ความคิดเห็นที่ 1 ปรากฏว่าลัคกี้ขอบาย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 13.06 น.ลงรถที่แยกอังรีดูนังต์ ถนนพระรามที่ 4 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้ามถนนไปหัวมุมถนนอังรีดูนังต์ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดินตรงไปตามแนวถนนพระรามที่ 4 จนถึงทางเข้าสถานเสาวภา -ในปีพ.ศ. 2455 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระดำริที่จะจัดตั้งสถานที่ทำการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากหม่อมเจ้าหญิงบันลุศิริสาร ดิศกุล พระธิดาได้สิ้นชีพิตักษัยด้วยโรคพิษสุนัขบ้า เพราะในขณะนั้นประเทศไทยยังไม่มีสถานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคร้ายนี้ จึงนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อาศัยตึกหลวงที่ถนนบำรุงเมืองเป็นที่ทำการผลิต และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และได้ย้ายงานทำพันธุ์หนองฝีกันไข้ทรพิษที่นครปฐมเข้ามารวมกัน สถานที่นี้ได้เปิดทำการเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2456 มีชื่อเรียกว่า "ปาสตุรสภา" ตามชื่อของหลุยส์ ปาสเตอร์ ผู้ค้นพบวิธีฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ต่อมาในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนปาสตุรสภาจากกระทรวงมหาดไทยไปสังกัดสภากาชาดไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น "สถานปาสเตอร์" และในปีพ.ศ. 2463 ได้ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ พระราชทานให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อจัดสร้างสถานที่ทำการแห่งใหม่สำหรับสถานปาสเตอร์ขึ้นที่ถนนพระราม 4 และได้ พระราชทานนามสถานที่นี้ว่า "สถานเสาวภา" เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ เทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง และได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2465 จัดตั้งเป็นที่ทำการของสถานเสาวภา สภากาชาดไทยสืบมา ที่มา : redcross.or.th/aboutus/snake.php4 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โหหหหหหหหหหห อาสามมาทีเดียว 4 กระทู้ สุดยอดดดดดดดดดด ระวังโพสผิดรูปนะครับ แซวเล่นคร้าบบบบบบบบบ จากคุณ : Three-eleven - [ 2 ก.ค. 52 14:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ทางเข้าสถานเสาวภามีป้ายบอกเวลาเปิดปิดให้เข้าชมสวนงู รวมถึงเวลาการแสดงการรีดพิษงูและการให้อาหารงู ป้ายนี้ติดตั้งมานาน ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเวลาและไม่มีการแสดงการให้อาหารงู โดยเฉพาะการปล่อยหนูขาวให้งูไล่จับกินในบ่อรวม เนื่องจากเป็นภาพโหดร้ายแก่ผู้ที่มาชมและเป็นการทารุณกรรมสัตว์ เคยชมการให้อาหารด้วยวิธี้นี้เมื่อนานมาแล้ว หนูขาวนับร้อยวิ่งหนีอยู่ในบ่อ หนูขาวถูกพิษและถูกงูค่อยๆกลืนลงท้องขณะที่ยังไม่ตายสนิท การยกเลิกการแสดงแบบนี้จึงนับว่าสมควรเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงการจับงูให้อ้าปากแล้วใช้เหล็กหนีบอาหารยัดใส่ปากงู จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยก่อนถ้าเป็นชาวต่างชาติต้องซื้อบัตรที่ป้อมทางฝั่งขวาของประตู คนไทยเข้าชมฟรี แต่เมื่อมีการทำบ่อจัดแสดงงูใหม่จึงย้ายเข้าไปเก็บค่าเข้าชมที่หน้าบ่อ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ป้ายบอกทางไปสวนงูที่ด้านขวาอาคารสถานเสาวภา จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ได้เข้ามาที่นี่นานกว่า 30 ปี หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป มีอาคารสร้างใหม่เพิ่มขึ้นเช่นอาคารศูนย์จักษุมาตร จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางประมาณ 50 เมตรจะเห็นทางเข้าสวนงูอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีศูนย์อาหารและสินค้าจากหนังงูจำหน่าย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หรือจะเข้าสวนงูจากทางอาคารสถานเสาวภาก็ได้ โดยเดินตรงทะลุตึกผ่านคลีนิคป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและคลีนิคพิษจากสัตว์ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ซ้ายมือหน้าทางเข้าสวนงูจะมีจุดจำหน่ายบัตรเข้าชม ป้ายภาษาไทยสำหรับคยไทย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 40 บาท นักศึกษา(แสดงบัตร) 20 บาทและเด็ก 10 บาท ส่วนป้ายภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ  ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 200 บาทและเด็ก 50 บาท แยกป้ายแยกภาษาแบบนี้ชัดเจนดี นักท่องเที่ยวจะได้ไม่พอใจว่าทำไมฉันต้องจ่ายแพงกว่า จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เวลาการแสดงที่เปลี่ยนแปลงไป 11.00 น.