ความคิดเห็นที่ 1 เอาล่ะ เข้าเรื่อง น้ำตาลคืออะไร? น้ำตาลคือโมเลกุล ที่สันดาปจากคาร์โบไฮเดรต งงไหมครับ เอางี้ ยกตัวอย่าง สมมุติเราคือรถ คาร์โบไฮเดรตก็คือน้ำมัน เข้าใจขึ้นนะ แล้วใน คาร์โบไฮเดรต น่ะ ประกอบด้วยกลูโคส หรือน้ำตาลนั่นหละ โดยหลังจากสันดาปแล้วจะเปลี่ยนมาเป็นน้ำตาลธรรมดา(โมโนซัคคาไรด์) ส่วนอีกตัวนึงที่รู้จักกันก็คือ ฟรุคโตส ซึ่งพบในน้ำผึ้งหรือผลไม้นั่นหละ คราวนี้เมื่อโมเลกุล ของน้ำตาลสองตัวมารวมกัน เราเลยเรียกมันว่า ไดซัคคาไรด์ ไดซัคคาไรด์ที่รู้จักกันดีก็เช่น น้ำหวานจากดอกไม้นี่หละ และยังรวมไปถึง มอลโทส(น้ำตาลมอลต์) และ แลกโตส(น้ำตาลในนม) มีอีก มันมี คอมเพล็กซ์ คาร์โบไฮเดรต อีกนะ หรือ โพลีซัคคาไรด์ เกิดจากนำตาลหลายๆตัวรวมกัน เป็นที่มา ของ ถั่ว แป้ง ธัญพืช มันฝรั่งอะไรพวกเนี้ย พูดศัพท์เยอะๆจะงง เอาง่ายๆ ย่อยมันไปเรื่อยๆจากโพลี-ได-โมโน คราวนี้ก็ย่อยกันง่ายหน่อย เวลาเคี้ยวข้าวนานๆ มันถึงหวานไง ส่วนที่ว่าถ้าหิว เพลีย ให้ดื่มน้ำหวาน ก็มันย่อยง่าย เข้าตรง ว่าแต่จะกล่าวถึงทำไมวะเนี่ย เอาเป็นว่า เรารู้จักน้ำตาลทั่วๆไปในชื่อ "ซูโครส"นะครับ ........................................................................................ น้ำตาล ทำจากอะไร? อ้อยครับ ผมไม่ได้เรียกน้องอ้อย ป้าอ้อย อะไรก็ตามแต่ แต่น้ำตาลเกือบทั้งหมดในโลกเรา ทำจากอ้อย ที่เหลือก็หัวบีท มะพร้าว ปาล์ม ข้าวโพดฯลฯแต่ซูโครสบริสุทธิ์ ก็มักทำจากอ้อย หลังจากตัดอ้อยแล้ว เขาก็จะทำการหีบ(คั้น)น้ำ้อ้อยออกมา จากนั้นก็ไปทำให้ใส โดยใส่ปูนขาว แล้วทิ้งจนตกตะกอน แล้วต้มในหม้อสูญญากาศ จนมันกลายเป็นน้ำเชื่อมและเริ่มเป็นผลึก แบบเปียกๆ ถามว่าในช่วงนี้น้ำตาลมีอะไรมั่ง ก็ปนทั้ง ยีสต์ เชื้อรา ดิน แบคทีเรีย ใยพืช ซากแมลง เศษใบไม้ นั่นหละ ยังไม่เหมาะที่จะกินแน่นอน จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 01:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผลึกเปียก จะถูกเอาไปปั่นแยกสารโดยใช้แรงเหวี่ยงจากศุนย์(แบบเครื่องปั่นแห้งในเครื่องซักผ้า) โมลาส(กากน้ำตาล)จะกระเด็นออกมา แล้วก็จะได้ผลึกที่สะอาดขึ้น ต่อไปทำไงล่ะ ก็ทำซ้ำอีกสิ หลอม ต้มเคี่ยว ตกผลึก ปั่น หลอม ต้มเคี่ยว ตกผลึก ปั่น เขาทำกัน 3 ครั้ง จนได้น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ส่วนไอ้ที่เหลือๆ ก็เป็น กากน้ำตาล(โมลาส) อย่างดีก็เอาไปทำเหล้ารัม ไปใส่ขนม ไปผสมใส่ซีอิ๊ว อย่างเลวก็เอาไปราดถนนลูกรัง ให้มันเหนียวๆฝุ่นไม่ฟุ้ง แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 02:03:32 จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 01:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ... เข้ามาดู จากคุณ : Are Yoi - [ วันฉัตรมงคล 01:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาตามอ่านค่ะ น้องเอก Are Yoi  มองตอนแรกนึกว่า Mr. Fusion มาเอง 5555 จากคุณ : สาวปากช่อง - [ วันฉัตรมงคล 01:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้ว น้ำตาลไม่ฟอกล่ะเพคะ ไปไหน? ง่ายๆ เราอาจโดนหลอก หลอกได้ไงเล่า? มีน้ำตาลไม่กี่ยี่ห้อหรอกที่จะหยุดการปั่นแยกโมลาสแค่รอบสอง เพื่อจะได้น้ำตาลไม่ฟอก ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ? ก็มันยุ่งยากและไม่ได้มาตรฐานน่ะสิ   น้ำตาลไม่ฟอกสีส่วนใหญ่ตามท้องตลาด เป็น "น้ำตาลทรายขาว ที่เอา โมลาส ฉีบทับลงไป" ว่าง่ายๆคือ เอาของที่ต้องทิ้งเพราะไม่สะอาด ใส่กลับไปอีกครั้ง เพื่อลวงว่า มันจะได้ดูดีต่อสุขภาพ "ทั้งที่ซูโครสบริสุทธิ์ ไม่ได้อันตรายต่อร่างกาย" แต่ "ซูโครสที่ปนกากน้ำตาลกลับถูกมองว่าดีต่อร่างกาย" ใหผมพูดตามจริง "การตลาดล้วนๆครับ" ก็ไอ้แร่ธาตุ ที่อ้่างมาว่ามันมีในน้ำตาลไม่ฟอก มันมีเยอะซะที่ไหนเล่า ซึ่งถ้าจะเอาประโยชน์ จะยอมกินน้ำตาลเป็นกิโลๆ เพื่อเอาธาตุห่านเหว เพียงหยิบมือป่าวล่ะ แล้วไอ้น้ำตาลที่มีสารตกค้างของโมลาสน่ะ ไม่ตกเป็นจำเลยของสังคมมั่งฟะ จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 01:41:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่ะ หนังสือเล่มนี้มีอยู่ที่เมืองไทยค่ะ เป็นวิทยาศาสตร์ในครัวที่อ่านง่าย เข้าใจไม่ยาก ใครชอบทำครัว กะชอบอ่านหนังสือควรอ่านค่ะ แต่อ่านเมื่อนานมาแล้ว จำแทบไม่ได้แล้ว ขอบคุณค่ะ เอามาทบทวนความจำให้อีกที จากคุณ : Phagus - [ วันฉัตรมงคล 01:47:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หนังสือน่าสน ยังหาซื้อได้อยู่เปล่าครับน้าบัง จากคุณ : เต๋อ 00 - [ วันฉัตรมงคล 01:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วมันต่างกันไหม อ่ะ ไปหยิบน้ำตาล สองแบบที่บ้านมาใส่ปากดูดิ เชื่อผมสิ หลายบ้านไม่ซื้อของซ้ำซ้อน ดังนั้นอาจไม่มีน้ำตาลทรายขาว และ น้ำตาลไม่ฟอก ในบ้านเดียวกัน ยิ่งพวก ชีวจิต ด้วยแล้ว นอกจากนิตยสาร เผลอๆไม่เชื่อกระทั่งลิ้นตัวเองด้วยซ้ำ หลังจากผมวิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว ก็ไม่เห็นต่างกันมาก ลืมตาชิม - น้ำตาลไม่ฟอกเหมือนจะหวานน้อยกว่า หอมกว่า แต่ผมปิดตาชิม - ก็ไม่ต่างกันนี่หว่า นอกจากขนาดของผลึก และสี เราคิดไปเองครับว่ามันต่างกันเยอะ มันอยู่ที่อุปมาไปเองล้วนๆ และอีกนิดหน่อย คือ รสนิยมในการใช้สี ถ้าจะเอาต่างจริงๆ ต้องไปกิน น้ำตาลทรายแดงครับ อันนั้นไม่ฟอกจริงๆ หวานน้อยกว่า ได้กลิ่นคาราเมลมากกว่าด้วย เลิกเชื่อฟอร์เวิร์ดเมลล์ เลิกเชื่อหนังสือชีวจิต ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คนนั้นบอกว่า คนนี้บอกว่า สรุปมันคือคนไหน ลากหัวมาคุยกะผมที เผลอๆไม่ได้ทำวิจัยเองด้วยซ้ำ   "เชื่อตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง" และท้ายที่สุด ไม่ต้องเชื่อผมหมดนะ ไปลองเองไป ส่วนที่ผมยอมเชื่อคนเขียน เพราะเหตุผลเข้าท่าที่สุดในที่เคยอ่านๆมา เพราะเอามาดูๆชิมๆแล้ว มันจริงชะมัดยาด จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 01:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พี่เอก _ หายไปนานนะพี่ สาวปากช่อง _ รายนั้นคงมาไม่ไว เพราะกระทู้นี้ไม่มีน้องแพนเค้ก Phagus _ หนังสือดีจนไม่เห็นขายแล้วครับ เสียดายจริงๆ ไอ้พวกตำราไร้สาระ กลับขายดีเอาดีเอา พี่เต๋อ _ ไม่ชัวร์นะพี่ แต่เจอที่หอสมุดแห่งชาติ ผมสำเนามาอ่าน ทั้งเล่ม จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 02:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จดๆๆคะ...แบบว่า หนูไม่รู้ เดี๋ยวหนูไปเอาตัวมันมาให้นะคะ ป.ล. หนูเป็นคนหวานค่า   ย้ำ หวานมากแต่มีเหตุผลนะคะ ก๊ากๆๆ ตกหล่นเด้อ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 02:35:40 จากคุณ : Rudmilla - [ วันฉัตรมงคล 02:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวแล้วแต่ของที่จะใส่อะครับ มั่วไปเรื่อย แต่ผมชอบน้ำตาลทรายแดง หรือไม่ก็น้ำตาลโตนดเป็นตัวเลือกแรกๆ  หอม หวาน  ได้ใจ  น้ำตาลเกล็ดมันปะแล่มๆ ของงี้แล้วแต่อารม และความมั่ว อิอิ จากคุณ : KeKXiM - [ วันฉัตรมงคล 02:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จำได้ว่า ซื้อหนังสือตอนงานหนังสือมติชนที่เชียงใหม่ เมื่อซัก 2-3 ปีที่แล้วค่ะ มันเป็นหนึ่งในหนังสือชุดเกี่ยวกะไอน์สไตน์ด้วย (รู้สึกจะเป็นปีฉลอง 100ปี ไอน์สไตน์ ถ้าจำไม่ผิดนะ) แต่อ่านแล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวกะไอน์สไตน์ตรงไหน แต่อ่านสนุกแล้วได้สาระด้วยค่ะ ถ้าจะมีขายก็คงเป็นที่สำนักพิมพ์มติชนหรือป่าว..