ความคิดเห็นที่ 1 ท่ามหาราชและร้านอาหารชื่อ Fisherman Seafood เรือที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้คือเรือสุภัทรา 5 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตรงข้ามกับท่ามหาราชคือโรงพยาบาลศิริราช ทางซ้ายมือคือวัดระฆังฯ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เพื่อนจองการเดินทางไว้ก่อนแล้ว มารับบัตรและชำระเงินก่อนขึ้นเรือ 499 บาท จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ซ้ายมือของทางเข้าท่ามหาราชมีบริการให้เช่า Segway เพื่อการท่องเที่ยว บริษัทยังไม่เปิดจึงไม่สอบถามอัตราค่าบริการ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 08.06 น.เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปท่าสาทรเพื่อรับผู้โดยสารอีกส่วนหนึ่ง บนเรือมีมัคกุเทศน์คอยบรรยายและมีน้ำถ้วยแช่เย็นบริการตลอดการเดินทาง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทิวทัศน์ 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ในการถ่ายภาพเที่ยวไปและกลับช่วงเช้า ขาไปฝั่งตะวันตกหรือฝั่งขวาของเรือหรือฝั่งธนบุรีจะถ่ายภาพได้ดีกว่าเนื่องจากไม่ย้อนแสง ส่วนขากลับพระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงแสงจะไม่ย้อนมากทางฝั่ง กทม. เริ่มจากวัดระฆังฯ ราชนาวีสโมสรและวัดอรุณฯ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กองบัญชาการกองทัพเรือและวัดกัลยาณมิตร จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลอดสะพานพุทธ ซ้ายมือคือจักรเพชรคอนโดมีเนียมแถววัดเลียบ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ท่าน้ำราชวงศ์ ศาลเจ้าโจวซือกงที่ตลาดน้อยและศาลเจ้าจี้จินเกาะซึ่งอยู่ตรงข้ามกับศาลเจ้าโจวซือกง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาตลาดน้อย จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โบสถ์วัดกาลหว่าร์และโรงเรียนกุหลาบวิทยา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ริเวอร์ซิตี้ข้างโรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตันและ กสท. จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โรงแรม Oriental และโรงแรม Shangri-la จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 08.30.แวะรับผู้โดยสารที่เหลือที่มาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ท่าสาทร จากนั้นขึ้นจากเรือที่ท่ายานนาวาที่อยู่ติดกันเพื่อไหว้พระวัดแรกกันที่วัดยานนาวา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทิวทัศน์ฝั่งตรงข้ามกับท่ายานนาวา จำชื่อศูนย์การค้าไม่ได้ จำได้แต่ว่าอยู่ในเครือดุสิตธานี จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 -วัดยานนาวาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนเจริญกรุง เขตยานนาวา เป็นวัดโราณมีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดคอกควาย ในสมัยกรุงธนบุรีได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เรียกชื่อใหม่ว่าวัดคอกกระบือ ต่อมารัชกาลที่ 1 ทรงสร้างพระอุโบสถใหม่ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์และสร้างสำเภาพระเจดีย์แทนพระสถูปเจดีย์ทั่วไป เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นรูปแบบเรือสำเภาซึ่งกำลังจะหมดไปจากเมืองไทย วัดคอกกระบือจึงกลายเป็นวัดยานนาวา สำเภายานนาวา มีความยาววัดจากหงอนข้างบนถึงท้ายบาหลี 21 วา 2 ศอก ความยาวส่วนล่างวัดที่พื้นดิน 18 วา 1 ศอกเศษ ส่วนกว้างตอนกลางลำ 4 วา 3 ศอก ส่วนสูงตอนกลางลำ 2 วา 3 ศอก มีพระเจดีย์องค์ใหญ่และเล็กอยู่ในลำสำเภารวม 2 องค์ ที่ห้องบาหลีมีรูปหล่อของพระเวสสันดรกับพระกัญหาชาลีประดิษฐานอยู่ ซึ่งสืบเนื่องมาจากเนื้อความในมหาชาติคำหลวง ที่พระเวสสันดรโน้มน้าวใจโอรสธิดา ให้อุทิศตนเพื่อร่วมกับพระบิดาสร้างมหากุศล อันจักเป็นเสมือนเรือสำเภาใหญ่พามนุษยชาติข้ามโอฆสงสารไปสู่พระนิพพาน ในพระอุโบสถซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ด้านหลังบานประตูมีภาพจิตรกรรมสำคัญ ที่รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯให้วาดขึ้น คือรูปกระทงใหญ่ตามแบบที่ทำในพระราชพิธีลอยพระประทีป และโถยาคูตามแบบอย่างที่ทำเลี้ยงพระในพระราชพิธีสารทในรัชสมัยของพระองค์ http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watyanawa.php- เนื่องจากขึ้นจากทางน้ำจึงพบกับสำเภาเจดีย์ก่อน ขึ้นท้ายเรือเพื่อขึ้นไปกราบพระด้านบน สำเภาเจดีย์เปิดให้ขึ้นทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตามมาไหว้พระด้วยค่ะ ของฟินไปทางบกกับ 3 วัดฝั่งธน ฯ ไม่เคยครบ 9 วัดซักที จากคุณ : เจ้าฟินตัวอ้วน (Finyah) - [ 5 ม.