตรงไหน ดินเก่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งปลูกองุ่นได้อร่อยเท่านั้น  การพํฒนาไวน์ ได้ก็เพราะการพัฒนาดินที่ปลูกองุ่นค่ะ ไม่ใช่ทุกที่ในโลกจะปลูกองุ่นแล้วได้ องุ่นรสชาติดีนะค่ะ ถึงมีไวน์บางขวดราคาแพงทั่ง ๆ ก็บอร์ดโดเหมือนกัน ปีก็ปีเดียวกัน แต่ว่าระยะเวลาของดินที่ปลูกองุ่นไม่เท่ากัน ยิ่งดินเก่ามากเท่าไหร่ไวน์ยิ่งรสชาติดีเท่านั้น( สามีเล่ามา) ส่วนvin ที่บ้านแถวบ้านเขาเขียนแบบนี้ ไวน์ขาวของอิตาลีรสชาติดีกว่าบางตัวของฝรั่งเศสอีก ส่วนไวน์นะค่ะ ไวน์แดง บางตัวเวลารินแล้วดีมรสชาติจะไม่ได้เรี่อง เพราะว่าต้องให้ไวน์หายใจก่อน(ถีงมีการสั่นแก้วไวน์กัน) แล้วไวน์แดงเขาจะรินแค่ครี่งแก้วกัน เพราะไวน์ต้องการอากาศหายใจ ส่วนไวน์ที่เก็บไว้นาน ๆ ควรจะเป็นไวน์แดงค่ะ ไวน์ขาวเกิน 2 ปีก็ไม่อร่อยแล้ว แล้วก็ไวน์จะมีไวน์สด(ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ขาวค่ะ ) รสชาติจะเป็นน้ำองุ่นขาว แต่มีกลิ่นไวน์ ชอบตัวนี้ มากกว่าไวน์ขาวจริง ๆ จะผลิตกันทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ส่วนไวน์แดงสดก็มีค่ะ แต่ไม่ค่อยนิยมกัน แต่ถือว่าอร่อยระดับหนี่ง ส่วนคิดว่าคำว่าไวน์พัฒนาของเจ้าของกระทู้คือ รสชาติในขวด ไวน์ได้ก็เปลี่ยนรสชาติได้ค่ะ ควรจะเป็นไวน์แดงเท่านั้น แต่ว่าเก่าแล้วรสชาติอาจจะไม่ได้เรี่องก็ได้นะค่ะ แล้วระวังอย่าไปเก็บไวน์แดงสดนะค่ะ มันจะดื่มไม่ได้ แล้วทางที่ดีแนะนำให้เก็บไวน์แดงไว้ให้ห้องน้ำค่ะ (เพราะเป็นห้องที่เย็นที่สุดในบ้าน) ถ้าอากาศ ขี้น 35 ไวน์คงไม่ชอบ เย็นไปรสชาติก็เปลี่ยน จากคุณ : มนชิจัง - [ 25 พ.ย. 51 18:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ นึกถึง ญาติผมคนนึงที่บ้าไวน์มากขนาดที่ซื้อตู้สำหรับแช่ไวน์โดยเฉพาะไว้เลย แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 21:52:14 จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย - [ 25 พ.ย. 51 21:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไวน์ เป็นเครื่องดื่มที่มีพัฒนาการอันน่าอัศจจรย์ หากใครที่ได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างของการดื่มไวน์กับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ แบบถึงพริกถึงขิงแล้วจะรู้ได้ว่า ไวน์ แต่ละแก้ว แต่ละขวด นั้นมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่างกันไป การดื่มไวน์ให้รู้ถึงรสที่แท้ของไวน์นั้น จึงเป็นเรื่องของการเรียนรู้ และประสบการณ์ ไวน์ นั้นแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ตามกรรมวิธีการผลิต และมาจากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งพันธุ์องุ่นเหล่านี้เอง เป็นเหมือนเลือดเนื้อเชื้อไขที่จะบ่งบอกความเป็นเอกลักษณ์ของไวน์เหล่านั้น ซึ่งหากจะถามว่าไวน์แบบไหนที่ซื้อมาแล้วดื่มได้ทันที ไวน์แบบไหนที่ซื้อมาแล้วยังต้องบ่มเพาะเก็บไว้ให้มันพัฒนาการให้จนถึงที่ หรือที่เรียกว่า Peak ก็ต้องดูที่พันธุ์องุ่นหรือหน่อเนื้อเชื้อไขของไวน์ขวดนั้นๆและแหล่งที่ผลิต