ความคิดเห็นที่ 1 20. สาหร่าย เป็นพืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้าม คุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย ในปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆ จากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 19. หัวหอม ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรค เบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 18. มะนาว เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษและทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 17. เมล็ดแฟลกซ์ ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 16. กระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความ สะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 15. ทับทิม ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามรถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยาแก้ ปวด ช่วยล้าง พิษลด การติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และลดอาการอักเสบ สำหรับผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 14. พืชตระกูลถั่ว (เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วย พืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 13. ขึ้นฉ่าย ถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความ สะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควัน บุหรี่ด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 12. แครอท เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ( Alpha and Beta-carotene ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ วิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และจากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง และช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจ และหัวใจแข็งแรงขึ้น จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 11. มะเขือพวง คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภท ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วย ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าง แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 10. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เป็นผลไม้รสชาติดีที่ได้รับ ความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ ร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 9. กระเทียม จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึง คุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 8. บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์ สูงมากชนิดหนึ่งและถือเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 17:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 7. กะหล่ำ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูล อิสระ ( Antioxidant ) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 6. บีตรูต ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผัก มหัศจรรย์ซึ่งเประกอบไปด้วยไฟโรเคมีคอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ทำความสะอาดตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติพิเศษที่ส่งเสริมให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรด-ด่าง ในเลือดให้สมดุลด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:03:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 5. อะโวคาโด อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน( Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รออ่านสาระดีๆค่ะ จากคุณ : love_me_indeed - [ 12 พ.