ค. 52 10:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 -เจ้าฟินตัวอ้วน (Finyah) : พรุ่งนี้จะไปไหว้ทางบกเหมือนกัน รอคนน้อยๆไหว้สบายๆไม่ต้องรีบครับ ----------------------------------------------------------------------------- ห้องบาหลีท้ายดาดฟ้าเรือคือจุดที่จะแวะมาไหว้พระกัน ซ้ายมือหน้าห้องคือพระสังกัจจายน์และพระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ขนุนอายุกว่าร้อยปี ตรงกลางด้านในคือพระปางห้ามสมุทร ส่วนด้านซ้ายคือรอยพระพุทธบาทจำลอง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สำเภาเจดีย์มองจากทางด้านซ้ายและด้านขวา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนหงอนของสำเภาเจดีย์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ด้านหน้าของเรือคือพระราชานุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 3 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ซ้ายมือเป็นอาคาร 3 ชั้นที่สร้างเลียนแบบพระที่นั่งดุสิตในพระบรมมหาราชวัง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่ชั้นล่างกำลังมีการจัดแสดงมหาพุทธบูชาพระบรมสารีริกธาตุโลก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยค่ะ ฟินไปไหว้พระตอนปีใหม่ ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ คราวหน้าไปไหว้วันอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลดีกว่า จากคุณ : เจ้าฟินตัวอ้วน (Finyah) - [ 5 ม.ค. 52 10:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ซึ่งขยายเวลาจัดงานไปจนถึงวันวิสาขบูชา 2552 ตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หน้าวัดยานนาวาจากด้านถนนเจริญกรุง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ก่อนกลับขึ้นเรือสุภัทรา 5 แวะอุโบสถของวัดยานนาวาที่อยู่หลังสำเภาเจดีย์ ขวามือหน้าทางเข้าพระอุโบสถคือศาลาที่พักทรงตรวจงานสร้างสำเภาเจดีย์ของรัชกาลที่ 3 แวะกราบพระประธานในพระอุโบสถ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณlaser      ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะคะ และทำรีวิวดีดี มาให้ชมกันเรื่อย ๆ เลยนะคะ เป็นแฟนคลับอยู่ค่ะ ^_^ จากคุณ : Olive-ay - [ 5 ม.ค. 52 10:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 09.20 น.ออกเดินทางต่อ ผ่านโรงแรม Penninsula และโรงแรม Millennium Hilton ฝั่งถนนเจริญนคร จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โรงภาษีเก่าข้างโรงแรม Oriental และศาลเจ้ากวนอูก่อนถึงสะพานพุทธ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สะพานพุทธด้านฝั่งธนบุรี จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผ่านสะพานพุทธและวัดประยูรวงศาวาสคือโรงเรียนซานตาครูซคอนแวนต์ในย่านกุฎีจีน มองเห็นโบสถ์ซานตาครูซคอนแวนต์ หลังคาเป็นรูปโดมต่างจากยอดแหลมของโบสถ์วัดกาลหว่าร์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาต..............ปาด...........คร้า........บ ร่วมไหว้พระด้วยคนครับ จากคุณ : pikaball - [ 5 ม.ค. 52 10:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอร่วมเดินทางไปทำบุญด้วยคนค่ะ จากคุณ : mai-mee - [ 5 ม.ค. 52 10:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 - Olive-ay : สวัสดีปีใหม่ครับ ปีนี้มีเรื่องให้เขียนเยอะครับ วางโปรเจค์เรื่องยาวเรื่องใหม่ไว้แล้ว และจะลง"เที่ยวไปกินไป @ ไชน่าทาวน์"ให้จบครับ ------------------------------------------------------------------------ ถัดจากโบสถ์ซานตาครูซคอนแวนต์ผ่านศาลเจ้าแม่กวนอิมคือวัดกัลยาณมิตร 09.36 น.ถึงท่าวัดกัลยาณมิตร -วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (วัดกัลยา) เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรีบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต กัลยาณมิตร) ได้อุทิศบ้านและซื้อที่ดินข้างเคียงเพิ่มเติม สร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พระราชทานนามว่า วัดกัลยาณมิตร และทรงสร้างพระราชทานทั้งพระวิหารหลวงและพระประธานสำหรับพระวิหารหลวง คือ หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก โดยทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระพุทธรูปใหญ่อยู่ริมแม่น้ำแบบเดียวกันกับที่วัดพนัญเชิง กรุงเก่า หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงโดยเฉพาะในหมู่ชาวจีน เรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง ภายในพระอุโบสถซึ่งมีขนาดเล็กกว่าพระวิหาร มีจิตรกรรมฝาผนังเรื่อง พุทธประวัติที่แทรกเรื่องราวชีวิตชาวบ้านชาวเมืองสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งนอกจากจะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมแล้ว ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สังคมอย่างยิ่งอีกด้วย นอกจากนั้นยังมี หอมณเฑียรธรรมเถลิงพระเกียรติ เป็นที่เก็บประไตรปิฎกสมัยรัชกาลที่ 4 หน้าพระวิหารหลวงยังมีหอระฆังฝีมือคนรุ่นใหม่ สำหรับไว้ระฆังยักษ์ มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทางเข้าวัดมีเจดีย์หิน ทำมาจากเมืองจีน เรียกว่า ถะ เป็นศิลปะจีนที่งดงามมาก http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watkalayanamit.php- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ laser ขออนุญาตตามไปเที่ยว+ทำบุญด้วยนะคะ ท่าทางจะสบายดีเพราะรถไม่ติด จากคุณ : bolton fanclub - [ 5 ม.