PANTIP.COM : D7462423 ++*"*++ ว่ากันด้วยเรื่องของ <เค้กพันชั้น> มันบ่ใช่ ++ เครปเค้ก <Crepe Cake> อย่าเข้าใจสับสนกันนะเจ้าคะ [อาหารการกิน]

ความคิดเห็นที่ 44

http://www.thaipost.net/index.asp?bk=xcite&post_date=2/Jul/2545&news_id=55954&cat_id=200700

ขนมเค้กเป็นขนมที่มีผู้ทำจำหน่าย เป็นจำนวนมากแต่จุดหนึ่งที่ขนมเค้กได้รับความนิยมลดน้อยลงเพราะขนมเค้กมีแคลอรี่สูงมากเมื่อผู้กินเข้าไปจะทำให้อ้วน

ซึ่งโรคอ้วนเป็นโรคที่เป็นอันตรายมากโรคหนึ่ง โดยเฉพาะผู้หญิงสาวที่รักสวยรักงามจะกลัวโรคนี้มาก ดังนั้น จึงได้มีผู้คิดทำขนมเค้กสูตรที่มีจำนวนแคลอรี่ต่ำออกขายในหลากหลายรูปแบบ และรูปแบบหนึ่งที่จะนำเสนอในครั้งนี้ คือ ขนมเค้กพันชั้น ของร้านประจักษ์เบเกอรี่ โดยต้องการที่จะทำขนมเค้กของต่างชาติ ในแบบขนมชั้นขนมงานมงคลของไทย

นายเทียนชัย เลาห์วีระพานิช เจ้าของแนวคิดขนมเค้กพันชั้น กล่าวถึงขนมเค้กพันชั้น ว่า ต้องการทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองผู้ที่ชอบทานเค้กแต่กลัวในเรื่องของความอ้วนที่จะตามมา คุณลักษณะของขนมเค้กพันชั้น คือ ได้แนวคิดมาจากการทำขนมชั้น เป็นชั้น ชั้น ขนมชั้นจะเป็นขนมงานมงคลของคนไทย จึงเห็นว่าถ้านำมาใช้กับขนมเค้กก็จะได้ทั้งรสชาติเหมือนกับขนมเค้ก และรูปแบบที่คล้ายกับขนมชั้นที่เป็นขนมมงคลของไทย จึงได้ทั้งสองอย่าง

ทั้งนี้ ขนมเค้กพันชั้น ที่ว่าพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นขนมเค้กแคลอรี่ต่ำ โดยขนมเค้กพันชั้นจะไม่มีส่วนผสมของครีมหรือเนย การทำขนมเค้กพันชั้นมีขั้นตอนการทำ โดยใช้วิธีการอบที่ละชั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะใส่ผลไม้ต่างๆ ตามต้องการ เช่น ลูกพรุน มะม่วงหิมพาน อัลมอน หรือแล้วแต่ความชอบ และนำเข้าไปอบ ส่วนผสมหลัก คือไข่แดงนำมาตีให้ฟู ขั้นตอนการทำอย่างอื่นไม่ต่างจากการทำเค้กทั่วไป ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะชื่อขนมเค้กพันชั้น แต่ทำจริงสามารถทำได้ประมาณ 10 ชั้น เพราะถ้าสูงกว่านี้จะสูงมากเกินไป และที่เรียกว่าขนมเค้กพันชั้น เพราะเห็นว่าเหมือนกับขนมชั้น และที่เรียกพันชั้น เพราะต้องการให้ดูน่าสนใจ

นายเทียนชัย กล่าวต่อว่า ขนมเค้กพันชั้นนี้ที่ว่าเหมาะสำหรับผู้ที่รักสุขภาพไม่ใช่เฉพาะแคลอรี่ที่ต่ำ แล้วผู้ทำยังสามารถดัดแปลงนำสมุนไพรมาเป็นส่วนผสม โดยเลือกใส่สมุนไพรได้ตามใจชอบ และ ที่ว่าไขมันต่ำ เพราะไม่มีส่วนผสมของเนยแล้ว ไขมันที่ได้จะมาจากไขมันมะพร้าวเพราะจะใส่กะทิแทนการใส่นมสดหรือเนย แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขนมเค้กพันชั้น มีต้นทุนในการทำค่อนข้างสูง ดังนั้น การทำจำหน่ายจึงขายได้ยากกว่าขนมเค้กทั่วไป เพราะราคาที่สูงกว่าปอนด์หนึ่งราคาถึง 300 บาท ที่ร้านเองก็ทำจำหน่ายเฉพาะกรณีทีลูกค้ามาสั่งทำ การทำเป็นการค้าก็คงต้องเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และผู้มาเรียนก็นำไปทำเป็นอาชีพมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ก็นำไปทำเพื่อเป็นของขวัญของฝากในโอกาสสำคัญ ซึ่งถ้าจะทำเค้กพันชั้นขายคงต้องขายในลักษณะของเค้กเพื่อสุขภาพ ปัจจุบันตลาดก็ให้การตอบรับระดับหนึ่ง สำหรับเค้กสุขภาพ

