ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นกันที่ แป้ง เป็นพอลิแซคคาไรด์ที่เกิดจากกลูโคสจำนวนหลายพันโมเลกุลมาต่อกัน มีโครงสร้างเป็นทั้งแบบสายยาวและกิ่งก้านสาขา แป้งมีมากในพืชประเภทเมล็ดและหัว ส่วนประกอบที่สำคัญของเมล็ดข้าวสาลีที่ใช้ทำแป้งสาลี ที่ควรรู้คือ 1. Gluten....2. Starch....3.Ash......4. Vitamins.....5.Moister ขอเขียนเพียงเรื่องของ Gluten กับ Starch Gluten คือส่วนที่โปรตีนที่อยู่ในแป้ง เป็นตัวสามารถก่อให้เกิดปฏิกริยาเพื่อได้ถูกน้ำหรือของเหลว ทำให้ขนมนุ่มนิ่ม เหนียวยืดหยุ่นมากน้อย Starch จะช่วยสร้างโครงสร้างของขนมอบและช่วยให้ก่อให้เกิดสีน้ำตาลหรือส่วนของเปลือกขนม การแบ่งชนิดของแป้ง จะดูจากส่วนประกอบที่สำคัญคือส่วนที่โปรตีนที่อยู่ในแป้งที่เรียกว่ากลูเตน (Gluten) และเปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำ (% of water absorption) จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โดยทั่วไปแป้งที่ใช้ทำขนมจะเห็นกันหลักๆอยู่3ชนิดได้แก่ 1.แป้งเค้ก (Cake flour) หรือที่รู้จักกันคือ  แป้งพัดโบก ทำจากข้าวสาลีพันธุ์เบา แป้งละเอียดขาวกว่าแป้งสาลีชนิดอื่นๆ ปริมาณโปรตีนในแป้งเค้ก 5-8% ปริมาณStarchมาก เป็นแป้งแบบฟอกเพื่อนอกจากจะได้สีขาวเบาแล้วยังทำให้ซึมหรือผสมเข้ากับน้ำได้ง่ายและเร็วขึ้น ใช้ทำเค้ก คุกกี้ ลักษณะของแป้งเมื่อถูด้วยนิ้วมือจะรู้สึกอ่อนนุ่ม เนียนละเอียด มีสีขาวกว่าแป้งขนมปัง เมื่อกดนิ้วลงไปบนแป้งแป้งจะเกาะรวมกันเป็นก้อนและคงรอยนิ้วมือไว้ แป้งชนิดนี้ใช้สารเคมีช่วยในการทำให้ขึ้นฟูเท่านั้น ไม่ใช้ยีสต์ สารเคมีที่ใช้เช่น เบกกิ้งโซดา ผงฟู      ส่วนแป้งบัวแดง ก็ถือเป็นแป้งเค้กชนิดนึงที่มีการขัดขาวเพิ่มขึ้นจึงเหมาะกับการทำซาลาเปาที่ต้องการความขาว  ซึ่งถ้าไม่มี  ไม่สนใจว่าต้องขาว ก็ใช้ แป้งพัดโบกแทนได้คะ  ส่วนแป้งเค้ก  ถ้าไม่มี ใช้แป้งอเนกประสงค์ทำเค้กแทนได้ไหม  มันก็ได้อยู่นะคะ แต่เค้กจะไม่นุ่มไม่นิ่มน๊า จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 2.แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All purpose flour)  หรือ แป้งว่าว ทำจากข้าวสาลีพันธุ์หนักผสมกับข้าวสาลีพันธุ์เบา ปริมาณโปรตีนในแป้งสาลีอเนกประสงค์ 10-11.5% สามารถนำมาใช้ทำเบเกอรี่ได้หลายชนิดเช่นขนมปังหวาน พาย คุกกี้ เพสตรีต่างๆ ขนมเค้กบางชนิดใช้เวลาในการนวดแป้งน้อยกว่าขนมปัง ลักษณะของแป้งชนิดนี้จะมีลักษณะของแป้งขนมปังและแป้งเค้กรวมกัน ตัวที่ทำให้ขึ้นฟูสำหรับแป้งชนิดนี้สามารถใช้ได้ทั้งยีสต์และผงฟู จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4 3.แป้งขนมปัง (Bread flour)  หรือแป้งห่าน ทำจากข้าวสาลีพันธุ์หนัก ปริมาณโปรตีนในแป้งขนมปัง 11-13% ใช้ทำขนมปังต่างๆและผลิตภัณฑ์ที่หมักด้วยยีสต์ทุกชนิด มีความทนทานต่อการผสมได้ดีสามารถยืดตัวออกเวลาที่ถูกผสม โดยที่กลูเต็นไม่ฉีกขาด และมีความสามารถในการดูดซึมน้ำได้สูง ลักษณะของแป้งจะมีเนื้อหยาบมีสีครีม เมื่อกดนิ้วลงไปในแป้ง แป้งจะไม่เกาะตัวกัน แป้งชนิดนี้จะใช้ยีสต์เป็นตัวทำให้ขึ้น เพราะยีสต์เท่านั้นที่จะทำให้ก้อนโดพองตัวได้     แป้งขนมปังเองบางทีเค้าก็เอาไปทำเค้กที่ต้องการความเหนียวอย่างเช่น บราวนี่เหมือนกันนะคะ   และ ป้อยังขอยืนยันว่าแป้งขนมปังนี่แหล่ะ ทำคุกกี้อร่อยนักแล จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อเรียงลำดับปริมาณโปรตีนจากน้อยไปมากนั่นก็คือ แป้งเค้ก---->แป้งสาลีอเนกประสงค์----->แป้งขนมปัง นั่นจึงเหตุผลว่าทำไมแป้งเค้กจึงทำให้เค้กที่ออกมานุ่มฟูเนื่องจากมีปริมาณโปรตีนต่ำ เบาจึงเซ็ตตัวได้ง่าย และหากใช้แป้งที่มีปริมาณโปรตีนสูงก็จะทำให้เนื้อเค้กแน่นและหนัก จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แป้งข้าวโพด ที่บางสูตรเติมลงไปในเค้ก  เพราะว่า แป้งข้าวโพดนั้นมีองค์ประกอบของ starch   และ ไม่มีส่วนประกอบของ gluten เลย  จึงช่วยในการเสริมโครงสร้างให้กับเค้ก  โดยที่ไม่ทำให้เค้กเหนียว (เพราะไม่มีglutenนั่นเอง)  สามารถนำไปใช้แทนแป้งกวนไส้ได้ดีทีเดียว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากนั้นก็ยังมี แป้งสาลีโฮลวีต (Whole wheat flour) ทำจากที่ยังไม่ได้ขัดขาวจึงมีส่วนของปลายเมล็ดข้าวหักรวมอยู่ด้วย แป้ง Self-Rising อันนี้ไม่แน่ใจว่าจะแปลว่าอะไรดีเลยไม่แปลดีกว่าถ้าหากไปได้สูตรที่ใช้แป้งนี้เราสามารถทำเองโดย ผสม แป้งสาลีเอนกประสงค์ 100 กรัม ผงฟู 3 กรัม เกลือ อีกหยิบมือหนึ่ง แป้งสำเร็จรูป ทางผู้ผลิตก็จะมีการเติม ส่วนผสมต่างๆ รวมทั้งตัวช่วยสารเสริมต่างๆ  เพื่อให้ง่ายต่อการทำเค้ก  แค่มีไข่ เติมน้ำ ตีๆ ก็เสร็จเรียบร้อย ชื่อแป้งบางชนิดในภาษาอังกฤษและภาษาอเมริกัน-อังกฤษ ....English.............................American English 1. Soft Flour.........................Cake Flour 2. Plain Flour........................All-Purpose Flour 3. Strong Flour,Hard Flour.....Bread Flour 4. Self-Raising Flour.............Self-Rising Flour 5. Whole Wheat flour............Whole Wheat Flour จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผงโกโก้ โกโก้ผงผลิตจากเมล็ดพืชที่เรียกว่า Cacao ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Theobroma cocoa โกโก้ลูกหนึ่งมีเมล็ดประมาณ 40 เมล็ด เมื่อเก็บมาแล้วผ่า แคะเม็ดออกหมัก ล้างเมล็ดให้สะอาดแล้วจีคั่ว กะเทาะเอาเปลือกหุ้มเมล็ดออก บดละเอียด บีบเอาน้ำมันออก การบีบน้ำมันจะทำให้เนื้อโกโก้เกาะตัวกันเป็นแท่ง ต้องนำมาบดอีกครั้งก็จะได้โกโก้ผง   ถ้าใช้ผงโกโก้ในเค้ก  โดยที่มีสูตรแค่เค้กธรรมดา แล้วอยากได้เค้กโกโก้  ก็เติมโกโก้ลงไปในปริมาณที่ต้องการ  ก็น่าจะอยู่ประมาณ 10 % ของปริมาณทั้งหมด   โดยที่ถ้าเติมโกโก้ก็ให้หักเอาแป้งเค้กออก   เช่น  เดิมใส่แป้งเค้ก 90  กรัม  แต่คราวนี้อยากเติมโกโก้ สัก 10 กรัม   ก็ต้องเอาแป้งเค้กออก 10 กรัม       ดังนั้นในสูตรก็จะเป็นว่า  แป้งเค้ก 80  กรัม  โกโก้  10   กรัม นั่นเอง   ถ้าไม่หักเอาแป้งเค้กออกได้ไหม  อย่าดีกว่าคะ  ไม่งั้นเค้กจะแห้งนะจ๊ะตัว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สารที่ทำให้ขึ้นฟู สารที่ทำให้ขึ้นฟู (Leavening Agent) หมายถึงสารที่เติมลงในแป้งหรือส่วนผสมของแป้งที่ใช้ทำขนมอบ ทำให้เกิดแก๊สขึ้นในระหว่างผสมหรือระหว่างอบ แก๊สที่เกิดขึ้นจะทำให้ขนมที่อบสุกแล้วขยายขึ้น มีปริมาตรมากขึ้น มีลักษณะเบาไม่อัดแน่นและมีเนื้อสัมผัสนุ่ม จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สารที่ทำให้ขึ้นฟูมีหลายชนิด และมีคุณสมบัติ ดังนี้ ผงโซดา (Sodium Bicarbonate NaHCO3) ผงโซดาเมื่อได้รับความร้อนจากการอบส่วนผสมของแป้งจะแตกตัวให้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์แล้วยังได้โซเดียมคาร์บอเนตซึ่งทำให้เกิดกลิ่นด่างและจุดสีเหลืองแก่ขนม ดังนั้นการใช้ผงโซดาจึงมักใส่สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เพื่อช่วยแก้ไขลักษณะดังกล่าวและใช้ผงโซดาในปริมาณเพียงพอสำหรับการเกิดแก๊สเท่านั้น การเลือกซื้อผงโซดา ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และมีการบรรจุกล่องถุงอย่างมิดชิด สำหรับการเก็บรักษา ควรเก็บในที่ที่มีความชื้นต่ำ อุณหภูมิไม่สูง และบรรจุหีบห่ออย่างเรียบร้อย จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผงแอมโมเนีย (Ammonium Bicarbonate NH4HCO3) ผงแอมโมเนีย เมื่อได้รับความร้อนจะมีการเปลี่ยนแปลงให้แก๊สแอมโมเนียและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์   เนื่องจากแก๊สแอมโมเนียที่เกิดขึ้นมีกลิ่นฉุนและเกิดรสชาติที่ไม่ดี จึงใช้ผงแอมโมเนียกับขนมอบที่มีพื้นที่ผิวมาก และอบให้สุกด้วยอุณหภูมิสูง ภายใต้การควบคุมอย่างดี ทั้งนี้ก็เพื่อกลิ่นฉุนของแก๊สระเหยออกไป การเลือกซื้อผงแอมโมเนีย ควรเลือกซื้อที่มีลักษณะแห้ง