ความคิดเห็นที่ 1 เรือก็ค่อยๆวิ่งข้ามปากน้ำเจ้าพระยา ไปยัง อ.พระสมุึทรเจดีย์ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงแล้วก็ขึ้นฝั่งกันเลยครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขึ้นฝั่งแล้ว เดินไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงวัดพระสมุทรเจดีย์ทันที ประวัติของวัดพระสมุทรเจดีย์นั้น ก็มีดังนี้ครับ พระสมุทรเจดีย์ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในเขตตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตามประวัติกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์กับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองจัดสร้างป้อมปราการจำนวน 6 ป้อม ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด ๓ ปีจึงแล้วเสร็จ เมื่อสร้างป้อมเสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กับเจ้าพระยาพระคลัง เป็นผู้อำนวยการสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่เกาะหาดทรายท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์ เพื่อปกป้องประเทศชาติและพระศาสนา โดยโปรดฯ ให้กรมพระราชวังสถานมงคลมหาศักดิพลเสพ กับพระยาราชสงครามเขียนแบบแผนผังรูปพระเจดีย์ถวาย แล้วทรงเฉลิมพระนามว่า “ พระสมุทรเจดีย์ ” แต่ยังมิได้ทันก่อสร้างก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาศรีธรรมราชกับเจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กอง จัดสร้างต่อการก่อสร้างเริ่มเมื่อวันอังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน  12 (ตรงกับวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370) แล้วเสร็จเมื่อวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 (ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2371) ลักษณะขององค์พระสมุทรเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลนี้เป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ต่อมาได้มีผู้ร้ายลักลอบขุดองค์ระฆังลักเอาพระบรมธาตุที่บรรจุอยู่ภายใน สมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างไปถ่ายแบบพระเจดีย์ที่กรุงศรีอยุธยามาจัดการก่อสร้างสวมทับพระเจดีย์รูปเดิมไว้ โดยลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลมวัดจากฐานล่างจนถึงยอดสูงสุด 19 วา จากนั้นจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ 12 องค์ จากพระบรมมหาราชวังมาบรรจุไว้แทนของเดิมที่สูญหายไป ในการนี้ได้โปรดฯให้สร้างศาลาเก๋งจีน หอเทียน หอระฆัง พระวิหารพร้อมด้วยพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร กับหลักผูกเรือริมน้ำรอบองค์พระสมุทรเจดีย์ ฯลฯ สิ้นพระราชทรัพย์ในการก่อสร้าง 588 ชั่งเศษ และในรัชกาลต่อมาก็ได้มีการทำนุบำรุง และบูรณะปฏิสังขรณ์พระสมุทรเจดีย์มาโดยตลอด กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระสมุทรเจดีย์เป็นโบราณสถานของชาติ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร องค์พระประธานในพระวิหารของวัดครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากนั้นก็ขึ้นรถสองแถวสาย พระสมุทรเจดีย์-พระประแดง กลับไปตัวอำเภอพระประแดงกัน ค่าโดยสารท่านละ 9 บาท ใช้เวลาราวๆ 30 นาทีก็จะถึงท่าน้ำพระประแดงเลยครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากตัวเมืองสมุทรปราการนั้น นอกจากจะมาพระประแดงโดยผ่านทาง อ.