ความคิดเห็นที่ 1 กระเพรา แน่นอนครับ บอกใครว่าผัดกระเพรา มันก็อาหารไทยสิวะ จะบ้ารึมาสับสนอะไร แต่จะตกใจไหมครับ ว่า ที่จีน แถวมณฑลเสฉวน ก็มีผัดทำนองนี้ ซึ่งผมเองจำไม่ได้ว่าเรียกอะไร แต่เป็นเนื้อสามชั้นผัดพริกและกระเทียม นั่นไง อาหารมันดิ้นได้ไหมล่ะ ต้นกระเพรา ถูกเรียกว่า Holy Basil ซึ่งเป็นพืชจำพวก เบซิล แต่ไหงมีคำว่า โฮลี่ อยู่ด้วยล่ะ เพราะต่างชาติรู้จักกระเพราในฐานะพืชล้มลุกศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพราหมณ์ไงล่ะ ในอินเดีย ถือว่ากระเพราเป็นพืช ที่ใช้ในพิธีกรรม ดังนั้น มันจึงมีเทพสถิตย์อยู่ เหมือนพวกผีประจำต้นไม้นั่นหละ อย่าลืมนะครับว่า ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่เรียกได้ว่ามีเทพเยอะองค์ที่สุด ซึ่งแทบจะบูชาทุกอย่างที่บูชาได้ ที่อินเดียใช้กระเพราในอาหารบ้าง แต่ในไทย ใช้พืชชนิดนี้ มากที่สุด ซึ่งทำให้กระเพรามีชื่ออีกชื่อว่า Thai Basil ไปเลย แล้วทำไมผมบอกว่ามันไม่ใช่อาหารไทยแท้ๆล่ะ ก็เพราะมันมีวิธีผัด มาจากอาหารจีนไงเล่า จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:52:51

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้ผมใช้เนื้อตุ๋น ที่ตุ๋นไว้วันก่อน มาทำ พ่อแกอยากิน แกว่าผัดกระเพราน่าจะเข้าท่าดีนะ ก็เลยจัดให้ เนื้อที่เคี่ยวมาแต่ก็ดันไม่เปื่อยเท่าที่อยากเท่าไหร่นัก ติดพังผืดเสียมาก ก็เยี่ยงนี้แล เปลืองแก๊สชะมัดยาด จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:55:16

ความคิดเห็นที่ 3 จกตับกับเนื้อมาหั่นชิ้นพอคำ แต่ดันเหนียวเกิน ตับวัวนี่อร่อยนะ กลิ่นคนละอย่างกับตับหมู ไม่ได้ขมร่วนแบบตัวหมูด้วย เนื้อมันจะเหนียวแน่นกว่าและมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่ง กลายเป็นว่า ผมว่า ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเนื้อ ใส่ตับหมู จะเข้ากันมากกว่าเสียอีก จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:57:30

ความคิดเห็นที่ 4 มาสับสนด้วยคนเด้อ คริๆ จากคุณ : Rudmilla เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:57:46

ความคิดเห็นที่ 5 เฮียยยยย....ความรู้ขนาดนี้เอาโล่ห์ไปโล้ดดดด มีนางแบบส่วนตัวด้วยยยย ฮิ้วววววว....น้ำตาลไม่ต้องแล้วนะทู้นี้ หวานแล้วววว... กับค่งกับข้าวไรเนี่ย ไม่มีความรู้เรย กินเป็นอย่างเดียวเจงๆ ตามมาเก็บความรู้ละกันนะ สับสนล่วงหน้าไปก่อนเลย  เอิ๊กๆๆๆๆ....สับสนแค่กับข้าวนะ มิต้องสับสนทางเพศ ก๊ากๆๆๆๆ จากคุณ : PlaTonGzaA เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:59:14