ห่อบรรจุมิดชิดและมีปริมาณบรรจุน้อยเพื่อจะได้นำไปใช้ให้หมดในเวลาอันสั้นเนื่องจากผงแอมโมเนียที่คุณสมบัติดูดความชื้นจากอากาศได้ง่ายและดีและจะระเหยเป็นแก๊สไปเรื่อยๆ ทำให้ผงแอมโมเนียที่เหลือเสื่อมคุณภาพ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผงฟู (Baking Powder) ผงฟูมีส่วนผสมของผงโซดา กรดหรือเกลือของกรด แป้งข้าวโพดหรือสารป้องกันมิให้ผงโซดาทำปฏิกิริยากับกรด และป้องกันความชื้นของผงฟู เมื่อใช้ผงฟูในขนมอบ แก๊สที่เกิดขึ้นคือแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้องการ ผงฟูแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1. ผงฟูชนิดที่เกิดแก๊สเร็ว (Quick - Acting Baking Powder) เป็นผงฟูที่สามารถให้แก๊สในระหว่างการผสม 2. ผงฟูชนิดที่เกิดแก๊ส 2 ครั้ง (Double - Acting Baking Powder) เป็นผงฟูที่สามารถให้แก๊สในระหว่างการผสม และให้แก๊สอีกครั้งในระหว่างการอบ การใช้ผงฟูชนิดที่เกิดแก๊สเร็ว ไม่ควรตั้งส่วนผสมของแป้งที่ผสมไว้นานๆ เพราะแก๊สคาร์บอนได้ออกไซด์ที่เกิดขึ้นจะสูญเสียไปเรื่อยๆ ทำให้ขนมที่ได้ไม่ฟูขยายเท่าที่ควร และการใช้ผงฟูทุกชนิดควรใช้ให้ถูกวิธี ซึ่งมักจะร่อนผงฟูรวมกับส่วนแห้งชนิดอื่นๆ เช่น แป้ง อย่าผสมลงในของเหลวหรือน้ำก่อน เพราะจะทำให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ทันที และจะทำให้สูญเสียแก๊สไป การเลือกซื้อ - เลือกชนิดที่เป็นผงละเอียดบรรจุในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด การเก็บรักษา - เก็บในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดแน่นสนิท ซึ่งตั้งไว้ในที่แห้ง และอุณหภูมิไม่สูงเมื่อใช้แล้วทุกครั้งควรปิดฝาให้แน่นสนิท จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) ที่ในปัจจุบันวงการอุตสาหกรรมเบเกอรี่ของบ้านเรา (และในหลายประเทศ) นิยมนำมาใช้กันอย่างมาก เพื่อทำหน้าที่เป็น Cake Stabiliser การใช้สารอีมัลซีไฟเออร์เหล่านี้ นิยมใช้ในการผสมแบบขั้นตอนเดียว คือ เติมส่วนผสมทั้งหมดลงในอ่างผสม แล้วตีส่วนผสมด้วยความเร็วต่ำ 30 วินาที ปาดข้างอ่างเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดี แล้วตีต่อด้วยความเร็วสูงอีกประมาณ 5 - 6 นาที (หรือแล้วแต่สูตรจะกำหนด) เหตุผลที่มีการใช้สารอิมัลซิไฟเออร์ในวงการเบเกอรี่กันมาก ก็เพราะมันช่วยให้การตีไขมันกับของเหลวต่าง ๆ ในส่วนผสม สามารถรวมตัวกันได้ดี ภายในระยะเวลาอันสั้น ทำให้ประหยัดเวลา ช่วยให้การทำเค้กง่ายขึ้น ได้เนื้อเค้กที่ละเอียดขึ้น และโอกาสที่ขนมจะเสียหรือยุบตัวจะมีน้อยมาก จึงสามารถที่จะควบคุมต้นทุนและคุณภาพของเค้กไว้ได้ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอสพี (นิยมใช้กับขนมประเภทนึ่ง) จะนิยมใช้ในขนมที่ขึ้นฟูด้วยไข่ เช่น สปอนจ์เค้ก (Sponge Cake) ปุยฝ้าย สาลี่ ฯลฯ โดยใช้ประมาณ 3.5 - 5 % ของน้ำหนักแป้งหรือขึ้นอยู่กับสูตรขนม มีลักษณะเป็นครีมข้น จึงใช้เติมลงไปในระหว่างการตีเนยกับน้ำตาล หรือเติมพร้อมไปกับการตีไข่ น้ำตาลและน้ำได้เลย จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โอวาเล็ต (นิยมใช้กับขนมอบ) จะนิยมใช้ในขนมที่ขึ้นฟูด้วยไข่ เช่น สปอนจ์เค้ก (Sponge Cake) ฯลฯ โดยใช้ประมาณ 3.5 - 5 % ของน้ำหนักแป้งหรือขึ้นอยู่กับสูตรขนม มีลักษณะเป็นครีมข้น จึงใช้เติมลงไปในระหว่างการตีเนยกับน้ำตาล หรือเติมพร้อมไปกับการตีไข่ น้ำตาลและน้ำได้เลย การใช้งานจะเหมือนกับเอสพีไม่มีผิด  แต่โอวาเล็ตจะสีออกส้มหน่อยๆ  และถ้านำไปตีเค้ก  จะรู้สึกว่าเค้กที่ได้จะขนาดใหญ่กว่าการใช้เอสพี คะ แต่โอวาเล็ตก็จะแพงกว่าเอสพีด้วยนะคะ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 07:41:33 จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบกระทู้แบบนี้ค่ะ จากคุณ : ป้าอ้วนมาเอง (เหนียวเนื้อ) - [ 1 มิ.ย. 52 07:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 EC25K จะนิยมใช้กับพวกเค้กที่มีปริมาณของไขมันสูงหรือใช้ไขมันเป็นส่วนผสมหลัก อีซี 25 เค เป็นสารอีมัลซิไฟเออร์ตัวหนึ่ง ช่วยในการเสริมคุณภาพที่ดีของขนมเค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลักทุกชนิด เช่น เค้กเนย,เค้กช็อกคโกแลต ฯ คุณมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะรับรองให้ใช้มากในสหรัฐอเมริกา อีซี 25 เคนี้ มีลักษณะเป็นครีมขาวออกเหลือง เมื่อใช้ในเค้กคุณจะใช้ประมาณ 12-15 % ของน้ำหนักไขมันในสูตร ช่วยให้เกิดการรรวมตัวที่ดีของของเหลวและไขมันในส่วนผสมของเค้ก ไม่เกิดการแยกชั้น เค้กจะมีปริมาตรมากขึ้น เนื้อฟูเบา ละเอียดและที่สำคัญคือ มีความนุ่มที่ต้องการ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ป้าอ้วนมาเอง (เหนียวเนื้อ)--- ขอบคุณคะ  มีกำลังใจขึ้นมาเลยเชียว   ----------------------------------------------------------------------------- ครีมออฟทาร์ทาร์ (cream of tartar, potassium tartrates E336) เป็นเกลือโพแทสเซียมของกรดทาทาริก ใช้ในการทำขนมอบ (เช่น เค้ก ขนมปัง) เป็นสารช่วยให้ขึ้นฟูชนิดหนึ่ง ปกติจะเติมลงในไข่ขาวเพื่อทำให้ตีขึ้น คงตัว ไม่ยุบง่าย และทำให้เนื้อเค้กที่อบเสร็จมีสีขาวละเอียด จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เนย พี่คะ เนยจืดหน้าตาเป็นไงคะพี่    แล้วเนยเค็มเค็มจริงป่าว  แล้วไปตามห้างจะรู้ได้ไง อันไหนเค็มอันไหนจืด หนูไม่รู้จริงๆ    หลากหลาย ปัญหาเกี่ยวกับเนย เนย ( BUTTER ) เนย   ได้จากการแยกไขมัน หรือมันเนยออกจากนม    อาจเป็นนมวัว แพะ หรือนมแกะ แต่ ส่วน ใหญ่ใช้ นมวัว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เนยที่ขายในท้องตลาดมี 2 ประเภทใหญ่ๆ   คือ เนยจืด ( UNSALT BUTTER ) เป็นเนยที่ไม่ใส่ เกลือ ถ้าไปตามห้างให้หาดูห่อสีเงินๆแบบนี้คะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามามอบกิฟท์ กับช่วยคลิกเข้าคลังครับ ความรู้ดีๆในที่เดียวแบบนี้สมควรต้ิ้องเก็บไว้ เป็นประโยชน์กับมือใหม่ที่สงสัยเรื่องวัตถุดิบ หรือมือเก่าที่อาจจะไม่เคยลองใช้บางอย่างได้เป็นอย่างดี จากคุณ : Banx - [ 1 มิ.ย. 52 07:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เนย เค็ม ( SALT BUTTER) เป็นเนยที่ใส่เกลือ   ไปตามห้างก็จะมีห่อสีทองๆแบบนี้คะ   การใส่เนยลงไปในเค้ก ก็เพื่อทำให้เกิดความชุ่มช่ำที่เค้กนะคะ   เนยยังเอามาทำคุกกี้ได้ด้วย     แถมถ้าอยากได้เนย ก็สามารถเอาวิปปิ้งครีมมาทำเนยก็ยังไง จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Banx ---ขอบคุณคะ ----------------------------------------------------------------------------- มาการีน มาการีน หรือเนยเทียม คือไขมันที่ทำเลียนแบบเนย โดยใช้ไขมันพืชหรือสัตว์แทนมันเนยโดยนำน้ำมัน พืชผ่านขบวนการเติมไฮโดรเจนจนได้จุดหลอมตัวและคุณสมบัติใกล้เคียงเนยที่สุด แล้วจึงละลายใส่ลงไปในหางนม เติม เกลือและสารกันบูด มาการีนจะมีสีเข้มกว่าเนย ราคาถูกกว่า   เห็นเค้าว่ากันว่า มาการีนเนี่ย ไขมันไม่ดีต่อร่างกายสูงเชียวนะคะ   มาการีน สามารถเอาไปทำคุกกี้ได้นะคะ  ตีครีมก็ได้เช่นกัน จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เนยขาว (SHORTENING ) เนยขาวเป็นน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน เนยขาวเหมาะสำหรับทำ ขนมประเภทที่ใส่แป้งสาลี เช่น ขนมเค้ก คุกกี้ โดยเฉพาะขนมพาย จะช่วยให้ขนมนุ่ม หรือร่วนขึ้น โดยอาจผสมกับเนย อย่างละครึ่งเพื่อให้กลิ่นรสดีขึ้น สามารถเอาไปใช้ทอดโดนัทให้สีสวยได้ด้วย   เอาไปทาถาดกันขนมติดถาดได้ เอาไปตีกับเนยทำบัตเตอร์ครีมก็ได้ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เตรียมจดค๊า จากคุณ : ขนมสีชมพู - [ 1 มิ.