ชมการรีดพิษงูและชมวิดีทัศน์ที่ตึก ๔ มะเสง 14.30 น.ชมการแสดงการจับงูชนิดต่างๆและถ่ายภาพคู่กับงูหลามที่อัฒจรรย์หน้าตึก ๔ มะเสง ซื้อบัตรสำหรับผู้ใหญ่ 1 ใบ 40 บาท ซื้อครั้งเดียวสามารถเข้าชมได้ทั้งวัน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บ่องูและตึก ๔ มะเสงที่สร้างใหม่ตรงตำแหน่งเดิม -สวนงูของสถานเสาวภาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2466 โดยดร.เลโอโปลด์ โรแบรต์ ผู้อำนวยการท่านแรกของสถานเสาวภา ซึ่งตระหนักถึงอันตรายจากการที่คนและสัตว์เลี้ยงถูกงูพิษกัดแล้วไม่มีเซรุ่มแก้พิษงูรักษา เซรุ่มแก้พิษงูที่นำเข้าจากต่างประเทศ ก็ไม่สามารถใช้กับงูพิษของประเทศไทยได้ จึงได้ดำเนินการจัดหาเงินมาสร้างสวนงูขึ้นภายในบริเวณสถานเสาวภา เพื่อเลี้ยงงูพิษไว้ใช้ในการรีดพิษ สำหรับใช้ในการผลิตเซรุ่มแก้พิษงู สวนงูแห่งนี้นับเป็นสวนงูที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก (แห่งแรกอยู่ที่ประเทศบราซิล) ปัจจุบันสวนงูของ สถานเสาวภายังมีการเลี้ยงงูไม่มีพิษอีกหลายชนิดเพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาและได้รู้จักงูเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงูที่มีประโยชน์ทางด้านนิเวศน์วิทยาเช่นงูสิง งูทางมะพร้าว เป็นต้น นอกจากประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมสวนงูแล้ว สวนงูยังเป็นแหล่งที่ให้ความรู้ด้านงูพิษแก่นักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านสาธารณสุข ในแต่ละปีจะมีนักเรียนแพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ สัตวแพทย์ฯลฯ ทั้งคนไทยและต่างประเทศ เข้ามาเยี่ยมชมและฟังการบรรยายเกี่ยวกับงู งูพิษและพิษของงู ปีละหลายคณะและหลายสถาบัน ซึ่งเป็นบริการทางด้านการศึกษาและสาธารณสุข นอกจากนี้ทางสวนงูยังมีบริการฝึกอบรมการจับงูให้แก่คณะเจ้าหน้าที่ของทางราชการและองค์กรสาธารณกุศล เพื่อให้จับงูได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย รวมทั้งแนะนำวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง แก่ผู้เข้าอบรมหรือฟังบรรยายด้วย สำหรับงูพิษและงูไม่มีพิษที่เลี้ยงดู จะมีการแสดงการจับงู การรีดพิษงู การป้อนอาหารงู และให้ความรู้ประกอบการบรรยายทุกวันทำการ เวลา 11.00 น.และ 14.30 น. ส่วนวันหยุดจะมีการแสดงเฉพาะรอบเช้า 11.00 น. เท่านั้น งูพิษที่เลี้ยงไว้ในสวนงูขณะนี้มีทั้งงูพิษบกและงูทะเล ซึ่งทางสวนงูพยายามที่จะนำเอางูพิษที่พบในประเทศไทย และสามารถเลี้ยงดูไว้ในที่กักขังได้ เข้ามาเลี้ยงและศึกษาให้ได้มากชนิดที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้ เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและการผลิตเซรุ่มแก้พิษงู เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย ์ ที่มา : redcross.or.th/aboutus/snake.php4 หมายเหตุ : จากการบรรยายที่บ่อจัดเแสดงงู สวนงูของบราซิลเปิดก่อนสวนงูของสถานเสาวภา 22 ปี แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:44:04 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขวาซ้ายก่อนเข้าบ่องูมีซุ้มแสดงงู จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เช่นงูหลาม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 งูจงอางซึ่งซ่อนอยู่ใต้แคร่ มองเห็นหนังที่มันลอกคราบไว้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 งูหลามอีกฝูง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 14:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 และงูสายรุ้งซึ่งเป็นกลุ่มงูพิษเขี้ยวหลัง แต่น้ำพิษมีความรุนแรงน้อยจึงไม่เป็นอันตรายเมื่อถูกกัด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลักกี้กลัวงู 5555 จากคุณ : Spinnecker - [ 2 ก.