ลองสอบถามดูค่ะ จากคุณ : Phagus - [ วันฉัตรมงคล 02:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เริ่ดดดดดดดดมากค่ะ จากคุณ : Bittersweet is real catcrazie! - [ วันฉัตรมงคล 02:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 น้าบังมาแบบอัดแน่นด้วยสาระอีกแล้วววววววววว  ^^ จากคุณ : iTiMiTi - [ วันฉัตรมงคล 02:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นบ่นอยากเรียน ไปเรียนฟู้ดไซน์ เหอะ จากคุณ : preneko - [ วันฉัตรมงคล 02:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนังสือน่าสนจังน้อง ลองหาในเน็ตดูดูเหมือนว่าจะมีเล่ม 2 ออกมาด้วย แนวคิด "ไม่เชื่อต้องลบหลู่" นี่เหมือนเพื่อนพี่คนนึงเลย แต่ส่วนตัวแล้วชอบแนวคิด "ไม่เชื่อต้องพิสูจน์" ของเพื่อนอีกคนมากกว่า 555 จากคุณ : L-Nets - [ วันฉัตรมงคล 03:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 น่าสนใจหามาอ่านเล่นนะเนี่ย ตอนเรียนไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ชักอยากรู้ละเอียดๆซะแล้ว จากคุณ : เด็กชายหัวตะปู - [ วันฉัตรมงคล 03:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่สนใจทั้งนั้น ขึ้นกับว่าผมต้องการหวานแบบไหน.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ วันฉัตรมงคล 04:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทานทั้ง 2 ชนิด จากคุณ : อังคาร - [ วันฉัตรมงคล 06:18:12 A:124.120.6.111 X: TicketID:214648 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ป้าไม่เคยซื้อน้ำตาลทรายแดง ใช้เลย เพราะไม่ชอบที่มีรสเฝื่อนๆ   งงมากที่เอาน้ำตาลทรายแดงไปเติมกาแฟถ้วยละแพงๆ  ของเค้าหอมๆอร่อยๆอยู่ ดันเอาน้ำตาลประหลาดไปใส่ ส่วนน้ำ้ำตาลไม่ฟอกก็ไม่เคยคิดใช้ ไม่ใช่เพราะมีข้อมูลเด็ดอย่างก้อง  แต่คิดไม่ออกว่าเอาน้ำตาลเม็ดสีคล้ำๆไปผ่านขบวนการอะไรที่เรียกว่า "ฟอก"   ฟอกด้วยการ oxidation  หรือ  reduction ด้วยสารอะไร  หรือผ่านขบวนการทางเคมีอะไรขึ้นมาอีก กระทู้นี้ให้ข้อมูลดีมากๆๆๆ   แต่ชื่อกระทู้ออกจะโหดไปหน่อย  เหมือนโดนตำรวจจับยังไงก็ไม่รู้ จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง (เหนียวเนื้อ) - [ วันฉัตรมงคล 06:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ค่อยได้กินน้ำตาลโดยตรง แบบ มาเป็นช้อนใส่กาแฟไรงั้น เพราะว่าดื่มกาแฟดำปลอดน้ำตาลมาร่วมเจ็ดปีแล้ว น่าจะได้รับแต่เพียงน้ำตาลที่ใส่มาในอาหารหรือขนมเท่านั้นแหละ ซึ่งผมก็ไมไ่ด้ใส่ใจดูว่ามันขาวหรือไม่ขาว เพราะถ้าเป็นน้ำตาลคงไม่ใส่ใจเรื่องนั้น แต่ถ้าเป็น "น้องน้ำตาล" อาจจะมีผลอยู่บ้าง    55555 จากคุณ : 311025 - [ วันฉัตรมงคล 07:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลองไปหากบนอกกะลาตอนน้ำตาลทรายมาดูก็ได้ครับ น่าจะได้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน น้าบังครับขอเรื่องวิปครีมด้วยได้มั๊ย ว่า ไปยังไง มายังไงถึงกลายจาก นม เป็น วิปครีม จากคุณ : คุณปลาทอง - [ วันฉัตรมงคล 07:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยอดเยี่ยมครับ..น้องก้อง ถึงได้มี ' กาลามสูตร ' จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไงครับ จากคุณ : หมีมังกร - [ วันฉัตรมงคล 08:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ได้รื้อฟื้นเรื่องแซคคาไรด์อีกรอบหลังจากสมัยเรียนนั่งท่องจนหัวผุกว่าจะเขียนโครงสร้างเคมีของแต่ละตัวได้ 5555 แจ่มมากครับบังก้อง จากคุณ : Spinnecker - [ วันฉัตรมงคล 08:36:17 A:118.175.196.144 X: TicketID:214125 ]

ความคิดเห็นที่ 25 บ้านเค้ามีทั้งสองอย่างอ่ะ 555555 เพราะบางทีก็ซื้อแบบขาวแล้วยังไม่หมดก็ไปเดินห้างซื้อแบบไม่ฟอกมา กินสลับกันไปเรื่อยๆไม่เจาะจงอ่ะ แต่แบบไม่ฟอกนั่นเม็ดใหญ่กว่า หวานมากกว่า แบบขาวนะ เรื่องความหอมนั่นไม่รู้จ้า จากคุณ : BerRum* - [ วันฉัตรมงคล 09:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มีคำถามต่อ แล้วน้ำตาลทรายแดง ทำมายังไงเอ่ย ? จากคุณ : LittleTiger - [ วันฉัตรมงคล 09:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ เพราะบางทีอิฉันกินน้ำตาลต่างขนม เวลาอยากกินขนมแต่ไม่มี เคยกลัวๆ อยู่เหมือนกัน แต่อยากมากกว่า แหะ แหะ ทีนี้ก้อแค่ ระวังโรคเบาหวานอย่างเดียวค่ะ ^_^ จากคุณ : แม่ครัวตามตำรา (aunty36) - [ วันฉัตรมงคล 09:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาตามเชียร์บังจ้า จากคุณ : มนุษย์ไฟฟ้า@สีชมพู - [ วันฉัตรมงคล 09:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เค้ากินหมด มีไรให้กิน เค้ากิน เค้าเชื่อคนง่ายนะ จากคุณ : noo-uan - [ วันฉัตรมงคล 09:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถึงว่า ทำไมน้ำตาลทรายแบบไม่ฟอกสี แพงกว่าน้ำตาลทรายขาว ถ้ากระบวนการมันน้อยกว่า ราคามันก็ต้องถูกกว่าดิ หายสงสัยละ จากคุณ : NooNok [MiChiYo] - [ วันฉัตรมงคล 09:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 หวัดดีค่ะน้าบัง จะให้เอาตัวคนพูดออกมาทำไมอ่ะคะ จะเอาท่อนอ้อยยัดปากเค้าเหรอ เรื่องเอาน้ำตาลทรายขาวมาใส่สารให้มันกลายเป็นน้ำตาลทรายไม่ฟอก เคยได้ยินมาเหมือนกัน เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า เค้าเรียกสารนั้นว่า โมลาส จากคุณ : Oops! a daisy - [ วันฉัตรมงคล 09:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จริงค่ะ คนเดี๋ยวนี้เชื่อง่าย อะไรที่เค้าฮิตๆ ปั่นกระแสหน่อยก็ขายได้และ แถมยิ่งแพงยิ่งชอบ ถูกๆคิดว่าไม่ดีไปซะอีก ทำไมคนไทยเป็นหยั่งงี้ก็ไม่รู้ น้ำตาลนี่ไม่ฟอกต้นทุนน่าจะถูกกว่าแต่เอามาขายแพงๆให้ดูเหมือนเป็นของดี อย่างข้าวกล้องเหมือนกัน ก็รู้นะว่ากินข้าวกล้องดีกว่ากินข้าวขาว แต่ทำไมต้องขายแพงกว่าทั้งที่ต้นทุนน่าจะถูกกว่าด้วยซ้ำ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ จากคุณ : ฟันคุดน้อยซี่ที่7 - [ วันฉัตรมงคล 09:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณน้าบังครับ จริงๆ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบน้ำตาลไม่ฟอกสี อยุ่แล้วอ่ะ .... มันดูไม่น่ากินเลย แถม .... รสชาติผมไม่รู้สึกว่ามันต่างเลย แต่ถ้าเป็น้ำตาลใส่เฉาก๊วย อันนั้น ok ^^ จากคุณ : vn, man - [ วันฉัตรมงคล 09:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านแล้ว หน้าผากย่นสองขีด เมมโมรี่เข้าส่วนความจำ อันน้อยนิดที่มีอยู่ จากคุณ : สีฟ้าของน้ำทะเล - [ วันฉัตรมงคล 10:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณจ้า ได้ความรู้  +  อ่านสนุกตามเคย จากคุณ : ceacar salad - [ วันฉัตรมงคล 10:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ที่บ้านมีสารให้ความหวานหลายอย่าง น้ำตาลทรายขาวจากอ้อย น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายไม่ฟอกสีจากลูกอะไรซักอย่างสีเขียวๆคล้ายๆน้ำเต้า น้ำตาลปี๊ป ใช้ๆสลับกันไป แต่ส่วนใหญ่ใช้น้ำผิ้งปรุงอาหารแทนน้ำตาลค่ะ เพราะคิดไปเองว่าน่าจะดีกว่าใช้น้ำตาลทราย อันนี้ใช้ความรู้สึกล้วนๆ ว่ามันน่าจะดีสำหรับสุขภาพมากกว่า ผิดถูกอย่างไร ไม่ทราบค่ะ จากคุณ : Elysium - [ วันฉัตรมงคล 11:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมว่ามันแพง เพราะผลิตน้อยด้วยล่ะ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยมันสูงกว่า จากคุณ : คุณปลาทอง - [ วันฉัตรมงคล 11:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร 1.