ย. 52 07:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 Pastry Margarine เป็นเนยเทียมชนิดที่มีจุดหลอมเหลวสูง ใช้ทำขนมที่ต้องการให้เป็นชั้น เช่น แป้ง Puff หรือ Pastry ออกแบบมาเพื่อการทำแป้งพัฟกับเลยทีเดียว  ง่ายต่อการใช้งาน จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขนมสีชมพู  ---  จดไหวหรอตัว  อิอิ ----------------------------------------------------------------------------- นม ในผลิตภัณฑ์ขนมปังน้ำนมและผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้น เพื่อปรับปรุงสีควบคุมการแพร่กระจายและให้กลิ่น รส โดยปกติแล้วใช้นมผงมากกว่าเพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา พวกนมข้นหวานก็สามารถเก็บไว้ได้นานแต่ต้องเก็บรักษาไว้ในสภาพที่เย็น ส่วนประกอบของน้ำนมนั้นโดยเฉลี่ย พบว่ามีน้ำ 87.6 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 3.6 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 3.3 เปอร์เซ็นต์ แลคโตส (Lactose) 4.7 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนที่เป็นไขมันของนมนั้นประกอบด้วยเคฟาลิน (Cephalin) กรดออสฟอริค คอเลสเตอรอล (Cholesterol) และวิตามินที่ละลายได้ ชนิดของนม นมแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ 1. นมสด (Whole Milk) มีเนื้อนมอยู่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นของเหลวที่มีทั้งชนิดไขมันเต็ม ซึ่งได้แก่นมบริสุทธิ์ นมสดปราศจากไขมันและบัตเตอร์มิลค์ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นมข้น ได้แก่ นมข้นหวาน (Condensed Milk) มีน้ำตาล 45 - 60 เปอร์เซ็นต์ และ นมข้นจืดระเหย (Evaporated Milk) คือนมสดที่ระเหยน้ำออกครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เติมน้ำตาล เวลาจะใช้ให้เติมน้ำลงไป 1:1 จะได้นมสด จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นมผง มี 2 ชนิด คือ 1 นมผงแบบมีไขมัน มีความชื้นสูงและหืนง่าย 2 นมผงขาดมันเนย เก็บได้นานโดยไม่เหม็นหืนในไขมัน เมื่อใช้นมผงในการทำขนมปังที่มีสูตรเข้มข้น สูตรเจือจาง ไม่จำเป็นต้องละลายนมผงในน้ำก่อนสำหรับโด สำหรับขนมปัง นมไม่ใช่ส่วนผสมหลักที่สำคัญแต่เป็นส่วนผสมที่เติมเพื่อช่วยให้ขนมปังมีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งนิยมใช้นมผงปราศจากไขมัน ซึ่งการใช้นมผงปราศจากไขมันหรือหางนม จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาแต่เช้าเชียวจาร์ป้อ...คิดถึงนะจ๊ะ... จากคุณ : กั้งกระดาน - [ 1 มิ.ย. 52 07:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไข่ ไข่ที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์มีอยู่ 4 ชนิด คือ 1. ไข่สด 2. ไข่เหลว 3. ไข่แช่แข็ง 4. ไข่ผง นอกจากนั้นยังจำแนกออกเป็นไข่ทั้งฟอง ไข่แดง และไข่ขาวอีกด้วย ในการทำขนม เรานิยมใช้ไข่ไก่มากที่สุด เพราะไข่เป็นอาหารประเภทให้โปรตีนสูง และมีอยู่ทั้งไข่ขาวและไข่แดง ฟองหนึ่งให้โปรตีนประมาณ 7 กรัม มีกรดอะมิโนครบทุกชนิด ความต้องการของร่างกายและร่างกายนำไปใช้ได้หมด จึงเป็นโปรตีนที่มีคุณค่าสูงทางโภชนาการ นอกจากนี้ไข่ยังให้เกลือแร่ที่สำคัญ คือ เหล็ก ในไข่แดงมีวิตามินสูง ส่วนในไข่ขาวมีวิตามินบีสองสูง ไข่ไก่ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดนั้นจะมีน้ำหนักต่างกันมาก ฟองเล็กมีน้ำหนักประมาณ 45 กรัม ฟองใหญ่มีน้ำหนักระหว่าง 65 - 70 กรัม ดังนั้นเพื่อจะให้ได้จำนวนที่แน่นอนจึงนิยมใช้การตวง ซึ่งมากกว่าจำนวนฟอง การเลือกใช้ไข่ในการทำขนมอบจึงควรเลือกไข่ใหม่ๆ โดยดูที่เปลือกไข่จะมีผิวนวล ไม่ควรซื้อไข่ที่มี่รอยร้าวหรือเปลือกบุบเพราะอาจมีเชื้อรา ถ้านำลงแช่น้ำดูจะจมลึกกว่าไข่เก่าซึ่งมีผิวขึ้นมัน เนื่องมาจากต่างพันธุ์กันมากกว่า คุณสมบัติของไข่ที่มีบทบาทสำคัญในการทำขนมหลายประการ คือ การตีไข่ช่วยให้อาหารโปร่งฟู ขนมอบบางอย่างไม่ต้องใช้ผลฟูเลย เพราะอากาศที่ตีเข้าไปในไข่ เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวทำให้ขนมนั้นฟูอย่างเพียงพอ ไข่ยังเป็นตัวทำให้ไขมันกระจายปนไปกับน้ำ (Emulsifting Agent) ไข่ยังช่วยเพิ่มรสและสีของอาหารด้วย ไข่ขาวตีให้ขึ้นฟูได้มากกว่าไข่แดงหลายเท่า และไข่ขาวใสตีได้ปริมาณมากกว่าไข่ขาวข้น ถ้ามีไข่แดงปนอยู่แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ไขมันในไข่แดงจะไปทำให้ตีไข่ขาวไม่ขึ้น และ ครีมออฟทาร์ทาร์เพียงเล็กน้อย จะไปช่วยลดความเป็นด่างของไข่และช่วยโปรตีนจะแข็งตัวทันที หรือถ้าตีไข่ให้ขึ้นฟูบ้างแล้วเติมกรดดังกล่าวลงภายหลังจะได้ไข่ที่ขึ้นฟูอยู่ตัวและมีปริมาณมากกว่าด้วย (ครีมออฟทาร์ทาร์ Cream of Tartar) เป็นผงสีขาวใช้ผสมในไข่ขาว ตีทำหน้าขนมเค้ก จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พี่เจี๊ยบ --- รีบมารีบไป เดี๋ยวหัวหน้ามาคะ  คิดถึงเหมือนกัน ----------------------------------------------------------------------------- พี่คะ แล้วบ้านหนูมีแต่ไข่เป็ด  ใช้ได้ป่าวคะ    คำตอบ ใช้ได้คะ  แต่ไข่ขาวของไข่เป็ดจะค่อนข้างตีขึ้นได้ช้ากว่าไข่ไก่  แล้ว ไข่แดงก็แดงกว่า  เค้กของหนูก็อาจจะได้เหลืองกว่าปกตินะจ๊ะ   อีกอย่างไข่เป็ดแพงกว่าหรือป่าว  ไหนดูราคาสิจ๊ะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 07:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สี ส่วนใหญ่สีที่ใส่ในขนม  ก็จะเป็นสีน้ำ    สีน้ำเนี่ยตัวหลอกตาดีนักแล   ใส่มันเข้าไป ยังๆๆๆ  ยังไม่เข้ม  สียังไม่โดน สีทนได้ (เฮ้ยเริ่มไม่ใช่)     แต่พออบออกมา แม่เจ้าประคุณรุนช่อง    ทำไมสีอย่างกะหกไปทั้งขวด   อย่าลืมนะคะ เวลาใส่สี อย่าใส่เยอะ เอาแค่พองาม  กะเอาว่า  สีมันจะเข้มขึ้นกว่าที่เห็นก่อนอบแน่นอน   สีผงน่าจะค่อนข้างใช้งานยากยิ่งกว่าสีน้ำ เพราะสีผง  สีจริงๆไม่ค่อยออกให้เห็นจนกว่าจะผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดีเสียก่อน จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กลิ่น  กลิ่นที่ใช้ๆ หรือที่ขายๆกัน  ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นชนิดน้ำ  ซึ่งพออบๆไป  ก็ไม่ค่อยทนความร้อน  กลิ่นจะหายไปเกือบหมด   ถ้าอยากได้กลิ่นติดทนนานเหมือนน้ำหอมยี่ห้อดัง  แนะนำให้ลองหากลิ่นชนิดน้ำมัน แต่จะหายากหน่อยตามซุปเปอร์   ข้อควรระวังในการใช้  อย่าได้ใส่เยอะเกินไปนะคะ  ไม่งั้น ขม แน่ๆๆ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รสชาติ   สารให้ความหวานที่ใครๆนึกถึงก็คือน้ำตาล  แน่นอน หลายชนิด หลายเจ้า  หลายแบบ  เม็ดเล็ก เม็ดโต หรือเม็ดละเอียด  สีขาว สีน้ำตาล  หรือสีลูกกวาด มีให้เลือกมากมาย   ใครอยากเติมความหวานให้กับชีวิตก็ใส่ลงไปเยอะๆ แต่ระวังจะหวานจนเลี่ยนซะก่อนนะคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 น้ำตาลไอซิ่ง     จะเป็นน้ำตาลป่น ที่มี แป้งข้าวโพดผสมอยู่ในอัตราส่วน 3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำตาล   ดังนั้นถ้าใครหาซื้อไอซิ่งไม่ได้แต่สูตรต้องใช้   ก็เอาน้ำตาลทรายไปปั่นให้ละเอียด แล้วเติมแป้งข้าวโพดเข้าไปผสมแล้วกันนะจ๊ะ   น้ำตาลไอซิ่งส่วนใหญ่  เหมาะกับการทำคุกกี้มากมาย  เพราะ ถ้าใส่น้ำตาลทราย  อาจจะทำให้คุกกี้ของเราๆ ปาหัวน้องโฮ่งแตกได้   โดยเฉพาะกับพวกคุกกี้ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 น้ำตาลป่น   ก็ทำหน้าที่เหมือนน้ำตาลทราย   แต่จะใช้ได้ดีเมื่อเอาไปตีกับเนย  จะทำให้เนยขึ้นดี และ ละลายเร็ว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 น้ำตาลทรายแดง   อันนี้ก็เหมาะเอามาทำพวกซอฟคุกกี้เป็นที่สุด   อาหย่อยยย  และจะมีใครรู้บ้างไหมหนอ  ถ้าเอาไปผสมกับน้ำตาลทรายทำคาราเมล  สำหรับทำคัสตาร์ดคาราเมล   จะอร่อยกว่าใช้น้ำตาลทรายธรรมดาซะอีก จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:04:17 ]