พระสมุทรเจดีย์แล้ว ยังสามารถข้ามน้ำมาจากฝั่งปู่เจ้าได้เช่นกันครับ โดยมาทางเรือหรือทางรถยนต์ผ่านสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ส่วนถ้าอาศัยรถประจำทางนั้น ก็ต้องขึ้นรถสาย 1286 พระประแดง-ปากน้ำ จากหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ มาลงที่ท่าน้ำปู่เจ้า และข้ามเรือข้ามฟากมาก็ได้เช่นกัน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ค่าเรือก็ึคนละ 2 บาทครับ มาถึงท่าน้ำพระประแดงเลย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เนื่องจากผมไม่ค่อยชำนาญ ร้านอาหารย่านพระประแดง จึงอาศัยเดินถ่ายภาพไปเรื่อยๆครับ ท่านใดเชี่ยวชาญหรือเป็นเจ้าถิ่น รบกวนชี้แนะด้วย จะตามไปชิมในภายหลัง หุหุ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ออกจากท่าน้ำก็จะเห็น ที่ว่าการอำเภอพระประแดงทันทีครับ หากท่านต้องการไปตลาดบางน้ำผึ้ง ก็สามารถขึ้นรถสองแถวที่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอได้ครับ ค่ารถคนละ 10 บาท จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จากที่ว่าการอำเภอ หากเดินเลี้ยวซ้ายลงไป ก็จะพบทางเข้าตลาดสดพระประแดงครับ (ซึ่งมีทางเข้าหลายทาง เชื่อมหลายถนน) เดินทะลุตลาดไปเล็กน้อยก็จะัพบศาลพระเสื้อเมืองพระประแดง เนื่องจากในอดีตนั้นพระประแดงเลยมีฐานะเป็นจังหวัดเทียบเท่าสมุทรปราการ จึงมีทั้งศาลหลักเมือง และศาลพระเสื้อเมืองคงเหลืออยู่ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เดินทะลุตลาดสดออกไปทางด้านซ้าย ก็จะพบป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมปราการสมัยรัชกาลที่ 2 ที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภายในป้อมแม้จะเหลือสิ่งก่อสร้างไม่มากนัก แต่ก็เป็นที่พักผ่อนหย่้อนใจได้ ข้างๆป้อมแผลงไฟฟ้า ก็คือโรงเรียนป้อมแผลงไฟฟ้าครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากป้อมแผลงไฟฟ้า เราก็เดินย้อนกลับมาที่ท่าน้ำ และเดินเลียบถนนนครเขื่อนขันธ์เพื่อออกไปยังสามแยกพระประแดงครับ เดินไปนิดหน่อยก็จะพบกับทางเข้าไปยังศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดงครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ริมสองข้างทางนครเขื่อนขันธ์ ก็เต็มไปด้วยแผงและร้านขายอาหารมากมาย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คนก็เดินซื้อข้าวของเยอะมากทีเดียวครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เนื่องจากไม่ค่อยรู้จักร้านค้าแถวนี้ เลยเดินมองอย่างเดียวครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 และแล้วก็เดินมาถึงซอย ชุมชนพานิชย์ครับ ซอยนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซินเซี้ยโกเบี้ย หน้าปากทางเป็นร้านขนมคุณยายกิมล้วน ขายพวกขนมไทยและเปิดเป็นคาเฟ่เล็กๆ ในซอยจะเป็นเรือนไม้เก่าแก่ แบบตึกแถวคนจีนโบราณครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แถวนี้เป็นย่านคนจีนเก่าแก่ของพระประแดงหน่ะครับ และย่านนี้ก็มีร้านที่ผมพอจะรู้จัก 1 เจ้าคือ ร้านขนมเปี๊ยะจิ้นเฮงครับ ร้านนี้เก่าแก่ทีเดียว (ภาพบนขวา) ที่เหลือไม่เคยมาชิมซักร้าน หุหุ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ้เดินลอดเรือนไม้พวกนี้ไป ก็จะถึงศาลเจ้าซินเซี้ยโกเบี้ย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:24:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อจากนี้ก็เดินเลียบถนนนครเขื่อนขันธ์ไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จนข้ามสะพานข้ามคลองลัดหลวง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก็จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวฮงไน้ สาขา 2 ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฝั่งตรงข้ามร้านฮงไน้คือวัดพระยาปราบศึก และติดกันกับร้านฮงไน้เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าหนึ่ง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เดินเลียบถนนนครเขื่อนขันธ์ไปเรื่อยๆ จนถึงมัสยิดดาร์อสอาดะห์ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หน้ามัสยิดดาร์อสอาดะห์นี้จะมีร้านขายอาหารอิสลาม 1 ร้าน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:27:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นอกจากจะขายอาหารอิสลามจำพวก ข้าวแกง ข้าวเนื้อแดง ข้าวหมกไก่ ซุปหางวัวแล้ว ยังจำหน่ายพวกขนมด้วยหน่ะครับ ของที่ผมค่อนข้างชอบคือขนมกล้วยและบ้าบิ่นข้าวเหนียวดำ อร่อยมา่กๆ ข้าวหมกไก่ร้านนี้ก็รสดีใช้ได้ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดินเข้าซอยข้่างๆร้านไป ก็จะไปยังมัสยิดดาร์อสอาดะห์และโรงเรียนมัสยิดดาร์อสอาดะห์ และชุมชนอิสลามพระประแดงได้ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เดินเลยมัสยิดดาร์อสอาดะห์ไปทางสามแยกพระประแดงอีกนิด ก็จะเจอร้านดัง บังเดช และร้านซาลาเปา จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เสร็จแล้วก็ทะลุไปยังสามแยกพระประแดงกันครับ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเลียบถนนสุขสวัสดิ์ไป เพื่อหาร้านอาหาร แถวนี้ก็มีมากมายครับ จะคึกคักมากๆยามเย็นๆ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สารภาพว่า แถวริมถุนนสุขสวัสดิ์นี้ไม่เคยมาชิมเลยซักครั้ง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับไปทางถนนนครเขื่อนขันธ์ ไปยังสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าไปยังถนนพระราชวิริยาภรณ์ครับ พอเลี้ยวเข้าถนนพระราชวิริยาภรณ์ ก็จะเจอร้านหมูสเต๊ะ 1 เจ้า จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เดินไปตามถนนพระราชวิริยาภรณ์ จนลอดใต้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม ก็จะพบกับวัดต่อมาคือ วัดไพชยนต์ พลเสพย์ครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:33:02 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วัดไพชยนต์ พลเสพย์ นี้ก็มีประวัติดังนี้ครับ วัดไพชยนต์พลเสพย์ ราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลบางผึ้ง เป็นพระอารามหลวงชั้นโท กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ ทรงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 มีพระอุโบสถและพระวิหารที่งดงาม ในพระอุโบสถมีพระประธานปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย อยู่บนบุษบกยอดปรางจตุรมุข อ้างอิงจาก www.geocities.com/thaitemple47/center/smutpakran/watpiyon.htm จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ภายในวัดครับ น่าเสียดายที่พระพุทธบาทจำลองและวิหารหลวงพ่อเนตรไม่ได้เปิดในวันที่ผมไป จึงไม่ได้เข้าไปสักการะ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ภายในพระอุโบสถ และองค์พระประธานครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อีกภาพ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ออกจากวัดไพชยนต์แล้วก็ข้ามสะพานข้ามคลองลัดหลวง มาอีกฟากหนึ่ง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ก็จะถึงวัดที่ 8 คือวัดโปรดเกศเชษฐารามครับผม    ดโปรดเกศเชษฐาราม เป็นอารามหลวงชั้นตรี อยู่ ตรงข้ามกับวัดไพชยนต์พลเสพ ผู้สร้างวัดนี้ คือพระยาเพชรพิไชย (เกตุ) ผู้ เป็นต้นสกุล "เกตุทัต" ซึ่งเป็นบุตรของพระ ยาเพชรพิไชย (หง) ผู้เป็นต้นสกุล " หงสกุล" สร้างเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๖๕ ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ว่า "วัดปาก คลอง" เพราะอยู่ใกล้กับปากคลองลัดหลวง    วัดนี้ได้รับพระราชทานชื่อว่าอะไร เมื่อ ไร ไม่มีหลักฐานยืนยัน นอกจากสันนิษฐานว่า