ความคิดเห็นที่ 6 มาบอกคิดถึงเจ้าของกระทู้ ไปนอนละเน้อ จากคุณ : นางมารร้ายแต่น่ารัก เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 23:59:32

ความคิดเห็นที่ 7 พี่รุด - สับสนจริงๆ ------------------------------ มาเรื่อง พืชพรรณ กระเพรา มีสามชนิดนะครับ -กระเพราขาว ใบใหญ่ เจอได้ทั่วไป หาง่าย กลิ่นอ่อน -กระเพราแดง ใบเล็ก กลิ่นแรงกว่า หอมแรงกว่า แต่ไม่ค่อยเจอขายตามตลาดติดแอร์ -กระเพราม่วง ยิ่งไม่เคยเจอใหญ่เลย ผมเองก็ไม่เคยเจอ แต่เขาว่ามันกึ่งๆกัน ส่วน กระเพราช้าง หรือ "ใบยี่หร่า" นั้น เป็นพืชวงศ์กระเพราะครับ ไม่ใช่วงศ์ยี่หร่า ซึ่งสกุลชิดกับไปชิโสะ และใบงา และชิดมากๆกับ งาขี้ม่อน ครับ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:02:26

ความคิดเห็นที่ 8 ไปนอนละ พรุ่งนี้ค่อยมาสับสนกันต่อ 555+++ จากคุณ : PlaTonGzaA เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:03:46

ความคิดเห็นที่ 9 ปราดดดดดดดดดด ชริ มีนางแบบส่วนตัว จากคุณ : preneko เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:06:56

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อม - แอบเอารูปมาลง นางแบบตื่น พี่มีตาย พี่นัท - ฝันดีจ้ะพี่สาว ------------------------------------------------------ พริก กระเทียม จำต้องตำครับ การบุบการทุบ ไม่ส่งกลิ่นเท่าที่ควร พูดถึงทั้งคู่แล้ว กระเทียม คงเป็นพิชพื้นถิ่นจริงๆของไทยแล้ว ส่วนพริกล่ะ พริก เข้ามามีบทบาทในอาหารไทย ในสมัยอยุธยานั่นหละครับ ซึ่งจากหลักฐานก็คงได้นำเข้ามาจากพ่อค้าชาโปรตุเกส นั่นหละ ซ฿งพอปลุกขึ้นงาม แถมรสชาติถูกใจ คนเมืองร้อน เลยกลายเป็นพืชที่เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตการกินของคนไทยไปจากเดิมมาก จะเรียกว่าเป็นพืชที่เปลี่ยนวิถีการกินของคนไทยไปเลยก็ว่าได้ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:07:38

ความคิดเห็นที่ 11 มาดึกเชียวน้าาาาาาา.... อิจฉาเว่ย  >.< จากคุณ : =^dose^= เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:12:11

ความคิดเห็นที่ 12 555+++ ดีใจด้วยเฮีย คนเราเกิดมาไม่ได้ตายกันง่ายๆนะ เอิ๊กๆๆๆๆ จากคุณ : PlaTonGzaA เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:12:27

ความคิดเห็นที่ 13 ผัดยัง จะได้จาม ฮ๊าดดดดดดดดดดดดดดดดด ชุ่ย จากคุณ : Ab Psy ReinDEAR++ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:13:35

ความคิดเห็นที่ 14 มีนางแบบด้วยวุ้ย  สงสัยต้องไปหานายแบบมาบ้างแล้วจิ่ จากคุณ : yupiga เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:19:18

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างแกงเลียงนี่จะเป็นแกงไทยจริงๆหรือปล่าวหว่า เพราะใส่ผักอย่าง ฟัก บวบ น้ำเต้า หัวปลี ปรุงด้วยเกลือ พริกไทย (ถถ้ายังไม่มีกะปิอาจใช้ปลาร้าแทนหรือเปล่า) อันนี้น่าลองค้นดูแฮะ จากคุณ : preneko เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:20:32

ความคิดเห็นที่ 16 ผัดกระเพราพิมพ์นิยม ย่อมต้องมีไข่ดาว ตามมาดูด้วยคนครับก้อง จากคุณ : 311025 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:21:15

ความคิดเห็นที่ 17 ง่วงงงงงงงงง เดี๋ยวพรุ่งนี้มาดู ฝันดีพี่ชาย จากคุณ : dika เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:23:48

ความคิดเห็นที่ 18 ปล เห็นเนื้อแล้วเจ็บเหงือกอะ แบบเวลามันติดเหล็กติดซอกฟันแล้วเคี้ยวไปโดนดันๆ มันกดเหงือกเจ็บได้ใจงะ พูดซะเห็นภาพ 55555555555 จากคุณ : dika เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:26:34

ความคิดเห็นที่ 19 อ้อม - ไปนอนไป ราตรีสวัสดิ์ พี่ต่อ - หาได้แล้วพี่น่ะ ----------------------------------------------------- จากนั้น เจียวในน้ำมัน นี่หละครับที่ผมบอกว่ามันไม่ใช่อาหารไทยแท้ๆ เพราะอะไรรึ อาหารที่ใช้น้ำมัน แทบจะตีความได้เลยว่าเป็นอาหารจีน คำว่า"เจียว" ก็มาจากภาษาจีนแล้ว ซึ่งในวงการอาหารสากล มองอาหารจีนว่าเด่นที่สุดในเรื่อง stir-fry และ steam คือ ผัดน้ำมัน และ นึ่ง นั่นเอง เพราะอะไรรึ เพราะจีนเป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างมาก และมีประชากรมาก แต่กลับมีพื้นที่เพาะปลูกและ แหล่งน้ำน้อยมาก เมื่อเฉลี่ยรวม รวมถึงเป็นประเทศที่มีน้ำสะอาดใช้น้อยมาก ดังนั้นการทอด/ผัด จึงสะอาดกว่า การใช้น้ำในการทำอาหาร รวมถึงการนึ่งซ฿งต่อให้น้ำไม่สะอาดมากก็นึ่งอาหารได้เหมือนกัน จึงทำให้การใช้น้ำมัน ในวัฒนธรรมอาหารจีนเจริญถึงขีดสุด คนจีนจะพกกระทะมาด้วย โดยถือว่า ถ้ามี "มีด กระทะ กรรไกร" ยังไงก็ไม่อดตาย และเมื่อมาถึงไทย ก็นำวัฒนธรรมเหล้านี้มาด้วย ซึ่งการทอด ในไทย ถือเป็นของใหม่ เพราะประเทศไทย ไม่นิยมการกินสัตว์ใหญ่มาตั้งแต่โบราณแล้ว อาหารหลักก็มีแค่ปลา/กุ้ง ที่จับได้   จะเอาเอาปัญญาไหนไปเจียวน้ำมันหมูกิน   ยิ่งการหีบเมล็ดพืชเอาน้ำมันไม่ต้องไปพูดถึง พอคนจีนเข้ามาก็เอาหมูมาเลี้ยง เอามันหมูมาเจียวน้ำมัน ทำอาหารกินกัน จนทำให้การกินหมูแพร่หลายมากขึ้นในวัง และไปถึงชนชั้นล่าง จึงเป็นที่มาของอาหาร ผัด ทอด ในบ้านเรานี่เอง จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:28:00

ความคิดเห็นที่ 20 เบนซ์ - อิจฉาที่มาดึกอ่ะนะ อ้อม - โดนตบตาย เดียร์ - จามรี นะ ยุ้ย - ช่วงนี้ ราศ๊เอ็งเซ็กส์เสื่อม ดูหมอลักษณ์ให้แล้ว พี่ต่อ - ปัญหาตรงกะปิ นี่หละ ที่อาจไปเข้าทางพม่า แต่ถ้าเลียงต้มกับปลาร้าใบแมงลักอันนั้นผมว่าไทยแท้นะ พี่ปุ๋ม - จัดให้แล้วครับ แน่นอนเลย ก๊าบ - สั่งแบบสับดิวะ ----------------------------------------------------------------------------- จากที่ แอม บอกไว้ โยนกระเพราลงไปด้วย จะหอมหวลมากขึ้น จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:32:07