ความคิดเห็นที่ 39 วิปปิ้งครีม  แบบ Dairy   ที่ใครรู้จักกันดี ก็มีโฟโมสต์    หรือ  เมจิ ที่เห็นออกมาใหม่  อายุการเก็บรักษาสั้น   เก็บในตู้ฟรีซไม่ได้   ตีแล้วก็ควรใช้ให้หมดภายในวันนั้น     แต่เรื่องรสชาติอร่อยที่สุด  ถ้าเหลือไม่รู้จะทำอะไรก็เอาไปตีให้แตก  เก็บเป็นเนยไว้ใช้ต่อได้    ทำให้รู้ว่าทำไมกินครีมแล้วอ้วน  ...  แต่เดี๋ยวนี้มีวิปปิ้งครีมใหม่ออกมาขายแบบ low fat  ออกมาขายกับเค้าด้วย      วิปปิ้งครีมแบบนี้ใครว่าต้มแล้วจะตีไม่ขึ้นขอเถียงเลยคะ  เช่นถ้าอยากได้มูสรสชา ก็เอาชาใส่ในวิป   เอาไปต้มพร้อมกัน  ให้กลิ่นชาออก   กรองเอาใบชาทิ้งเสีย แล้วก็เอาไปแช่ให้เย็นๆ  แค่นี้ก็เอาไปตีให้ขึ้นเป็นวิปปิ้งครีมรสชาแล้ว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แบบ Non-Dairy ตอนนี้มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก   ตียังไงก็ไม่ต้องกลัวแต่  อายุการเก็บรักษาได้นานกว่า  ฟรีซก็ง่าย      แต่ว่าไม่เหมาะจะมาทำส่วนประกอบเค้กหลายตัวที่จะต้องใช้วิปปิ้งครีม เช่น กานาช      และ  อย่าให้เจอกับผลไม้ที่มีกรดสูงๆ เช่น เสาวรส  มะนาวนะคะ  เจอกันหล่ะก็แตกกันไปคนละข้างเชียว สีครีมจะออกขาวกว่าแบบ Dairy อีกด้วย แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 08:09:23 จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แบบ Powder  หรือแบบเป็นผง   อายุการเก็บนาน  อยากใช้เมื่อไหร่ก็ผสมน้ำเย็นตีให้ขึ้นเป็นอันใช้ได้ รสชาติใกล้เคียงกับแบบ Non-Dairy  เพราะว่าทำจากพวกไขมันพืชเหมือนกัน จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ครีมชีส  “ครีมชีส” รับประทานง่ายเกือบจะที่สุดเเล้วในบรรดาเพื่อนผองน้องพี่ตระกูลชีสด้วยกัน ค่าที่จัดเป็น Fresh Cheese หรือชีสสดที่ไม่ได้ผ่านการหมักบ่มให้เกิดกลิ่นเเรงๆ หากคุณลองซื้อครีมชีสมาสัก 1 ชิ้น เเล้วลองตัดชิมดู จะพบว่ารสของชีส จะมันๆ หอมๆ หวานธรรมชาติเเบบนมสดในลำคอ ตามด้วยรสเปรี้ยวๆ น้อยๆ ซึ่งคลับคล้ายคลับคลา กับผลิตภัณฑ์นมประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ตหรือซาวครีม รสเปรี้ยวๆ นี้ที่หลายคนอาจจะ “เหวอ” เมื่อรับประทานชีสเข้าไป อาจจะกลัวว่าเป็นอาการหนึ่งของการเสื่อมสภาพของพวกนม เเต่อันที่จริงเเล้วรสเปรี้ยวๆ ในชีสนั้นเกิดขึ้นจากกระบวนการตามธรรมชาติในการผลิตชีส การทำชีสทุกชนิดจะต้องมีการเติมเอนไซม์หรือกรดในธรรมชาติลงไป เพื่อให้เกิดการตกตะกอนของโปรตีนในนม จะเติมอะไรลงไปนั้น ก็เเตกต่างกันตามกรรมวิธีผลิตชีสเเต่ละชนิด อย่างในครีมชีสนั้น จะใช้กรดเเล็กติกที่ผลิตจากเเบคทีเรียที่เรียกว่า Lactic Acid Bacteria ที่เหมือนกันกับการผลิตนมเปรี้ยวเเละโยเกิร์ตนั่นเอง เมื่อเติมแล็กติกเเอซิดเเบคทีเรียลงในนม เจ้าเเบคทีเรียจะรับประทานน้ำตาลเเล็กโทสในนม เเล้วปล่อยกรดแล็กติกออกมา ความเป็นกรดจะทำให้โปรตีน ไขมัน เเละน้ำบางส่วน จับตัวกันหลวมๆ เป็นก้อนๆ จากนั้นต้องอาศัยความชำนาญในกระบวนการผลิต จัดการเพิ่มอุณหภูมิน้ำนมเเละก้อนๆ ที่เราจะเรียกว่า Curd ให้สูงขึ้นเพื่อกำจัดเเบคทีเรีย เพราะถ้าปล่อยให้เเบคทีเรียโตไปเรื่อยๆ รสก็จะเปรี้ยวขึ้นๆ “Curd” จะกลายร่างกลับมาเป็นของเหลวอีกครั้ง ทำให้การผลิตชีสไม่เป็นผล ระดับความร้อนเเละเวลาที่ให้นั้นก็ต้องเหมาะสม เป็นเคล็ดลับการผลิตของเเต่ละเจ้า ทำให้ได้ลักษณะเเละรสชาติ พูดง่ายๆ ก็คือ คุณภาพของครีมชีสที่เเตกต่างกัน เเล้วทำไมครีมชีสถึงได้ชื่อว่าเป็นชีสที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูงที่สุดได้นั้น เกิดจากความสามารถของโปรตีนเเละไขมันในสภาพที่อยู่ในกรดเเล็กติกน้อยๆ ทำให้ทั้งหมดสามารถเกาะรวมตัวกัน นี่เองที่ทำให้นมที่มีไขมันเพียง 3-4% กลายเป็นครีมชีสก้อนที่มีไขมันสูงถึง 33% ได้ หลังจากที่เสร็จกระบวนการผลิต ครีมชีสจะเข้าสู่กระบวนการบรรจุ ไม่ต้องนำไปผ่านกระบวนการเก็บภายใต้สภาวะบังคับ นี่เอง ครีมชีสจึงไม่มีกลิ่นรุนเเรงมากไปกว่าโยเกิร์ตหรือครีมเปรี้ยว ครีมชีสคุณภาพดีๆ นั้น ต้องมีลักษณะที่เรียกได้ว่าเป็นครีมที่อุณหภูมิห้องที่ไม่เย็น คือ ดูเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อใช้มีดหรือช้อนปาดดู จะเนียนเรียบไปกับวัตถุนั้น หากครีมชีสดูเป็นก้อนๆ เเล้วเเห้งๆ เเตกๆ ดูขรุขระ เมื่อปาดไป หรือเเตกเป็นเสี่ยงๆ นั่นอาจมาจากการที่ครีมชีสนั้นผลิตไม่ได้คุณภาพ หรืออาจเป็นได้ว่าครีมชีสนั้นเก็บในสภาพที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการเเยกตัวของน้ำ เเกะมาจะดูเเฉะๆ ในห่อ เนื้อครีมชีสก็จะดูเเห้งเเตก ครีมชีสยี่ห้อดังๆ มักจะเติมพวก “Gum” ที่มาจากพืชธรรมชาติ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Stabilizer หรือช่วยทำให้ครีมชีสเนียน ยืดอายุการเก็บ ไม่ให้น้ำเเยกตัวออกมา เเละเมื่อผ่านการตี การครีม ด้วยเครื่อง ครีมชีสก็จะยังดูเนียนอยู่เสมอ นี่ก็เป็นอีกตัวเเปรในการเลือกยี่ห้อครีมชีสที่จะใช้ การเก็บครีมชีสนั้น จึงควรอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา เพราะครีมชีสมีอายุการเก็บที่สั้น ที่สำคัญครีมชีสไม่ควรสัมผัสกับอากาศโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ชีสเเห้ง มันจะเกิดไตเเข็ง เป็นเม็ดๆ เวลารับประทานจะไม่อร่อย เพราะสากลิ้น  (ขอบคุณโพสทูเดย์ สำหรับบทความคะ)   ยาวมากแต่อยากให้เพื่อนๆได้รู้เลยเอามาให้อ่านกันคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณคร้าบ.. สำหรับความรู้ดี ๆ จากคุณ : มือใหม่หัดขับ - [ 1 มิ.ย. 52 08:12:32 A:58.137.105.73 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาเยี่ยมป้อค่ะ จากคุณ : สาวปากช่อง - [ 1 มิ.ย. 52 08:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มือใหม่หัดขับ ---- ยินดีคะ ----------------------------------------------------------------------------- ครีมมาสคาโปน   รสชาติจะเปรี้ยวน้อยกว่าครีมชีสมาก   ออกมันๆ     ยี่ห้อที่เอามาให้ดูนี้จะเป็นยี่ห้อที่สามารถหาซื้อได้ในห้างใหญ่ๆ   แต่ว่าป้อบอกตรงๆว่าไม่ค่อยชอบยี่ห้อนี่เท่าไหร่  ตีแล้วมันแตกๆ   เพราะมันเป็นแบบซอฟ สีจะออกน้ำตาลหน่อยๆ     แบบที่ดีจะเหมือนครีมชีส สีขาวๆนวลๆ เนื้อแน่นๆนิดนึง  ถ้าอยากทำทีรามิสุ ก็ต้องใช้มาสคาโปน แต่ถ้าหาไม่ได้คงต้องใช้ครีมชีสแทน แต่ครีมชีสออกเปรี้ยว  รสชาติก็จะออกมาแปลกๆหน่อย   มันมีวิธีแก้ แต่บอกไม่ได้อะ  แหๆๆ ขออภัย (ความลับทางการค้า) จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เวลาเห็นสูตรที่เขียนว่า และหนังสือต่างประเทศจะมีน้ำตาลชนิดนี้เยอะด้วย สงสัยจะอร่อยจริง brown sugar คือ น้ำตาลทรายแดงใช่มั้ยอะค่ะ แอบงงแอนด์โง่ว่า น่าเขียน red sugar หวัดดีคุณป้อ ตื่นแต่เช้าเลยนะค่ะ จากคุณ : หญิงแม่ - [ 1 มิ.ย. 52 08:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สาวปากช่อง --- จุ๊บๆๆๆ ----------------------------------------------------------------------------- เจลาติน เจลาตินแผ่น หาได้ตามห้างและร้านขายเบเกอรี่ทั่วไป   แบบที่เห็นจะเป็นแบบกล่อง สำหรับแผ่นใหญ่   ที่หาได้ตามห้างจะเป็นแบบแผ่นเล็กคะ   ซึ่ง  1 แผ่นใหญ่ เท่ากับ 2 แผ่นเล็ก  วิธีใช้ก็ขอเลยนะคะ อย่าเอาไปแช่อย่างอื่นให้แช่น้ำเย็นๆอย่างเดียวพอคะ  พอมันนิ่มก็บีบน้ำออกนิดนึง แล้วก็ใช้ได้เลย จะทำให้ละลายก่อน หรือ โยนใส่ของที่ต้มร้อนๆรอไว้ก็ได้ เจลาติน จะต่างจากวุ้นตรงที่จะเซ็ตตัวได้ เมื่อมีความเย็น   และสามารถคืนรูปได้เมื่อเจอความร้อนนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเค้กมูสถึงต้องอยู่ในตู้เย็น จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หญิงแม่ --- ช่ายแล้วคะ มันคือ Brown sugar คะ   รีบทำให้เสร็จก่อนทำงานคะ   งานเยอะมากเลย   วันนี้เลยรีบมาโพสแต่เช้าเลยคะ ----------------------------------------------------------------------------- เจลาตินผง วิธีการใช้ไม่ต่างจากเจลาตินแผ่นเท่าไหร่   เจลาติน 1 แผ่นใหญ่  เท่ากับ  เจลาตินผง  2.5 กรัม  แต่อาจจะใช้แค่ 2 กรัมก็ได้ ( เพราะค่อนข้างที่จะทำให้เค้กหนืดมากไปหน่อยจากที่ต้องทำงานกับมันทุกวันเลยพอจะรู้หน่ะคะ ) เวลาจะใช้ก็ให้เติมน้ำลงไป  5 เท่าของน้ำหนักเจลาตินผง  เช่นใช้เจลาตินผง 5 กรัม  ก็ต้องเติมน้ำสำหรับแช่เจลาติน  25 กรัม  เป็นต้น  แช่จนมันอืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  แล้วค่อยเอาไปละลาย หรือจะ หรือ โยนใส่ของที่ต้มร้อนๆรอไว้ก็ได้   เจลาตินผงเป็นฮาลาลนะคะ  มุสลิมกินได้คะ แล้วรู้ไหมคะว่า  ไม่ว่าเจลาตินผง หรือ แผ่น  เค้าก็เอาไปใส่ในพวกขนมที่อบด้วย  เพื่อหลังจากเย็นแล้วจะเพิ่มความเหนียวให้กับขนม  เช่น บราวนี่ อีกแล้ว จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผงวุ้น โดยส่วนตัวไม่ค่อยได้ใช้  จะเห็นใช้กันเยอะก็จะเป็นพวกเค้กในตำนานทั้งหลาย   ผงวุ้น ไม่สามารถใช้แทนเจลาตินได้นะคะ  เพราะ ผงวุ้นจะให้ความแข็ง มากกว่าที่ยืดหยุ่นเหมือนเจลาติน   สามารถเซ็ตตัวได้โดยที่ไม่ต้องแช่เย็น และ ไม่คืนตัวเมื่อเจอความร้อนคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อยากได้ SP กับ โอวาเล็ต นั่นจังเลย  ที่เมกาไม่มีขาย กลับไปเมืองไทยคราวที่แล้วก็ไม่ได้ซื้อ  เฮ้อออออ จากคุณ : prinzessin - [ 1 มิ.