คงจะเป็นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เพราะการ สร้างวัดในสมัยนั้นเป็นพระราชนิยมอย่างยิ่ง จนมีคำกล่าวว่า "พระเจ้าแผ่นดินรัช กาลที่ ๑ ทรงโปรดคนเป็นนักรบ รัชกาล ที่ ๒ ทรงโปรดคนเป็นกวี รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดคนสร้างวัด" สมัยนั้นจึงมีคน นิยมสร้างวัดกันเป็นจำนวนมาก วัดใดที่สร้าง อยู่ในเกณฑ์ก็ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง วัดโปรดเกศฯก็คงเป็นพระอารามหลวงในยุค นั้น ส่วนชื่อวัดคงยังหาหลักฐานไม่ได้ ว่าได้รับพระราชทานเมื่อไร ชื่อวัดจึง มีการเขียนขึ้นหลายแบบ เช่น    วัดโปรดเกตุเชษฐาราม , วัดโปรดเกษเชษฐาราม    วัดโปรดเกศเชฏฐาราม , วัดโปรดเกศเชษฐาราม    เรื่องการเขียนชื่อวัดนี้ คงจะเขียนขึ้นตาม ความเข้าใจโดยยึดในความหมายที่ว่า ผู้ สร้างวัดนี้เป็นพระพี่เลี้ยง คำว่า "เชฏฐ " เป็นชื่อของเดือน ๗ ตามจันทรคติและยังแปล ว่า "พี่" หรือ "ผู้เจริญที่สุด" ตามภาษาบาลี ภาษาไทยเขียนว่า "เชษฐ" หรือ "เชษฐา"    ในการก่อสร้างวัดโปรดเกศฯครั้งแรก ปรากฏว่า มีเพียงพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ พระเจดีย์ใหญ่ ๒ องค์ และหอระฆัง และเสนาสนะ ที่อยู่ของ สงฆ์อีกสองคณะ ภายในบริเวณพระอุโบสถและพระ วิหารปูด้วยกระเบื้องหน้าวัว ในบริเวณระหว่างพระอุโบสถกับ พระวิหารก็ปูกระเบื้องหน้าวัวทั้งสิ้น มีแท่นสำหรับ นั่งเล่นสามแท่น ก่ออิฐ ถือปูน พื้นปูด้วย หินอ่อน ส่วนมณฑปนั้นทราบว่ายังสร้างไม่เสร็จ และคงจะสำเร็จในยุคต่อมา    ในสมัยพระปัญญาพิศาลเถร (สุก) เป็นเจ้า อาวาส พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ พระราชทานพระราชทรัพย์ให้พระยาเพชรพิ ไชย (เกตุ) มาสร้างกุฏิอีกคณะหนึ่งแถบ ริมคลองลัดหลวงและได้สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง หอฉัน ๑ หลัง กับกุฏิอีก ๗ หลัง สร้าง แบบฝากระดานไม้สัก มุงด้วยกระเบื้องไทยทั้งสิ้น    ในสมัยพระครูวินยาบูรณาจารย์ (คำ) เป็นเจ้าอาวาส พระยาเพชรพิไชย (หนู) บุตรพระยาเพชรพิไชย (เกตุ) ได้สร้าง และปฏิสังขรณ์ผนังพระอุโบสถหลังใหม่และเขียนลานเพดาน เพราะเดิมไม่ได้เขียนไว้ กับได้ปฏิสังขรณ์พระพุทธ ไสยาสน์ในพระวิหาร สร้างเขื่อนรอบสระพระมรฑป เพราะ ของเดิมสร้างไว้เป็นเขื่อนไม้ และยังได้ปฏิสังขรณ์ อย่างอื่นอีกมากมายทั่วทั้งพระอาราม อ้างอิงจาก http://www.kanchanapisek.or.th/kp8/culture////////smp/buda4.html จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สิ่งที่น่าสนใจในวัดก็เช่น พระยอดมณฑปกลางน้ำ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ในพระวิหารก็ประดิษฐ์ฐานองค์พระนอนที่เก่าแก่มากที่สุดของพระประแดง จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ออกจากวัดโปรดเกศฯ ก็เดินไปยังถนนทรงธรรม โดยลอดใต้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรมอีกครั้งครับ เดินไปราวๆ 1.5 กม. ก็จะถึงวัดสุดท้ายคือวัดทรงธรรม จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สำหรับวัดทรงธรรมนี้ก็เป็นศิลปะแบบมอญ และเป็นที่นับถือมากแห่งหนึ่งในพระประแดง วัด ทรงธรรมวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชั้นวรวิหาร เป็นวัดรามัญมาตั้งแต่เดิม สร้างขึ้นในสมันรัชกาลที่ 2 โดยสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์) ทรงสร้างพร้อมกับการสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ มีกุฎิ และพระอุโบสถเป็นเครื่องไม้ฝายกกระดาน เมื่อปี พ.