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน) 2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย) 3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย) 4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน) 5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ) 6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ) 7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน) 8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา) 9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย) 10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ) ขยายความเรื่องกาลามสูตร ของน้าแอ๊ด(หมีมังกร)ซะเลย จากคุณ : ต๊กโกว - [ วันฉัตรมงคล 11:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบว่ะก้อง เรามีความคิดว่า คนไทยบางส่วนมักจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ... แบบว่าใครๆก็พูดกัน ("เขาว่าไม่ดี เค้าว่ามันไม่ดี" คำนี้ได้ยินบ่อยมาก) แต่ไม่เคยศึกษาให้รู้ถึงแก่นแท้ และความจริงที่จับต้องได้ ยังมีความเชื่อที่เราอยากเรียกว่างมงาย เพราะไร้เหตุผลสุดๆกับบางเรื่อง ซึ่งถ้าจะจำแนก ระหว่าง "ความเชื่อ" กับ "ความรู้" ถึงจะตกวิชาภาษาไทย แต่ก็น่าจะแยกความแตกต่างออก ส่วนเรา ไม่เคยรู้ถึงเรื่องการปั่นน้ำตาล แต่รสชาติ ระหว่าง น้ำตาลทรายขาว,ทรายแดง,กรวด,ปี๊บ,มะพร้าว,กากน้ำตาล น้ำตาลจากอ้อย จากบีทรูิท ฯลฯ ล้วนแต่มีรสชาติและ after taste ที่ต่างกันไป จะเอามาทำอาหาร แต่ละชนิดก็ให้มันเหมาะสม ไม่ใช่เอาน้ำตาลทรายขาวไปทำพะโล้ จากคุณ : Calamity - [ วันฉัตรมงคล 11:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยอดเยี่ยมไปเลยครับ จากคุณ : Drunkenangel - [ วันฉัตรมงคล 12:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่อ จากคุณ : ออย-โอ๊ด - [ วันฉัตรมงคล 12:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 42 งืมๆ เป็นอย่างงี้นี่เอง แต่ไม่สนใจเรื่องน้ำตาลอะไม่ชอบกินหวาน ไอ้เราหลงเข้าใจผิดตั้งนาน ฮ่วย จากคุณ : dika - [ วันฉัตรมงคล 13:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ดีจัง แอบรู้สึกว่าน้ำตาลแบบไม่ขาวหอมกว่าเหมือนกัน สงสัยต้องไปลองกินใหม่ เอ๋ แล้วพะโล้เค้าใส่น้ำตาลอะไรเหรอคะ ?? จากคุณ : chubby - [ วันฉัตรมงคล 13:57:08 A:161.200.255.162 X: TicketID:211715 ]

ความคิดเห็นที่ 44 น่าสนใจดี แต่ผมมีข้อสงสัยนิดนึงครับ ถ้าเอาส่วนผสมข้น ๆ ที่ได้จากการต้มเคี่ยวไปปั่นแยก แล้วถ้ากากน้ำตาล เหนียวขนาดเอาไปราดถนนได้ ผมว่าน่าจะผลึกน้ำตาลนั่นแหละที่กระเด็น ออกมา ไม่น่าจะเป็นกากน้ำตาลนะ ส่วนเรื่องเอากากน้ำตาลกลับไปผสม แล้วออกมาเป็นน้ำตาลทรายสีมอ ๆ อันนี้ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน มีความเป็นไปได้นะ เพราะผลึกน้ำตาลแท้น่าจะมีสีขาวขุ่น แต่ถ้าน้ำตาลทรายละเอียดขาวจั๊วะ ผมว่ายังไงก็ต้องผ่านกรรมวิธีการปรับสี จะเรียกว่าฟอกหรืออะไรก็ตาม จากคุณ : เด็กหนุ่มหน้าตาดี - [ วันฉัตรมงคล 13:57:40 A:128.178.251.174 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความรู้แน่นเอี๊ยดเลยพี่กล้อง เปิดโลกกว้างขึ้นอีก ขอบคุณคร่า   ^^ จากคุณ : GigLoT - [ วันฉัตรมงคล 14:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อืมมมม...แนวๆนี้เคยได้ยินมาเหมือนกัน ครับ แต่ที่ผมได้ยินมาคือ น้ำตาลไม่ฟิกสี เขาเอาสีพ่นใส่น้ำตาลฟอกขาวอีกทีนึง อืมมมม...เดี๋ยวผมจะลองๆไปถ่ายเพื่อนผมที่ค้าน้ำตาลอยู่ ดูครับ ว่ามันเป็นจังซี่? จากคุณ : Giacomo Casanova - [ วันฉัตรมงคล 14:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 - -> ฟันคุดน้อยซี่ที่7 <- - "จริงค่ะ คนเดี๋ยวนี้เชื่อง่าย อะไรที่เค้าฮิตๆ ปั่นกระแสหน่อยก็ขายได้และ แถมยิ่งแพงยิ่งชอบ ถูกๆคิดว่าไม่ดีไปซะอีก ทำไมคนไทยเป็นหยั่งงี้ก็ไม่รู้" เห็นด้วยครับ ผมว่าเป็นเกือบทุกผลิตภัณฑ์เลยละครับ จากคุณ : เห็นด้วยครับ (Asgood) - [ วันฉัตรมงคล 14:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณสำหรับข้อมุลค่ะ น้องก้อง เวลาพี่เอาน้ำตาลไม่ฟอกมาทาพวกขนมต้มน้ำตาล พี่ก็รู้สึกว่ามันหอมกว่าน้ำตาลทรายขาวนะ เดี๋ยวต้องลองปิดตาชิมบ้างแล้ว ^_^ จากคุณ : tiffy_tif (หัวใจอบอุ่น) - [ วันฉัตรมงคล 14:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 . จากคุณ : KU_EE - [ วันฉัตรมงคล 16:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 16:32:42 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 16:28:52 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 16:28:02 จากคุณ : ชาวไร่ - [ วันฉัตรมงคล 16:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 51 วันนี้ บังก้องจั่วกระทู้แนวโหดเล็กๆ.. แต่พออ่านแล้ว สาระเต็มๆ หง่ะ.. ขอบคุณสำหรับความรู้ด้วยนะคะ... สำหรับนู๋ ไม่เคยซื้อน้ำตาลกินเองมานานหละ กาแฟก้อไม่ดื่ม.. แถมที่หอฯ ทำอาหารไม่ได้...อิอิ ใช้น้ำตาลที่เค้ามีให้ปรุงตามร้านซะละมากกว่า เพราะง้านนน... นู๋เลือกบ่ได้คะ เหะเหะ.... โส่โล้ดดดดดดด จากคุณ : JiNNyinthebOttle - [ วันฉัตรมงคล 16:28:28 A:58.8.145.243 X: TicketID:178229 ]

ความคิดเห็นที่ 52 กลับมาอีกที .... ต้มพะโล้ ผมก้อใช้น้ำตาลทรายขาวนะ - -* จากคุณ : vn, man - [ วันฉัตรมงคล 16:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ที่บ้านใช้น้ำตาลทรายขาว กะทรายแดงค่ะ ทรายขาวเอาไว้ทำกับข้าวทั่วๆไป เพราะมันจะหวาน แบบแหลมๆ ทรายแดง เอาไว้ทำขนมกะทำพวกชานม โอเลี้ยงเทือกๆนั้น เพราะจะทำให้น้ำที่ได้เข้มข้น และกลมกล่อม ฮี่ๆ เพิ่งมารู้ว่ามันรสต่างกัน ก้ออีตอนเป็นแม่ค้าขายน้ำ ส่วนทรายขาวไม่ขัดสี ไม่เคยใช้แฮะ รู้สึกว่า ใช้ทรายแดงไปเลยดีกว่าค่ะ จากคุณ : แกง-เผ็ด-ดุ - [ วันฉัตรมงคล 17:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ วันฉัตรมงคล 17:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 55 วันนี้น้าบังมาแนววิทยาศาสตร์แฮะ ^^ จากคุณ : =เด็กเอ๋ยเด็กดี= - [ วันฉัตรมงคล 19:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณค่าทางโภชนาการในน้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม ประกอบด้วยแคลเซียม 450 มิลลิกรัม ซึ่งมากเป็น 3 เท่าของน้ำตาลทรายขาว มีธาตุเหล็ก 20 มิลลิกรัม มากเป็น 2 เท่าของน้ำตาลทรายขาว นอกจากนี้ยังมีสารอื่นๆ มากกว่าน้ำตาลทรายขาว ความแตกต่างระหว่างน้ำตาลทรายแดงกับน้ำตาลทรายขาวอยู่ที่ขั้นตอนและวิธีการผลิต น้ำตาลทรายแดงเป็นน้ำตาลที่ผลิตมาแต่ดั้งเดิมด้วยระบบ Open Pan (ไม่มีการตกผลึก) ส่วนน้ำตาลทรายขาวผลิตภายใต้ระบบสุญญากาศหรือ Vacuum Pan (ตกผลึก) น้ำตาลทรายแดงนิยมใช้ในอาหารบางประเภทเท่านั้น เนื่องจากสี กลิ่น รส เหมาะกับอาหารบางชนิดเท่านั้น ในอุตสาหกรรมอาหารจึงนิยมใช้น้ำตาลทรายขาวมากกว่าน้ำตาลทรายแดง กรรมวิธีการผลิตน้ำตาลทรายแดง เริ่มจากรุ่นโบราณ เมื่อตัดอ้อยแล้วนำเข้าโรงหีบ ใช้หินทับกัน 2 ก้อน ใช้แรงวัว-ควายเดินหมุนไปรอบๆ บีบน้ำอ้อยออกมา ต่อมาเข้ายุคอุตสาหกรรม โรงงานเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือเป็นลูกหีบเหล็กขนาดเล็กจำนวน 1-2 ชุด ชนิด 2-3 ลูกกลิ้ง โดยใช้มอเตอร์ฉุดให้ลูกกลิ้งหมุนบีบน้ำอ้อยออกมา นำน้ำอ้อยไปผสมกับปูนขาวแล้วกรองเอาน้ำอ้อยใสไปเคี่ยวในกระทะเหล็กเปิด (Open pan) ที่ตั้งบนเตาต้มเคี่ยวเป็นระยะๆ ในกระทะต่อไปตามลำดับจนถึงกระทะที่ 4 ข้นได้ที่แล้วก็เทออกผึ่ง ละเลงในกระบะไม้ให้แห้ง แล้วใช้ค้อนไม้บดให้เป็นเม็ดหยาบๆ จากคุณ : supermanager - [ วันฉัตรมงคล 19:39:58 A:124.120.152.41 X: TicketID:214893 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สำหรับผม... เฉาก๊วยยย ต้องใส่น้ำตาลทรายแดง .. ถึงจะอร่อยที่สุด ^^ จากคุณ : ไม่ไปไม่รู้ - [ วันฉัตรมงคล 20:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สาระดีแหะ!! จากคุณ : พี่เข้ม ณ.