Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ข้อควรรู้สำหรับผู้สนใจขายอาหารในห้างค่ะ

    อยากให้ความรู้เกี่ยวกับการขายอาหารในศูนย์อาหารของห้างค่ะ
    อาจมีประโยชน์ช่วยได้บ้าง  จะได้รู้เขารู้เราบ้างในยุคเศรษฐกิจแบบนี้
    (ในกรณีที่ทำธุรกิจอาหารอยู่แล้ว )

    ส่วนของ  ศูนย์อาหารแบ่งรูปแบบร้านค้าเรียกต่างกันดังนี้ค่ะ
    ถ้าเป็นห้อง ๆ เป็นสัดส่วน  เค้าจะเรียก บู้ทใหญ่   ส่วนบู้ทเล็กจะเรียกว่า
    เทคโฮม   ซึ่งมีผนังเตี้ยกั้นล้อมกันเป็นบล็อก ๆ อีกแบบคือ คีออส  คือร้าน ที่
    ทำรูปแบบเคาท์เตอร์ของตัวเองเป็นร้านเล็ก ๆ เช่นร้านข้าวโพดคั่ว,หรือร้าน
    ไอศครีม  และยังมีอินเตอร์ฟู้ดส์คือพวกร้านไก่เคเอฟซี หรือ ไอศครีมมีแบรนด์

    ถ้าสนใจขายอาหารที่ศูนย์อาหาร อันดับแรก  ตั้งเป้าหมายก่อนค่ะว่า
    อยากขายที่สาขาไหน  ส่วนมากจะเลือกใกล้บ้านตามความสะดวกของร้านค้า
    ขอเบอร์โทรที่สำนักงานใหญ่(ขอจากสาขาไหนก็ได้ ถามแผนก และชื่อผู้ติดต่อ
    หากสนใจขายเป็นแบบ เทคโฮม ก็แจ้งความประสงค์ไปด้วยค่ะว่าขอทราบชื่อ
    ของจัดซื้อที่ดูแลเทคโฮม)

    โทรไปทำการนัดหมาย  เพื่อกรอกในสมัครพร้อมทั้งนำอาหารที่ต้องการ
    ขายไปนำเสนอตรงนี้ขอแนะนำว่าให้เตรียมการนำเสนอให้เป็นมืออาชีพบ้างก็ดี
    เช่นหากคุณขายก๋วยเตี๋ยว  อย่าถือก๋วยเตี๋ยวไปถุงเดียวเด็ดขาดค่ะ ให้จัดเตรียมใส่ภาชนะให้ดูดี
    ไม่จำเป็นต้องมากมายแต่ควรมากกว่าหนึ่งเพราะจัดซื้อมีทีมงานที่ต้องเทสต์ เพื่อให้
    เกิดความรู้สึกที่ดีและเกิดความประทับใจในมืออาชีพ

    เมื่อสินค้าผ่านก็จะคุยถึงเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ ยกตัวอย่างหากเป็นก๋วยเตี๋ยว
    ควรลงขายที่บูทใหญ่เพราะลูกค้าเวลาหิว ๆ จะเดินไปบู้ทใหญ่ก่อนหากถูกใจก็กินเลย
    แต่จะไม่ค่อยเดินมาดูอาหารที่เทคโฮมหรือบูทเล็ก ๆ  เพราะฉนั้นยอดขายที่บูทใหญ่
    จึงเป็นแสน ๆ ในแต่ละร้าน และไม่ค่อยมีร้านยกออกหรือร้านว่างนอกจากสาขายอดขาย
    ห่วย ๆ ก็จะมีว่าง  และยอดขายของร้านเทคโฮมส่วนมากจะเป็นหลักหมื่นเท่านั้น
    ดังนั้น  ส่วนมากจัดซื้อจะไม่ให้ร้านค้าใหม่ที่วอร์กอินเข้าไปลงขายในบูทใหญ่ แต่จะให้
    ขายในบู้ทเล็กหรือเทคโฮมมากกว่า  นอกจากร้านค้าที่จัดซื้อไปเชิญมากจากข้างนอกเช่น
    ร้านที่กำลังอินเทรนด์  คนพูดถึงกันสนั่นเมือง  ร้านเต็มอย่างไรก็มีที่ลงสำหรับพวกนี้

    ให้ข้อคิดไว้ข้างบนแล้ว  จากนั้นจัดซื้อจะแจ้งร้านว่างส่วนมากก็เป็นเทคโฮม
    ที่ยอดน้อย ๆ ที่ร้านยกออกเป็นเก้าอี้ดนตรี  ก็คือ เจ๊งแล้วเจ๊งอีก ให้คุณไปดูร้านว่างตาม
    สาขาที่คุณต้องการหรือสาขาที่ยอดขายไม่ดี  เค้าจะแนะนำให้คุณไปดูช่วงที่ลูกค้าเยอะ
    เช่นเที่ยงหรือเย็น  แต่จริง ๆ แล้วควรไปช่วงที่ลูกค้าน้อยด้วย(สำคัญมาก)  ตรงนี้เป็นสิ่งที่
    ต้องพิจารณาเองว่าจะตัดสินใจอย่างไร    ว่าจะลงขายหรือไม่    คิดให้รอบคอบนะคะ
    บางคนออกจากงานได้เงินมาก้อนหนึ่งพอลงทุนมาหมดตัวตรงนี้ก็มีค่ะ    เหมือนเป็นเงินก้อนสุดท้าย
    ไม่ได้ห้ามว่าอย่าลงขายนะคะ  แ  ต่ให้รอบครอบนิดหนี่งในช่วงนี้ค่ะ