เป็นหลัก เช่น Beaujolais Nouveau ไวน์แดงที่ทำมาจากองุ่นพันธุ์ Gamay จะมีอายุเพียงประมาณ 2 เดือนหลังจากผลิตเสร็จ พอถึงฤดูขายแล้วก็ควรจะหมดแผงภายใน 2 เดือน หรือไม่เกินเดือน มกราคม หลังจากนั้นรสขาติของไวน์ก็จะถดถอยไปจนเกิน 6 เดือนก็จะดื่มไม่ได้ การดู vintage ของไวน์เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกซื้อไวน์ เพราะ จะทราบได้ว่าไวน์ตัวนั้นได้ผ่านการประคบประหงมมาเป็นเวลากี่ปีแล้ว และที่สำคัญยิ่งคือ คุณต้องทราบว่าไวน์ขวดนั้นเดินทางมาจากถิ่นฐาน แคว้นไหนเขตใด และเมื่อนำมาประกอบกับวินเทจแล้ว คุณจะรู้ว่าไวน์ตัวนั้นต้องประคบประหงม และสุกงอมได้ที่จนถึงช่วง Peak ในห้วงเวลาใด เช่น ไวน์ที่มีฉลากระบุว่าเป็น CS (Cabernet Sauvignon)  มาจากแคว้น Bordeaux เขต St-Emilion ก็ให้รู้ไว้ว่า อายุ ปกติของไวน์ที่จะนำมาดื่มได้ควรอยู่ที่ 3-15 ปี นับจาก Vintage แต่ถ้าเป็นเกรด Grand Cru อายุขัยของความสุกของไวน์จากแคว้นนี้ ควรจะเริ่มที่ 8-25 ปี   แล้วถ้าเป็น PN หรือ Pinot Noir สุดยอดจอมคลาสสิคละ  แน่นอนถิ่นฐานต้นกำเนิดของ PN ย่อมต้องมาจาก Burgundy (ถึงแม้ปัจจุบันจะแพร่หลายแหล่งผลิตไปหลายๆ แห่งทั่วโลกแล้วก็ตาม) แต่หาก พะยี่ห้อ PN ที่เดินทางมาจาก Burgundy แล้ว ถ้าเห็นว่า มาจาก Cote de Nuits ก็ให้รู้ไว้เลยว่าไวน์ชั้นเลิศขวดนี้ มีอายุการเก็บตั้งแต่ 4-30 ปี ซึ่งยิ่งถ้าได้รับการเก็บอย่างเซียนแล้ว อายุไวน์ขวดนี้จะยาวนานกว่านี้แน่นอน ส่วนถ้า PN Burgundy มาจากเขต Cote de Beaune แล้ว จะมีอายุอยู่ที่ 4-20 ปี ส่วนหากเป็นระดับ Grand Cru อาจจะล่วงเลยไปถึง 30 ปีได้ คราวนี้ลองมาดูไวน์โลกใหม่กันบ้าง คร่าวๆ Australia ถิ่นผลิตไวน์โลกใหม่ที่มาแรงแซงโค้ง และเป็นที่นิยมของคนไทย ถ้าเป็นไวน์แดง CS อายุการดื่ม 5-10 ปี, PN = 4-10, Merlot = 5-10, Shiraz = 5-20, Melbec = 5-10 ส่วนไวน์ขาว Riesling = 3-6, Sauvignon Blanc แบบไม่หวาน = 2-8, แบบหวาน = 4-12 สรุป หลักการคร่าวๆ ของการดื่มไวน์ให้ได้ ณ จุด Peak ก็คือ ต้องรู้ Vintage ที่มา และพันธุ์องุ่น แล้วนำสิ่งเหล่านั้นมาประมวลผล ถึงจะรู้ได้แน่ชัดว่า ควรจะเก็บหรือดื่ม ไวน์ ขวดนั้น เมื่อใด หากท่านใดสนใจที่จะดื่มไวน์ การศึกษาหาความรู้นั้น ขาดไม่ได้ เหมือน คนที่อยากขับเครื่องบิน ก็ต้องเก่งให้ครบทั้งสมอง สายตา สัมผัส ประสบการณ์ การตัดสินใจ และสมาธิ ผมชอบดื่มไวน์ครับ จากคุณ : Vincent Vega - [ 25 พ.ย. 51 23:44:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับทุกไข้อความ คุณพี่Vincent Vegaข้อมูลกระจ่างเลยครับthank youครับ (ไม่ทราบว่าท่านอยู่ฟรีทไหนครับ) จากคุณ : toughboy - [ 26 พ.ย. 51 10:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ได้ความรู้มากมาย จากคุณ : นิโคล เทเบียร์ลีโอ - [ 26 พ.ย. 51 18:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็ชอบดื่มไวน์ครับ  แหะๆๆ จากคุณ : loverboy - [ 29 พ.ย. 51 19:41:21 ]