ความคิดเห็นที่ 21 จากนั้นโยนเนื้อลงไปผัดต่อครับ ผัดเอาแห้งๆ ชอบแบบนี้มากกว่าน้ำเจิ่งๆ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:33:24

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นเนื้อแล้วหิวเรยอ้ะ...ซะอย่างนั้น จากคุณ : Rudmilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:37:18

ความคิดเห็นที่ 23 ปรุงรสแค่ น้ำตาล น้ำปลา นัวน้ำมันหอยเท่านั้นเอง แล้วตามด้วยใบกระเพรา แห้งๆแค่นี้หละ คุยเรื่องน้ำมันหอย ด้วยหน่อย น้ำมันหอยนั้น ส่วนประกอบหลักคือ น้ำตาล เกลือ ซีอิ๊ว แป้ง หอยนางรมสกัด และคาราเมล ดังนั้นถ้าตัดส่วนของหอยนางรมสกัดเป็นกลิ่นหอยนางรมแทน มันจึงเป็นอาหารเจได้ ยังไงล่ะครับ อาหารไทย ถือว่าเป็นอาหารที่ใช้น้ำมันหอยมากกว่าชาติที่คิดค้นเสียอีก เหตุเพราคนไทยติดน้ำมันหอยไปเสียแล้ว จุดนี้ บอกไม่ถูก จะว่าน่าห่วงก็น่าห่วง ในแง่คนทำอหาร แต่จะว่ามันกเป็นไปตามยุคสมัย ก็ไม่ได้ว่ากัน การใส่น้ำมันหอยทำให้รสมันนัว ขึ้นจริงๆ ผมเองก็ไม่เถียง จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:38:37

ความคิดเห็นที่ 24 แหม......ชั้นอิจฉาม๊ากกกกกกกก  เรื่องแกมาดึกเนี่ย  - -" เออ...อยากกินกระเพราหมูสับไข่ดาวเป็ดแฮะ จากคุณ : =^dose^= เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:42:55

ความคิดเห็นที่ 25 พี่รุด - ไม่กินเลือดเหรอเจ๊ เหมาะกว่านะ -------------------------------------------- กลับมาเรื่อง ผัดกระเพรา ในช่วงสมัยคนจีนเริ่มอพยพเข้ามาในไทยช่วงสงคราม-หลังสงครามโลกเนี่ย มันจึงเกิดกระแสเสื่อผืนหมอนใบขึ้น และด้วยการที่เขาเหล้านั้นคงพกกระทะเหล็กมาด้วย จึงมาทำมาหากินในบ้านเรา ซึ่งคนไทยเองไม่นิยมค้าขายกับข้าวเพราะถือเป็นงานไม่มีเกียรติ จนคนจีนก็เริ่มตั้งตัวได้มาหลายร้านแล้ว หลังจากนั้นเลยเกิดกระแส อาหารฟิวชั่น ไทย+จีน ขึ้น ซึ่งกระแสนั้นก่อให้เกิดอาหารขึ้นมากมาย เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ และกระแสนั้นก็ทำให้เกิดร้านขายข้าวในนามอาหารตามสั่งขึ้น โดยคนทำก็มักเป็นคนจีน ที่มาอยู่ในไทย ใช้วัตถุดิบหลักๆ แค่ กระเทียม พริก เนื้อสัตว์ ผักอะไรก็ใส่ๆไป ก็พลิกแพลงเป็นอาหารได้มากกว่า10ชนิดแล้ว แล้วไอ้การหยิบกระเพราะใส่นั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าใครคิดขึ้นมา แต่ผมนับถือคนคิดจริงๆ ว่าสามารถสร้างอาหารเอกลักษณ์(สิ้นคิด) ขึ้นมาได้อย่างไร ด้วยความเคารพผู้คิดค้นกระเพราในประเทศไทยครับ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:46:25