ค. 52 15:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 บ่อจัดแสดงงูซึ่งสร้างใหม่มีอัฒจรรย์คลุมด้วยหลังคา สร้างเสร็จและเปิดใช้เมื่อวันพฤหัสฯที่ 3 มกราคม 2551 จำได้ว่าเดิมกั้นแบ่งเป็น 3 บ่อย่อยโดยแบ่งเป็นบ่องูเห่า บ่องูจงอางและบ่องูสามเหลี่ยม(ถ้าจำไม่ผิด) แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:45:56 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นธรรมดาที่คุณผู้หญิงไม่ชอบงู จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 บ่อใหม่สร้างอย่างสวยงามแบ่งเป็นบ่อย่อยหลายบ่อ มีทางเดินลงไปชมได้อย่างใกล้ชิด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 นอกจากนี้ยังมีตู้จัดแสดงงูชนิดต่างๆพร้อมป้ายอธิบาย แต่บางตู้ก็ไม่มีงูอยู่ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 บางบ่อมองไม่เห็นงูเพราะงูไปหลบอยู่ใต้พุ่มไม้ในบ่อ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Igloo ที่มีทางเข้าออก 4 ทางจากบ่อเดิม งูจะเข้าไปหลบแดดอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันวางแสดงให้ชมข้างทางเดินในบ่อและมีอยู่ในกรงงูจงอาง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเข้ามาชมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่คนไทยนับหัวได้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 บ่อนี้จำไม่ได้ว่าเป็นงูแส้ม้าหรืองูทางมะพร้าว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 งูหลามปากเป็ด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 งูลายสอธรรมดา จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พักสายตากับลั่นทมลีลาวดีสวยๆ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เก็บหัวเข้ามาดูต่อคับอาสาม จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) - [ 2 ก.ค. 52 15:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ที่นี่ ถ้าตาเบียร์เข้าไป คงไม่ได้ออกมา เค้าจะให้อยู่ในบ่อใดบ่อหนึ่ง อิ อิ อิ  ช่วงชุลมุน จากคุณ : 311025 - [ 2 ก.ค. 52 15:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คห 34 คุณ 311025 ถ้าป๋าเบียร์ไปแกไม่อยู่ในสวนงูหรอก แกจะเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ไปหาของกินแต่จะไม่ยอมรีวิวเด็ดขาด เพราะไม่ต้องหยิบกินเอง อิ อิ จากคุณ : เหมยคลองตู (Fat Boy) - [ 2 ก.ค. 52 15:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เดิมใกล้กับบ่องูจะมีคอกม้า แต่ปัจจุบันย้ายไปอยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงม้าและสัตว์ทดลองฯตั้งอยู่ที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำบลไร่ใหม่พัฒนา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ 646 ไร่ เป็นที่เพาะเลี้ยงม้า ซึ่งมีม้าประมาณ 300 ตัว พิษงูจะถูกฉีดเข้าไปในตัวม้า เพื่อให้ม้าสร้างพลาสม่าขึ้นมาต่อสู้กับพิษงู พลาสม่าจากม้าเหล่านี้นำมาใช้ผลิตเซรุ่มแก้พิษงู และเซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในฝ่ายผลิตเซรุ่ม หลังบ่องูคือตึก ๔ มะเสง ภายในอาคารติดเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย และห้ามการถ่ายวีดิทัศน์ภายใน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตึก ๔ มะเสง สวนงู สถานเสาวภา สภากาชาดไทย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2472 โดยแบ่งเงินจากทุน ๔ มะเสง ซึ่งเป็นทุนที่พระบรมวงศานุวงศ์ 4 พระองค์ ซึ่งเป็นสหชาติประสูติปีเดียวกันคือปีมะเส็งในปี พศ. 2424 ประกอบด้วย พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสัตย์ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ร่วมด้วยพระประยูรญาติและมิตร ได้ประทานเงินจำนวน 40,000 บาทให้แก่สภากาชาดไทย เพื่อใช้ในการบำบัดรักษาผู้ที่ถูกสัตว์มีพิษกัด ตึก ๔ มะเสงมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการเลี้ยงสัตว์มีพิษชนิดต่างๆ และสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์มีพิษและไม่มีพิษให้ประชาชนได้ศึกษา ในเวลาต่อมา ตึก ๔ มะเสง ได้ชำรุดทรุดโทรมลง จึงได้ทำการสร้างใหม่โดยได้รับงบประมาณจากรัฐบาลและสภากาชาดไทย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯเปิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2551 ตึก ๔ มะเสงใหม่นี้ ได้รับการสร้างเป็นตึก 