"การทำอาหารขายไม่ว่าอะไรก็ตามจะต้องคำนึงถึงคุณภาพสินค้าเป็นสิ่งแรก ไม่ใช่ว่าลดต้นทุนสินค้าจนผู้ซื้อไม่ได้เรื่องของคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อในปัจจุบันค่อนข้างมีความรู้และใส่ใจในเรื่องของการกินเพื่อสุขภาพ ร้านเบเกอรี่ในปัจจุบันจึงหันมาทำเค้กสุขภาพ จึงมีเค้กสุขภาพออกขายในหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่าง เช่น เค้กชาใบเขียว เค้กทานตะวัน ซึ่งในช่วงหลังผู้ทำเค้กขายได้หันมาใช้ผลไม้ไทยมาตกแต่งหน้าแทนการตกแต่งด้วยครีม หรือ ของตกแต่งสีสันสดใส เบเกอรี่ ซึ่งถือว่าเป็นอาหาร และเป็นของกิน ควรที่จะใส่ใจกับขั้นตอนการทำ เพราะเราต้องนึกถึงถ้าเราเป็นผู้ซื้อกิน และได้กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือเป็นอันตราย เราจะรู้สึกอย่างไร" นายเทียนชัยกล่าว

การแข่งขันของธุรกิจเบเกอรี่มีการแข่งขันสูงมาก คนไม่รู้จะทำอะไรหันมาเรียนเบเกอรี่ เพราะใช้การลงทุนที่ไม่สูง และทำออกขายง่ายกำไรที่ได้ก็ดีมากอาชีพหนึ่ง แต่ผู้ที่จะยึดอาชีพนี้จะต้องพัฒนาสูตรและรสชาติ ตลอดเวลาจึงจะแข่งขันกับผู้อื่นได้ ส่วนของขนมเค้ก ในช่วงนี้ถ้าทำเป็นชิ้นเล็กรองรับตลาดประเภทที่จัดประชุมสัมมนา หรือ คอฟฟี่เบรก เป็นตลาดที่น่าสนใจและเป็นตลาดที่ใหญ่ ส่วนเค้กปอนด์นั้นจะขายได้เฉพาะในช่วงเทศกาลวันสำคัญเท่านั้น

นายเทียนชัย กล่าวต่อว่า ผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจใดก็ตาม จะต้องมีความอดทน มีความตั้งใจ ต้องรู้จักพัฒนาสินค้าที่ตนเองทำ และต้องซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ซึ่งที่ตนเองประสบความสำเร็จได้ก็มีมาจากสิ่งเหล่านี้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของตนเองก็มาจาก การเป็นช่างไม่มีความรู้เรื่องของเบเกอรี่มาก่อนเลย และก็ไม่มีความคิดจะมาทำเบเกอรี่ แต่เนื่องจากเป็นงานของครอบครัว และครอบครัวก็มีสมาชิกหลายคน และตนเองเป็นพี่ชายคนโต จึงไม่ได้เรียนหนังสือ จบเพียงแค่ชั้นประถม 4 มาช่วยเหลือครอบครัวทำขนมขายอยู่ที่สุพรรณบุรี และหลังจากนั้นก็มาเป็นช่างเครื่องยนต์ ซึ่งการเป็นช่างก็ได้ความรู้จากการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยได้ทำงานส่งน้องเรียนหนังสือจนจบระดับปริญญาตรีทุกคน และเมื่อครอบครัวมาเปิดร้านเบเกอรี่ไม่มีคนมาช่วยที่บ้านจึงต้องเข้ามาทำทั้งที่ไม่มีความชอบเลย ชอบงานช่างมากกว่า แต่อาศัยความตั้งใจจริงในการทำงานจึงประสบความสำเร็จได้

ทั้งนี้ ทางร้าน ยังเป็นร้านหนึ่งที่ใส่ใจและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยจะให้ความสำคัญกับขั้นตอนการบำบัดน้ำเสีย เนื่องจากร้านเบเกอรี่ เป็นร้านที่มีปัญหาในเรื่องของน้ำเสียมากกว่าร้านอาหารในรูปแบบอื่น โดยได้อาศัยอาชีพการเป็นช่างมาคิดค้นเครื่องบำบัดน้ำเสียขึ้น ซึ่งได้รับคำปรึกษาจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในขั้นตอนการทำ เพราะถ้าต้องว่าจ้างบริษัทที่จำหน่ายเกี่ยวกับเครื่องบำบัดน้ำเสียจะเสียค่าใช้จ่ายสูงมากถึง 4 แสนบาท และการทำเครื่องบำบัดน้ำเสียเองเสียค่าใช้จ่ายเพียง 2 แสนบาท ร้านเบเกอรี่มักไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของการบำบัดน้ำเสียทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำเสียอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งการประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งหนึ่งที่เจ้าของกิจการไม่ควรมองข้ามเพราะเป็นเรื่องของส่วนรวม

จากคุณ : มือใหม่เล่นหุ้น - [ 28 ม.ค. 52 02:25:08 ]