ค. 52 18:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 4. ตำลึง ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้ว หาง่าย และราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 3. แอปเปิล ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเบิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เหอะๆ ว่าไมข้อความมันเกินมา  นึกว่าพิมผิด มีคนปาดนี่เอง อิอิ ใกล้จะจบแล้วค่ะ ^ ^ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 2. อัลมอนด์ เป็น ถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกาย ในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึง ควรกินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia ) จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สุดท้ายแล้วววว เกือบทุกบ้านมีแน่ๆค่ะ หาง่าย กินง่าย มันก็คือ 1. กล้วย มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรง แก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกิออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณที่ติดตามนะคะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆ กินง่าย ถ่ายสะดวกนะคะ  ^^ จากคุณ : Epiglottis - [ 12 พ.ค. 52 18:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อมูลดีมากค่ะ เป็นประโยชน์มากๆเลย ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เหนือสุดสยาม - [ 12 พ.ค. 52 18:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 น่ากินสุดๆ ของไทยพื้นบ้านนี่แหละ อร่อยและมีประโยชน์ จากคุณ : เชอรี่ลูกกลมๆ - [ 12 พ.ค. 52 18:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ จากคุณ : อ้วนเอาอ้วนเอา (CafeTg) - [ 12 พ.ค. 52 18:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาให้ กิ๊บ แทนคำขอบคุณค่ะ จากคุณ : ผักแป้น - [ 12 พ.ค. 52 19:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุนมากคะ จากคุณ : Poonhorm - [ 12 พ.ค. 52 19:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กล้วยนี่ เป็นกล้วยน้ำว้านะครับ จะช่วยได้เยอะเลย จากคุณ : T-TprincecryT-T - [ 12 พ.ค. 52 19:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ดีใจจัง เพราะเป็นของที่เรากินประจำเกือบทุกอย่าง ยกเว้นกล้วย.. จากคุณ : ใบยี่หร่า - [ 12 พ.ค. 52 19:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดิฉันกดโหวตและคลิกลงคลังโดยไม่ลังเลเลยค่ะ สำหรับกระทู้นี้ จากคุณ : Regenbogen ^_^ - [ 12 พ.ค. 52 19:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบกินเกือบทุกอย่างเลยค่ะ โดยเฉพาะพวกถั่วๆนี่ จากคุณ : ฟันคุดน้อยซี่ที่7 - [ 12 พ.ค. 52 19:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณ เมื่อก่อนตอนเป็นสาวไม่ค่อยชอบผัก แต่ยิ่งอายุมากขึ้น จึงเห็นคุณประโยชน์ของผัก ต้องหาผักมาทานอย่างน้อยอาทิตย์ละห้าวัน ทานแล้วจะรู้สึกร่างกายเบา สดชื่น และท้องไม่อืด จากคุณ : พนอจัน - [ 12 พ.ค. 52 19:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ข้อมูลมีประโยชน์มาก  รูปสวยมาก  ชอบจังเลย จากคุณ : changkosang - [ 12 พ.