5 ชั้น ใช้เป็นที่จัดแสดงงูมีชีวิตชนิดต่างๆ พิพิธภัณฑ์และนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับงู ภายในชั้น 1 เป็นสถานที่จัดแสดงงูมีชีวิตภายในตู้งูจำนวน 35 ชนิด และจัดแสดงสถานที่จำลองลักษณะการอยู่อาศัยของงูในธรรมชาติ ชั้น 2 แสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับงูในแง่มุมต่างๆ การออกฤทธิ์ของพิษงู และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหับผู้ป่วยที่ถูกงูกัด โดยมีรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบอร์ดนิทรรศการ ตัวอย่างจัดแสดงจากงูจริง วีดีทัศน์ทั้งในรูปแบบสารคดีและ graphic animation ที่มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้สามารถเลือกชมได้ นอกจากนั้นยังมีการแสดงวิธีการฟักไข่งู และหุ่นยางพาราจำลองขนาดเท่าคนจริงสำหรับสาธิตการปฐมพยาบาลอีกด้วย ชั้น 3 เป็นที่ทำการของสวนงู และพิพิธภัณฑ์งูสำหรับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ชั้น 4 และ ชั้น 5 เป็นห้องเตรียมตัวอย่างงู ห้องตรวจรักษาโรคงู และ โครงการเพาะเลี้ยงงู  ที่มา : zoowildlifevet.com/?m=200802&paged=2 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณค่า จากคุณ : Eink - [ 2 ก.ค. 52 15:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อเข้าประตูเข้าไปในตึก ซ้ายมือเป็นส่วนของเจ้าหน้าที่สวนงู ตรงกลางมีทางเข้าสู่ส่วนจัดแสดงงู เมื่อเข้ามาภายในส่วนจัดแสดงงูของชั้นล่าง ทางซ้ายมือมีป้ายแสดงสัญญลักษณ์ต่างๆประกอบการชมงูที่จัดแสดง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เราจะเริ่มการชมชั้นล่าง(นึกว่ามีชั้นเดียว)จากทางด้านซ้าย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตู้จัดแสดงงูมีป้ายบอกชื่อของงูเหนือตู้ และป้ายบอกขนาดความยาว ลักษณะทั่วไปตลอดจนลักษณะเด่นอยู่ทางด้านล่างของตู้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 งูเห่าไทยหรืองูเห่าหม้อ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:56:42 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ห้องบรรยายและแสดงการรีดพิษงู คงต้องกลับมาชมอีกครั้งเพราะแสดงไปแล้วตอนเช้า จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กลุ่มงูน้ำ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 45 งูแส้หางม้าและรูปที่ 90090 จากกล้องของโทรศัพท์มือถือไอโมบายล์ 902 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 งูสิงหางลาย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 47 งูเห่าเผือก จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 "งูอยู่ที่ไหน ?" ส่วนจัดแสดงที่อยู่อาศัยของงู บางชนิดอยู่ตามพื้น บางชนิดอยู่ตามต้นไม้ บางชนิดอยู่ในน้ำ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่มีคนไทยเข้าชมในส่วนนี้เลยแม้แต่คนเดียว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 14.17 น.ออกจากตึก ๔ มะเสงเนื่องจากใกล้เวลาแสดง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 15:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 51 บ่อจัดแสดงงูเมื่อมองจากตึก ๔ มะเส็ง แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:52:13 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เคยไป 1 ครั้ง ชอบดูงู เร้าใจดีค่ะ จากคุณ : ออย-โอ๊ด - [ 2 ก.ค. 52 16:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 14.30 น.เริ่มการแสดงโดยเชิญผู้ชมให้มาอยู่บนอัฒจรรย์เดียวกัน จากนั้นนายสัตวแพทย์มนตรี เชี่ยวบำรุงเกียรติและผู้ช่วย ออกมาแนะนำสวนงูเป็นภาษาอังกฤษสลับกับภาษาไทย จากนั้นจึงเริ่มการแสดงการจับงูจงอาง โดยบรรยายชื่อและลักษณะการกัดของงูรวมถึงสาเหตุการตายที่เกิดจากงูชนิดนี้กัด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 54 งูไม่มีหูและมองไม่เห็น แต่มันรู้ว่าเหยื่อและศัตรูของมันอยู่ที่ไหนได้ 2 วิธี งูกลุ่มหนึ่งอาศัยแรงสั่นสะเทือนของวัตถุ เมื่อเจองูในกลุ่มนี้เช่นงูจงอางหรืองูเห่า ให้ยืนอยู่นิ่งๆจนกว่ามันจะเลื้อยจากไปเอง อีกกลุ่มหนึ่งมีปุ่มตรวจจับความร้อนจากวัตถุ เมื่อเจองูในกลุ่มนี้เช่นงูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง ให้รีบวิ่งหนีทันที พอปล่อยงูจงอางออกมา สาวไทยที่มากับฝรั่งเผลอมากอดแขนไว้แน่นจนต้องหันไปมอง "อุ๊ย ! ขอโทษค่ะ" จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 งูจงอางเป็นงูที่กินพวกเดียวกันเป็นอาหาร นักวิจัยได้ฝึกให้มันกินไส้กรอกหมูบดผสมกับวิตามินต่างๆ ซึ่งในระยะแรกยังต้องใส่เลือดให้มีกลิ่น ผลปรากฎว่าลูกงูทั้งหลายยอมรับอาหารชนิดนี้ จึงนับเป็นทางเลือกในการเลี้ยงงูพิษชนิดนี้ เพราะหาได้งายและยังควบคุมโรคพยาธิในงูได้อีกด้วย (คัดย่อมาจาก NATIONAL GEOGRAPHIC.