    การลงขายในห้างต้องมีสายป่านยาวพอสมควร    เพราะเงินที่ลงทุนนั้นจะจมอยู่กับห้าง
    หากเป็นการเปิดสาขาใหม่   คุณต้องเสียค่า สากกะเบือยันเรือรบมากมาย    เช่น   ค่าเคาน์เตอร์แสตนเลส
    (เลิกขายก็ต้องยกให้ห้าง)  ค่าเสื่อม ค่าประกัน  ค่าโฆษณา  ฯลฯ (บางห้างค่าใช้จ่ายอาจน้อยหรือมีราย
    จ่ายมากกว่านี้   ถ้าเป็นร้านที่สร้างไว้แล้วก็ ต้องเสียค่าถุง)แพงแต่ไม่มีทางเลือก , ค่าไฟมหาโหดหากมี
    มิเตอร์ก็คิดตามทีห้างกำหนดราคาไว้ หากไม่มีหรือใช้รวมก็เป็นค่าไฟเหมาจ่าย    หัวหน้าเทคโฮม
    บางคนคำนวนกันมันเลย  เป็นพัน ๆ   กับยอดขายไม่กี่หมื่น แต่บางห้างให้ใช้ถุงฟรี และไฟกับแก๊ซก็ฟรีค่ะ
    เครดิตก็จะมีระยะต่างกันในแต่ละห้าง   บางห้าง   เครดิต   1   เดือน    บางห้างเครดิต  15   วัน
    คำว่าเครดิต   1   เดือน   เช่น ขาย 1-30   มกราคม    วางบิลต้นเดือน   เงินจะโอนเข้าบัญชีประมาณสิ้นเดือนถัดๆไปก็คือ
    เดือนกุมภา    โดยรวมแล้วก็เหมือน   2   เดือนแหล่ะ   เพราะยอดขายของเดือนภุมภาที่กำลังขายอยู่ก็จมอยู่กับห้าง
    บางห้าง     เครดิต15วัน      ได้รับเงินอีก     15     วันถัดไป     หรืออาจเร็วกว่า(ขออภัยจำไม่ได้)      แต่ถ้าขายลดเช็คหมายถึง
    อยากรับเงินเร็วก็ให้ห้างหักไป   2   เปอร์เซ็นต์   จากนั้นก็ได้รับเงินประมาณวันที่   16 –1 7

    การทำโปรโมชั่นเช่นศูนย์อาหารอยากทำเทศกาลต่าง   ๆ   เช่น   20   บาททุกจานก็เรียกร้านค้า
    ต่าง ๆ   มาขอความช่วยเหลือ   และเรียกเก็บค่าโฆษณาในธีมนั้น   ๆ อีก   บางครั้งก็ไม่ลดหรือลดเปอร์เซ็นต์
    น้อยมาก    ทั้งที่การทำโปรโมชั่นแต่ละครั้งได้เงินช่วยจากพวกน้ำดำยักษ์ใหญ่เป็นล้าน   ๆ   ในแต่ละธีมที่ตัดสินใจเลือก
    ว่าจะให้ค่ายไหนลงขายเจ้าเดียว    พอสิ้นปีก็เรียกมาเก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะอีก    พร้อมขอให้ช่วยซื้อตะกร้าของขวัญทำยอดอีก

    การขายในบู้ทใหญ่จะเก็บเงินเป็นคูปองจากยอดขายประมาณ 25-35 เปอร์เซ็นต์ แต่25ไม่ค่อยเห็นแล้ว
    ส่วนเทคโฮมจะเสียประมาณ  20-30  ในกรณีเป็นคูปอง  เมื่อหักเปอร์เซ็นต์ที่ดีลไว้กับห้างแล้วก็ต้องเอามาหัก
    ภาษี 7 เปอร์เซ็นต์  จากนั้นตามมาด้วยการหักภาษีณ ที่จ่ายอีก 3 เปอร์เซ็นต์ เพราะเค้าจะทำสัญญาแบบว่าจ้างการปรุงอาหาร
    จึงต้องจ่ายตัวนี้ด้วย  ลองคำนวนดูนะคะว่าเท่าไหร่  ส่วนพวกอินเตอร์ฟู้ดส์น้อยมากกกกกก
    อยู่ที่  10-20    พวกไก่ทอดนี่ก็   15 เอง    แต่พวกนี้ไม่ได้เป็นคูปองค่ะ    แต่เป็นระบบเงินสด

    เห็นโหดแบบนี้ถามว่าทำไมยังเห็นร้านค้าเต็มห้างไปหมด    ก็ร้านค้าที่ได้ทำเลดี   ๆ  โดยเฉพาะบู้ทใหญ่ ๆ
    ยอดขายจะไม่ต่ำกว่าแสนอยู่แล้ว  เช่นร้านข้าวขาหมูรายหนึ่งยอดทั้งเดือนตั้ง   หกแสน  ถูกห้างหักไปเป็นแสนเหมือนกัน
    แต่ก็ยังกำไรอยู่   เมื่อเทียบเปอร์เซ็นต์ที่ถูกหักแล้ว   ส่วนเทคโฮมน่าสงสารหน่อย   ยอดขายกว่าจะหาเกินแสนต่อเดือนได้เหงื่อตก
    โดนหักก็แทบไม่คุ้มเลย  

    ก็พอมีความรู้อยู่บ้างเผื่อเป็นประโยชน์รู้เขารู้เราก่อนทำธุรกิจในศูนย์อาหารค่ะ  ตัดสินใจดี ๆ นะคะ  ถ้ามีทางเลือก
    อยากแนะนำให้ไปดูที่อื่นก่อน หากข้อความไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกจุดประสงค์แจ้งลบได้ค่ะ

    แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 03:02:32

    จากคุณ : CoffeeBake - [ 13 ก.พ. 52 02:55:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com