หัวหมาก - [ วันฉัตรมงคล 21:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ จากคุณ : Orayanee - [ วันฉัตรมงคล 21:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ดีใจจังครับ ที่มีคนเริ่มสงสัย และ มีข้อมูลต่างๆมาเสริม รวมถึงข้อมูลโต้แย้ง อย่างที่ผมบอกไป ว่า "อย่าเชื่อผม ไปลองเอง" นั่นหละครับ ผมว่ามันได้เปิดสมองให้กับหลายๆคนแล้ว ทั้งการที่คิดจะถามผู้ที่ทำงานทางนี้จริงๆ รวมถึงการเปิดหาข้อมูลด้วยตนเอง รวมถึงการแชร์ประสบการณ์เรื่องนี้กัน จะโกรธไหมครับ ถ้าผมจะบอกว่า "ผมแกล้งขุดหลุมพราง" แต่ข้อมูลอ้างอิงของผมเอามาจากหนังสือจริงๆนะครับ ผมแค่ล่อให้หลายๆคนมาติดกับดักชวนให้คิดและหาข้อมูลมาเถียงกัน อย่างน้อยสองคน เอาข้อมูลเชิงลึกมาบอกผมแล้ว ผมอ่าน ก็ได้ประโยชน์ คนทั่วไปอ่าน ก็ได้ประโยชน์ คนหามาโพสต์ ก็ได้ประโยขน์ คนแชร์ประสบการณ์ ก็ได้ประโยชน์ ถ้าชอบกระทู้แนวนี้ เจอ หัวข้ออะไร ใส่กันเลยครับ เอาข้อมูลมาเถียงเพื่อหาข้อสรุปกัน "ดีกว่าเอาเวลามานั่งด่าร้านอาหารที่คนบางคนไม่ถูกใจ" เยอะเลยครับ จากคุณ : SchwedaKong - [ วันฉัตรมงคล 22:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 61 น้ำตาลทรายดิบ หวานน้อย แต่หอมมาก ผมเคยใส่เฉาก๊วยหั่นเต๋าพร้อมน้ำแข็งเกล็ดอร่อยมาก จากคุณ : เสือเพิก ชุมแพ - [ วันฉัตรมงคล 22:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 62 พวกน้ำตาลกรวดนี้หวานน้อยแต่หอมกว่ากันมากนะคะ เราว่าบางคนอาจจะเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตาลไปในแนวของข้าวก็เป็นได้ ข้าวขัดสี-ข้าวกล้อง เอ๊ะ แล้วน้ำตาลทรายแดงมันเป็นยังไง เริ่มงงละนะนี่ จากคุณ : Hangover Inc. - [ วันฉัตรมงคล 22:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตค่ะ  ปรกติพยายามทานน้ำตาลปึกกะน้ำผึ้ง แต่ก็มีน้ำตาลทรายแดงติดบ้านไว้เหมือนกัน จากคุณ : Ms. Kim - [ 6 พ.ค. 52 00:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เคยอ่านเหมือนกันนะ ที่เค้าบอกว่าน้ำตาลฟอกขาวไม่ดีต่อสุขภาพ ปรกติตัวเองจะไม่ชอบเติมน้ำตาลอยู่แล้วเพราะเป็นคนอ่อน(ความ)หวาน ซึ่งก็เคยคิดเหมือนกันว่าจะน้ำตาลทรายแบบไม่ฟอกสี หรือน้ำตาลทรายขาว มันก็น้ำตาลอ่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่เลือกหรอกว่ามันฟอกสีรึเปล่า ส่วนตัวชอบน้ำตาลทรายแดง (โอวทึ้ง) มากกว่าเพราะหอมดี ใส่ถั่วต้ม, เฉาก๊วย ชื่นใจ อยู่ทีว่าจะเอาไปใส่อะไร จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 6 พ.ค. 52 00:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เห็นหัวข้อกระทู้แล้วนึกถึง....กระทู้นึงอ่ะ ที่เคยบ่นเรื่องโชยุผสมน้ำตาล ตอนแรกบ่นเรื่องเอาขวดของยี่ห้อนึงมา refill แต่เติมน้ำตาลเข้าไปด้วย ต่อมาก็กลายเป็นประเด็นน้ำตาลไม่ดีต่อสุขภาพ หลังๆกลายเป็นเรื่องบรรลุคัมภีร์อะไรไม่รู้ ไปโน่นเลย จากคุณ : จิงนะ - [ 6 พ.ค. 52 00:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ...โมลาส์กเอาไปทำแก๊สโซฮอล์ก็ได้นะ จากคุณ : abstract - [ 6 พ.ค. 52 01:22:09 A:124.120.143.51 X: TicketID:071021 ]

ความคิดเห็นที่ 67 น้ำตาลกรวด เป็นก้อนโต ใสๆ คล้ายสารส้ม เอาไว้ใส่รังนก ใส่จับเลี้ยง จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง - [ 6 พ.ค. 52 03:32:06 A:58.8.84.214 X: TicketID:174330 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ฟันคุดน้อยซี่ที่7 คห.32 "แต่มามองอีกที บางทีอาจเหมือนข้าวกล้องที่ราคาสูงกว่าข้าวขาว ทั้งๆ ที่ขั้นตอนการผลิตน้อยกว่า ต้นทุนถูกกว่า น่าจะราคาถูกกว่า แต่ที่ราคาข้าวกล้องสูงกว่าข้าวขาว (ตามที่เรียนมาหลายปีแล้วนะ) เพราะปกติภายหลังการสีข้าว ก็จะได้พวกฟางข้าว รำ อะไรพวกนี้ ซึ่งเอาไปขายได้ รำใช้เป็นอาหารสัตว์ ราคาดีค่ะ ส่วนการสีข้าวกล้อง ทำให้ได้พวก by product พวกรำอะไรพวกนี้น้อยลง ผลผลิตโดยรวม (ทั้ง product-ข้าวกล้อง และ by product-รำ ) ต่ำลง เลยทำให้ข้าวกล้องราคาสูงกว่าข้าวขาวค่ะ" อ้างจากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D7825136/D7825136.html จากคุณ : ปฐมธง - [ 6 พ.ค. 52 09:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องเอาน้ำตาลทรายขาวมาใส่สารให้มันกลายเป็นน้ำตาลทรายไม่ฟอก เคยได้ยินมาเหมือนกัน เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่า เค้าเรียกสารนั้นว่า โมลาส จากคุณ : Oops! a daisy ^^ โมลาส ไม่ใช่น้ำตาลไม่ฟอก แต่เป็นอีกผลิตภัณฑ์อีกประเภทที่สามารถนำไปต่อยอดในการผลิตสินค้าอย่างอื่นหรือให้ในการเกษตรค่ะ จากคุณ : ชาวไร่อ้อย (ใบไม้เดือนห้า) - [ 6 พ.ค. 52 10:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 70 กากน้ำตาลเอาไปหมักกับเศษพืชผัก+จุลินทรีย์แล้วเอาไปผสมน้ำรดต้นไม้งามดีค่ะ จากคุณ : thippy56_ - [ 6 พ.ค. 52 10:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ^ ^ เอาไปเลี้ยง EM จากคุณ : คุณปลาทอง - [ 6 พ.ค. 52 11:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ลองเองมาแล้ว จากการหลับตาดมโหลน้ำตาลที่บ้าน น้ำตาลสีๆกลิ่นเข้มข้นกว่าน้ำตาลทรายขาวชัดเจน แต่ไม่รู้ว่า เ ป็นน้ำตาลฟอกหรือน้ำตาลทรายแดงกันแน่นะ จากคุณ : pheebar - [ 6 พ.ค. 52 16:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ลงชื่อไว้ก่อนเลยค่ะ  เดี๋ยวมาอ่านต่อ จากคุณ : เจซอง - [ 6 พ.ค. 52 17:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอเถียงครับ ตรงที่ว่า คนไทยเชื่อง่าย แต่ไม่รู้จักหาเหตุผล ไม่มีเหตุผลที่ต้องเล่นมุขอย่างนี้ครับ และขอแย้ง ไม่ให้เหมารวม แม้น้าบังจะบอกว่า ขอเหมารวมก็เหอะ ถ้าจะเล่นมุขนี้ให้มีประสิทธิภาพจริง กรุณาดูข้อเท็จจริงครับ คนไทยหลายๆคนไม่ได้เชื่อง่าย แค่หนังสือพิมพ์หัวสีชอบลงข่าวคนบ้าหวยไปขูดต้นไม้ กราบไหว้สัตว์ประหลาดมีขาหลายขา ไม่ได้หมายความว่า คนไทยหรือสังคมไทยจะเป็นอย่างงั้นจริงๆนะครับ ทางที่ดีคือ ออกไปดูข้อเท็จจริงครับ พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่คุณอ้างอิงในกระทู้นี้นั่นแหละ ผมพิสูจน์มาแล้วครับ พบว่าคนไทยไม่ได้เชื่อคนง่ายๆ โดยเฉพาะไอ้พวกภาคกลางนี่แหละ ตัวแสบ พูดไรไป แม่มเถียงตลอด เซ็งจริงๆ -*- เรื่องหาเหตุผลไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ไปศึกษาข้อเท็จจริงซะ เดินทางไปต่างจังหวัด อย่าเน้นแต่อาหาร ดูสังคมบ้าง ดูวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น ดูอะไรให้ลึกลงไป อย่างที่บอก ผมเองไม่ได้เชื่อคำพูดที่ว่า"คนไทยเชื่อคนง่ายๆ แต่ไม่รู้จักหาเหตุผล" ที่คุณพูดเลย และผมก็คนไทยเหมือนกัน น่าจะสรุปได้นะ ว่าอย่างน้อยที่สุด มันก็ยกเว้นผมคนนึง เพราะ 1.ผมคนไทย 2.ผมไม่ได้เชื่ออะไรง่ายๆ อิอิ จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 6 พ.ค. 52 19:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 มาชวนนอกเรื่อง เคยดื่มวอดก้าที่กลั่นมาจาก molasses ไหมครับ? ฮี่ๆ จากคุณ : กึ่งอัตโนมัติ - [ 6 พ.ค. 52 21:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 76 สงสัยนิดนึง สารฟอกขาว ตระกูลซัลไฟต์ ที่เค้าอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในที่นี้รวมไปถึงการทำน้ำตาลด้วย ทำไม่ได้ถูกพูดถึงครับ? การจะได้น้ำตาลทรายขาวมา ผมว่ามันคงไม่ได้มาจากการต้มแล้วกลั่นสามครั้งอย่างที่อธิบายมาอย่างเดียวนะ ซึ่งอุตสาหกรรมการทำน้ำตาล เค้าใช้สารกลุ่มนี้ และถ้าเราบริโภคเข้าไปจำนวนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาว ทรายแดง น้ำตาลปี๊บ (ซึ่งก็ใช้สารกลุ่มนี้ด้วย) ผมว่าก็คงอันตรายเท่ากันหมด ไม่มีใครเป็นจำเลยโดดๆ หรอกครับ ใครมีข้อมูลเชิงลึก มาแชร์กันหน่อยครับ จากคุณ : drop shot - [ 6 พ.ค. 52 22:10:28 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เราแยกไม่ออกระหว่างน้ำตาลทรายดิบ ทรายแดง ไม่ฟอกสี รู้แต่ว่าน้ำตาลสีเข้มๆหอมกว่าน้ำตาลทรายขาว จากคุณ : เมี๊ยวหง่าว - [ 6 พ.