ศ. 2357 – 2358 อยู่ห่างจากฝั่งเจ้าพระยาประมาณ 2 เส้น หลัง จากกรมพระยาบวรสถานมงคล เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2360 สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพย์ เป็นแม่กองสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์เพิ่มเติม ได้สร้างป้อมขึ้นใหม่ คือ “ป้อมเพชรหึงษ์” โดยใช้บริเวณวัดทรงธรรม จึงโปรดเกล้าให้ย้ายวัดทรงธรรมมมาอยู่ในกำแพงป้อม ทำให้ได้กุฎิเป็น 3 คณะ ต่อ มา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงเห็นว่าวัดชำรุดทรุดโทรมมาก จึงโปรดเกล้าให้พระยาดำรงด์ราชพลขันธ์ (จุ้ย คชเสนี) รื้อกุฎิทั้ง 3 คณะ มาสร้างรวมเป็นหมู่เดียวกัน ครั้นขึ้นปีมะเส็ง พ.ศ. 2400 (จ.ศ. 1217) เป็นปีที่ 7 ในรัชสมัยของพระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเปลี่ยนชื่อวัดทรงธรรม เมืองนครเขื่อนขันธ์ว่า “วัดดำรงด์ราชธรรม” ต่อมาภายหลังกลับมาใช้ชื่อ “วัดทรงธรรม” เมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน สิ่งสำคัญในวัดก็คือ เจดีย์ตามแบบรามัญ เป็นแบบ 3 ชั้น ชั้นบนห้าวงสตรีขึ้นไปศักการะ ไม่ได้ถามไถ่ถึงเหตุผล แต่เห็นได้ในหลายๆวัดที่เคร่งครัด แต่ละชั้นมีพระพุทธรูบปางต่างๆประดับประดาอยู่ ไม่ทราบถึงความเชื่อว่าแต่ละชั้นมีความหมายอย่างไร แบล็คกราวสะพานแขวน ดูแปลกตา ส่งให้เจดีย์และพระพุทธรูปงามเด่น พระพุทธรูปปางต่างๆ เรียงรายอยู่รอบๆเจดีย์ ไม่ขาดดอกไม้ ธูป เทียน และเตรื่องศักการะ จากผู้ศรัทธา อ้างอิงจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=109237 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เดินดูรอบๆกันอีกนิด จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เสร็จแล้วก็เดินย้อนกลับไปท่าน้ำพระประแดง ขึ้นรถสาย 82 กลับพาหุรัดครับผม เป็นอันครบการเดินทาง 9 วัดในครั้งนี้ อันที่จริงหากท่านมาลงที่ท่าน้ำพระประแดว ควรจะเดินไปวัดทรงธรรมก่อน เพราะใกล้ที่สุด (เดินไปทางซอยบ้านแช่ได้ครับ) แล้วค่อยเดินกลับมาที่ท่าน้ำ ต่อรถประจำทางสาย 6 ไปลงหน้าวัดไพชยนต์ได้เลยครับ ส่วนวัดโปรดเกศฯ นั้นจะอยู่คนละฝั่งคลองกับวัดไพชยนต์พอดี สามารถเดินถึงกันได้โดยสะดวก ขอขอบคุณทุกท่านมากๆที่ติดตามมาโดยตลอดครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ปล. ตอนที่ 3 ออกจะรวบรัดหน่อย เพราะผมไม่ค่อยชำนาญเส้นทางทางพระประแดงมากนัก ขออภัยจริงๆครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 29 ธ.ค. 51 18:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ...เข้ามาอิ่มตา อิ่มใจอีกแล้วครับ.... จากคุณ : OverEat - [ 29 ธ.ค. 51 20:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อก่อนแถวพระประแดงจะมีร้านอร่อยเยอะมากครับ เพราะผมเรียนมัธยมที่โรงเรียนวัดทรงธรรม เรียกว่าเป็นเจ้าถิ่นแถบนั้นเหมือนกันครับ โดยมากสมัยที่ผมเรียนจะไม่ค่อยจำชื่อร้านนะครับ เพราะนึกอยากกินอะไรก็จะเดินไปกินกันเลย แต่แถวท่าน้ำนั้นจะมีร้านป้าขายน้ำเต้าหู้ซึ่งเป็นเจ้าประจำที่ผมไปบ่อย รสชาติก็ใช้ได้ ที่สำคัญคือราคาถูกเหมาะกับเด็กนักเรียนครับ แล้วก็ประเพณีสงกรานต์พระประแดงนี่สนุกมากครับ สงกรานต์ปีหน้าท่านใดว่างๆเชิญลองไปดูได้ครับ วัดทรงธรรมนั้นผมแทบจะหลับตาเดินได้เลยครับ ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้ปรับปรุงขนาดนี้  เห็นภาพที่ถ่ายมาแล้วต้องขอเซฟเก็บไว้เลยครับ อีกนานกว่าจะได้ไปในอำเภอพระประแดงอีก คิดถึงโรงเรียนเก่าจัง จากคุณ : Magina (Magina) - [ 29 ธ.ค. 51 21:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอเกาะไปเที่ยวด้วยนะคะ ^^ จากคุณ : breadaholic - [ 30 ธ.ค. 51 04:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ในซอย บ้านแซ่ อร่อยนะ เป็นห้องแถวเก่า ๆ หน่อย ถ้าอยากรู้ร้านไหนอร่อย ๆ ถามได้ บ้านอยู่แถวป้อมแผลงนี่แหละ จากคุณ : สุดปลายฟ้าสีฟ้า - [ 30 ธ.ค. 51 11:18:40 ]