ค. 52 20:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดีมากครับ แต่ กระหล่ำ  ต้องระวังให้มากๆ    ลองไปดู  วิธีปลูก ใน TV TPBS  จะพบคนปลูก  ยังไม่กล้าทานเองเลย ตัวกระหล่ำ คง OK  แต่  สารเคมี ที่ปลูก นี่สิ  น่าคิดนะ จากคุณ : จัตตาโร - [ 12 พ.ค. 52 21:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆ จากคุณ : เลวอยู่เยอะ - [ 12 พ.ค. 52 21:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กระทู้นี้โดนใจสุดสุดคะ เพราะบางทีผักฤาผลไม้บางอย่าง ก้อพอจะทราบข้อดี...-ของเค้าอยู่บ้าง แต่ข้อมูลที่คุณ Epiglottis นำเสนอเนี่ย มีการระบุพวกสารอาหาร และคุณสมบัติเด่นๆ ทำให้ได้ข้อมูลเยอะมากเร้ยค่ะ.... "ขอบคุณนะคะ" จากคุณ : JiNNyinthebOttle - [ 12 พ.ค. 52 22:17:50 A:58.8.127.62 X: TicketID:178229 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณมกา ๆ เลยค่ะ ขออนุญาตลอกนะคะ จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 13 พ.ค. 52 00:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความหวังดีครับ แต่บางเรื่องดูเหมือนจะบรรยายสรรพคุณเกินความจริง จับนู่นผสมนี่ ผมคิดว่าน่าจะชั่งใจไว้นิดๆ และหาข้อมูลตามหลักวิทยาศาตร์มาอ้างอิงประกอบด้วยครับ อาจจะปรึกษาห้องหว้ากอก็ได้ จากคุณ : cHemon - [ 13 พ.ค. 52 01:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับการแบ่งปันดีๆ จากคุณ : DangCola - [ 13 พ.ค. 52 02:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ต้องพึงระวังเช่นกันค่ะ เอาเท่าที่จำได้นะคะ ๒๐. สาหร่าย ส่วนใหญ่เกิดในระดับน้ำตื้น ที่แสงแดดส่องถึง หรือ ปากอ่าวต่างๆ เมื่อ "สามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย" ไม่ใช่แค่จับโลหะหนักในร่างกายเราอย่างเดียว แต่ยังจับโลหะหนักที่ถูกปล่อยลงมาในทะเลอีกด้วยค่ะ สาหร่ายจากบางแหล่ง จึงมีโลหะหนักอยู่มาก เมื่อเราทานเข้าไป จะเกิดการสะสมของโลหะหนักในร่างกายเราแทนค่ะ ต้องศึกษา และ เลือกที่มา ของสาหร่ายก่อนทานนะคะ ๑๔. พืชตระกูลถั่ว พึงระวังสารอัลฟ่าท๊อกซิน และ ถั่วที่มาจากอเมริกา โดยเฉพาะถั่วเหลือง เป็นถั่ว GMO เป็นส่วนใหญ่ ผลการวิจับเรื่อง GMO ยังไม่ชี้ชัดว่าอันตรายรึไม่ ในระยะยาว แต่ขอปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าค่ะ และถั่วเหลืองเองก็มีผลวิจัยใหม่ๆ ว่าเปนตัวก่อมะเร็ง หรือ ตัวเร่งกระบวนการเกิดมะเร็งด้วยค่ะ ๑๒. แครอท หลีกเลี่ยงแครอทจีนนะคะ ราคาถูกก็จริง แต่สะสมไปด้วยสารเคมีต่างๆ ๑๑. มะเขือพวง อันนี้ขอนอกเรื่องค่ะ ผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ฟังว่า แกงที่ใส่มะเขือนี่ สมัยก่อน ถ้าเปนแกงในวังเขาไม่ใส่มะเขือกัน ใส่แต่เนื้อสัตว์ค่ะ ส่วนชาวบ้าน เนื้อสัตว์หายาก มีราคาสูง จึงใส่มะเขือเยอะๆแทน เพราะไม่ต้องซื้อหาค่ะ ๗. กะหล่ำ นอกจากกระหน่ำสารเคมีในการปลูก ตาม คห.๓๕ แล้ว ในกะหล่ำดิบ ยังมีสารบางชนิด ที่เราจำชื่อไม่ได้ค่ะ ถ้ากินกะหล่ำดิบมากๆ ติดต่อกัน จะเกิดโทษแทน ควรกินกะหล่ำที่ทำให้สุกเต็มที่ค่ะ ๓. แอปเปิล นอกจากสารเคมีในการปลูกแล้ว ยัง "แวกซ์" ที่เคลือบผิวแอปเปิล เพื่อรักษาความสดได้นานๆ จะเข้าไปเคลือบกระเพาะ ลำไส้ให้ไม่สามารถดูดซึมอาหารได้ตามปกติ ควรปอกเปลือกก่อนทานทุกครั้งค่ะ และความเห็นส่วนตัวนะคะ เราว่าคุณประโยชน์ของแอปเปิลเนี่ย เปนโฆษณาแฝงของวงการอุตสาหกรรมการเกษตรของสหรัฐค่ะ กิน "ฝรั่ง" ดีกว่า วิตามินซีสูงพอๆกับแอปเปิล ไฟเบอร์ก็สูงเหมือนกัน อาหารที่ไฟเบอร์สูง ส่วนใหญ่ก็ช่วยจับคอเลสเตอรอล รวมถึง ผลัก ดัน สิ่งสกปรกตกค้างออกจากลำไส้ได้อยู่แล้วค่ะ ๑. กล้วย มีประโยชน์มากจริงๆค่ะ แต่มีคุณหมอผิวหนังท่านนึง บอกว่า ในกล้วยมีวิตามิน B สูง บางคน ขอย้ำว่าบางคนเท่านั้น เมื่อทานกล้วย สิวจะขึ้นบริเวณคางค่ะ ซึ่งเพื่อนเราคนนึงก็สิวขึ้นทุกครั้งที่กินกล้วยจริงๆค่ะ คงต้องสังเกตตัวเองนิดนึงนะคะ ทั้งหมดเปนข้อมูลจากความจำของเรา ถ้าผิด-ถูกอย่างไร ช่วยกันแก้ไขได้ค่ะ จากคุณ : ราตรีสีนวล - [ 13 พ.