ค. 52 23:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เคยฝึกงานในโรงงานน้ำตาลอยู่ 1 เดือน ขั้นตอนการทำงาน ก็เริ่มจาก เอาท่อนอ้อย มาบีบ มีการฉีดน้ำพรมบ้าง เพื่อให้ละลายความหวานของน้ำอ้อยออกมาได้มากขึ้น จากนั้น เอาน้ำอ้อยที่ได้ ผ่านเครื่องกรอง เพื่อแยกเอากากชิ้นใหญ่ๆ ออกไป แล้วส่งน้ำอ้อยเข้าหม้อต้ม เพื่อดึงน้ำออกไป น้ำอ้อยจะงวดลง ก่อนจะส่งต่อไปยังหม้อเคี่ยว ที่หม้อเคี่ยว น้ำอ้อยที่งวดแล้ว จะถูกดึงเอาน้ำออกไปอีก ทำให้เริ่มเกิดผลึกน้ำตาลขึ้นมา ของผสมระหว่างผลึกน้ำตาล และของเหลวข้นเหนียว (โมลาส) จะถูกส่งเข้าเครื่องเหวี่ยงหนีศูนย์ (Centrifuge) ในเครื่องเหวี่ยงหนีศูนย์ จะมีตะแกรงที่ละเอียดมากคั่นไว้ ของผสมถูกใส่ลงไปตรงกลาง ก่อนจะปั่นเหวี่ยง ผลึกน้ำตาลจะติดอยู่ในตะแกรง ส่วนโมลาส ซึ่งเป็นของเหลว จะถูกเหวี่ยงให้แทรกตะแกรงออกไป จบขั้นตอนนี้ จะได้ น้ำตาลดิบ หรือ Raw Sugar ออกมา ซึ่งยังมีสีน้ำตาลอมแดงอยู่ ขนาดเม็ดจะใหญ่กว่าน้ำตาลทราย จากนั้น จะนำน้ำตาลดิบ ไปบด ออกมาเป็นน้ำตาลทรายแดง ของผสมก่อนเข้าเครื่องเหวี่ยงหนีศูนย์ บางส่วนจะถูกส่งไปผ่าน resin เพื่อทำปฏิกิริยากำจัดสารออกซิเดชั่นในของผสมออกไป เพื่อกำจัดสีออกจากน้ำตาล จากนั้นถึงเอามาเข้าเครื่องเหวี่ยงหนีศูนย์ และเครื่องบด ออกมาเป็นน้ำตาลทรายขาว และถ้าบดซ้ำอีกครั้ง จะได้น้ำตาลไอซิ่ง แต่จำไม่ได้ว่า resin ที่ใช้กำจัดการออกซิเดชั่น มีองค์ประกอบทางเคมีอย่างไร จากคุณ : Wobbegong - [ 6 พ.ค. 52 23:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อย่างข้าวกล้องเหมือนกัน ก็รู้นะว่ากินข้าวกล้องดีกว่ากินข้าวขาว แต่ทำไมต้องขายแพงกว่าทั้งที่ต้นทุนน่าจะถูกกว่าด้วยซ้ำ ใครรู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ จากคุณ : ฟันคุดน้อยซี่ที่7   ^ ^ เข้าใจว่ามีส่วนในเรื่องของอายุการเก็บรักษา และปริมาณที่ขายได้มาเกี่ยวข้องด้วยนะ? จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 7 พ.ค. 52 00:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คนไทยอย่าเพิ่งเชื่อครับ น้ำตาลในตลาดมันก็มีหลายเกรด ไอ้ที่เรียกว่าทรายแดง หรือ น้ำตาลที่เป็นสีทองๆ ก็มีหลายเกรดเช่นกัน ยกตัวอย่าง 1. น้ำตาลทรายแดง ถ้าเป็นแบบโบราณจริงๆจะเกิดจากการต้นเคี่ยวในกระทะธรรมด๊าธรรมดา (เหมือนที่มีคนบอกไปแล้วด้านบน) น้ำตาลที่ได้จะเป็นผงๆสีน้ำตาล ถามว่าสะอาดไหม?  มันผ่านความร้อนที่สูงพอสมควร เชื้อโรคก็คงตายหมด ที่จะเหลือก็คงจะเป็นพวกเศษดินเศษทราย เศษอะไรต่อมิอะไรที่มาจากอ้อย และผงที่ตกลงไประหว่างการผลิต 2. น้ำตาลทรายแดงที่มีลักษณะเป็นผลึกสีน้ำตาลขุ่น เป็นน้ำตาลทรายดิบ กระบวนการผลิตน้ำตาลจากอ้อยในโรงงานน้ำตาล เมื่อผ่านการ หีบ ตกตะกอน ต้ม เคี่ยว และ ปั่นแล้ว จะได้ออกมาเป็นน้ำตาลผลึกสีน้ำตาลขุ่นถึงขุ่นมาก เรียกว่าน้ำตาลทรายดิบ ตามกฏหมายของประเทศไทยห้ามนำมาซื้อขายภายในประเทศหรือรับประทานเนื่องจากยังเป็นน้ำตาลที่สกปรกมาก ยังไม่ผ่านการ "ฟอกสี" ถ้าใครเคยเห็นผลวิเคราะห์ในห้องแล๊ปเวลาเอาน้ำตาลพวกนี้มาตรวจวัดผ่านกรวนกรองจะกินน้ำตาลพวกนี้ไม่ลง ดังนั้นถ้าเจอน้ำตาลที่มีลักษณะเป็นผลึกสีเข้มมากๆ อย่ากิน เพราะมันไม่ใช่ของคนกิน และจริงๆก็คือแจ้งตำรวจจับได้เลย เพราะเป็นน้ำตาลทรายดิบที่ไม่อนุญาตให้ขายเพื่อบริโภคในประเทศ และได้มาจากการขโมยจากโรงงานน้ำตาลหรือโกดังเก็บชัวร์ๆ   3. พวกน้ำตาลที่เป็นผลึกเม็ดใหญ่ๆสีทองราคาแพง พวกนี้ใช้น้ำตาลผลึกใหญ่ที่ผ่านการฟอกสีแล้ว มาเคลือบกับคาราเมลอีกที (ไม่ใช่โมลาส หรือกากน้ำตาล) ซึ่งจะได้น้ำตาลสีทองที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของคาราเมล พวกนี้ผ่านหลายกระบวนการ และกรรมวิธีการเลี้ยงเม็ดให้ได้เม็ดขนาดใหญ่ก็มีต้นทุนสูงกว่า ราคาก็แพงกว่าหน่อย ใครคิดว่ามันดีกว่าก็จ่ายไปครับ   ทีนี้กลับมาที่กรรมวิธีการฟอกสีน้ำตาลดิบ กรรมวิธีหลักๆที่มีใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบันมีสองวิธีคือ 1. Sulfitation คือการฟอกสีด้วยกัมมะถัน กรรมวิธีนี้จะได้น้ำตาลสีเหลืองอ่อนๆ มีฤทธิ์เป็นกรด ทำให้กัดกร่อนกระเพาะและลำไส้ ในประเทศไทย"ไม่มี" โรงงานใดใช้กรรมวิธีนี้แล้ว เป็นกรรมวิธีที่ล้าสมัยมาก มีต้นทุนสูง มีกากพิษมาก ไอที่เกิดจากการเดินเครื่องก็เป็นกรดกัดกร่อนตัวโรงงานและเครื่องจักรอื่นๆ รวมถึงปอดของผู้เดินเครื่อง ย้ำ ไม่ประเทศไทยไม่มีใครใช้กรรมวิธีนี้แล้ว ที่เคยเห็นก็จะเป็นประเทศด้อยพัฒนาอย่าง บังคลาเทศ ที่ยังมีใช้กันอยู่ 2. Carbonization ในประเทศไทยจะใช้กรรมวิธีนี้ทั้งหมด เริ่มจากเอาน้ำตาลทรายดิบมาคลุกน้ำสักเล็กน้อย (เนื่องจากว่าสิ่งสกปรกส่วนใหญ่จะติดอยู่ที่ผิวน้ำตาล) แล้วก็ปั่นสลัดแบบเครื่องสักผ้า สิ่งสกปรกที่เกาะด้านนอกก็จะหลุดไปส่วนหนึ่ง จากนั้นก็เอาน้ำตาลไปละลาย กรองผ่านไอคาร์บอนและเรซิ่น (ระบบใกล้เคียงกับเครื่องกรองน้ำที่กินกันทุกวันนั้นแหล่ะ) ก็จะได้น้ำเชื่อมใสออกมา ก็เอามาต้น เคี่ยว ปั่น อีกทีก็เป็นน้ำตาลทรายขาว ที่เรากินกัน ไม่ได้มีสารเคมีอะไรตกค้างเลยแม้แต่นิดเดียว อย่าไปเชื่อพวกที่บอกว่าน้ำตาลฟอกสีไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เค้าอุตสาห์ทำให้กินสะอาดๆแล้วนา จากคุณ : คิลลี่แมน - [ 7 พ.ค. 52 09:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ^ เจ้าของโรงงานน้ำตาลมาเองเลยวุ้ย จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ - [ 7 พ.ค. 52 10:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ^ ^ เจ้าพ่อวงการน้ำตาลออกโรง หุหุ จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 7 พ.ค. 52 11:29:33 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ปัญหาของภาษา ละมั้งเนี่ย 1. น้ำตาลทรายแดง ถ้าเป็นแบบโบราณจริงๆจะเกิดจากการต้นเคี่ยวในกระทะธรรมด๊าธรรมดา (เหมือนที่มีคนบอกไปแล้วด้านบน) น้ำตาลที่ได้จะเป็นผงๆสีน้ำตาล ถามว่าสะอาดไหม?  มันผ่านความร้อนที่สูงพอสมควร เชื้อโรคก็คงตายหมด ที่จะเหลือก็คงจะเป็นพวกเศษดินเศษทราย เศษอะไรต่อมิอะไรที่มาจากอ้อย และผงที่ตกลงไประหว่างการผลิต อันนี้ แถวบ้านผมเรียกว่า    น้ำอ้อย  หรือน้ำตาลอ้อย  ไม่ใช่น้ำตาลทรายแดง เพราะยังไม่มีการตกผลึก เป็น ลักษณะเม็ดทราย จากคุณ : KU_EE - [ 7 พ.ค. 52 12:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อันนี้เรียก น้ำอ้อยงบ  คือเอาน้ำตาลออ้ย ข้างบนมาขึ้นรูป จากคุณ : KU_EE - [ 7 พ.ค. 52 13:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อันนี้ น้ำตาลทรายขาว คงเรียกเหมือนกันทั่วประเทศ จากคุณ : KU_EE - [ 7 พ.ค. 52 13:08:09 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อันนี้ น้ำตาลทรายสีทอง หรือ นำตาลทรายแดง  มีลักษณะเป็นเม็ดทราย สีน้ำตาลอ่อน หรือสีทอง 3. พวกน้ำตาลที่เป็นผลึกเม็ดใหญ่ๆสีทองราคาแพง พวกนี้ใช้น้ำตาลผลึกใหญ่ที่ผ่านการฟอกสีแล้ว มาเคลือบกับคาราเมลอีกที (ไม่ใช่โมลาส หรือกากน้ำตาล) ซึ่งจะได้น้ำตาลสีทองที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของคาราเมล พวกนี้ผ่านหลายกระบวนการ และกรรมวิธีการเลี้ยงเม็ดให้ได้เม็ดขนาดใหญ่ก็มีต้นทุนสูงกว่า ราคาก็แพงกว่าหน่อย ใครคิดว่ามันดีกว่าก็จ่ายไปครับ จากคุณ : KU_EE - [ 7 พ.ค. 52 13:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอเอาไปโพสไว้ในหว้ากอนะครับ จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 7 พ.