ความคิดเห็นที่ 26 เบนซ์ - กลับมาดิ -------------------- และที่ขาดไม่ได้คือไข่ดาว ไข่ดาวก็อีกอย่าง ประเทศที่ทอดไข่ดาวแบบ deep-fry มีแค่จีนเท่านั้นปละครับ ไทยเราเองก็ได้อิทธิพลมาเต็มๆ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:47:57

ความคิดเห็นที่ 27 ขอไข่ดาวเป็ดเยิ้มๆนะ ลืมตายไปเลย จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:48:32

ความคิดเห็นที่ 28 กินอยู่เรย  ผีฟ้าเอย ผัดไปก่อนละเด้อ พี่บ่ไหวแระเด้อ พรุ่งนี้งานเช้า เดี๋ยวกลับจากงาน จะส่งการบ้านดีก่า อยากกินกระเพราเนื้อไข่ดาวเป็ด เดี๋ยวหานายแบ่บมาผัดให้ด้วย....อิๆๆ มีีหลายเรยนะ แซ่บๆท้างน้านเรย ขอบอก ฝันดีเด้อๆๆ จากคุณ : Rudmilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:48:35

ความคิดเห็นที่ 29 พี่รุด - ผันดีจ้า -------------------- เอาปลาน้ำดอกไม้ มาให้ดูก่อน คืนนี้ง่วงละ พรุ่งนี้มาโพสต์ต่อ แค่ทอดกับต้ม ก็มีเรื่องเล่าหลายเลยหละ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:50:26

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วไทยแท้ๆ คืออย่างไรครับ   น้ำพริกก็เพิ่งมา  อาหารคิดแป๊บเดียวก็เพิ่งมา   ในใจคิดว่าพวกหมักนะครับ  แต่ไม่ใช่น้ำปลา   น้ำปลา  จำได้ตอนเด็กๆ  คนจีนมาขายนะครับ   ปลาร้า นี่เข้าเค้าไหมครับ จากคุณ : NuyPond เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 00:51:20