พฤศจิกายน 2544) จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เริ่มแสดงการจับงูจงอาง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ผู้ชมเงียบกริบระหว่างที่เจ้าหน้าที่คว้าคองูจงอางจากทางหลังคอ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีและมีประสบการณ์เท่านั้นที่จะทำเช่นนี้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเจอพวกมัน อย่านึกว่าตัวเองแน่จะเข้าไปจับมาทำผัดเผ็ด เจ้าหน้าที่ของทางสวนงูสถานเสาวภาเองยังเคยพลาดระหว่างการแสดง คนหนึ่งต้องตัดเนื้อตายทิ้ง อีกคนต้องตัดนิ้วทิ้ง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ต่อด้วยการจับงูเห่า จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อมันเจอศัตรูมันจะชูคอแผ่แม่เบี้ย งูเห่าบางชนิดสามารถพ่นพิษใส่ศัตรู พิษนี้มีความร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:21:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ระหว่างการแสดงจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยกันอยู่ทั้ง 2 ด้านของอัฒจรรย์ ทั้งนี้เนื่องจากบางครั้งมีผู้มาเข้าชมระหว่างการแสดงซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เจ้าหน้าที่ของสวนงูจะส่ายหัวเข่าไปมาเพื่อหลอกล่องู งูจะส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังเต้นระบำ อันเป็นวิธีการเดียกับที่ชาวอินเดียเป่าปี่ให้งูเห่าเต้นระบำ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มีเพียงงูหลามที่เลี้ยงให้เชื่องได้ เจ้าหน้าที่ของสวนงูจึงต้องระวังตัวเองตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะใส่รองเท้าบู้ทยางกันไว้ชั้นหนึ่งแล้วก็ตาม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:23:02 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นักท่องเที่ยวที่เข้าชมต่างเก็บภาพการแสดงทุกขั้นตอน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ระหว่างการแสดง อาจารย์มนตรีซึ่งจะเกษียณในอีก 3 ปีข้างหน้า จะคอยบรรยายให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวตลอดเวลา มีการตั้งคำถามให้นักท่องเที่ยวตอบและหยอดมุขขำๆเป็นช่วงๆเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกสนุกในการชม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตามมาด้วยงูสามเหลี่ยมและงูปล้องทอง ลำตัวของงูทั้ง 2 ชนิดเป็นรูป 3 เหลี่ยม งูสามเหลี่ยมหางกุดแต่งูปล้องทองหางแหลม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มีการนำงูมาให้ผู้ชมได้ลองสัมผัสตัวงู จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง ชอบอาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ เจอที่ไหนให้วิ่งหนีทันทีเพราะมันมีร่องตรวจจับความร้อนระหว่างจมูกและตาของมัน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 67 งูทางมะพร้าว กินหนูเป็นอาหารและแกล้งตายเวลาจวนตัว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 68 และแล้วก็มาถึงรายการสุดท้ายคือการให้ผู้ชมได้คล้องงูหลามเพื่อถ่ายภาพ "หนูมาจากประเทศไหนจ๊ะ" "มาจากประเทศสหรัฐอเมริกาครับ" "หนูแน่ใจว่านะว่าอยากทำแบบนี้" "หนูมีคำพูดสุดท้ายที่อยากบอกคุณแม่ไหม ?" "ผมรักแม่ฮะ ! ลาก่อนฮะแม่" พอลองเอางูหลามคล้องคอแล้ว "แม่ฮะ ! ตัวมันเปียกๆอ่ะ" "ลูกชายคุณกล้าหาญมากครับ" จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ครอบครัวนี้ลงมาลองเป็นครอบครัวแรก มีการจูจุ๊บกันด้วย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เครื่องมือสำหรับเกี่ยวและกดงูเพื่อให้จับได้ง่ายขึ้น จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ผลัดกันคล้องพลัดกันถ่ายรูป ไม่มีใครถ่ายให้เจ้าหน้าที่ก็ช่วยถ่ายให้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่ใช่การแสดงเมียงู