ค. 52 10:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 - pikaball , mai-mee : สวัสดีปีใหม่ครับ ตามมาเลยครับ -------------------------------------------------------------------------- เจดีย์จีนและซุ้มประตูแบบจีน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 - bolton fanclub : สวัสดีปีใหม่ครับ รถไม่ติดแต่มัคกุเทศน์ให้เวลาแต่ละแห่งน้อยไปหน่อยครับ ----------------------------------------------------------------------------- จุดธูปเทียนไหว้ที่ด้านนอกแล้วเข้ากราบหลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หอระฆังข้างพระวิหารหลวงพ่อโต จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 10:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ปกติมาวัดนี้จะเดินไปที่ซอยข้างท่าน้ำgพื่อซื้อขนมฝรั่งกุฎึจีน ปรากฏว่าไม่มาขาย แต่กลับมีขายที่วัดระฆัง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 10.00 น.ออกจากวัดกัลยาฯผ่านปากคลองบางกอกใหญ่ ผ่านป้อมวิไชยประสิทธิ์ ผ่านพระราชวังเดิมซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองทัพเรือ มองเห็นพระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ติดกับพระราชวังเดิมคือวัดอรุณราชวราราม 10.03 น.ถึงท่าน้ำวัดอรุณฯ -วัดอรุณราชวรารามเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดโบราณสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมเรียกว่า "วัดมะกอก" ต่อมาใน พ.ศ. 2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีมาตั้ง ณ กรุงธนบุรี จึงเสด็จกรีฑาทัพล่องลงมาทางชลมารคถึงหน้าวัดมะกอกนอกนี้เมื่อเวลารุ่งอรุณพอดี จึงทรงเปลี่ยนชื่อวัดมะกอกนอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งนิมิตที่ได้เสด็จมาถึงวัดนี้เมื่อเวลาอรุณรุ่ง เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดให้ย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรีและได้ทรงสร้างพระราชวังใหม่ มีการขยายเขตพระราชฐาน เป็นเหตุให้วัดแจ้งตั้งอยู่กลางพระราชวังจึงไม่โปรดให้มีพระสงฆ์จำพรรษา นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานี ถือกันว่าวัดแจ้งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง เนื่องจากเป็นวัดที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระบาง ซึ่งสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์นี้มาจากลาวในคราวที่เสด็จตีเมืองเวียงจันทร์ ได้ในปี พ.ศ. 2322 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ ได้โปรดให้สร้างพระนครใหม่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และรื้อกำแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก วัดแจ้งจึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้งเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นพระองค์ทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร (ร.2)   เป็นผู้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง แต่สำเร็จเพียงแค่กุฎีสงฆ์ก็สิ้นรัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2352 เสียก่อน ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ ทั้งได้ทรงปั้นหุ่นพระพุทธรูปด้วยฝีพระหัตถ์ และโปรดให้หล่อขึ้นประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ และโปรดให้มีมหรสพสมโภชฉลองวัดในปี พ.ศ. 2363 แล้วโปรดพระราชทาน พระนามวัดว่า "วัดอรุณราชธาราม" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดอรุณฯ ใหม่หมดทั้งวัด พร้อมทั้งโปรดให้ลงมือก่อสร้างพระปรางค์ตามแบบที่ทรงคิดขึ้น จนสำเร็จเป็นพระเจดีย์สูง 1 เส้น 13 วา 1 ศอก 1 คืบ กับ 1 นิ้ว ฐานกลมวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 37 วา ซึ่งการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆภายในวัดอรุณฯ นี้สำเร็จลงแล้ว แต่ยังไม่ทันมีงานฉลองก็สิ้นรัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2394 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติ พระองค์ได้โปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ทั้งยังได้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถที่พระองค์ ทรงพระราชทานนามว่า "พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก" และเมื่อได้ทรงปฏิสังขรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้พระราชทานนามวัดเสียใหม่ว่า "วัดอรุณราชวราราม" ดังที่เรียกกันมาจนถึงปัจจุบัน สามารถอ่านประวัติเพิ่มเติมรวมถึงประวัติของดรงเรียนทวธาภิเษกได้ที่ http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watarun.php http://www.watarun.org/index.html- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 43 พระราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปกติการมาทัวร์แบบนี้มัคกุเทศน์จะให้เวลาแค่วัดละครึ่งชั่วโมง และมักจะพาไปแค่บางจุดของแต่ละวัด จุดหลักคือไหว้พระประจำวัด อย่างเช่นวัดอรุณฯหลังจากไหว้พระแล้วก็แนะนำให้ลองปีนพระปรางค์ของวัอรุณฯ การปีนพระปรางค์นั้นใช้เวลามาก จึงแนะนำไม่ให้เพื่อนๆขึ้นพระปรางค์ แต่จะพาไปชมอย่างอื่นแทน เนื่องจากมาเก็บภาพที่วัดนี้หลายหนแล้วสำหรับทำเรื่อง"เที่ยวไปกินไป @ ท่าเตียน" จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เริ่มจากไปไหว้พระในโบสถ์หลังพระปรางค์ก่อน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตามด้วยไหว้รอยพระพุทธบาทที่หอพระพุทธบาทข้างโบสถ์ ซึ่งต้นสาละกำลังออกดอกเต็มต้น จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากนั้นพาไปดูยักษ์วัดแจ้งตามตำนานยักษ์วัดแจ้งรบกับยักษ์วัดโพธิ์ ภาพกลางนั้นเคยใช้เป็นภาพด้านหลังของธนบัตรรุ่นเก่า จำไม่ได้ว่าเป็นฉบับละ 1 บาทหรือ 5 บาท จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:03:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จากนั้นเดินผ่านประตูไปยังอุโบสถ ระเบียงรอบอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปตลอดแนวระเบียงทั้ง 4 ด้าน แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 52 11:04:07 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณ laser ได้เที่ยวพร้อมๆกับได้ความรู้จาก กระทู้คุณ laser ขอบคุณสำหรับรีวิว เยี่ยมๆค่ะ จากคุณ : สาวชาวสวน - [ 5 ม.