ความคิดเห็นที่ 1 ชามีวิธีดื่มหลายวิธี อย่างเช่น เขามีชาที่กินทีละถ้วยเล็ก คนจีนว่า กังฮูแต๊ มีชาแบบที ใช้ชงทีละเป็นหม้อ ก็มี คือชาถูก อาจเป็นชาที่ใส่สีเพื่อให้สีชา เข้ม ส่วนของชาที่ดีจะเป็นก้านชา คือเป็นส่วนที่อยู่เหนือใบ อันนี้จะแพงหน่อย การชงชาไม่ควรชงชาทิ้งไว้ แล้วจะดื่มได้ตลอดวัน แบบนั้นไม่ดี จะเป็นโรค กระเพาะได้ การชงชาควรเป็นน้ำที่เดือดจัดๆ ก่อนชง ต้องเอาน้ำร้อนนั่น ลวกภาชนะที่จะ ชงให้ภาชนะนั้นร้อนหรืออุ่นจัดก่อน แล้วใส่ชาลงไป เอาน้ำเดือดใส่ลงในชา สักชั่วอึดใจ เททิ้ง เพื่อล้างชา หลังจากนั้นก็ใส่น้ำร้อนพอท่วมชา แล้วรินใส่ ถ้วยที่ลวกน้ำร้อนแล้ว ก็จิบดูจะรู้ว่า รสชานั้น หอมประการใด การชงชาไม่จำเป็นต้องชงด้วยป้านชา (ได้ก็ดี) แต่ต้องเป็นภาชนะที่เป็นกระ เบื้องจะดีที่สุด หรือแก้ว ไม่ควรเป็นพาสติก หรือ สังกะสี ชาที่ลดไขมันได้ดี เขาว่า เป็นชา ผูเหล แต้จิ๋วว่า โผวยื่อ ชานี่ไม่ค่อยมีขาย ตามร้านทั่วไป เรามักจะซื้อจากเมืองจีน แต่วันก่อนไปร้านใบชาตราสามม้า เขาว่า มีขาย เป็นชาที่ยิ่งชงยิ่งดำ (บางคนเอามาทาผม) เพื่อนคนหนึ่ง เป็น ผู้ชายลงพุง แล้วเราก็ไม่เจอเขาประมาณสองเดือน พุงหายไป เราถามว่า ทำไรมา เขาว่า เปล่า เขาเอาชาโผวยื่อชงกินทั้งวัน พุงหายเลย ชานี้รักษา โรคกระเพาะได้ด้วย แล้วกินแล้วไม่เกิดอาการนอนไม่หลับ เรื่องนี้ทดสอบ กับตัวเองมาแล้ว ส่วนชามะลิ หรือชาอื่นๆ มักจะมีแทนนินเยอะ โดยเฉพาะชาเขียว กินแล้วเรา ใจสั่นเลย เอาเป็นว่า ชาห้ามชงกินข้ามคืน หรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้กิน จะกินต้องอุ่นภาชนะ และชงกินเป็นครั้งๆไป ดีที่สุด อ้อ...ห้ามเด็ดขาดคือ เอาชาไปต้มแล้วเดือดพร้อมน้ำ จะมีสารพิษออกมา แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 19:11:48 จากคุณ : หนอนสายตายาว - [ 23 ม.ค. 52 19:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ ขอบคุณค้าบ สงสัยต้องไปหาซื้อชาโผวยื่อมาทานบ้างแล้ว จากคุณ : boat (boatiso9002) - [ 24 ม.ค. 52 11:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เสรรพคุณของชาโดยรวม ๆ นะครับ อันนี้เป็นสรรพคุณเท่าที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรองครับ ส่วนสรรพคุณอย่างอื่น ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาหรืออาจจะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคนครับ ----------------------------------------------------------------------- ชามีสารต้านอนุมูลอิสระหรือ Anti-oxidant สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถป้องกันมะเร็ง โรคหลอดเลือดและหัวใจ อีกทั้งยังช่วยชะลอความแก่ได้ด้วย สารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในอาหารเช่น วิตามินซีและอี คาโรทีนอยด์ ฟลาโวนอยด์ ผักผลไม้จะมีวิตามินอี ซี และคาโรทีนอยด์ในปริมาณมาก แต่ฟลาโวนอยด์พบได้หลัก ๆ ในไวน์และชา ฟลาโวนอยด์ที่พบในชาคือ EGCG (Epigallocatechin Gallate) (อีพิกัลโลคาเตชิน กัลเลท)  และ Catechin (คาเตชิน) ที่อยู่ในชาเขียว และ Theaflavin (ทีอาฟลาวิน) ซึ่งอยู่ในชาดำ การดื่มชาเป็นประจำจึงทำให้ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ การดื่มชาทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ในชา มีสาร Theine (เทอีน) ซึ่งก็คือคาเฟอีนในกาแฟ แต่เทอีนในชามีปริมาณน้อยกว่า และมักไม่ได้อยู่อิสระ แต่จะเกาะอยู่กับสารพวกโพลีฟีนอล การดื่มชาจึงไม่ได้ทำให้รู้สึกตื่นตัวมากเหมือนดื่มกาแฟ แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าได้ นอกจากนี้ในใบชายังมีสาร Theanine (ทีอานีน) ซึ่งช่วยให้สมองผ่อนคลายได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับไม่ควรดื่มชาในช่วงก่อนนอน แต่การดื่มชาไม่ได้มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว โทษของการดื่มชาก็คือ ชาจะรบกวนการดูดซึมของเหล็ก เนื่องจากโพลีฟีนอลในชาจะจับตัวกับเหล็กทำให้ดูดซึมไม่ได้เต็มที่ การดื่มชาจึงไม่ควรดื่มหลังอาหารทันที (แปลจากหนังสือ Tea : Aromas and Flavors around the world) แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 52 13:34:19 จากคุณ : PingP - [ 24 ม.ค. 52 13:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เท่าที่เคยคุยกับพี่ที่เป็นเจ้าของร้านขายชาก็คล้ายๆกับ คคห.บนๆนะคะ ชาจีนต้องใช้น้ำเดือดชง น้ำแรกให้เทลงถ้วยชาแล้วเทไล่ๆกัน (ถ้วยชาจีนจะเป็นถ้วยเล็กๆ) แล้วเททิ้ง  การทำเช่นนี้ก็เพื่อทำความสะอาด ใบชา และปลุกชาให้ตื่น  ส่วนที่ให้เทลงถ้วยก็เพื่อทำความสะอาดถ้วยและ เพิ่มอุณหภูมิในถ้วยรอไว้ น้ำสองถึงจะรินดื่มได้ และควรเทออกจากกาให้หมดภายใน 5 นาที ถ้าจะทานอีกค่อยเติมน้ำใหม่ อย่าชงฃาโดยแช่ใบชาทิ้งไว้นานๆ เพราะจะทำให้ยางในใบชาละลายออกมา น้ำชาจะขม และทำให้ ท้องผูกค่ะ ส่วนชาเขียว ต้องใช้น้ำเกือบเดือด คือ ประมาณ 90 องศา ชง แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาทีค่อยรินออกมาทานค่ะ จากคุณ : กุ๊กกลาง - [ 24 ม.ค. 52 21:59:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว ชาเขียว (ทั้งของจีนและญีปุ่น) จะใช้น้ำราว ๆ 70-85 ครับ แล้วนิยมใช้กาแก้วมากกว่าครับ ถ้าเป็นอูหลงกับชาดำจะใช้น้ำเดือด ๆ จะใช้น้ำเดือดจัด ๆ แล้วนิยมชงในชาดินเผาเพราะเก็บความร้อนดีกว่าครับ จากคุณ : PingP - [ 25 ม.ค. 52 02:30:25 ]