เป็นเพียงการเล่นสนุกกับงู จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เล่นเสร็จแล้วก็มาถ่ายรูปให้เพื่อน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 "ผมไม่ใช่เฒ่าหัวงูนะ" จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เช่นเดียวกับการเล่นกับสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัขและแมว ควรล้างมือหลังการเล่นทุกครั้ง หัวหน้าสวนงูจะบอกให้ผู้ที่เล่นกับงูหลามไปล้างมือที่ห้องน้ำทางด้านซ้ายของตึก ๔ มะเสง ภายในห้องน้ำที่สะอาดสะอ้านไม่ขายขี้หน้าชาวต่างประเทศและมีสบู่เหลวให้ใช้ด้วย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 76 15.22 น.เจ้าหน้าที่นำน้องงูหลามไปเก็บที่เดิม รวมระยะเวลาในการแสดงประมาณ 50 นาที หลังจบการแสดง อาจารย์มนตรียังอยู่ต่อเพื่อตอบคำถามของนักท่องเที่ยวอย่างอารมณ์ดี จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ออกจากสวนงูเลี้ยวซ้ายผ่านตึกสภานายิกา จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ผ่านตึกเสรฐภักดี จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้า เมื่อมีใครไปยืนมองที่หน้าต่าง หมาน้อย 4 ตัวใน 2 กรงจะยืน 2 ขาเกาะกรง พร้อมทั้งส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสารให้ปล่อยพวกมันกลับบ้าน ถ้าพวกมันมีอาการของโรคพิษสุนัขบ้า พวกมันจะถูกกำจัด สำหรับผู้ที่ถูกสุนัขที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด สามารถส่งซากสุนัขตัวนั้นมาให้ชันสูตรโดยวางซากไว้บนโต๊ะด้านนอกของตึก จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ติดกันเป็นลานจอดรถและเป็นที่ตั้งของอาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ซึ่งป็นที่ทำการของศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ด้านข้างเป็นอาคารเฉลิม บูรณะนนท์ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 22:58:21 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เลี้ยวขวาเป็นทางเข้าออกสถานเสาวภาแห่งที่ 2 ทางด้านถนนอังรีดูนังต์ เลี้ยวซ้ายเดินไปถามร้านก๋วยเตี๋ยวว่าร้านข้าวขาหมูเสาวภามาขายกี่โมง ปรากฏว่ามาขาย 5 โมงเย็น มองถัดไปร้านข้าวขาหมูแม่ลำใยกำลังเก็บร้าน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อยังไม่มาขายจึงเดินกลับทางเดิม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผ่านจุดโศรกเศร้า จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เดินจนมาออกหน้าอาคารสถานเสาภา ซ้ายมือคืออาคารมหิดลวงศานุสรณ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายผลิตวัคซีน ด้านข้างมีสนามหญ้าที่สมัยก่อนมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆหลังเลิกเรียน จนทางสถานเสาวภาฟ้องไปที่โรงเรียน แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 52 23:03:06 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:34:26 ]

ความคิดเห็นที่ 85 15.43 น.ยังไม่หมดเวลาราชการแต่น้ำพุปิดแล้ว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขวามือของทางออกสู่ถนนพระรามที่ 4 คืออนุสาวรีย์ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ (เสาวภาผ่องศรี) พระบรมราชชนนีพระพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งพระนามของพระองค์ได้ถูกอัญเชิญมาเป็นชื่อของสถานเสาวภา เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้สถาปนาขึ้น จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เนื่องจากรอให้ข้าวขาหมูมาขายจึงเดินไปหาเพื่อนที่จามจุรีสแควร์ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มองลงไปชั้นศูนย์อาหาร ยังคงมีนิสิตยึดโต๊ะเป็นที่นั่งอ่านหนังสือและทำการบ้าน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เพื่อนชวนไปดื่มกาแฟโดยพาเดินไปร้าน Starbuck บอกเพื่อนว่าไม่อยากอุดหนุนกาแฟนอกจึงเดินย้อนกลับไปร้านดอยตุง ของเพื่อนเป็น Late' Mocha ถ้วยใหญ่ 85 บาท ส่วนของตัวเองเป็น Cappucino ถ้วยใหญ่ 70 บาท แต่วันนี้มีส่วนลด 50 % สำหรับ  Cappucino เหลือ 35 บาท ใส่น้ำตาลทรายดำบนฟองนมนุ่มๆ ค่อยๆจิบกาแฟหอมๆผ่านฟองนม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 90 บ่ายแก่ๆแบบนี้ในจามจุรีสแควร์ไม่ค่อยมีคน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 91 17.39 น.