ความคิดเห็นที่ 31 NuyPond - ตอบก่อนไปนอนเน้อ อาหารไทยแท้ๆเนี่ย ในส่วนตัวของผมคือ อาหารที่ไม่ได้มีอิทธิพล จากชาติใดเลย ซึ่งจากที่ศึกษามา แกงเลียง นั้นถือได้ว่าเป็นอาหารไทยแท้เดิมจริงๆ รวมถึงปลาย่าง ปลาแห้ง(แต่ก็ทำกินกันทั่วไปในทุกมุมโลก)   ส่วนปลาร้า นั้น เป็นไปได้มากอยู่ เนื่องจากสมัยก่อน มีการส่งส่วยเกลือ กันด้วย การถนอมอาหารอย่างปลาร้า ที่เข้ากับเหลือ และ ข้าวคั่ว(ข้าวเหนียว) จึงน่าจะเรียกเป็นอาหารไทยแท้ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีข้อสงสัยส่วนตัวอยู่ เพราะถ้าในสมัยที่ไม่ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติก็น่าจะเป็นช่วงสุโขทัย ดังนั้น สุโขทัยค่อนไปทางเหนือไม่ติดทะเล ถ้าไม่ได้ทำเหมืองเกลือ ก็คงหาเกลือได้ลำบากพอสมควรนะ ปลาร้าในความคิดผมจึงยังก้ำๆกึ่งๆอยู่ แต่จะบอกว่าอาหารอิทธิพล(อาหารที่ได้อิทธิพลจากต่างชาติ)ไม่ใช่อาหารไทย ก็คงไม่ถูก เพราะ อย่างพริก เราก็ได้วัตถุดิบมา แต่เอามาใช้เอง ไม่ได้ลอกแบบมา ดังนั้น ในวิจารณญานของผม น้ำพริก เป็นอาหารไทยแท้ๆนะ ที่ลงกระทู้นี้เพราะ อยากให้มองอาหารลึกๆไปถึงที่มามากกว่า บางทีเข้าใจนะ เวลาคนเถียงกันเรื่อง ไอ้นี่มาจากประเทศฉัน(เช่น บะหมี่-สปาเกตตี้ / ราวิโอลี่-เปลมินี่ / พะแนง-เรนดัง) ไม่ว่าใครก็อยากเข้าทางแผ่นดินเกิดตัวเองหมดหละ เพียงแต่ถ้าเรามองลึกๆ เราอาจเจอวัฒนธรรมคู่ขนาน (เช่นน้ำปลา-การุม-บูดู) ก็เป็นได้ บางทีก็อาจเป็นการเสียเวลานั่งเถียงเปล่าๆ แต่การให้ทราบไว้ก็เป็นการดีครับ รกสมองดี อาหารไทย ในนิยามสั้นๆของผมคือ สี-เขียวๆแดงๆ กลิ่น-สมุนไพรสด รส-สมดุลย์ เปรี้ยว เค็ม หวาน และมักมีรสเผ็ดเจือ การประกอบอาหาร-ต้ม แกง จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 01:10:15

ความคิดเห็นที่ 32 ยืนยันว่าพริกโปรตุเกสคล้ายกับพริกขี้หนูของไทยมากๆ ใบเหมือนกันทุกอย่าง เม็ดอ้วนป้อมและอวบกว่าไทย รสชาิติก็เผ็ดคล้ายๆพริกขี้หนูไทยนั่นเอง อยู่ที่นี่พี่ปลูกพริกขี้หนูไทยไม่เคยได้กินเม็ด แต่ปลูกพริกขี้หนูโปรตุเกสได้งามและเม็ดดกมากๆ ง่วงแล้วเหมือนกัน ไปนอนก่อนนะคะ ยังอ่านได้ไม่หมดหรอก เพิ่งถึงพริกขึ้หนูข้างบนโน้นนนนนน พรุ่งนี้มาอ่านต่อนะ จากคุณ : Regenbogen ^_^ เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 02:19:29

ความคิดเห็นที่ 33 เอ.... นางแบบหน้าไม่คุ้นนิ หรือคราวก่อนไม่ใช่คนนี้ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อะล้อเล่น เด๋วก้องงานเข้า จากคุณ : ต๊กโกว เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 07:08:39

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องเ่ล่ามีสาระดีค่ะ แต่ส่วนตัวคิดว่า ไม่ว่าอะไรมันจะมาจากไหน เดี๋ยวคนพื้นถิ่นก็จะจัดการให้เป็นไปในแบบที่เขาต้องการเองอ่ะค่ะ อย่างแค่น้ำพริก หรือแกง คนเหนือ กลาง ใต้ อีสาน ก็ทำแตกต่างกันแล้ว(ถ้าจะนับว่าเป็นไทยนะคะ แต่ถ้าจะสืบไปในอดีต ก็เรียกว่าคนละชนชาติไดอีก โอยมึนเนอะ) แล้วที่สุดเมื่อเป็นรสชาติของคนถิ่นใด ๆ มันก็จะถูกเรียกเป็นอาหารถิ่นนั้น ๆ แต่บอกตรง ๆ ค่ะ กินอาหารไทยแล้ว...มันติด ไปเมืองนอก กินอาหารประเทศอื่นแล้ว มันคิดถึงรสแบบไทย ๆ จริง ๆ ค่ะ ขอกะเพราไข่ดาวสักจานสิคะ อิอิ จากคุณ : a_Qi เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 07:46:40