ค. 52 16:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กากน้ำตาลหรือโมลาส ถือเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล (BY PRODUCT) ซึ่งมากด้วยคุณค่าทางเศรษฐกิจ ในปัจจุบันได้ทวีบทบาทความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายประเภท     "โมลาส" เป็นของเหลวเหนียวข้น สีน้ำตาลเข้ม เป็นผลผลิตสุดท้ายที่ได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล ส่วนประกอบของโมลาสจะผันแปร ขึ้นอยู่กับพันธุ์อ้อยและกรรมวิธีการผลิตน้ำตาล โมลาสส่วนใหญ่จะประกอบด้วย น้ำตาลซูโครส น้ำตาลอินเวอร์ท และน้ำ   การบริโภคโมลาสในประเทศส่วนใหญ่จะใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตแอลกอฮอล์เพื่อการ ผลิตสุรา และการผลิตเอทานอล โดยใช้ผสมกับน้ำมันเบนซิน เพื่อใช้เป็นพลังงาน ทดแทนที่เรียกว่า แก๊สโซฮอล์ นอกจากนี้ ยังใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตผงชูรส อุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมการผลิตยีสต์ ตลอดจนการนำโมลาส ไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมรายย่อยต่างๆ เช่น "เอ็ม โมลาส" เป็นการนำ โมลาสไป ใช้หมักใช้ทำน้ำสกัดชีวภาพ ทำปุ๋ยน้ำ ใช้เพาะเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ เพื่อใช้ในฟาร์มกุ้ง ตลอดจนใช้ในการบำบัดน้ำทิ้ง เป็นต้น     โมลาสจำหน่ายในประเทศ เป็นโมลาสที่มีคุณภาพความหวานไม่ต่ำกว่า 50%TSAI หรือมีความเข้มข้นไม่ต่ำกว่า 80 ดีกรีบริกซ์ ส่งมอบเป็นคันรถประมาณ 15 ตัน และจำหน่ายเป็นแกลลอน 3 ขนาด บรรจุ 7 กิโลกรัม, 14 กิโลกรัม และ 25 กิโลกรัม   สำหรับการจำหน่ายไปตลาดต่างประเทศ มีทั้งคุณภาพความหวาน 50% TSAI และ 54%TSAI เป็นเรือใหญ่ และเป็นราคาเอฟโอบีกรุงเทพฯ หรือท่าเรือแหลมฉบัง จากคุณ : KU_EE - [ 7 พ.ค. 52 16:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอถามว่า แล้วน้ำอ้อยมันทำยังไงล่ะครับ มาจากขั้นตอนไหน ทำไมสีมันขุ่นๆ ล่ะ จากคุณ : vandalism - [ 7 พ.ค. 52 18:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 90 น้ำตาลกรวดด้วยครับ มายังไง จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ - [ 7 พ.ค. 52 18:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สาระแน่นจิง ๆ ก่าจะอ่านจบ -*- จากคุณ : kapom040 (kapom040) - [ 7 พ.ค. 52 18:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นที่ 20 "งงมากที่เอาน้ำตาลทรายแดงไปเติมกาแฟถ้วยละแพงๆ  ของเค้าหอมๆอร่อยๆอยู่ ดันเอาน้ำตาลประหลาดไปใส่" ________________________________________________ ประโยคนี้ทำร้ายจิตใจคอกาแฟอย่างผมนะเนี่ย อิอิ ผมล่ะชอบมากๆเลย เอสเปรสโซ่ข้นๆ โปรยน้ำตาลทรายแดงแบบผงๆละเอียด(ฺBrown sugar) ลงไปซะหน่อย ผมว่ามันทำให้กลิ่นหอม รสชาตินุ่ม ขึ้นนะครับ   ที่บ้านจะใส่น้ำตาลแดงผงๆ (ฺBrown sugar) ในอาหารทุกอย่างเลย จากคุณ : Sitporn - [ 7 พ.ค. 52 20:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 93 Brown sugar  เหมือนเม็ดทราย  เรียกภาษาท้องตลาด  น้ำตาลทรายแดง  ครับ เป็นก้อนๆกลมๆแบนๆ   เรียก งบน้ำอ้อย ครับ  ( ถามเซียนพระได้ เพราะมีพระเครื่องลักษณะแบบนี้ ) จากคุณ : ไฟลามทุ่ง - [ 7 พ.ค. 52 21:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ ^ ^ พ่อตัวเองทำงานน้ำตาลแท้ ๆ แต่ตัวเองไม่เคยคิดถามเรื่องน้ำตาลกับพ่อเลย ไม่เคยถามถึงกรรมวิธีการผลิต ไม่เคยถามถึงว่าราคาน้ำตาลเป็นยังไงอันไหนถูกอันไหนแพง เพราะไม่เคยซื้อ ฮ่าา า พอมาอ่านกระทู้นี้ถึงเข้าใจ ต่อไปคงต้องหัดถามพ่อบ้างแล้ว ฮ่าๆ  ๆ ป.ล. พ่อชอบบ่นว่า ถ้าเกษียณแล้วจะมาปลูกไร่อ้อย สงสัยว่าชีวิตพ่อคงจะขาดความหวานขนาดหนัก ฮ่า ๆ ๆ จากคุณ : เด็กแว่นฟันกระต่าย - [ 7 พ.ค. 52 23:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เห็นด้วยกับความเห็นที่92 น้ำตาลที่มีโมลาสอยู่เวลาชงกาแฟมันจะได้ความหวานเอียนๆของโมลาสไม่หวานแหลม ซึ่งความจริงเรื่องนี้คนไทยรู้กันมานานแล้ว ขนมไทยหลายชนิด ปรุงความหวานด้วยน้ำตาลที่ไม่ใช่น้ำตาลฟอกขาว จะมีรสชาติที่หวานไม่แหลม แต่ถ้าจะพิสูจน์กาแฟดีจริงๆ ผมชอบกินแบบอเมริกาโน่ ไม่ใส่ครีม ไม่ใส่น้ำตาล แต่นั่นคือการพิสูจน์ ไม่ใช่รสนิยม ความเปรี้ยวความหวานความหอม และความขมจะไม่ถูกบิดเบือนไป แต่ถามว่าชอบไหม ไม่ชอบ ความชอบไม่ชอบในรสอาหารถือเป็นรสนิยมของใครของมัน ไม่มีใครผิดใครถูก ใครสูงใครต่ำ ผมเชื่อของผมแบบนั้น จากคุณ : apotheker - [ วันวิสาขบูชา 10:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ชอบรูปครับ น่ารักดี โดยเฉพาะตัวแมลงอะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ จากคุณ : arsarn - [ วันวิสาขบูชา 11:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ความคิดเห็นที่ 89   ขอถามว่า แล้วน้ำอ้อยมันทำยังไงล่ะครับ มาจากขั้นตอนไหน ทำไมสีมันขุ่นๆ ล่ะ จากคุณ : vandalism  - [ 7 พ.ค. 52 18:14:18 ] กรรมวิธีการทำน้ำตาลแบบชาวบ้าน อุปกรณ์ 1. เครื่องหีบอ้อย 2. กะทะใบบัว 3. ไม้พาย 4. แบบพิมพ์ วิธีทำ 1. นำอ้อยเข้าเครื่องหีบอ้อย บีบคั้นเอาน้ำอ้อยออกมา ส่วนชานอ้อยที่เหลือนำไปตากแห้งประมาณ 1 แดด จากนั้นนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงเคี่ยวน้ำอ้อย 2. กรองด้วยผ้าขาวบางเอาสิ่งเจือปนออก แล้วนำน้ำอ้อยมาต้ม เร่งไฟให้ร้อนจนน้ำอ้อยเดือด 3. เมื่อน้ำอ้อยเริ่มงวดให้ผ่อนไฟลง และใช้ไม้พายคนให้ทั่วและบ่อยๆ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนน้ำอ้อยเริ่มเหนียว 4. เมื่อน้ำอ้อยเหนียวได้ที่ (สีน้ำตาลไหม้) นำไปใส่ในแม่พิมพ์ที่ทำจากไม้หนา 1 นิ้ว เจาะรูกว้าง 2.5 เซนติเมตร ทำเป็นกระบะขนาด 60 ? 120 เซนติเมตร เกลี่ยให้ทั่วกระบะไม้ 5. รอให้น้ำอ้อยแข็งตัวประมาณ 3 – 5 นาที นำออกจากแม่พิมพ์ก็จะได้น้ำตาลอ้อยแท้บริสุทธิ์ จากคุณ : KU_EE - [ วันวิสาขบูชา 20:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมไล่อ่านจากต้นกระทู้ถึงท้ายสุดและ ผมจะบอกว่า ผมยังไม่เชื่อ จขกท เลยซักนิด เพราะคิดว่าเดี๋ยวจะหาข้อมูลเพิ่มเติมทีหลังเองได้ แต่ก็มาเจอคนจริง ความคิดเห็นที่ 80 เข้าไป ทำให้คิดว่าโอเคน่าสนใจ แล้วผมจะไปค้นหาต่ออีกทีดีกว่า แต่สิ่งที่ผมอยากจะรู้ก็คือ มีน้ำตาลชนิดไหนหรือเปล่าที่กินไปแล้ว มีสารพิษสะสมในร่างกายเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พอแก่แล้วออกฤทธิ์ ทำให้เราเป็นโรคต่าง ๆ นานา ถามต่อไปอีกว่า ถ้ามีแล้วปล่อยให้ขายกันได้อย่างไร อย (อาหย่อย) ไม่ทำงานให้ดีเหรอไง ? นี่แหล่ะผมเลยไม่ได้เชื่อ จขกท ตั้งแต่แรกแล้ว นึกว่าเป็นเจ้าพ่อน้ำตาลทรายขาวมาพูดด้วยซ้ำไป อิ ๆ ผมโยนเรื่องน้ำตาลทรายทิ้งไว้ชั่วคราวก่อน ขอพูดเรื่องที่น่ากลัวกว่าน้ำตาลคือ พลาสติก และโฟม คุณต้องกลัวพลาสติก และ โฟมกันให้มากกว่านี้นะครับ โดยเฉพาะชนิดที่ใช้กับอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนจะไม่รู้ว่าใช้กับอาหารอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เอาง่าย ๆ อย่างแผ่นฟิลม์ถนอมอาหารที่ใช้กันอยู่ทุกห้าง ทุกบ้าน ทุกตลาด นั่นไปอ่านข้างกล่องดูครับ เค้าห้ามสัมผัสกับอาหารที่มีน้ำมันโดยตรง.....มันมีอันตรายด้วยนะ ส่วนกล่องโฟมที่ใส่อาหาร ที่เรากินกันอร่อย ๆ ข้าวผัด ผัดซีอิ้ว นั่นก็โดนความร้อนและน้ำมันมาก ก็มีสารพิษออกมาเหมือนกัน นี่แหล่ะคือสารก่อมะเร็งชั้นดีที่เราเผลอกินไปทุกวัน ๆ น่าตกใจกว่าน้ำตาลทรายหลายร้อยเท่านัก ส่วนพลาสติกเองก็น่ากลัวเหมือนกัน มองไปเห็นตามท้องตลาดแม่ค้าใช้พลาสติกกันเปื่อยยุ่ยแล้วก็ยังใช้กันต่อไปอีก จานเมลานีนของร้านอาหารตามสั่งหลาย ๆ ที่ก็เก่า สีเปลี่ยนจากขาวเป็นน้ำตาลเข้มแล้วก็ยังไม่เลิกใช้......