ค. 52 11:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 50 . จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 51 - สาวชาวสวน : สวัสดีปีใหม่ครับ ------------------------------------------------------------------------- อุโบสถไม่เปิดให้เข้าชม จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 รอบๆอุโบสถมีรูปปั้นจีนตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เราจะกลับมาเที่ยววัดนี้อีกครั้งอย่างละเอียดในตอน"เที่ยวไปกินไป @ ท่าเตียน" ส่วน 2 ภาพนี้เพิ่งถ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ 2-1-09 นี้เอง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 10.44 น.ข้ามไปท่าเตียนเพื่อไปยังวัดที่ 4 คือวัดพระเชตุพนฯหรือวัดโพธิ์ ที่ท่าเรือท่าเตียนมีร้านอาหาร 2 ร้าน ร้านขวามือจำชื่อไม่ได้ ส่วนร้านซ้ายมือคือร้านโป๊ะ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ถนนที่เข้ามายังท่าเตียนเป็นที่ตั้งของตลาดขายอาหารทะเลแห้ง แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 52 11:09:38 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 . จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ข้ามถนนมหาราชเลี้ยวขวาเข้าวัดโพธิ์ หยุดดูแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน (ไว้จะกล่าวถึงอีกครั้งใน"เที่ยวไปกินไป @ ท่าเตียน") จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ในบริเวณวัดโพธิ์มีโรงเรียนชั้นประถม แปลกที่วันอาทิตย์ยังเปิดสอน -วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือวัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกเมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญคือพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มา : วิกิพีเดีย- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 วัดนี้ให้เวลาครึ่งชั่วโมงเช่นเดิม จึงบอกเพื่อนให้รีบไหว้พระนอน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:11:47 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แล้วจะพาไปดูยักษ์ยิ้มซึ่งไม่ใช่ยักษ์จีน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แต่เป็นยักษ์ฝรั่งยิ้มแบบยียวนพลางส่งสายตามองคนที่เดินผ่านประตูเข้ามา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 62 จากนั้นพาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมข้างวิหารพระนอน ตามด้วย 4 พระมหาเจดีย์ เสียดายไม่มีเวลาพาไปดูฤาษีดัดตนเพราะหมดเวลา แต่ไม่เป็นไรถ่ายภาพเก็บไว้หมดแล้ว จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ข้ามถนนกลับไปฝั่งท่าเตียนเดินผ่านร้านค้าซึ่งมีทั้งร้านขายลูกเต๋า 1 ใน 2 ร้านของท่าเตียน ร้านขายของที่ระลึกและร้านนวดแผนโบราณ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:13:31 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สุนัขตัวนี้กำลังอาบแดดอยู่อย่างสบายอารมณ์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ระหว่างรอเรือมารับเหลือบไปเห็นภาพนี้ สอบถามคนแถวนั้นได้ความว่า เป็นคนญี่ปุ่นที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วหายสาบสูญ พ่อแม่จึงมาติดประกาศตามหาตัว จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66 11.29 น.เรือมารับพวกเราข้ามไปวัดระฆังฯ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรือออกจากท่าเตียนผ่านท่าราชวรดิษฐ์และพระบรมมหาราชวัง ไปจอดฝั่งตรงข้ามที่ท่าวัดระฆัง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ท่าน้ำหน้าวัดเป็นจุดทำบุญปล่อยนกปล่อยปลาและให้อาหารปลา มีแม่ค้านำหอยขม เต่าและปลามาขายให้แก่ผู้ที่ต้องการสะเดาห์เคาระห์ มีหนังสือแจกแจงชนิดของสัตว์ที่ต้องปล่อยตามวันเกิด จากการเดินสำรวจไม่พบปลาราหูหรือปลาซัคเกอร์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 69 -วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร (วัดระฆัง) ตั้งอยู่ทางฝั่งธนบุรี ตรงข้ามกับท่าช้างวังหลวง เดิมชื่อวัดบางหว้าใหญ่ เป็นวัดโบราณมีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง และโปรดเกล้าฯให้สังคยานาพระไตรปิฏกที่นี่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการขุดพบระฆังโบราณในเขตวัด ประชาชนจึงเรียกว่าวัดระฆังตั้งแต่นั้นมา แต่ตัวระฆังซึ่งมีเสียงดีรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สิ่งสำคัญในวัดได้แก่ตำหนักทอง ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีและสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) พระอุโบสถกับหอพระไตรปิฏกที่รัชกาลที่ ๑ ทรงสร้าง ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังประดับทั้งสองหลัง http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watrakhang.php- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เข้ากราบพระประธานในโบสถ์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตามด้วยการกราบและปิดทองรูปปั้นสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี ในศาลาทางด้านซ้ายมือของโบสถ์ มีเจ้าหน้าที่คอยตักน้ำมนต์บรรจุถุงเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ที่ต้องการนำกลับบ้าน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 72 จากนั้นเดินไปทางซ้ายมือของโบสถ์ จะพบกับหอพระไตรปิฎก -เป็นสถาปัตยกรรมไทยในวัดที่มีชื่อเสียงเลื่อลือว่างามยิ่ง เดิมอยู่กลางสระที่ขุดขึ้นด้านหลังพระอุโบสถ สร้างเป็นเรือนแฝด 3 หลัง ด้วยไม้ที่รื้อพระตำหนักและหอนั่งเดิมของรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งยังทรงรับราชกาลอยู่กรุงธนบุรี ฝาผนังด้านนอกทาสีดินแดง ด้านในเขียนภาพฝีมืออาจารย์นาค เป็นภาพแสดงวิถีชีวิตประจำวันของคนสมัยนั้น บานประตูตกแต่งด้วยการเขียนลายรดน้ำและแกะสลักอย่างงดงาม http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watrakhang.php- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นอกจากนั้นยังมีตู้พระไตรปิฏกลายรดน้ำขนาดใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยา อยู่ในห้องด้านเหนือและห้องด้านใต้ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตรงทางเข้าหอพระไตรปิฎกมีต้นสาละที่ออกผลเต็มต้น มีหอระฆังอยู่ตรงข้ามกับหอพระไตรปิฎก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 75 พอมีเวลาเหลือเดินชมบริเวณท่าน้ำ ซ้ายมือของท่าน้ำคือโรงเรียนสตรีวัดระฆัง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ส่วนเจ้าตัวนี้คงหนาว จึงมีคนนำเสื้อมาใส่ให้ ท่าทางคงเพิ่งอิ่มมา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ติดกับวัดระฆังทางขวามือของท่าน้ำ คือโรงละครภัทราวดีเธียร์เตอร์และร้านอาหาร จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 78 12.10 น.กลับมาที่ท่ามหาราชเยื้องกับวัดระฆัง เพื่อทานอาหารกลางวันที่ร้าน Fisherman Seafood จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:20:05 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อาหารเป็นแบบบุฟเฟต์รวมอยู่ในค่านำเที่ยว ปกติหัวละ 250 บาท เริ่มจากผลไม้ ขนมหวานและสลัด จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ยำวุ้นเส้น ยำไส้กรอกและยำส้มโอ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ข้าวผัดฟิชเชอร์แมน แกงเขียวหวานไก่ ผัดผักรวมมิตร ผัดเผ็ดไก่ เปรี้ยวหวานปลากะพง ขนมปังกระเทียม ซอสมะเขือเทศสำหรับสปาเก็ตตี้ และมันฝรั่งทอด จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ข้าวเปล่าและโป๊ะแตก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หน้าตาของจานแรก ข้าวผัด สลัดผลไม้ เปรี้ยวหวานปลากะพง ยำส้มโอและยำไส้กรอก รสชาติโอเค จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ต่อด้วยจานที่ 2 สปาเก็ตตี้เส้นแห้งไปหน่อยและสุกไม่ทั่ว ส่วนมันฝรั่งทอดและขนมปังกระเทียมคงเตรียมไว้เร็วเกินไปจึงเริ่มนิ่ม สัปรดเปรี้ยวดีแท้ แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือลูกชุบที่อร่อยมาก ตบท้ายด้วยกาแฟร้อน 2 ถ้วย การบริการช่วงต้นดีแต่ตอนหลังเริ่มไม่ค่อยเติมน้ำ ชวนพรรคพวกไปต่อเฉาก๊วยเต้าฮวยข้างนอก แต่เพราะคุยเพลินไปหน่อยจึงหมดเวลา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 85 13.10 น.ออกเดินทางต่อ ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนถึงสะพานพระปิ่นเกล้าเลี้ยวซ้ายเข้าคลองบางกอกน้อย ผ่านโรงเก็บเรือในขบวนพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารคซึ่งตั้งอยู่ทางด้านขวามือ ส่วนทางซ้ายมือคือสถานีรถไฟบางกอกน้อย จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขึ้นจากเรือเดินข้ามทางรถไฟ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เพื่อมาสักการะหลวงพ่อโบสถ์น้อยแห่งวัดอมรินทราราม -วัดอมรินทราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 566 แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร วัดนี้เป็นวัดโบราณเดิมมีชื่อว่า "วัดบางหว้าน้อย" สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้โปรดให้ยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงคู่กันกับวัดระฆังโฆสิตาราม เดิมเป็นชั้นตรีชนิดราชวรวิหาร ต่อมาได้ถูกจัดเป็นชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตามประกาศลงวันที่ 30 กันยายน 2548 ในสมัยรัชกาลที่ 1 กรมพระราชวังหลังได้โปรดสถาปนาวัดนี้ขึ้นใหม่หมดทั้งพระอาราม คือสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง วิหาร กำแพงแก้ว ศาลาราย หอระฆัง หอไตร หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียฐ กุฏิ เสนาสนะ และถนนในพระอาราม รัชกาลที่ 1 ได้พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอมรินทราราม" พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิม ที่ถูกการทางรถไฟตัดไปหนึ่งห้องเพื่อทำทางรถไฟ ทำให้พระอุโบสถเล็กลง ชาวบ้านจึงเรียกว่าโบสถ์น้อย -ttp://203.155.220.217/bangkoknoi/travel/watamarintaram.htm- หลวงพ่อโบสถ์น้อยเป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านนับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก กล่าวคือในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้มาทิ้งระเบิดสถานีรถไฟบางกอกน้อย สิ่งก่อสร้างรอบข้างถูกระเบิดทำลายเสียหาย แต่วัดโบสถ์น้อยไม่เป็นอะไรเลย จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กราบหลวงพ่อโบสถ์น้อยเสร็จแล้วออกเดินชมรอบๆ ผ่านอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างส่วนหนึ่งเลียนแบบวัดเบญจมบพิตร ออกมาหน้าวัดที่อยู่หลังดรงพยาบาลศิริราช จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ระหว่างอุโบสถหลังใหม่และประตูวัดมีสิ่งก่อสร้างที่เหมือนถูกทิ้งร้างอยู่หลังหนึ่ง -เป็นมณฑปพระพุทธบาทจำลอง พระองค์เจ้าหญิงจงกลพระธิดาในกรมพระราชวังหลังทรางสร้างขึ้น จัดว่าเป็นมณฑปที่สวยงานที่สุดในประเทศไทย(ศาลาพระพุทธบาทกลางน้ำ) บานประตูศิลปะต้นรัตนโกสิทร์ผสมศิลปะจีน พระพุทธรูปข้างศาลาพระพุทธบาทฯ   http://203.155.220.217/bangkoknoi/travel/watamarintaram.htm- นอกจากนี้ที่ข้างมณฑปพระพุทธบาทจำลองยังมีพระพุทธฉายจำลอง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 90 13.50 น.ออกเดินทางผ่านสะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านสวนสันติชัยปราการและป้อมพระสุเมรที่ถนนพระอาทิตย์ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ก่อนถึงสะพานพระราม 8 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขึ้นจากเรือที่ท่าพระราม 8 เพื่อเดินต่อไปยังวัดสามพระยา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 93 วัดสามพระยาวรวิหาร เดิมเรียกว่าวัดบางขุนพรหม รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามชื่อใหม่ว่าวัดสามพระยา พระอุโบสถ พระวิหาร ซุ้มประตู ประดับประดาตกแต่งลักษณะจีนที่สวยงาม วัดสามพระยาอยู่ในซอยสามเสน 3 ถึงซอยสามเสน 5 ถนนสามเสน -พระวิสุทธิโยธามาตย์ต้องการสร้างอนุสรณ์ พร้อมทั้งสร้างกุศลผลบุญอุทิศแด่ขุนพรหมน้องชาย   จึงยกที่บ้านทั้งหมดของขุนพรหม ที่อยู่เหนือปากคลองบางลำภู ถวายเป็นที่สร้างวัดเรียกชื่อว่า“วัดบางขุนพรหม” และชื่อชุมชนแต่เดิมที่เรียกว่า“บ้านลาน”จึงกลายเป็น“บ้านบางขุนพรหม”ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาพระยาสุรินทรามาตย์ (มะทอเปิ้น) ได้สมรสกับ“พวา”ซึ่งเป็นน้องสุดท้องของขุนพรหม(สารท) มีบุตรชาย 3 คนคือ 1 ขุนทอง ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชสุภาวดี 2 ทองคำ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาราชนิกุล 3 ทองห่อ ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาเทพวรชุน พระยาทั้งสาม ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของขุนพรหม(สารท)มีความเห็นพ้องกันว่า วัดบางขุนพรหมที่ลุงคนใหญ่ คือพระวิสุทธิโยธามาตย์(ตรุษ)สร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์แก่ลุงคนเล็ก(ขุนพรหม)นั้น เป็นวัดขนาดใหญ่กว้างขวาง ทว่าชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอันมากด้วยสร้างมายาวนาน กอรปด้วยลุงผู้มีนามเป็นเจ้าของวัดไม่มีทายาทสืบสกุล หลานทั้ง 3 คนที่เป็นทายาทโดยตรง จึงพร้อมใจกันบริจาคทรัพย์ปฏิสังขรณ์วัดบางขุนพรหมขึ้นใหม่หมดทั้งวัด ครั้นแล้วเสร็จท่านพระยา ทั้งสามจึงพร้อมใจกันขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีมะแม เบญจศก พ.ศ.2366 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพอพระทัยวัดบางขุนพรหม ที่ได้รับการปฏิสงัขรณ์อย่างงดงาม จึงโปรดเกล้าฯให้ขึ้นบัญชีเป็นพระอารามหลวง พร้อมทั้งโปรดฯ ตั้งนามวัดขึ้นใหม่ ให้สมกับกุศลเจตนาและอนุสรณ์ของพระยาทั้ง 3 พระราชทานนามว่า“วัดสามพระยาวรวิหาร” ตัดทอนจาก http://203.155.220.230/VisitBkk/att/visitbkk70.html- พระพุทธรูปที่มาสักการะที่วัดนี้คือพระปางทรมานพระยาวานร เป็นพระพุทธรูปในท่านั่งอุ้มบาตรซึ่งมีอยู่เพียง 3 องค์ในประเทศไทย ตั้งอยู่ในวิหารทางด้านซ้ายของโบสถ์ โดยประดิษฐานอยู่ในวิหารส่วนหลัง จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ส่วนหน้าของวิหารเป็นที่ประดิษฐานของพระนอน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ที่หน้าโบสถ์มีโรงน้ำดื่มบริการฟรีแก่ผู้ที่มาไหว้พระ มีทั้งชาจีน กาแฟเย็น นมเย็นโดยมีคุณพี่คนนี้คอยให้บริการ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ออกจากวัดเดินไปตามถนนซอยข้างวัด ทางขวามือของถนนมีค่ายมวยตั้งอยู่ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ตรงทางขึ้นท่าเรือมีสิ่งที่ตั้งใจว่าจะแวะชมตอนขากลับ นั่นคือการห่อข้าวเหนียวเพื่อทำข้าวต้มน้ำวุ้น แต่ละคนห่อกันไวมากจนดูแทบไม่ทัน คุณป้าซึ่งทำหน้าที่เจียนใบตองก่อนส่งให้ลูกทีมห่อเล่าว่า ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่ปี พศ.2506 โดยรับห่อข้าวเหนียวที่ผ่านการแช่น้ำมาแล้ว ทำมาตั้งแต่ค่าแรง 4 บาท/1,000 ตัว ปัจจุบันได้ค่าแรง 45 บาท/1,000 ตัว แต่ละคนห่อจนชำนาญได้คนละ 4-5,000 ตัวต่อวัน เมื่อห่อแล้วจะเสียบไม้ไว้ทุกๆ 5 ตัว ทั้งนี้เพื่อสะดวกต่อการนับและการต้ม เมื่อพวกเราหยุดดูคนอื่นก็หยุดดูกันใหญ่ บางคนขอลองห่อดูบ้างแต่ก็ห่อแบบทุลักทุเล จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 98 14.30 น.