เดินกลับมาที่แยกอังรีดูนังต์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอังรีดูนังต์ หยุดยืนอ่านป้ายประวัติถนนสายนี้ -ถนนอังรีดูนังต์ เป็นถนนในท้องที่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เริ่มต้นจากถนนพระรามที่ 1 (สามแยกเฉลิมเผ่า) ถึงถนนพระรามที่ 4 (สี่แยกอังรีดูนังต์) เดิมเรียกถนนสายนี้ว่า "ถนนสนามม้า" เนื่องจากผ่านสนามม้าปทุมวัน (ปัจจุบันคือราชกรีฑาสโมสร) ตัดผ่านสถานที่สำคัญ คือสถานเสาวภา สภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน สยามสแควร์ และ โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2508 ซึ่งตรงกับวันกาชาดสากลได้เปลี่ยนชื่อถนนสนามม้าเป็นถนนอังรีดูนังต์ หลังจากที่สภากาชาดสากลได้เสนอให้ประเทศสมาชิกจัดทำอนุสรณ์เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีกาชาดสากล และรำลึกถึงนายอังรี ดูนังต์ (อองรี ดูนอง) ชาวสวิส ผู้ริเริ่มกิจการกาชาดสากล แต่เดิมถนนสายนี้จะมี "คลองอรชร" ขนานอยู่ด้านตะวันตกหน้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมระหว่างคลองหัวลำโพง (โดยมีถนนหัวลำโพงนอกตัดข้ามคลองอรชรที่สะพานเฉลิมศักดิ์ 43 ปัจจุบันคือสี่แยกอังรีดูนังต์ ถนนพระรามที่ 4) และคลองบางกะปิ หรือคลองแสนแสบ (ส่วนบริเวณสุดถนนอังรีดูนังต์ ยังมีถนนพระรามที่ 1 ข้ามคลองอรชร ที่สะพานเฉลิมเผ่า 52 (ปัจจุบันคือสามแยกเฉลิมเผ่า) แต่ปัจจุบันได้ถมคลองตลอดช่วงถนนอังรีดูนังต์ไปแล้ว และขยายเป็นพื้นที่การจราจรแทน บนถนนสายนี้มีท่าปล่อยรถประจำทาง สาย 16, 21 และ 141 บริเวณหน้าสถานเสาวภา และช่วงจากประตูรัฐศาสตร์ ถึงสามแยกเฉลิมเผ่ายังเป็นเส้นทางรถโดยสารภายในจุฬาฯ สาย 1, 3 และ 4 ที่มา : วิกิพีเดีย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผ่านป้ายสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นทางเข้าสถานเสาวภาแห่งแรกบนถนนอังรีดูนังต์ ตึกซ้ายมือคือที่ตั้งของศูนย์จักษุมาตรและแว่นตา สภากาชาดไทย ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เป็นศูนย์รับบริจาคแว่นสายตาที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อมอบให้กับผู้ด้อยโอกาส จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ประมาณ 120 ม.จากแยกอังรีดูนังต์คือทางศูนย์บริจาคโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นทางเข้าสถานเสาวภาแห่งที่ 2 บนถนนอังรีดูนังต์ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มองตรงไปคือร้านข้าวขาหมูข้างเสาวภาที่จะมาลองในวันนี้ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ร้านนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่าร้านข้าวขาหมูกูเอง ที่มาที่ไปของชื่อร้านทำไมไม่ใช้ชื่อว่า"ข้าเอง"หรือ"อั๊วเอง" เดี๋ยวต้องถามเจ้าของร้าน แต่คนที่ชอบใช้คำว่า"กู"แม้แต่เวลาพูดกับนายกฯมีอยู่คนเดียวในประเทศไทย ลองเดากันเล่นๆ ไว้จะเฉลยตอนอิ่มแล้ว ลูกค้ายังมีไม่มากได้โตีะนั่งที่หน้าร้านพอดี โต๊ะนั่งส่วนใหญ่อยู่ริมรั้ว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 96 นอกจากขาหมูแล้วร้านนี้ยังมีตุ๋นมะระซี่โครงหมูและตุ๋นเห็ดหอม ไข่ไม่ต้มพะโล้เช่นเดียวร้านข้าวขาหมูแม่ลำใย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 16:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เครื่องปรุงและเครื่องเคียงจัดวางอยู่ในถาดของแต่ละโต๊ะ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สั่งหนังหมูติดเอ็น 30 บาท ใส่ไข่ 1 ฟอง 5 บาท ตุ๋นมะระซี่โครงหมู 1 โถ 20 บาท ข้าวยกมาทีเดียว 2 จานๆละ 5 บาท(ไม่แน่ใจว่าจะทานกี่จานจึงคืนไป 1 จาน)และโค้ก+น้ำแข็ง 1 ชุด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 99 "เจ้าประคู้น..." จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ท่าทางตุ๋นมะระซี่โครงหมูจะนุ่มดี จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 101 หน้าตาของขาหมูหนังติดเอ็น จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ไข่ต้มเกือบเป็นยางมะตูม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 103 หนังหมูของร้านนี้เป็นแบบนุ่ม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 