ค. 52 02:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอ...ทำไมสูตรนี้ไม่มี "แตงโม" เหมือนอีกสูตร เขาว่าล้างพิษเหมือนกันนี่นา . จากคุณ : เหมยคลองตู (Fat Boy) - [ 13 พ.ค. 52 02:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อุ๊ย...ขออภัยรูปข้างบนผิดครับ อิ อิ . จากคุณ : เหมยคลองตู (Fat Boy) - [ 13 พ.ค. 52 02:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ เรื่องกินเรื่องใหญ่จริงๆนะเนี่ย             เดี๋ยวนี้หันมากินผักผลไม้มากขึ้นเหมือนกันค่ะ จากคุณ : catcompany - [ 13 พ.ค. 52 05:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณฮับ จากคุณ : pikaball - [ 13 พ.ค. 52 07:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ๗. กะหล่ำ นอกจากกระหน่ำสารเคมีในการปลูก ตาม คห.๓๕ แล้ว ในกะหล่ำดิบ ยังมีสารบางชนิด ที่เราจำชื่อไม่ได้ค่ะ ถ้ากินกะหล่ำดิบมากๆ ติดต่อกัน จะเกิดโทษแทน ควรกินกะหล่ำที่ทำให้สุกเต็มที่ค่ะ จำได้ว่า น้องสาวก้อบอกมาแบบนี้ครับ (น้องเรียนฟูดเทค) เห็นว่าเวลาต้มกระหล่ำ นี่ห้ามปิดฝานะครับ เพราะมันจะคายสารพิษออกมา ถ้าปิดฝา แทนที่มันจะระเหยออกไป มันจะกลับมาอีก อ่ะ จากคุณ : vn, man - [ 13 พ.ค. 52 09:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยค่ะ จากคุณ : กล้วยไม้สีเงิน - [ 13 พ.ค. 52 10:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ในกะหล่ำปลีดิบ จะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีนไปสร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุกจะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ จากคุณ : panard1 - [ 13 พ.ค. 52 11:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สะดุดที่ข้อ 20 ที่ว่า สาหร่าย ช่วยดูดรังสีที่สะสมในร่างกายได้ ขอแหล่งที่มาของข้อมูลได้ไหมครับ? ฟังดูมั่วๆชอบกล --==NICK==-- จากคุณ : NICK (||ic|<) - [ 13 พ.ค. 52 13:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สุดยอดเลยจ้า   ปกติชอบกินถั่วพวก แมคคาเดเมีย , พิสตาชิโอ , อัลมอนด์ , เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสงต้ม   มากๆ     ไม่ทราบว่าถั่วพวกนี้มีไขมันหรือโคเลสเตอรอลมั๊ยจ๊ะ จากคุณ : starwall - [ 13 พ.ค. 52 14:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คห.๔๒ - แตงโมอันนี้ดูดสารอย่างอื่นครับ...อิอิ จากคุณ : พี่เข้ม ณ.หัวหมาก - [ 13 พ.ค. 52 16:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับ จริงๆ ก็ชอบทานเกือบทุกอย่าง (เว้นพวกผลไม้) แต่รู้สึกจะชอบไอ้ของที่เป็นโทษกับร่างกายมากกว่านิดหน่อย แหะๆ จากคุณ : นั่งอยู่คนเดียว - [ 13 พ.ค. 52 17:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณค่ะ ^^ จากคุณ : Olive-ay - [ 13 พ.ค. 52 17:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วเม็ดแมงลักหล่ะค่ะ มันช่วยในการขับถ่ายหรือเปล่า ? จากคุณ : สาวน้อยฮอลลี่ - [ 13 พ.ค. 52 18:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 55 กินกล้วยน้ำว้าทุกวันมาเป็นปีแล้วอ่ะ ทุกวันนี้หักห้ามใจไม่ให้กินเกินสามลูก เพิ่งรู้ว่าเป็นสุดยอดอาหารล้างพิษซะด้วย จากคุณ : =U_U= PoRpLe - [ 13 พ.