ย. 52 08:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามาเล็คเชอร์ด้วยคนนะคะ ชอบทู้แบบนี้ เจ้า่ค่า ^^ จากคุณ : Ab Psy ReinDEAR++ - [ 1 มิ.ย. 52 08:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จู๊บบบบบบบบบบบบบบบ  หนีไปซิ่งมอไซด์เที่ยวซะตั้งนาน กลับมายังขยันเหมือนเดิมเลย รักนะ....เด็กโง่  อิ อิ จากคุณ : I don't want to let you go. - [ 1 มิ.ย. 52 08:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 prinzessin ---  หาซื้อไม่ได้เลยหรอคะ  ที่เมกาน่าจะมีโอวาเล็ตนะคะ Ab Psy ReinDEAR++ ---- มาเลยๆๆ ----------------------------------------------------------------------------- ชอคโกแลต  Chocolate ช็อกโกแลตถูกค้นพบมาตั้งแต่สองพันปีที่แล้ว หลังสมัยพระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ เป็นผลผลิตที่ได้จากเมล็ดของต้นคาเคา (cacao) ในป่าร้อนชื้นของทวีปอเมริกา จัดอยู่ในตระกูล Theobroma cacao แปลว่า "อาหารแห่งทวยเทพ" ชนกลุ่มแรกที่รู้จักทำช็อกโกแลตเป็นอารยธรรมโบราณที่อยู่ในเม็กซิโก และอเมริกากลาง ชนกลุ่มนี้ได้แก่ชาวมายา และชาวแอซเทค แห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา คนเหล่านี้เอาเมล็ดคาเคามาบดแล้วผสมกับเครื่องปรุงหลายชนิดเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มที่มีรสขมเฝื่อน นอกจากใช้ประกอบอาหารแล้วช็อกโกแลตยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเชิงศาสนาและสังคมด้วย ชาวมายา (ค.ศ. 250-900) เป็นชนชาติแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ค้นพบความลับของต้นคาเคา โดยพวกเขาได้นำต้นคาเคามาจากป่าฝนและปลูกไว้ที่สวนหลังบ้าน พอออกฝักก็เก็บเอาเมล็ดมาหมักบ้าง คั่วบ้าง และยังบดเป็นเนื้อเหนียว อยากชงเป็นเครื่องดื่มก็เอามาผสมน้ำ โรยพริกไท แป้งข้าวโพด ก็จะได้เครื่องดื่มช็อกโกแลตรสซาบซ่ามีฟองฟ่อง ต่อมาราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 อาณาจักรของชาวแอซเทคครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของอารยธรรมเมโสอเมริกา โดยมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่เมืองปัจจุบันเรียกว่า เม็กซิโก ซิตี้ ชาวแอซเทคได้ซื้อขายเมล็ดคาเคากับชาวมายาและชนชาติอื่น และยังเรียกเก็บค่าบรรณาการจากพลเมืองของตนและเชลยเป็นเมล็ดคาเคา โดยใช้แทนค่าเงิน ชาวแอซเทคนิยมดื่มช็อกโกแลตขมเช่นเดียวกับชาวมายายุคแรก โดยปรุงรสชาติให้ซู่ซ่าขึ้นด้วยเครื่องเทศ ชาวเมโสอเมริกาสมัยนั้นยังไม่มีใครปลูกอ้อยก็เลยไม่มีใครใส่น้ำตาลกัน เล่ากันว่า คนมายายุคคลาสสิกชอบดื่มช็อกโกแลตกันในวาระพิเศษ ขณะที่บรรดาเชื้อพระวงศ์จะนิยมดื่มกันมาก ส่วนชาวแอซเทค บรรดาผู้ปกครองระดับสูง พระ ทหารยศสูง และพ่อค้าที่มีหน้ามีตาเท่านั้นที่มีสิทธิลิ้มรสเครื่องดื่มศักดิ์สิทธิ์นี้ ช็อกโกแลตมีบทบาทสำคัญในพิธีของราชวงศ์และศาสนา เพราะใช้เมล็ดคาเคาเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้า และดื่มในพิธีสำคัญ สำหรับที่มาของชื่อช็อกโกแลตนั้นยังไม่มีใครอธิบายได้แจ่มชัด แต่มีความเป็นไปได้สองทาง ทางแรกเป็นคำที่ผันมาจากคำว่า "ช็อคโกลัจ" ในภาษามายา ซึ่งหมายถึง มาดื่มช็อกโกแลตด้วยกัน อีกทางหนึ่งอธิบายว่าน่าจะมาจากภาษามายาเช่นกัน คือ " chocol" แปลว่า ร้อน ผสมกับคำว่า "atl" ของแอซเทคที่แปลว่า น้ำ พอมารวมกันจึงกลายเป็นคำว่า chocolatl และมาเป็น chocolate ต่อมาในยุโรป โดยความเชื่อของชาวแอชเต็คส์ ประเทศเม็กซิโก "เมล็ดโกโก้เป็นอาหารที่เทพเจ้ามอบให้เพื่อเป็นใบเบิกทางไปสู่สวรรค์" เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ซึ่งทำให้พวกเขานำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มนั่นก็คือ "น้ำช็อกโกแลต" ต่อมานายเออร์นัน คอร์เตช นักสำรวจชาวสเปนแล่นเรือมาพบกับชาวแอชเต็คส์ ซึ่งเขาได้อาศัยอยู่กับชาวแอชเต็คส์และร่วมดื่มน้ำช็อกโกแลตด้วยกัน และนายคอร์เตชได้นำเมล็ดโกโก้กลับประเทศเพื่อลองทำเครื่องดื่มดูบ้าง และแต่งเติมรสให้หวานขึ้นจนเป็นเครื่องดื่มที่นิยมกันในสเปน จนในมี่สุด นายคอนราด เจ แวนฮูเตนท์ ชาวดัชได้ค้นพบการทำช็อกโกแลตแบบแท่ง เม็ด และผง จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ชอกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชอกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25%   ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี  ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12% จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ชอกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย   ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 57 การใช้งาน ก็ต้องให้ได้อุณหภูมิของชอคโกแลตอยู่ที่ 31-33 องศาเซลเซียสสำหรับ dark chocolate และ 29-30 องศาเซลเซียส สำหรับ milk chocolate และ white chocolate ณ ที่อุณหภูมินี้จะทำให้ชอคโกแลตเงาเมื่อแข็งตัว     วิธีการเก็บรักษา ต้องไม่เย็นจนเกินไป  หรือ  แม้แต่ตู้เย็นบ้านก็ไม่ได้เพราะเย็นจนเกินไป ควรเก็บที่ประมาณ ไม่เกิน 15องศาเซลเซียส  แต่ถ้ามันเก็บไม่ดี ก็จะมีลักษณะภายนอกที่ไม่น่าทานเกิดขึ้นซึ่งเรียกว่า Chocolate Blooming ซึ่งเกิดจาก cocoa butter (เนยโกโก้) ที่อยู่ในชอคโกแลตลอยตัวขึ้นมาอยู่บนผิวหน้าของชอคโกแลต ซึ่งจะเห็นได้ชัดใน dark chocolate ดังรูป   ซึ่งไม่ใช่ชอคโกแลตขึ้นรานะคะ และ ปฏิกิริยานี้ ก็จะเกิดอีกเช่นกันถ้าชอคโกแลตถูกให้ความร้อนมากๆ   ซึ่งจะทำให้เนยโกโก้แยกตัวออกมา  จะทำให้ชอคแข็งตัวยาก  หรือ แข็งตัวช้า  และมี  Chocolate Blooming เช่นกัน จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ชอคโกแลตชิพ จะเอาไปใส่ เค้ก  คุกกี้  ก็อร่อย  รสชาติจะไม่เข้มข้นเท่าชอคโกแลต3ตัวข้างบนนั้น  เพราะมีปริมาณไขมันโกโก้ น้อยกว่า  ซึ่งทำให้นิยมนำไปใช้กับคุกกี้  เนื่องจากจะทนความร้อนได้ดีกว่า ไม่ละลายไหลย้อย จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชอคโกแลตสีต่างๆ เพื่อให้ได้ความหลากหลายมากขึ้น ผู้ผลิตก็มักจะมีการเติมสี เติมกลิ่นลงไปในชอคโกแลต  เพื่อจูงใจให้น่าใช้เพิ่มขึ้น จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ชอคโกแลตบาร์ ไม่ใช่ชอคแบบที่เด็กกินกัน หรือขายในห้างนะคะ   ชอคแบบนี้ก็จะคล้ายๆกับชอคชิพ  แต่นิยมเอาไปใช้กับพวกพัฟ พายมากกว่า   โดยเอาไปม้วนไว้ข้างใน  ทำให้มีรสชอคโกแลตเกิดขึ้นมานั่นเอง จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ชอคโกแลตโคทติ้ง เป็นชอคโกแลตที่ใช้งานง่ายกว่าชอคทั่วๆไปคะ    แข็งไว   เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากทำของแต่งหน้าเค้กที่เป็นชอคโกแลตคะ  เพราะไม่ต้องเสียเวลา tempering ชอคโกแลตเลย   หรือว่าจะเอาไปเคลือบเค้กชิ้นเล็กชิ้นน้อย  เคลือบชอคบอล เป็นต้น จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ยีสต์   มีหลากหลายแบบ   ทั้งยีสต์สำหรับขนมปังจืด  สำหรับขนมปังหวาน ยีสต์จืด คือ ยีสต์ที่ใช้กับขนมปังจืด / ขนมปังทั่วๆไป ที่มีปริมาณน้ำตาลตั้งแต่ 0 – 3% เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักแป้ง เช่นขนมปังแซนด์วิช ยีสต์หวาน คือยีสต์ที่ใช้กับขนมปังหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลมากกว่า 3% ขึ้นไป เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำหนักแป้ง เช่น ขนมปังไส้ต่างๆ   ยีสต์จะถูกเติมลงไปในขนมปังเพื่อให้ขนมปังพองฟู เพราะยีสต์จะกินน้ำตาลที่อยู่ในแป้งและผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ทำให้ขนมปังมีรูปร่างเป็นก้อน   ยีสต์ที่ใช้ในการทำขนมปังมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบสด และ แบบผงเป็นต้น การใช้ยีสต์ที่ถูกต้องจะต้องทำการปลุกยีสต์เสียก่อน โดยการละลายน้ำในอุณหภูมิประมาณ 38 องซาเซลเซียส การใช้ยีสต์จึงทำได้ยากกว่า แต่ให้ผลดีที่จะให้เนื้อขนมปังและรสชาติดีกว่าการใช้ผงฟู ยีสต์ที่ใช้โดยทั่วไป คือ Saccharomyces cerevisiae   ( ไม่อยากลงลึกเรื่องเชื้อ เดี๋ยวจะงงกันนะค๊า  ) ยีสต์มี 3 ชนิด คือ 1. ยีสต์สด (Compressed Yeast) ยีสต์ชนิดนี้มีลักษณะอัดเป็นแผ่น เจริญเติบโตเร็วเมื่อมีอาหารและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมและทำให้ขนมมีกลิ่นรสดี ราคาไม่แพง แต่ต้องเก็บในที่ที่อุณหภูมิต่ำ เช่น ตู้เย็นและเก็บได้เพียง 1-2 สัปดาห์ ปริมาณยีสต์ที่ใช้ในขนมอบ ประมาณร้อยละ 3 ของน้ำหนักแป้ง 2. ยีสต์แห้งชนิดเม็ด (Dry Yeast) ยีสต์ชนิดนี้ต้องละลายน้ำอุ่น 40 - 45 oC.ก่อนนำไปผสมในส่วนของแป้ง สามารถเก็บรักษายีสต์ชนิดนี้ได้เป็นเวลานานในอุณหภูมิห้องและเก็บได้นานหลายเดือนเมื่อเก็บในตู้เย็นปริมาณการใช้ยีสต์ ประมาณร้อยละ 1.5 - 2 ของน้ำหนักแป้ง 3. ยีสต์แห้งชนิดผงละเอียด (Instant Dry Yeast) เป็นยีสต์ที่ไม่ต้องละลายน้ำก่อนเติมลงในแป้ง สามารถนำไปผสมกับแป้ง หาซื้อได้ง่ายสุดตามท้องตลาด แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 52 07:24:46 จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สารเสริม สารเสริมต่างๆที่ใช้ในขนมปัง ก็เพื่อทำให้ขนมปังนุ่ม   ขนมปังเพื่อการค้าบางสูตรจะมีการระบุให้ใส่สารเสริมคุณภาพ และ เชื้อเร่ง ยกตัวอย่าง ดังต่อไปนี้ แพ็ตโก้ -3 (PATCO - 3)   สารตัวนี้เป็นสารที่ใช้ปรับปรุงคุณภาพของขนมอบ ได้มาจากสารธรรมชาติ คือ ถั่วเหลือง นม และโปรตีนในรูปอื่น ๆ ดังนั้น จึงได้รับรองในด้านความปล่อยภัย ให้ใช้ได้ผลิตภัณฑ์ขนมอบต่าง ๆ จากองค์การอาหารและยา ของสหรัฐอเมริกา ด้วยประมาณ 0.2 - 1.0 % ของน้ำหนักแป้ง แพ็ตโก้3 จะช่วยให้ขนมปัง โดนัท และขนมที่ขึ้นด้วยยีสต์อื่น ๆ มีเนื้อละเอียด นุ่ม มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถเก็บไว่ได้นาน โดยมีความใหม่สดเามอ นอนจากนี้ยังใช้กับขนมที่ฟูด้วยผงฟู เช่น เค้ก ปล.หารูปไม่เจออะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สารเสริมคุณภาพ (BREAD IMPROVER) U-99   อาจฟังดูใหม่ หากถ้าคุ้นกับการทำขนมปังโดยเฉพาะการทำขนมปังแบบทุ่นเวลา (Rapod Dough Method) เชื่อแน่ว่าคุณจะรู้จักสารตัวนี้ดี สารเสริมคุณภาพ(Bread improver) นี้ ไม่ใช่ยี้ห้อหรือเครื่องหมายการค้า แต่เราเรียกกันตามหน้าที่ของสารตัวนี้ถ้าเรียกว่าสารเร่งขนมปัง หรือ Quick Dough ก็เป็นที่เข้าใจ ใช้สารตัวนี้ประมาณ 2 ช้อนชาต่อแป้ง 1 กิโลกรัม โดยผสมลงไปกับแป้งได้เลย เพราะมีลีกษณะเป็นผงสีขาว เป็นส่วนผสมของวิตามินซี และอาหารของยีสต์ ซึ่งจะช่วยเร่งให้ก้อนโดมีความพร้อมที่จะตัดแบ่ง ปั้นและพัก หมักช่วงสุดท้ายได้ หลังจากพักช่วงแรกหลังผสมเพียง 10 นาที ดังนั้น วิธีการนี้จะสามารถทุ่นเวลามากครั้งแรก ซึ่งโดยปกติจะประมาณ 1-0 ชั่วโมงได้   สารเสริมคุณภาพตัวนี้ยังมีผลให้ขนมปังเนื้อละเอียด นุ่มและขาวขึ้น คุณมั่นใจได้ว่าขนมปังจะเก็บไว้ได้นานกว่าปกติ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สารเสริม ยังมีอีกมากมายหลายตัวให้เลือกใช้  ลองหาๆกันดูนะคะ  วันนี้ขอจบรายการแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ  ต้องไปทำงานแล้ว เดี๋ยวโดนหัวหน้าว่าเอา  เหอๆๆ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สุดยอดขยันแล้วป้อ พิมพ์เยอะ และได้ความรู้แยะแบบนี้ โหวตให้เลยนะ ชอบมากเลย สบายดีนะ พักผ่อนเยอะๆ ด้วยเน้อ คุณเชฟป้อ อิอิอิ จากคุณ : บ้านหวานเย็น - [ 1 มิ.ย. 52 08:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โหวต...จ้าน้องป้อ จากคุณ : winview'mom - [ 1 มิ.ย. 52 08:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 68 บ้านหวานเย็น ---  พิมพ์เก็บๆไว้หลายวันอยู่เหมือนกันจ๊า ตูน คิดถึงนะตัว winview'mom ---  สบายดีไหมคะพี่ ขอบคุณคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 08:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เยี่ยมเลยคร้าบป้อ กระทู้แบบนี้ต้องโหวตเท่านั้น จากคุณ : Spinnecker - [ 1 มิ.ย. 52 09:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สุดยอดค่า...ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : Goizd - [ 1 มิ.ย. 52 09:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 71 Spinnecker--- ขอบคุณคะพี่เบียร์ หมู่นี้ไม่ค่อยได้เอาอะไรไปส่งให้หนูน้อยเลย  ไว้มีจะรีบเอาไปฝากไว้ให้นะคะ อิอิ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 72 Goizd ---ยินดีคะ ๆๆ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ชอเชิญไปร่วมทำอาหารและเบเกอรี่ที่ กฟภ.ใน21มิ.ย.เดือนนี้สิครับ แควนๆจะได้รู้จัก.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 1 มิ.ย. 52 09:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อยากเห็นแป้งอัลมอน แล้วก็ครีมมาชเมโล มาซิแพน แล้วพวกน้ำส้มญี่ปุ่นทั้งหลายค่ะ ปล. กระทู้มีประโยชน์มาก รอครบแล้วจะตามมาเก็บเข้าคลัง จากคุณ : แม่เรไร - [ 1 มิ.ย. 52 09:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 75 จุ๊บๆๆๆๆๆ  เป็นคัมภัร์ได้เลยค่ะ จากคุณ : jittra - [ 1 มิ.ย. 52 09:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มาบอกใหม่... เตรียมพริ้นจ๊า คริๆ จากคุณ : ขนมสีชมพู - [ 1 มิ.ย. 52 09:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อก่อนตอนที่สมองมิได้บรรจุเรื่องการทำขนมอบต่างๆ จะอ่านผ่านๆ กับกระทู้แบบนี้   มาบัดเดี๋ยวนี้ กระทู้ดีๆ แบบนี้ จัดเป็นกระทู้โดนใจสุดๆ .. ขอบคุณคะ คุณน้องป้อ คนงาม จากคุณ : บ่งบ๊ง - [ 1 มิ.ย. 52 09:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คุณป้อมคะ อยากได้สูตรทำ คุกกี้สัปรดค่ะ สูตรที่เป็น สี่เหลี่ยมแล้วพับมุมทะแยงเข้าค่ะ ด้านเดียวค่ะ อีกด้านไม่ต้องพับมุม โดยมีไส้สัปรดกวนอยู่ในค่ะ เนื้อคุกกี้หอมเนยมาก อร่อยเริ่ดเลยค่ะ เคยลองทำลองที่หาในห้องก้นครัวแล้ว ทำออกมา ไม่อร่อยค่ะแต่พอทานได้ เคยไปซื้อกินร้านขนมแถวประชาชื่นนานมากแล้ว และแถวการบินไทยคะ ติดใจเลยอยากจะทำเองค่ะ ถ้ามีขอสูตรด้วยนะคะ จากคุณ : ดา - [ 1 มิ.ย. 52 09:30:54 A:125.24.128.48 X: TicketID:192999 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย --- เอารถมารับหน่อยสิคะ อิอิ แม่เรไร -- เดี๋ยวหามาให้นะคะ  แต่ที่สนใจแต่ละตัวเนี่ย ไม่ค่อยได้เอาไปใช้ในพื้นฐานเท่าไหร่นะคะ jittra ---  จุ๊บๆๆ ขนมสีชมพู ---  อย่างงี้ต้องขอตรวจสอบด้วยว่าปริ้นท์ถูกหรือป่าว อิอิ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ป้อ ตัวอ่าน คห 52 ยัง ชริ ชริ จากคุณ : I don't want to let you go. - [ 1 มิ.ย. 52 09:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เยี่ยมเลยค่ะคุณป้อ อย่างนี้ต้องได้กิฟท์ อิอิ จากคุณ : java~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณนะค๊า...ป้อสุดสวยย รวยน้ำใจ เข้ามานั่งเลคเชอร์ค่ะ ได้ความรู้เยอะเลย  อิอิ (หลังจากมั่วทำขนมแบบงูๆ (ลูก)ปลาๆมานาน 555 จากคุณ : iTiMiTi - [ 1 มิ.