น่ากลัวอีกแล้วใช่หรือไม่ พลาสติกบางอย่างไม่ทนต่อกรดต่อด่าง ไม่ทนต่ออุณหภูมิสูง ๆ แต่แม่ค้า พ่อค้าก็ไม่รู้ ใช้ไปเรื่อยๆ เปื่อย ๆ กันหมด ที่น่าตกใจคือ ผมเห็นพ่อค้ารถเข็น และที่ขายก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่ ใช้ถังสี หรืออาจจะเป็นถังสารเคมี มาใส่น้ำ ใส่ถ้วยจานต่าง ๆ เยอะแยะมากมาย ไม่เชื่อไปตรวจสอบดูกันเองได้ ไม่แน่ใจว่าจะมีใครได้รับสารพิษจากสารเคมีพวกนี้ไปแล้วบ้าง บ้านเรากฏหมาย และองค์กรเพื่อผู้บริโภคอ่อนแอมาก ๆ คงช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก ต้องช่วยตัวเองกันนะครับ ผมขอเพิ่มเติมเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องคือ ขวดนมเด็กหลายยี่ห้อในท้องตลาดมีการใช้วัสดุที่เมื่อเด็กกินนมไปแล้วจะได้รับสารพิษที่เรียกว่า BPA นะครับ ระยะหลังคือราว 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเริ่มมีการผลิต ขวดนมแบบ BPA Free ออกมาขายแล้วนะครับ แต่เท่าที่ผมดูทั่วไป คนยังไม่ค่อยสนใจ และรับรู้กันเท่าไหร่ครับ สารพวกนี้จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองเด็ก พวกฝรั่งตกใจกันมาก หลายประเทศสั่งห้ามนำเข้าขวดนมแบบนี้แล้วครับ ที่มีลักษณะเป็นขวดใส ๆ แข็ง ๆ ขาว ๆ ที่ปลอดภัยจะเป็นสีเหลือง ๆ ขุ่น ๆ หน่อยครับ ฝรั่งกลับมาฮิตขวดนมที่ทำจากแก้วกันมากมาย บ้านเราหาซื้อได้แต่ยากหน่อยเพราะ จะต้องนำเข้าจากประเทศอื่นครับ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ว่างๆ ลองค้นหาจาก google ดูนะครับ ค้นเจอแล้วจะตกใจ อนึ่ง มีคนพูดถึงข้าวกล้องใช้กระบวนการขัดสีน้อยกว่า ทำไมแพงกว่า เพราะว่า เมื่อก่อนพอไปโรงสี สีข้าวให้ขาว จะได้ทั้งข้าวขาว ได้รำข้าว ซึ่งรำข้าวก็ขายได้นะครับ ยุคก่อนข้าวแดงน่าจะราคาถูก เพราะไม่มีคนแย่งกันกิน มีแต่นักโทษหรือคนจน ๆ ที่จะได้กินกัน พอระยะหลังความรู้มันวิ่งเข้ามาหาเรามากมาย คนวิ่งกลับไปหาข้าวแดงกันมากขึ้น พ่อค้าดีใจมากขึ้นราคากันไปครับ ต้องไปบวกราคากับค่าสูญเสียรายได้จากรำข้าวด้วยไงครับ อันนี้ทำให้ราคาก็แพงขึ้น น่าจะเป็นส่วนทำให้เราต้องกินข้าวแดง แพง ๆ กันต่อไปอีกนานแสนนาน ผมรู้เท่านี้นะ ใครรู้ลึกก็ช่วยอธิบายต่อแล้วกันครับ หมดแรงพิมพ์และครับ จากคุณ : เต่าน้อย/taonoi_@hotmail.com (เต่าน้อย) - [ วันวิสาขบูชา 21:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 99 รู้มานานแล้วครับตามความเห็นที่80บอก ตั้งแต่12ปีที่แล้วเพราะพี่ชายเป็นวิศวกรเคมีโรงงานน้ำตาลคุมrefiningเอง ตอนปิดเทอมกับช่วงเกษตรแฟร์ไปอยู่กับพี่ชาย เค้าพาไปเดินไลน์ประจำ เพราะว่าเราก็เป็นFSTเลยมีนิสัยอยากรู้processการผลิตด้านนี้อยู่แล้ว    เราพยายามบอกทุกคนมานานแล้วแต่ไม่มีใครฟัง กระแสไอ้บ้าสาทิส ชีวจิต มันหลอก.....จะว่าหลอกดีไม๊  แต่ผมว่าเค้าอ่านตำราตอนสมัยเค้ายังหนุ่มซัก50ปีที่แล้ว วิธีการผลิตโดยใช้ฟอกขาวมันเคยมี แต่มันกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   แต่เรามีประเด็นอันตรายใหม่ที่ได้มาโดยบังเอิญคือ  ถ้าลองเอาน้ำตาลทรายแดงมาวิเคราะห์โดยเครื่องGC แล้วเอาสารflavorที่ได้มาเทียบกับList สารก่อมะเร็งของFDAอเมริกา จะพบสารก่อมะเร็งอย่างน้อย4ตัวครับ   ไม่เชื่อลองได้ครับ พอดีได้อ่านข้อมูลดิบที่ใช้ในการเสนอผลงานทางวิชาการของนิสิตป.โทFSTของเกษตร2คน ที่เป็นเพื่อนสมัยปริญญาตรี ตอนประมาณปี45-46  เพราะตอนนั้นจะมีการวิเคราะห์smoke flavorของอ้อยด้วยGC แล้วผมไปเทียบกับFlavorของน้ำตาลทรายแดง แล้วก็listสารก่อมะเร็งที่เคยsearchในgoogle มันดันmatchกันซะ รูปตามความเห็น85 มีโอกาสเป็นได้2ตัวครับ น้ำตาลทรายขาว white sugar  น้ำตาลกระสอบ น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์  purified white sugar น้ำตาลแบบถุง แพงกว่า ต่างกันที่ความสะอาด การปนเปื้อน ความขาว ราคา จากที่เคยตรวจรับน้ำตาลทุกวัน purified white sugar ผลเชื้อดีกว่า น้ำหนักต่อกระสอบครบกว่า นั่นคือในแง่นักวิทยาศาสตร์ แต่ในแง่คนทำอาหารก็ต้องยอมรับความจริงว่าน้ำตาลทรายแดงทำขนมอร่อยกว่าครับ แต่อันตรายกว่า แก้ไขเมื่อ 10 พ.ค. 52 13:40:09 จากคุณ : praanew - [ 10 พ.ค. 52 13:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 100 โหวต เป็นกระทู้หวานแห่งปี จากคุณ : โรงน้ำแข็งร้าง - [ 10 พ.ค. 52 20:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 101 โอ้ .............. จากคุณ : ตัวตลกจมูกแดง - [ 11 พ.ค. 52 00:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 102 'งง ตอนนีี้มีปัญหาเรื่องเรียกชื่อไม่เหมือนกัน 1. น้ำตาลผงๆเหมือนทราย ที่ใส่เฉาก๊วยเรียกว่า น้ำตาลอ้อย เป็นทางการรึเปล่า จขกท พูดถึงน้ำตาลอันนี้หรือ แบบน้ำตาลทรายผลึกสีทอง 2.ถ้าอันแรกเรียกทรายแดง แบบน้ำตาลทราย เรียกน้ำตาลผลึกทอง ใช่ไหม 3.เราว่าถ้าเป็นอย่างเจ้าของกระทู้จริง อย.คงไม่ให้ผ่านมีกากผสมอยู่ ยิ่งเราส่งออกด้วยเมืองนอกตรวจเข้มกว่าเราคงโดนกีดกันไปแล้ว คห.80 น่าเชื่อถือสุด มันต้องเคลือบสีปั้นเพิ่ม น้ำตาลผลึกจึงแพงกว่าแบบขาว แต่แบบผงถูกกว่าเพราะกระบวนการน้อยดูสกปรก ไม่รู้ว่าที่ คห 99 เทส เป็นแบบผงในเฉาก๊วย หรือแบบผลึก งงตรงชื่อเรียก แต่อ่านโดยสรุป น้ำตาลทรายขาวดี สะอาดแล้ว แต่ถ้าอยากกินแบบผลึกเคลือบคาราเมล ไม่ได้ช่วยด้านสุขภาพแค่อร่อยกว่า แพงกว่า แบบที่ชีวจิตเข้าใจนั้นผิด เพราะก็ฟอกเท่ากันแต่เคลือบสีเพิ่ม แต่ถ้าหมายถึงน้ำตาลเฉาก๊วยกระบวนการน้อยแต่สกมกแน่  อันนี้ที่เข้าใจ ไม่เข้าใจแต่ชื่อเรียก จากคุณ : mary_kidz - [ 13 พ.ค. 52 07:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 103 น้ำตาลมันไม่ได้ซกมกมังครับ ที่ซกมกควรจะเป็นโรงงานน้ำตาลมากกว่ามั้ง น้ำอ้อยที่เราเห็นคั้นสดตามรายทางตลาดต่างๆ ก็ไม่เห็นมันจะซกมกตรงไหนพอเอามาแปรรูปด้วยการเคี่ยวจากโรงงาน กลับกลายเป็นซกมกไปได้แปลกจริงๆแถมสารก่อมะเร็งอีกต่างหาก น้ำตาลที่ จขกท.พูดน่าจะหมายถึงน้ำตาลทรายขาวแบบฟอกน้อย ที่เป็นเม็ดทรายสีออกน้ำตาลอ่อนๆซึ่งมักจะเรียกว่าน้ำตาลทรายแบบไม่ฟอกสี ส่วนที่ใส่เฉาก๊วยเราเรียกกันว่าน้ำตาลทรายแดง(ค.ห.83)ซึ่งไม่ใช่แบบที่พูดถึง จากคุณ : S40 - [ 13 พ.ค. 52 14:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอนอกเรื่อง เห็นมีคนพูดเรื่องข้าวแดงแพง ตอนที่ยังถูกๆ เคยต้มให้สุนัขที่บ้านกิน ส่วนคนกินข้าวขาว ตอนนี้กลับกัน คนกินข้าวแดง สุนัขกินข้าวขาว ซะงั้น... ส่วนราคาก็คงเป็นเรื่องกลไกตลาด supply กับ demand นั่นแล... จากคุณ : Descartes - [ 13 พ.ค. 52 20:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณทุกสาระค่ะ จากคุณ : MAE FAI - [ 13 พ.ค. 52 21:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอพูดเรื่อง สารก่อมะเร็ง หน่อย สารก่อมะเร็งมันไม่ได้มาจากน้ำตาลหรอกค่ะ มันมาจาก ดินที่ปลูกอ้อย.. มีเพื่อนที่เค้าทำวิจัยเรื่องนี้อ่ะ คือ.. เวลาปลูกอ้อยอ่ะ เค้าจะนิยมไปปลูกกันในดินที่ทำอะไรไม่ค่อยได้(จำได้คร่าวๆนะว่าเป็นแบบนี้) แล้วทีนี้ ไอ้ดินที่ว่า ก็คือที่ๆ อยู่ใกล้ๆที่ๆเคยเป็นเหมืองมาก่อน (ในจังหวัดหนึ่ง .. ขอสงวนนามจังหวัด 555) ดังนั้น ในดิน จึงมีโลหะหนักตกค้างอยู่.. โดยเฉพาะ Cd Pd.. (จำได้แค่นี้อ่ะ แบบว่า เป็นตัวหลัก) แล้ว อ้อยมันก็ดูดขึ้นมา .. แล้วก็สะสมอยู่ในน้ำอ้อย --" แล้วก็ตามที่เห็น.. อ้อยก็ เข้าโรงงานน้ำตาล แล้วก็มาเป็นน้ำตาลให้เรากิน><" ปล. อธิบายแบบงงๆ.. เพราะไม่ใช่งานตัวเอง 55 จากคุณ : Bubble_eis - [ 14 พ.ค. 52 00:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตอบ 103 น้ำอ้อยเวลาคั้นกินเค้าคั้นทีละลำสองลำ มีเวลาล้างครับ น้ำตาลทรายในโรงงานอุตสาหกรรมหน่ะ หีบอย่างน้อยๆวันหนึ่งก็ 10,000 ตัน (โรงงานน้ำตาลที่มีการผลิตต่อวันมากที่สุดในโลกอยู่ในประเทศไทย หีบได้วันหนึ่ง 50,000 กว่าตัน) ไม่มีเวลามาล้างทุกลำหรอกครับ ชาวไร่ใส่อ้อยมาบ้าง ตักดินตักทรายใส่รถเพิ่มน้ำหนักมาบ้างก็ไม่มีเวลามานั่งค้นหรอก มาถึงโรงงานจับชั่งน้ำหนักทั้งคันรถก็จับรถยกเทลงไปทั้งคันรถนั่นแล   เพิ่มเติมหน่อย ในตลาดของไทย จะมีน้ำตาลทรายที่ผลิตเป็นอุตสาหกรรมขายอยู่สองแบบ (สังเกตได้ที่ข้างกระสอบ) 1. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ พวกนี้จะขาวเนียนมาก เม็ดเล็กๆหน่อย พวกน้ำตาลสีขาวมากๆปกติที่ขายใส่ถุงตามห้างจะเป็นน้ำตาลแบบนี้ 2. น้ำตาลทรายขาว พวกนี้ในโรงงานจะแบ่งเป็น w1 w2 w3 อีกที ยิ่งตัวเลขมากก็จะยิ่งเหลืองมาก พวกนี้จะราคาถูกกว่าน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์สักหน่อย ผลิตภายใต้กระบวนการเดียวกันแหล่ะ แต่ในการผลิตมันจะมีการ "วนน้ำเหลือง" คือเอาโมลาส(น้ำเหลือง)ที่ได้จากการปั่นสลัดน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์มาวนใส่กลับลงไปเคี่ยวใหม่ มันก็จะได้น้ำตาลที่เหลืองกว่าหน่อย ตลาดต่างจังหวัดหรือที่มักจะใช้ชงกาแฟโบราณกันมักจะเป็นน้ำตาลประเภทนี้ครับ (ที่เห็นเม็ดใหญ่ๆเหลือง) มันจะมีกลิ่นหอมของโมลาสนิดๆ (ไม่ถึงกับหอมคาราเมลเหมือนพวก gold) แล้วก็มีราคาถูกกว่าขาวบริสุทธิ์ ในเรื่องความสะอาดก็ต่างกันไม่มากครับ มันฟอกเหมือนกันแหล่ะครับ ไม่มีฟอกน้อยฟอกมากหรอก เอ้อ แล้วก็กรณีเดียวที่โรงงานน้ำตาลจะเอาโมลาสกลับไปฉีดใส่น้ำตาลที่ผมเคยได้ยินมาคือ น้ำตาลทรายดิบส่งออกประเทศญี่ปุ่น (j spec) เพราะเป็นประเทศประหลาดที่ระบุสเป็กน้ำตาลทรายดิบไว้ห่วยมาก บางทีโรงงานไทยทำออกมาดีเกิน ส่งไปญี่ปุ่นไม่ได้ก็ต้องเอาโมลาสมาพ่นใส่ให้มันสกปรกขึ้นหน่อย แค่นั้นแล   แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 10:59:29 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 10:52:15 จากคุณ : คิลลี่แมน - [ 14 พ.ค. 52 10:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 108 น้ำตาลทรายสีทองที่ราคาแพงๆ อย่างที่คุณคิลลี่แมนว่า ใช่น้ำตาลกรวดป่ะ? เราใช้ชงกาแฟที่บ้านประจำล่ะ ทำให้กาแฟมีกลิ่นคาราเมลหน่อยๆ อร่อยดี จากคุณ : i aM uNiQuE GaLaxY - [ 14 พ.ค. 52 13:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 109 thank you ka~ (^^) จากคุณ : YUyu - [ 14 พ.ค. 52 14:09:53 A:210.188.16.77 X: TicketID:171707 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอารูปมาให้ คห.103 ดูว่า มันซกมกขนาดไหนในกระบวนการผลิตน้ำตาล นี่แค่ผลิตน้ำตาลทรายดิบนะคะ เวลาเปิดฤดูช่วงหีบอ้อย รถบรรทุกจะขนอ้อยมาส่งที่โรงงานแล้วเข้าเครื่องหีบ จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 111 หลังจากนั้นเข้าเครื่องหีบ ทุกส่วนของอ้อยจะผ่านเครื่องบีบขนาดยักษ์ จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 112 น้ำอ้อยที่ออกมาจะสกปรกมาก ต้องเติมปูนขาวลงไปเพื่อให้จับกับสารแขวนลอย เร่งการตกตะกอน จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แล้วเข้าสู่หม้อกวน เพื่อกวนให้ปูนขาวกับน้ำอ้อยเข้ากัน หน้าตาแบบนี้แหละ จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 114 จากนั้นถึงจะนำไปผ่านลูกกลิ้งยักษ์อีกอัน เพื่อแยกตะกอนกับน้ำอ้อยที่บริสุทธิ์ขึ้นออกจากกัน ขั้นตอนนี้จะได้น้ำอ้อยพร้อมเข้าสู่หม้อเคี่ยว ตามที่ความเห็นด้านบนๆ บอก จนถึงตอนนี้ ไม่มีการใช้ซัลเฟอร์เพื่อฟอกขาวน้ำอ้อย ถ้าใส่ซัลเฟอร์ เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ กันการเน่าเสียมากกว่า จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 115 น้ำอ้อยที่ได้จะเข้าสู่หม้อต้มระบบสูญญากาศ เพื่อจะได้ใช้อุณหภูมิต่ำในการต้มเคี่ยว ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลี้ยงผลึกน้ำตาล จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขั้นตอนการเลี้ยงผลึกน้ำตาล จะแบ่งเป็นหลายๆ หม้อ เพื่อเพิ่มขนาดของผลึกน้ำตาลให้ใหญ่ขึ้น น้ำในหม้อที่สามซึ่งผ่านการต้มเคี่ยวจนไม่สามารถเพิ่มขนาดผลึกได้แล้ว จะเรียกว่าโมลาส จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ตัวผลึกของน้ำตาลประกอบด้วยซูโครสเท่านั้น ซูโครสไม่มีสี แต่ที่มีสีน้ำตาลเพราะว่าถูกเคลือบอยู่ด้วย impurity ต่างๆ ซึ่งต้องเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป นั่นคือการล้างน้ำและปั่นแห้ง หน้าตาเครื่องเหมือนเครื่องปั่นผ้าขนาดใหญ่ ระหว่างที่ปั่นจะมีการฉีดน้ำสะอาดเข้าไป เพือล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผลึกน้ำตาล เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้จะได้น้ำตาลทรายดิบ จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 118 น้ำตาลทรายดิบที่ผลิตได้ยังไม่สามารถจำหน่ายได้ ตามคห. 80 ว่าค่ะ ซึ่งจากขั้นตอนนี้ โรงงานน้ำตาลจะนำไปผลิตน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายทองต่อไป จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 119 หน้าตาของน้ำตาลทรายดิบค่ะ ผลึกจะโตหน่อย สีน้ำตาลตุ่นๆ จากน้ำตาลทรายดิบ ไปเป็นน้ำตาลทรายขาว เค้าจะเอามาละลายน้ำแล้วต้มเคี่ยวใหม่ บางโรงงานจะเติมกรดฟอสฟอริก (แบบที่ใส่ในน้ำอัดลมน่ะ) ลงไปเพื่อทำให้น้ำตาลทรายขาวขึ้น ด้วยกระบวนการต้ม ล้าง ปั่นแห้ง และขั้นตอนต่างๆ ในการผลิตน้ำตาลทรายขาว ดังนั้น น้ำตาลทรายขาว จึงเป็นอาหารที่บริสุทธิ์ที่สุดค่ะ จากคุณ : AjN_O - [ 14 พ.ค. 52 15:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 120 แม่เจ้า !!!  ( กระแดะไปมั๊ย ) อยากอุทานแบบนี้จริง ๆ พอเห็นรูปใน #111 - #114 สกปรกจริงๆ ด้วย .... เฮือกกกกกกกกกก .... ... ปล. กำลังจะขอบคุณ จขกท. และท่านอื่น ๆ ที่เอาความรู้มาลงให้  ลืมหมดเลย   -*- ขอบคุณนะค๊าาาา ... แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 14:02:09 จากคุณ : เบนซิน - [ 15 พ.ค. 52 13:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 121 สงสัยมากค่ะว่า หน้าตาโรงงานแบบนี้ ผ่าน GMP HACCP อะไรได้อย่างไร ผ่านมาตรฐานการส่งออกได้อย่างไร สงสัยจริงๆนะคะ เมื่อก่อนไป audit supplier ทั้งแป้ง ทั้งน้ำตาล หน้าตาแบบนี้หมดเลย จากคุณ : Sirbb (SirBB) - [ 15 พ.ค. 52 19:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ที่บ้านกินแต่น้ำตาลทรายแดงอ้ะ แต่ตอนออกไปนอกบ้านก็ไม่รู้แล้ว จากคุณ : N'Wan - [ 16 พ.ค. 52 00:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ ชอบรูปประกอบครับ จากคุณ : parad - [ 16 พ.ค. 52 15:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 124 thanks krab จากคุณ : samsam - [ 16 พ.ค. 52 20:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เท่าที่เราทราบ เมื่อก่อนใช้สารซัลเฟอร์ ในการฟอกขาว ดังนั้น ถ้ากินน้ำตาลไม่ฟอกขาว แสดงว่าไม่ได้ใช้สารเคมีฟอก แต่ปัจจุบัน เขาเปลี่ยนวิธีการฟอกขาวเป็นการผ่านถังกรองเรซิน cation&Anion ในการทำให้ขาว เหมือนการกรองน้ำค่ะ ดังนั้นสะอาด และปลอดภัย ส่วนน้ำตาลทรายแดง (ไม่ฟอกขาว) ได้รับการยืนยันมาค่ะว่า..... สกปรก คอดๆ...... เราเองก็ไม่ค่อยทานค่ะ จากคุณ : JewJangg (JewJangg) - [ 17 พ.ค. 52 06:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 126 โรงงานน้ำตาลมีมดไหมครับ หรือมดมันเป็นเบาหวานตายหมดแล้ว จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 17 พ.ค. 52 18:51:40 A:115.67.77.234 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมยืนยันครับ น้ำตาลทรายขาวมันไม่ดีจริง ๆ ครับ มันแพงอิ๊บ จากคุณ : มวลมารลำพอง (มวลมารลำพอง) - [ 17 พ.ค. 52 20:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เรียนคุณ Bubble_eis (ความเห็น 106) เรื่อง แคดเมี่ยม ที่เป็นโลหะหนักอันตรายต่อร่างกายที่เหมืองแร่รายใหญ่ทำกระจายไปทั่วพื้นที่จนชาวนาขายข้าวไม่ได้เพราะมันมีแคดเมี่ยมปนในข้าว เขาก็พยายามหาทางช่วยเหลือชาวนาด้วยการให้ปลูกอ้อยแทน แต่ไม่ได้เอาไปผลิตน้ำตาลครับ เขารับซื้ออ้อยทั้งหมดไปทำเอทานอลไปทำก๊าซโซฮอล์เติมรถ โรงงานเอทานอลเขาสร้างเสร็จแล้วเริ่มผลิตแล้วครับ จากคุณ : นกรู้ - [ 18 พ.ค. 52 18:14:33 A:203.107.230.39 X: TicketID:216654 ]