ค. 52 19:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เราชอบกินหลายอย่างในกระทู้นี้เลยยย ขอบคุรสำหรับสาระดีๆนะคะ จากคุณ : momobell - [ 13 พ.ค. 52 20:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ใน คห 4 เมล็ดเฟล็กซ์ นำมาทำอะไรกินได้บ้าง ใครรู้ช่วยแนะนำกันบ้าง จากคุณ : อยากกิน (nuiorji) - [ 13 พ.ค. 52 21:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไม่มีอาหารชนิดใดที่ดีที่สุด มีทั้งคุณและโทษปะปนกันไป ต้องทานให้หลากหลายเพื่อลดโทษจากอาหารชนิดนั้น และได้ประโยชน์หลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน นอกจากอาหารแล้ว ยังต้องพิจารณาร่างกายของตัวเองประกอบด้วย เช่นกล้วยมีประโยชน์ก็จริง แต่ก็ให้พลังงานสูง ทำให้อ้วนได้ น้ำตาลก็เยอะ คนที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานก็ควรหลีกเลี่ยง นมที่ว่าแคลเซียมสูง ถ้าคนไหนไม่มีน้ำย่อยนมในกระเพาะ ก็ไม่ควรดื่ม ท้องจะเสียเอา หอม พริก กระเทียม ก็อาจทำให้กระเพาะระคายเคือง ควรใช้นมหรือโยเกิร์ตเข้าไปลดการระคายเคือง เหล่านี้เป็นต้น การศึกษาโภชนาการ ต้องทำอยู่ตลอดเวลา เพราะมีบทความใหม่ๆ จากการทดลองและวิจัยออกมาเรื่อยๆ แต่ที่สำคัญต้องมีอีก 2 อ ครับ คือ - ออกกำลังกาย ที่ถูกต้อง เหมาะกับสภาพร่างกายและวัย (อันนี้คนจะไม่ค่อยทำกัน เพราะต้องใช้แรงจูงใจที่สูงมาก will power) - อารมณ์ดี จิตแจ่มใส คิดบวก มองโลกในแง่ความเป็นจริง (อันนี้ก็ยากอีก เพราะคนสมัยนี้ EQ น้อยมาก) สรุป ยากทั้ง 3 อ แหละครับ ก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และอย่าหลอกตัวเอง จากคุณ : ยืม login แฟนมาตอบ (กาแฟขม) - [ 14 พ.ค. 52 00:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สมมุติว่า เอาของ 20 อย่างนี้ มาปั่นรวมกันแล้วทานทีเดียวเลยรสชาดมันจะเป็นเช่นไรหนออออ แบบว่า ขี้เกียจไรงี้ -*- จากคุณ : _ไม้ป่าเดียวกัน_ - [ 14 พ.ค. 52 00:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 60 waxในแอบเปิ้ลหรือผลไม้ บางทีก็เกิดขึ้นเองค่ะเป้นปกติ ส่วนที่เค้าเคลือบมาก็เป้นแบบกินได้ ไม่ได้เคลือบกระเพาะลำไส้อะไรหรอก ก็ตัวเดียวกับที่เคลือบลูกกวาด ใส่ขนม ใส่เค้กที่เราทำๆกัน ถ้าอย่างนั้นต้องเลิกกินขนมไปด้วย แต่ก็ใช่ว่าสะอาด ล้างๆไว้ก่อนก็ดีเหมือนกัน แต่จะบอกว่ามันเข้าไปเคลือบภายในร่างกาย เป็นข้อมูลที่ผิดค่ะ จากคุณ : scarlett - [ 14 พ.ค. 52 09:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โหวตค่ะ  กระทู้นี้มีประโยชน์มากเลย จะให้ดีต้องเลือกซื้อแบบออร์แกนนิกหรือปลูกเองค่ะ   เพราะเดี๋ยวนี้เจอสารเคมีไป  แทนที่จะล้างพิษจะกลายเป็นสร้างพิษ ที่น่าห่วงคือสาหร่าย  เดี๋ยวนี้ทะเลสกปรกและมีสารปนเปื้อนมาก   ยิ่งสาหร่ายมีคุณสมบัติดูดซับสารพิษได้ดี   เกรงว่าสาหร่ายจะดูดซับสารพิษในทะเลไว้ได้เยอะค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 14 พ.ค. 52 10:29:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กรทู้ดีๆแบบนี้ต้องโหวด จากคุณ : เหล้าปั่น - [ 14 พ.ค. 52 20:20:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอถามค่ะ สรุปว่า พืชตระกูลผักกับถั่ว ต้องกินแบบสุกเท่านั้นถึงจะดีใช่ไหมคะ ตอนแรกอ่านแล้วก็นึกว่ากินดิบ เพราะว่าวิตามินชอบสลายเวลาเจอความร้อน แต่จาก คห.ข้างบน อย่างกะหล่ำถ้ากินดิบจะมีพิษเลยๆไม่แน่ใจว่าควรกินดิบหรือสุกดี น่ะค่ะ จากคุณ : ผู้หญิงมีอนาคต - [ 14 พ.ค. 52 21:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ทำไมไม่มีมะเขือเทศ บร๊อกโคลี่ ด้วยอะ ดูน่าจะประโยชน์มากกว่าพวกกะหล่ำปลี ขึ้นช่ายซะอีก จากคุณ : อะฮิ (decentcitizen) - [ 15 พ.