104 นอกจากเครื่องพะโล้แล้วยังใส่เม็ดเก๋าคี่ด้วย จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 105 หนังหมูติดเอ็นของร้านข้าวขาหมูกูเอง มีเอ็นที่ยังติดหนังไม่กี่ชิ้น นอกนั้นเป็นหนังกับเอ็นแยกกัน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ยังคงไม่มีใครหั่นหนังหมูติดเอ็นได้สวยเหมือนสามย่านฝั่งจามจุรีสแควรื ได้ข่าวว่าเลิกขายหันไปเป็นคนทรงเสียแล้ว ที่หั่นได้ใกล้เคียงที่สุดก็คือร้านสมใจข้างโรงหนังมงคลรามา สะพานควาย ของจริงต้องเป็นหนังตามด้วยเอ็นอัดกันแน่นใต้หนัง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ลองชิมดูหน่อย รสชาติแบบเดียวกับไข่พะโล้ที่ร้านสงวนศรี ถนนวิทยุ คือเข้มข้นแต่ออกหวานมาก จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 108 หวานแบบนี้ต้องพึ่งรสขมอ่อนๆของตุ๋นมะระซี่โครงหมูนุ่มๆ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ต่อด้วยคากิ 30 บาทและข้าวอีกจาน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ถ้าจะสั่งหนังหมูติดเอ็นคงต้องสั่งแต่คากิเสียแล้ว จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:07:16 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เอ็นหมูชิ้นเบ้ง จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 112 "คนทั่วไปเรียกร้านนี้ว่าร้านข้าวขาหมูข้างเสาวภา แต่ทำไมติดป้ายว่าขาหมูกูเองครับ" "ตอนที่ผมจะเปิดร้านนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ไปกราบนมัสการหลวงพ่อคูณให้ท่านตั้งชื่อให้ ท่านก็เลยตั้งชื่อให้ว่าขาหมูกูเองครับ" "ร้านนี้กับร้านแม่ลำใยใครเปิดก่อนครับ ?" "แม่ลำใยเปิดก่อนผมประมาณ 1 ปีครับ" ร้านข้าวขาหมูกูเองเปิดขายทุกวันตั้งแต่ 17.00-23.00 น. สั่งคากิ 1 ขา 50 บาทและไข่ต้ม 2 ฟองกลับบ้าน มื้อนี้ 105 บาท จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ระหว่างที่นั่งทานอยู่ สายตาก็มองไปข้างหน้า มีรถแท็กซี่จอดกันเรียงราย มีคนขับแท็กซี่กลุ่มใหญ่กำลังมุงอะไรกันอยู่ มองผิวเผินเหมือนกำลังจับกลุ่มเล่นการพนัน ด้วยความสงสัยจึงเดินไปดู ปรากฏว่าเป็นร้านขายของย่าง 2 ร้าน ร้านแรกเห็นตะแกรงย่างแล้วนึกถึงมะเร็ง ก็พี่แกเล่นย่างบนตะแกรงลวดชุบ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 114 มาดูการกินของทั้ง 2 ร้านกันบ้าง ทั้ง 2 ร้านไม่มีโต๊ะนั่งแต่เป็นแบบยืนกิน ลูกค้าได้จาน 1 ใบมาวางตรงหน้า จากนั้นสั่งของเสียบไม้ย่างที่ต้องการในราคาไม้ละ 10 บาท บนโต๊ะจะมีน้ำจิ้มและน้ำพริกหลายอย่างรวมถึงผักชนิดต่างให้ทานฟรี ข้าวเหนียวสั่งต่างหาก การคิดเงินก็แค่นับจำนวนไม้ ตะแกรงย่างของร้านนี้ใช้ตะแกรงสเตนเลสจึงซื้อตับไก่ย่าง 2 ไม้ไปฝากลัคกี้ ระหว่างรอรถไปสยามยังคงมีรถแท็กซี่เข้ามาจอดที่หน้าร้านทั้ง 2 เรื่อยๆ จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขึ้นรถไปต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีสยามกลับบ้าน จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 116 รุ่งขี้นเอาคากิออกมาจากตู้เย็น แช่เย็นจนจับตัวเป็นวุ้นก้อน 4 เหลี่ยม จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ร้านนี้ร้านประจำของผมตอนเรียนเลยครับ อาสาม เตะบอลเสร็จต้องแวะมากินกัน ข้างๆจะมีขายพวกหมูย่าง ไก่ย่างด้วย เห็นแล้วคิดถึงตอนเรียนเลยครับ ร้านนี้ผมชอบกว่าร้านแม่ลำไยอีกนะ ผมว่าน้ำราดมันเข้มข้นกว่าอะ จากคุณ : Three-eleven - [ 2 ก.ค. 52 17:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ผักกาดดองต้มกระดูกหมูจากร้านข้าวแกงแถวบ้าน 20 บาท จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เวฟ 2 นาที จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ไข่ยังเป็นยางมะตูมแต่คากิยังละลายไม่หมด จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ใส่ตับไก่ย่างของลัคกี้ 1 ไม้แล้วเวฟต่ออีก 1 นาที จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 122 คาหมูละลายดีแต่ไข่สุกไม่เป็นยางมะตูมแล้ว แฟนบ่นว่าขาหมูหวานเกินไป จบภาค 2 จากคุณ : laser - [ 2 ก.ค. 52 17:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อาสาม โหดร้ายมากอะ ที่เดียวสี่กระทู้ แถมขาหมูซะสอง ทรมาณกันน่าดูเลย ฮือๆ จากคุณ : Drunkenangel - [ 2 ก.ค. 52 17:29:21 ]