ความคิดเห็นที่ 35 เอาปลามาทิ้งไว้ แล้วก็ไป ....ตื่นมาบางแบบตบตาย แล้วใครจามาโพสต่อล่ะเฮีย 55555++++ จากคุณ : PlaTonGzaA เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 07:53:53

ความคิดเห็นที่ 36 ยังมีตอนต่อไปใช่มะก้องอิอิ จากคุณ : namsomza เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:19:38

ความคิดเห็นที่ 37 มานั่งรอจ้า ^_^ จากคุณ : tiffy_tif (หัวใจอบอุ่น) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:43:19

ความคิดเห็นที่ 38 พี่เอ๊ด - อ่า เราเจอวัฒนธรรมคู่ขนานอีกที่แล้ว ตง - นั่น ปะไร a_Qi - โดยรวมๆมันก็คืออาหารไทยหละครับ เพียงแต่บางที่มามันซับซ้อนกว่าที่เราเห็นอยู่ทั่วไปนัก เชิญกินข้าวสักจานก่อนครับ อ้อม - ทิ้งเป็นคดีฆาตกรรม เจ๊ส้ม - มาละๆ ----------------------------------------------------------------------------- กลับมาต่อที่ ฮื้อปึ่ง ฮื้อคือปลา ปึ่งคือทำให้สุกโดนการต้ม/นึ่ง ดังนั้นไอ้อาหารแบบนี้ คนจีนแต้จิ๋วนิยมกันนักแล   และถ้ามองแบบผาดๆ มันก็คือ ปลาทูเข่งๆนั่นเอง สาเหตุที่ปลาทูต้ม(ไม่ใช่นึ่ง) เป็นเข่งๆเหมือนติ่มซำ ก็เพราะเวลาเขาต้ม เขาเอาไปต้มทั้งราว น้ำเกลือที่ต้มก็จะแทรกผ่านรูตะแกรงข้าไป ทำให้ปลานั้น เค็มจัดพอดี คนจีนนิยมกินกันมาก ซึ่งภายหลังไอ้การกินแบบนี้ได้แพร่เข้ามาในไทย แล้วทำไมไม่ใช่ของไทยล่ะ แค่ต้มๆใครก็ทำได้ แต่ไอ้ต้มน้ำเกลือ  คนไทยไม่เคยคิดทำนี่สิ มันจึงเป็นอาหารจีน ขนิดหนึ่งโดยปริยาย และน้ำจิ้มของมันไม่ใช่อื่นใด ซีอิ๊วดำเค็ม+พริกขี้หนูสด ยิ่งตอกย้ำวัฒนธรรมจีนแต้จิ๋วที่เน้น การใช้น้ำจิ้มใด้เป็นอย่างดี จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:49:04

ความคิดเห็นที่ 39 พี่หนุ่ย - มาพอดีเลยนะ ------------------------------ หัวหลุดไปบ้าง พับคอดันคอหัก ปลาน้ำดอกไม้ต้ม นี่เป็นอาหารในความทรงจำของพ่อผมเลย แกบ่นอยากกินมากซึ่งแกว่า ตอนเด็กๆเคยกิน แต่สมัยนี้หากินแล้วอร่อยยากเหลือเกิน เนื้อปลาไม่เป็นลิ่มๆเหมือนเก่า และไม่ได้นิยมทำขายกันเท่าปลาทูด้วย จากที่ให้ชิมแล้ว พ่อบอกยังอ่อนเกลือไป แต่เนื้อลิ่มๆได้อยู่ ถามว่าใส่เกลือเท่าไหร่ ก็ตอบไปว่า ยังไม่พอทำให้ปลาลอยได้ละกัน   ไว้คราวหน้าจะเพิ่มเกลือมากกว่านี้ดู จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 08:52:09