ค. 52 06:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โอ้  ว่าทำไม  พ่อซื้อมาแต่กล้วยน้ำว้า  เรานี่แบบเอียนมากเลยอ่ะค่ะ รู้แบบนี้แล้ว  ต้องกินไม่เบื่อซะแล้ว จากคุณ : Fluoxtine - [ 15 พ.ค. 52 10:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อยากกินกล้วยเลย หาซื้อง่ายสุด^^ จากคุณ : cHoCz - [ 15 พ.ค. 52 13:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ บางอย่างผมยังไม่เคยกินเลยครับ จากคุณ : SATADA - [ 15 พ.ค. 52 15:13:14 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 50 สุดยอดเลยจ้า   ปกติชอบกินถั่วพวก แมคคาเดเมีย , พิสตาชิโอ , อัลมอนด์ , เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสงต้ม   มากๆ     ไม่ทราบว่าถั่วพวกนี้มีไขมันหรือโคเลสเตอรอลมั๊ยจ๊ะ จากคุณ : starwall - [ 13 พ.ค. 52 14:25:19 ] เฉพาะอัลมอนด์นะคะ มีส่วนในการช่วยลดไขมันค่ะ เท่าที่พอรู้มานะคะ ดังนั้นถ้าจะกิน กินอัลมอนด์ดีกว่า จากคุณ : =U_U= PoRpLe - [ 15 พ.ค. 52 17:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ที่กินประจำก็ หอม มะนาว ถั่ว คึ่นช่าย กระเทียม กะหล่ำ กล้วย.. แต่ก็แป่ว....มะเขือเทศ ผลไม้สุดโปรดตูไม่ติดโผเลย... จากคุณ : Level II - [ 15 พ.ค. 52 22:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณจ้า ทู้ดีมีประโยชน์ ชอบกินเกือบทุกอย่างเลย~~~~ จากคุณ : N'Wan - [ 16 พ.ค. 52 00:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แวะมาอ่านค่ะ มีประโยชน์มากเลย แต่แหม  อย่างเรา ชีวิตทานแต่ข้าวนอกบ้านเนี่ยเลือกของมีประโยชน์ยากจัง ส่วนมากก็สั่งแต่กระเพราไข่ดาว มันได้แต่พลังงาน เพราะเวลาน้อย อยู่ท้องจานเดียวจบ เพื่อนชอบบอกว่าเราเป็นผู้หญิงที่กินเหมือนผู้ใช้แรงงาน แป่วววววววว จากคุณ : JazzLife - [ 16 พ.ค. 52 01:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณค่ะสำหรับสาระดีดี จากคุณ : เส้นเล็กเย็นตาโฟ - [ 16 พ.ค. 52 15:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่นำมาฝากนะคะ จากคุณ : ธ.ทหารอดทน - [ 16 พ.ค. 52 15:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณค่ะๆ ผักบางอย่างเราก็ไม่ได้กินมานานมากเลย เช่น ตำลึงอะ ต้องไปหามากินมั่งแล้วละ จากคุณ : moisturizer of life - [ 17 พ.ค. 52 12:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ง่ายสุดคืออาหารไทยครับ อาหารไทยโดยเฉพาะน้ำพริกผักสดผักลวกมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอยู่แล้วครับ อาหารไทยดีที่สุดในโลกอยู่แล้วครับ แต่ต้องเข้าใจว่าการวิเคราะห์สารที่มีในผักผลไม้กับปริมาณที่ร่างกายเราดูดซึมเข้าไปได้มันไม่เหมือนกันนะครับ ขออนุญาตเอาข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขมาเผยแพร่นะครับ นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ทำการศึกษาแหล่งอาหารไทยที่มีสารต้านอนุมูลอิสระทั้ง 3 ตัวนี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลส่งเสริมให้ประชาชนทั่วประเทศได้บริโภคสารสำคัญนี้อย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยศึกษาผลไม้ที่มีบริโภคในประเทศไทย 83 ชนิด ในปริมาณส่วนที่รับประทาน 100 กรัม ผลพบว่า             ผลไม้ที่พบสารเบตาแคโรทีนมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มี 873 ไมโครกรัม รองลงมาได้แก่ มะเขือเทศราชินีมี 639 ไมโครกรัม มะละกอสุกมี 532 ไมโครกรัม แคนตาลูปเหลืองมี 217 ไมโครกรัม