ย. 52 09:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 83 บ่งบ๊ง --- เจ๊บิ๊  ขอบคุณคะ คุณดา --- ม่ายมีสูตรนี้อะคะ  ขอโทษด้วยนะคะ พี่ปิ๊ก----  ขออภัยอย่างสูง  มองม่ายเห็น แบบว่าต้องดูจากจอเล็กๆอะ แอบเล่นก็งี้หล่ะ java~--- ขอบคุณคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 84 โหวตให้เลยเต็มๆ คิดถึงจังเลย จากคุณ : แม่หนูนันท์ - [ 1 มิ.ย. 52 09:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ลูกปลา --- ป้อว่าตัวเองหน่ะเก่งจะแย่อยู่แล้ว ไม่ต้องดูก็รู้แล้วม้างตัว อิอิ ----------------------------------------------------------------------------- เพิ่มเติมจากแม่เรไรคะ อัลมอนด์ผง  หรือ  อัลมอนด์กราว   Almond Ground  (Powder) ก็ทำมาจากอัลมอนด์ เอาเปลือกออก  แล้วบดให้ละเอียดคะ  ส่วนใหญ่เอาไว้ทำ มาการอง  แต่ก็มีบางครั้งที่เอาไปทำเค้กเหมือนกันนะคะ ราคาค่อนข้างแพง  และหายากหน่อยคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 86 พี่เอ๋ -- จุ๊บๆ ----------------------------------------------------------------------------- มาซิแพน  Marzipan ทำจาก อัลมอนด์ที่เลาะเปลือกออก และบดให้ละเอียด  ทำการเติมน้ำตาล และ กลูโคสลงไปเพื่อให้จับตัวเป็นก้อน ส่วนใหญ่เอาไปปั้นเป็นตุ๊กตาแต่งเค้ก  หรือจะคลุกเค้กให้หวานๆ  หรือจะ เอาไปเป็นส่วนประกอบของเค้กก็ได้คะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ฟองดองส์ (Fondant) จะมีสีขาว ส่วนใหญ่จะเอาไว้คลุมเค้กโดยเฉพาะ แต่ถ้าอยากได้สีอื่นๆ ก็เติมสีน้ำลงไป เวลาใช้ค่อนข้างจะเหนียวง่าย ต้องมีการใช้แป้งช่วยไม่ให้ติดมือ  รสหวาน เพราะทำจากน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่  วิธีทำก็หาได้จากในก้นครัวก็มีคะ ป้อเคยเห็นแว๊ปๆ (ส่วนพวกน้ำส้มของแม่เรไรเป็นไงหนอ ให้ข้อมูลไม่ได้เพราะไม่แน่ใจคะ ) จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 09:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ดีจังเลยค่ะ เหมาะสำหรับมือใหม่หัดทำขนมอย่างจอยพอดีเลยค่ะ เวลาทำจะได้ใส่ทุกอย่างอย่างมีความรู้ ไม่ใช่ใส่ ๆ ไปตามสูตรอีกต่อไป ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 1 มิ.ย. 52 09:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ให้อภัย แถมโหวตให้ คะแนนความพยายามอะ อิ อิ จากคุณ : I don't want to let you go. - [ 1 มิ.ย. 52 09:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 90 กระทู้ดีๆ มีประโยชน์ต้องโหวต จดๆๆ  เก็บๆ เอาความรู้ใส่สมองค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้นะคะ จากคุณ : หนอนกลม - [ 1 มิ.ย. 52 10:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 91 จัดไปค่ะ 1 โหวต ขอบคุณนะคะ ^___^ "นี่แหละคนไทย" จากคุณ : ikka (ikka) - [ 1 มิ.ย. 52 10:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แม่น้องเอเอ--- จะดีใจมากถ้าได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้จริงๆนะคะ พี่ปิ๊ก --- ขอบคุณที่โหวตให้คะ อยากให้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำจะได้ให้เพื่อนๆคนอื่นๆได้รับประโยชน์กันทั่วหน้า หนอนกลม --- ขอบคุณคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 10:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ikka (ikka)---ขอบคุณคะ  คนไทยเหมือนกัน รักกันดีกว่าเนอะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 10:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ผมจะเอาราชรถไปเกยที่หน้าห้องนอนเลยครับ... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 1 มิ.ย. 52 10:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย --- แหะๆๆ  ห้องนอนมันไม่พอจอดรถเทียบได้นะคะ   555 จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 10:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ของดีแบบนี้ต้องเข้ามาโหวตค่ะ จากคุณ : le_chef - [ 1 มิ.ย. 52 10:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 97 หายไปนานกลับมาก็ ทำตัวน่ารักเชียว ถึงจะไม่ถึงขนาด เป็น ขาประจำเบเกอรี่ แต่ก็ต้องขอบคุณไว้ก่อน ซักวันคงได้ใช้ จากคุณ : สาวเกาะ - [ 1 มิ.ย. 52 10:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 98 le_chef --- ขอบคุณคะ สาวเกาะ ---  ขอบคุณเช่นกันคะพี่  จริงๆตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะทำ แต่ยังไม่มีเวลาซะที  จะทำได้ก็ตอนหัวหน้าไม่อยู่ อิอิ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 10:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 99 มาเก็บความรู้ค่ะ ^_^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่า ว่าแล้วก็เซฟเก็บ จากคุณ : หมวย (potmetha) - [ 1 มิ.ย. 52 10:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 100 แอบอ่านอยู่ครับ ถ้าผมช่วยเสริมจะว่าไรป่ะเนี่ย ^^ จากคุณ : ผีเสื้อน้อยระเริงไฟ - [ 1 มิ.ย. 52 10:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 101 วู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ....เดี๋ยวจิ๊กความรู้ใส่พุงดีกว่า 555555 จากคุณ : เฮียแมว - [ 1 มิ.ย. 52 10:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 102 สุดยอดครับ ขอบคุณมากที่มาให้ความรู้เรื่องเบเกอรี่แบบละเอียดขนาดนี้ จากคุณ : bam-NY - [ 1 มิ.ย. 52 11:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 103 หมวย (potmetha) --- ขอบคุณคะ ผีเสื้อน้อยระเริงไฟ ---  เชิญเลยคะ เฮียแมว --ตื่นแล้วหรอคะเฮีย bam-NY --- ขอบคุณมากคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 11:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เข้ามาเก็บความรู้ด้วยคน ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาบอกนะคะ จากคุณ : Mem125 - [ 1 มิ.ย. 52 12:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 105 โหวดแล้วจ้า  เก็บเข้าคลังแล้วจ้า ขอบคุณมากๆ จ้า  บางอย่างไม่เคยเห็นเลยจริงๆ ได้ความรู้มั่กๆๆ จากคุณ : มือใหม่เล่นหุ้น - [ 1 มิ.ย. 52 12:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 106 Mem125 ---ขอบคุณที่ติดตามชมคะ มือใหม่เล่นหุ้น --- ขอบคุณเช่นกันคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 12:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาเก็บความรู้ และ ขอบคุณ เจ้าของกระทู้ ที่ให้สาระดี ๆ จากคุณ : NATE2000 - [ 1 มิ.ย. 52 12:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 NATE2000---  หวังว่าคงมีประโยชน์นะคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 12:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณค่ะ   สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : ไวท์ช็อคชีส - [ 1 มิ.ย. 52 12:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ไวท์ช็อคชีส--- ขอบคุณเช่นกันคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 13:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เย้ เข้ามาจดข้อมูลค่ะ ขอบคุณนะคะคุณป้อ ^^ จากคุณ : puppadoowab - [ 1 มิ.ย. 52 13:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 112 มานั่งฟังเลคเช่อร์จ้ะ และสงสัยว่าตกลงป้อตัดสินใจได้ยังจ๊ะ ว่าจะพาคุณแม่ไปเที่ยวเมืองไหนในยุโรป..พี่จะได้ขอโดดลงกระเป๋าไปเที่ยวด้วยคน อิอิ จากคุณ : มนุษย์ไฟฟ้า@สีชมพู - [ 1 มิ.ย. 52 13:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 113 puppadoowab--- มาเลยๆ พี่มด -- แว๊ก  ถามออกอากาศเลยหรอพี่  กำลังเร่งปั๊มเงินอยู่ แต่สงสัยจะได้ไปกะทัวร์แทน  กลัวหลงอย่างแรง  น่าจะเป็นอิตาลี สวิส ฝรั่งเศส แนวๆนั้นหล่ะคะ  ไปศึกษาดูขนมที่โน้นซะหน่อย จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 13:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ขอบคุณมากค่ะ คุณป้อใจดีจัง :) จากคุณ : girldemars - [ 1 มิ.