ออกเดินทางต่อ ผ่านธนาคารแห่งประเทศไทยที่บางขุนพรหม มาขึ้นที่ท่าน้ำวัดคฤหบดี เขตบางพลัดฝั่งธนบุรี วัดนี้ก็เช่นเดียวกับวัดสามพระยาคือโบสถ์เป็นศิลปแบบจีนไม่มีช่อฟ้าและใบระกา จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 99 วัดคฤหบดี เป็นวัดที่พระยาราชมนตรีบริรักษ์(ภู่)ต้นสกุล“ภมรมนตรี” เป็นผู้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ได้โปรดพระราชทานนามวัด และพระราชทานพระแซกคำไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถด้วย แต่เดิมนั้นพระยาราชมนตรีบริรักษ์(ภู่) มีบ้านอยู่ริมฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา เหนือบ้านปูน ตำบลบางพลัด(แขวงบางยี่ขันปัจจุบัน) ได้ถวายตัวเข้ารับราชการตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ยังทรงกรมเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 2 (บ้านเดิมคือ บริเวณวัดคฤหบดีทุกวันนี้) ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ได้โปรดตั้งนายภู่จางวางเป็นพระยาราชมนตรีบริรักษ์ จางวางมหาดเล็ก และได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นว่าการพระคลังมหาสมบัติ ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานบ้านที่พระศรีสุนทรโวหาร(สุนทรภู่) อาศัยอยู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของท่าพระ (ท่าช้างวังหลัง)ให้พระยาราชมนตรีบริรักษ์(ภู่)ได้อยู่อาศัยใหม่ พระยาราชมนตรีฯจึงได้ยกบ้านเดิมของท่านให้สร้างเป็นวัด และนำความน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ พระองค์ได้ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง พร้อมกับพระราชทานนามว่า“วัดคฤหบดี”และได้พระราชทานพระแซกคำไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถด้วย ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ทำการปฏิสังขรณ์วัดคฤหบดีครั้งใหญ่ ทำให้อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีสภาพถาวรมั่นคงเป็นที่พอพระราชหฤทัย และได้ทรงพระราชทานตราประจำรัชกาลพระองค์ท่านประดิษฐานไว้จนกระทั่งบัดนี้ http://wadkaruhabodee.wetpaint.com/page/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%9 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 100 มัคกุเทศน์พาพวกเราไปยังโบสถ์เนื่องจากพระท่านรออยู่ โบสถ์นี้เป็นที่ประดิษฐานของพระแซกคำ เปิดเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์เท่านั้น หลวงพี่ซึ่งบวชตั้งแต่เป็นเณรมาได้ 13 พรรษานำพวกเราสวดมนต์สักการะพระแซกคำ ในโบสถ์ยังมีรูปของหลวงปู่บุญ ขนฺธโชติ พระเกจิอาจารย์ชื่อด้งในเรื่องของเบี้ยแก้ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 101 หลวงพ่อแซกคำเป็นพระพุทธรูปทองคำโบราณปางมารวิชัยสมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว สร้างขึ้นประมาณระหว่าง พ.ศ.1700 - 1800 ตำนานกล่าวว่ากำเนิดขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีอภินิหารศักดิ์สิทธิ์คู่กับพระแก้วมรกต ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ พ.ศ.2369 และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ โปรดพระราชทานให้เป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดคฤหบดี ตั้งแต่เริ่มตั้งวัดมาจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 102 สิ่งหนึ่งที่ชอบดูเวลาไปวัดก็คือซุ้มใบเสมา หลังจากกราบพระแซกคำในโบสถ์แล้วออกมาที่หน้าโบสถ์ เพื่อสักการะพระแซกคำองค์จำลองด้วยดอกไม้ธูปเทียน จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 103 บทสวดบูชาพระแซกคำและตู้ใบเซียมซี จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เจดีย์ที่อยู่ด้านหน้าวิหารพระแซกคำองค์จำลอง ข้างเจดีย์มีการแจกน้ำหวานใส่น้ำแข็งให้ดื่มฟรี จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 105 มรณานุสติที่เสาของหอระฆัง "ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ย่อมมีวันดับสูญ" จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอตามไปทำบุญไหว้พระ 9 วัดรับปีใหม่ ด้วยคนค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้มีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ ^^ จากคุณ : ชาญี่ปุ่น - [ 5 ม.ค. 52 11:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 107 วัดสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้คือวัดเทวราชกุญชรซึ่งอยู่ก่อนถึงสะพานซังฮี้ โป๊ะเทียบเรือของวัดเทวราชกุญชรไม่ใช่ท่าสาธารณะ จึงมีคนนิยมนำปลามาปล่อย และชมทิวทัศน์ของสะพานพระราม 8 ที่ศาลาท่าน้ำของวัดเทวราชกุญชร -วัดเทวราชกุญชรเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่เลขที่ 90 ถนนศรอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กทม. ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พศ.1850 เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชาวบ้านเรียกว่าวัดสมอแครง ซึ่งสันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า"ถมอแครง"ในภาษาเขมรซึ่งแปลว่าหินแกร่ง รัชกาลที่ 4 ทรงรับวัดนี้เป็นพระอารามหลวงและพระราชทานนามว่าวัดเทวราชกุญชร โดยนำมาจากชื่อเดิมของพระพิทักษืเทเวศรผู้ปฏิสังขรณ์วัดนี้ ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน http://www.watdevaraj.com/index.php?mo=10&art=108997- จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 108 วัดแห่งนี้มีหมู่ตึกที่สวยงามหลายหลังได้แก่(วนตามเข็มนาฬิกา) เทวราชธรรมสภาเป็นกุฏิ 2 ชั้นทรงตรีมุขสร้างขึ้นเมื่อปี พศ.2475 เทวราชธรรมาภิรมย์เป็นกุฏิ 2 ชั้นทรงตรีมุขจำนวน 10 ห้อง สร้างทดแทนหลังเดิมที่รื้อเนื่องจากซ่อมแซมไม่ได้ เทวราชกุญชรเป็นกุฏิทรงปั้นหยา 2 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี พศ.2475 เป็นกุฏิของเจ้าอาวาส เทวราชธรรมศาลาเป็นอาคาร 2 ชั้นใช้เป็นศาลาการเปรียญ สร้างขึ้นเมื่อปี พศ.2522 จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ชั้น 1 ของเทวราชธรรมศาลเป็นสถานที่ทำบุญเลี้ยงพระ และประกอบกิจในเทศกาลต่างๆเช่นเทศกาลเข้าพรรษา เทศกาลสงกรานต์เป็นต้น ชั้น 2 ใช้เป็นที่ประกอบพิธีทำบุญเช่นทำบุญคล้ายวันเกิดหรือทอดผ้าป่าเป็นต้น จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อาคารสงฆ์พระมงคลนาวุธเป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์สูง 4 ชั้น สร้างเสร็จเมื่อปี พศ.2547 สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักของพระภิกษุและสามเณรจากต่างจังหวัด ที่เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรมแต่ไม่มีที่พัก จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ซุ้มใบเสมาที่หน้าพระอุโบสถ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เข้ากราบพระพุทธเทวราชปฏิมากรซึ่งเป็นพระประธานของวัดแห่งนี้ มีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามมาก ด้านข้างทั้ง 2 ด้านเป็นภาพเหล่าเทวดามาชุมนุมกัน ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดพุทธมารดาบนสวรรคืชั้นดาวดึงษ์ ส่วนด้านหลังเป็นภาพวัดเทวราชกุญชรก่อนที่จะมีการสร้างพระอุโบสถหลังนี้ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 113 จบการเดินทางด้วยการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกที่ท้ายเรือ เรือเทียบท่ามหาราชเมื่อเวลา 16.30 น. ลงมติกันว่าจะไปดูนางนวลกันต่อที่สถานตากอากาศบางปูและทานข้าวเย็นกันที่บางแสน 2 แต่คงต้องนำมาให้ชมกันในโอกาสต่อไป คราวนี้ภาพอาหารน้อย แต่มีบุญมาให้อิ่มกันเยอะครับ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 114 - ชาญี่ปุ่น : ขอบคุณสำหรับพรปีใหม่ครับ ปีใหม่นี้ขอให้มีความสุขมากๆครับ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 11:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ดีมากๆเลยค่ะ ตั้งใจจะไปหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จซะที เห็นแบบนี้ยิ่งกระตุกต่อมต้องรีบหาเวลาไปโดยด่วน แต่ว่าไปคนเดียวได้ใช่ไหมคะ และต้องติดต่อที่ตรงไหนก่อนรู้แล้วรบกวนบอกด้วยนะคะ ยังเป็นมือใหม่สำหรับเรื่องนี้ ขออนุโมทนาสาธุขอให้ร่างกายสุขภาพแข็งแรงนะคะ จากคุณ : landal (landal) - [ 5 ม.ค. 52 11:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตามไปเที่ยวด้วยครับ ขอบพระคุณมากๆเลย หลายๆวัดอย่างวัดเทวราชกุญชร และวัดคฤหบดี  ผมยังไม่เคยไปมาก่อนเลยหน่ะครับ ทั้งๆที่อยู่ไม่ไกลบ้านผมเท่าไหร่ หุหุ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 5 ม.ค. 52 12:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 117 สอบถามรายละเอียดการเดินทางของแต่ละทัวร์ได้ที่ 02-623-6001-3และ Thai ticket Master ทุกสาขาครับ จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 12:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 118 อิ่มใจจังเลยค่ะ ต้องหาเวลาไปบ้าง  เค้ายังจัดเรื่อยๆรึเปล่าคะ จากคุณ : bolton fanclub - [ 5 ม.ค. 52 12:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ... สนุกและได้ความรู้มาก ๆ เช่นเคยครับพี่ laser ...                       ขอบพระคุณมากครับ จากคุณ : วัฒน์ ครับผม... (OverEat) - [ 5 ม.ค. 52 13:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 120 มารอชมด้วยคนครับพี่ เดี๋ยวจะลองไปบ้าง เพราะบ้านผมจะไหว้พระปีใหม่กันตอนตรุษจีน จากคุณ : Spinnecker - [ 5 ม.ค. 52 13:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 121 มาอิ่มบุญด้วยคนครับ จากคุณ : ขุนเขาแห่งแม่น้ำแควน้อย - [ 5 ม.ค. 52 18:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 122 สุดยอด ครบสูตรเหมือนเดิมคับ จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) - [ 5 ม.ค. 52 18:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอบคุณค่ะ :) จากคุณ : CLOSED~* - [ 5 ม.ค. 52 19:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ทัวร์ 9 วัดทางเรือมีจัดทุกวันอาทิตย์ครับ แต่โปรแกรมของปีหน้ามีการเปลี่ยนแปลงวัดที่จะไป จากคุณ : laser - [ 5 ม.ค. 52 21:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ปีนี้ไม่ได้ไปไหว้พระ9วัดเลยก๊าบพี่น้อง จากคุณ : ผึ้งตัวกลม - [ 9 ม.ค. 52 11:28:34 ]