มะปรางหวาน มี 230 ไมโครกรัม มะยงชิด มี 207 ไมโครกรัม สัปปะรดภูเก็ต มี 150 ไมโครกรัม แตงโม มี 122 ไมโคร กรัม ส้มสายน้ำผึ้งมี 101 ไมโครกรัม และ ลูกพลับมี 93 ไมโครกรัม (ผลไม้ไทยกินขาดครับ)       ผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ขนุนหนัง มี 2.38 มิลลิกรัม มะขามเทศ มี 2.29 มิลลิกรัม มะม่วงเขียวเสวยดิบ มี 1.52 มิลลิกรัม มะเขือเทศราชินี มี 1.34 มิลลิกรัม มะม่วงเขียวเสวยสุก มี 1.23 มิลลิกรัม มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มี 1.1 มิลลิกรัม มะม่วงยายกล่ำสุก มี 0.97 มิลลิกรัม กล้วยไข่ มี 0.47 มิลลิกรัม แก้วมังกรเนื้อสีชมพู มี 0.59 มิลลิกรัม และสตรอเบอรี มี 0.54 มิลลิกรัม (อันนี้ก็ผลไม้ไทยกินขาด)       ส่วนผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ ฝรั่งกลมสาลี่ มี 187 มิลลิกรัม ฝรั่งไร้เมล็ดมี 151 มิลลิกรัม มะขามป้อม มี 111 มิลลิกรัม มะขามเทศ มี 97 มิลลิกรัม เงาะโรงเรียน มี 76 มิลลิกรัม ลูกพลับ มี 73 มิลลิกรัม สตรอเบอรี มี 66 มิลลิกรัม มะละกอแขกดำสุก มี 55 มิลลิกรัม พุทราแอปเปิล มี 47 มิลลิกรัม และส้มโอขาวแตงกวา มี 48 มิลลิกรัม (อันนี้ดันเป็นผลไม้เวียตนามกินขาดแฮะ แต่ก็ปลูกในไทย :P)         นอกจากนี้ ในกลุ่มของกล้วยต่างๆ 24 สายพันธุ์ มีทั้งเนื้อสีขาว สีเหลือง สีเหลืองอมแสด จากการศึกษา พบว่า กล้วยไข่พม่ามีสารเบตาแคโรทีนสูงสุด คือ 528 ไมโครกรัม รองลงมาคือกล้วยงาช้างมี 520 ไมโครกรัม กล้วยไข่โนนสูงมี 397 ไมโครกรัม กล้วยนางพญามี 393 ไมโครกรัม กล้วยไข่มี 271 ไมโครกรัม และกล้วยหักมุกนวลมี 270 ไมโครกรัม (ไม่รู้จักเหมือนกันครับ กล้วยไข่พม่า) นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า โดยปกติเราจะได้รับสารอาหารทั้ง 3 ชนิดจากการรับประทานอาหารโดยทั่วไปน้อย เพราะถูกทำลายได้ง่ายจากความร้อน จึงต้องเพิ่มการรับประทานผลไม้และผักสดด้วย โดยแนะนำให้รับประทานอาหารให้หลากหลายชนิดและให้ได้สัดส่วนตามธงโภชนาการ โดยใน 1 วันคนเราควรบริโภคผลไม้ให้ได้ วันละ 4 ส่วน โดย 1 ส่วนของผลไม้ หากเป็นผลไม้ขนาดเล็ก เช่น องุ่น ลิ้นจี่ ลำไย เท่ากับ 6-8 ผล, ผลไม้ขนาดกลาง เช่น ส้ม ชมพู่ กล้วยน้อยหน่า เท่ากับ 1-2 ผล ส่วนผลไม้ขนาดใหญ่เช่น แตงโม สับปะรด มะละกอ จะเท่ากับ 6-8 ชิ้นพอคำ อย่างไรก็ดี ในกลุ่มที่ต้องคุมปริมาณน้ำตาล โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานอาจต้องเลือกผลไม้ที่รสไม่หวาน ในคนไทยแนะนำให้บริโภค วิตามินอีวันละ 6-15 มิลลิกรัม และวิตามินซีวันละ 40-90 มิลลิกรัม จาก ผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2551 จากคุณ : หมอจุ๊บ - [ 17 พ.ค. 52 17:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อาหารที่กล่าวใาได้กินเป็นเรื่องปรกติ เพียงแต่ว่าเราเสียโอกาสในการรับสารอาหารไป ในการปรุง การเก็บ วิธีกิน ปลานึ่ง ผักลวก กล้วยสุก ใช้งบแค่ 50 บาท อิ่มเต็มท้อง จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 17 พ.ค. 52 18:38:50 A:115.67.77.234 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอเพิ่มเติมเรื่อง เมล็ดแฟลกซ์ หรือ เม็ดลินิน (Flaxseed หรือ Linseed) ก่อนกินต้องบดนะคะ ถ้าไม่บดร่างกายจะดูดซึมไม่ได้ดี เมืองไทยหาซื้อกินได้ค่อนข้างยากมาก ปีนึงร้านดอยคำจะเอามาขายไม่นาน หรือต้องหาซื้อจากร้านอิมพอร์ตเข้ามาอย่างวิลล่า มาร์เก็ต ตรงข้ามเอ็มโพเรี่ยม ง่ายๆ ก็คือ กินปลาแทนค่ะ ได้โอเมก้า 3 เหมือนกัน จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน - [ 17 พ.ค. 52 21:11:05 ]