ย. 52 13:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ดีใจจังที่เห็นคุณป้อมาโพสต์ แอบเข้าไปชมสูตรอาหารบ่อยๆ  คุณป้อทำให้เราไม่กลัวกับการทำสปันจ์เค้กอีกต่อไป เพราะเค้กไม่เป็นไต ฮา... ยังไงขอขอบคุณไว้ด้วยค่ะ  พร้อมกับความรู้อีกมากมายในกระทู้นี้ จากคุณ : คาร์เนชั่นสีม่วง - [ 1 มิ.ย. 52 14:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คุณครูสปันจ์เค้กของเรา..... มาให้ความรู้เพิ่มอีก...... ขอบคุณค่ะ  คุณครู . จากคุณ : แครอทอร่อย - [ 1 มิ.ย. 52 14:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 117 girldemars -- ขอบคุณมากคะ คาร์เนชั่นสีม่วง --- แอบดีใจจังว่าสปันจ์เราใครๆก็ทำได้ เพราะกระทู้แนะนำวันก่อนโน้นไม่มีสูตรสปันจ์เราอยู่  ก็เลยคิดว่าเค้าคงคิดว่ามันไม่ดีมั้ง  เหอๆๆ แครอทอร่อย --- ขอบคุณที่ลองเอาสูตรสปันจ์ไปใช้นะคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 14:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 118 โหวตค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยสำหรับมือใหม่แบบเรา จดทุกอย่างลงสมุุดแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ^^ จากคุณ : ม่าเหมี่ยวจอมแก่น - [ 1 มิ.ย. 52 14:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณมากค่ะที่มาแบ่งความรู้ค่ะ แต่เนยขาว  มีไขมันไม่ดี พี่แก้วเสมอกลางเคยตั้งกระทู้ไว้ค่ะ แต่หาไม่เจอค่ะ เผื่อบางคนจะไม่ทราบว่าเนยขาวมีผลเสียอะไรบ้าง http://www.bantransfats.com จากคุณ : พริกน้ำส้ม - [ 1 มิ.ย. 52 15:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ม่าเหมี่ยวจอมแก่น --- ยินดีคะ ยินดี พริกน้ำส้ม --- ขอบคุณคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 15:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ว้าว.. มาร่มศึกษาค่ะ เอ่อ แล้ว ครีมเปรี้ยว นี่ คืออะไรหรอคะ เคยเห็นในนี้แหละค่ะ ที่ใช้ทำ new york cheese cake อ่ะค่ะ จากคุณ : arowanic - [ 1 มิ.ย. 52 15:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 122 arowanic  --- มาเลยคะ  เพิ่มเติมให้ ----------------------------------------------------------------------------- ครีมเปรี้ยว  หรือ sour cream ทำจากครีม ที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันอยู่ที่ประมาณ  12-16  แล้วนำไปหมักด้วย Lactic acid Bacteria (เชื้อแบคทีเรีย)  จึงทำให้เกิดรสเปรี้ยว   ส่วนใหญ่จะเอาไปผสมกับ เค้ก  สโคน  หรือแม้แต่เอาไปราดหน้ามันฝรั่งอบก็ได้ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 15:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 123 มาเก็บความรู้ด้วยคนค่ะ  ขอบคุณมากๆ เลย จากคุณ : mint009 - [ 1 มิ.ย. 52 15:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ สำหรับความรู้ กระจ่างขึ้นอีกเยอะ เป็นคนหนึ่งที่ติดตามกระทู้ความรู้ดี ๆ เช่นนี้เหมือนกัน ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ให้ความรู้ด้วยค่ะ จากคุณ : น้องใหม่ขี้สงสัย - [ 1 มิ.ย. 52 16:15:36 A:124.122.197.253 X: TicketID:216998 ]

ความคิดเห็นที่ 125 mint009 --- ขอบคุณเช่นกันคะ น้องใหม่ขี้สงสัย -- สาธุๆๆๆๆ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 16:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เก็บ...ความรู้ จากคุณ : ปลาทอง_kwang - [ 1 มิ.ย. 52 16:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 127 สงสัยอย่างนึงค่ะ อย่าง allowrie zero fat อันนี้จัดเป็นมาการีน หรือเนยกันแน่คะ เพราะกลิ่นจะไม่ค่อยเหมือนเนยสดแท้เลย จากคุณ : mummyjar - [ 1 มิ.ย. 52 16:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ปลาทอง_kwang --- มาเลยคะ mummyjar ---  จัดเป็นเนยคะ  ที่ไม่ค่อยมีกลิ่น เพราะเค้าเอาตัวไขมันออกไปทำให้กลิ่นน้อยลงยังไงหล่ะคะ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 16:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอเข้ามาเก็บความรู้ด้วยคน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Orayanee - [ 1 มิ.ย. 52 16:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 130 อูย ตกใจหมดเลย คำตอบมาไวมากกกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ สงสัยมานานแล้น จากคุณ : mummyjar - [ 1 มิ.ย. 52 16:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 131 Orayanee---มาเลยๆๆ mummyjar---ขวัญเอ่ย  ขวัญมา  อู้งาน แอบเล่นเลยตอบไวคะ  อิอิ จากคุณ : ~Just Relax~ - [ 1 มิ.ย. 52 16:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ~~ ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วถึงบางอ้อ ตั้งหลายอย่าง ที่งง  ๆ สงสัย ก็กระจ่างขึ้น ~~~ ของเค้าดีจริงๆ  โหวตค่ะ โหวต จากคุณ : ตัวที่สี่ - [ 1 มิ.ย. 52 17:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เนยขาว ชนิดนี้ บริโภคบ่อย ๆ จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย มั๊ยคะcrisco All-Vegetable Shertening แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 52 18:22:59 จากคุณ : Queen_of_Nagas - [ 1 มิ.ย. 52 18:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขอบใจมาก ๆ จ้ะ จากคุณ : mai-mee - [ 1 มิ.ย. 52 18:21:29 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ขอบคุณนะคะ สำหรับความรู้ดีๆ ^_^ จากคุณ : Lin-anime - [ 1 มิ.ย. 52 19:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เยี่ยมไปเรยค่ะ ได้ความรู้ดีจิงๆ ขอบคุณนะคร้า จากคุณ : nikkinid - [ 1 มิ.ย. 52 20:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เจ๋งสุดๆเลยค่ะ จากคุณ : ลูกจำปา - [ 1 มิ.ย. 52 20:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ยอดไปเลย จากคุณ : ลิเติ้ลอาย2007 - [ 1 มิ.ย. 52 21:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เคยเรียนเบเกอรี่แบบงูๆปลาๆ ได้ความรู้มากๆๆๆจากทู้นี้เลยค่ะ จากคุณ : lalinphat - [ 1 มิ.ย. 52 23:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 140 เยี่ยมมาก... มาขอบคุณพร้อมโหวตค่ะ จากคุณ : Celestial - [ 1 มิ.ย. 52 23:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ขอบคุณมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ ตามหากระทู้แบบนี้มานานแล้วค่ะ ทีแรกตั้งใจจะโพสถามอยู่ว่ามีเว็บไหนให้ความรู้เรื่องวัตถุดิบเหล่านี้บ้าง เพราะอยากหัดทำ แต่อยากศึกษาเบื้องต้นว่าวัตถุดิบชนิดไหน ให้ประโยชน์เรื่องอะไร กระทู้นี้มาตั้งพอดี ขอบคุณมากๆๆๆๆอีกทีค่ะ ^ ^ จากคุณ : เด็กหญิงคัพเค้ก - [ 1 มิ.ย. 52 23:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ขอบคุณที่นำความรู้มาแบ่งปันนะคะ (^ ^) ได้รู้อะไรใหม่ๆเยอะเลยค่ะ จากคุณ : The White Rider - [ 1 มิ.ย. 52 23:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 143 Thank u very much. I have a question. Can PATCO-3  be replaced the bread improver (U99)? จากคุณ : PinyZ - [ 1 มิ.ย. 52 23:52:02 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณนะค่ะ ขยันมากๆ ช่วยแพมได้มากเลยค่ะ ได้ความรู้เยอะแยะเลย จากคุณ : แพมาลย์ (แพมาลย์) - [ 2 มิ.ย. 52 00:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 145 ขอบคุณมากๆค่ะ เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากๆ ^^ จากคุณ : ลูกหมูหวาน - [ 2 มิ.ย. 52 00:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 146 Thanks นะคะน้องป้อสำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : khun_wiwan - [ 2 มิ.ย. 52 01:38:35 ]