ความคิดเห็นที่ 40 เดียวนี้ ไปเมืองนอกเห็นหลายประเทศเขาก็เรียก กระเพรา เหมือนเราแล้ว เช่นที่ ญี่ปุ่น มีผัดกระเพราขาย เป็นอาหาร จานด่วน ที่ LA เห็นฝร้งบางคนมันก็พูดว่า กระเพรา นะครับ จากคุณ : KU_EE เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:00:06

ความคิดเห็นที่ 41 นี่คือสภาพเนื้อ ปลาน้ำดอกไม้ นี่แปลก แปลกตรง ความคงทนของสภาพเนื้อปลา ต่อ เวลาที่กิน กล่าวคือถ้ากินร้อนๆ เดี๋ยวนั้น เนื้อมันจะเป็นลิ่มๆ. แต่ถ้าปล่อยจะชืด เนื้อจะกลายเป็นเหมือน ปลาอินทรีทอดสากๆแห้งๆ กล่าวถึงสายพันธุ์ปลาสักนิด ปลาน้ำดอกไม้ กับ ปลาซัมมะ หน้าคล้ายกัน และทั้งสอง เป็นปลาตระกูลเดียวกันปลาทู ปลาสีกุน(อาจิ) ปลาแมกเคอเรล ปลาอินทรี ฯลฯ แต่จะต่างวงศ์ กันนิดหน่อย เท่านั้นเอง ข้อสังเกตุง่ายๆคือ ปลาซัมมะมีสีเหลือบน้ำเงิน และฟันไม่แหลมน่ากลัวเท่าก็เท่านั้นเอง อีกอย่าง จะหา ซัมมะสดๆขายในบานเรายาก เพราะไม่นิยม และขายไม่ได้ราคา จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:02:08

ความคิดเห็นที่ 42 KU_EE - ดีเลยครับ จะได้ลดอัตราความสับสนต่อพืชตระกูล เบซิล ไปได้บ้าง ---------------------------------------------------------------------------- กลับมาที่ไอ้ปลาตัวเดิม คือทอดน้ำมันท่วม และไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า ไอ้การทอด มาจากประเทศไหน จีนนั่นเอง จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:04:03

ความคิดเห็นที่ 43 การทอดนั้น ไม่เพียงทำให้อาหารที่ไม่สด กลับมากินได้เหมือนเดิม กลิ่นของการทอดแบบ deep-fry ยังส่งผลให้เกิดกลิ่นหอมพิเศษขึ้นมาอีกด้วย ปลาทูทอด หรือ อะไรก็แล้วแต่ มันมาจากจีนแทบทั้งสิ้น ภายหลังเมื่อแพร่หลายในไทย จึงกลายมาเป็น อาหารแบบไทยๆจนทุกวันนี้ ผมถึงบอกว่า พาลสับสน เพราะ จะไทยก็ไม่แม้ จีนก็ไม่เชิง จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:06:39

ความคิดเห็นที่ 44 มาดูเนื้อกัน ทอดใหม่ๆเนื้อเป็นลิ่มๆอร่อยเชียวหละ หนังกรอบ เนื้อนุ่มลื่น ทั้งหมดที่กล่าวๆมานี้ เพียงเล่าให้รู้ที่มาที่ไปของอาหาร เพราะเชื่อแน่ว่า อาหารไทยในต่างประเทศนั้น จะกลายเป็น อาหารไทยที่ถูกพัฒนาไปแน่ๆ  และอาจไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ส่วนตัว ผมอยากให้ แมกซิโก รับวัฒนธรรมอาหารเราไปประยุกต์จัง เพราะจากที่ศึกษา วัฒนธรรมอาหารของที่นั่นเป็นคู่ขนานกับเราอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งวัตถุดิบ อากาศ รวมไปถึง การกินแมลง ก็เป็นเรื่องปกติในบ้านเขาเช่นกัน แต่ในความเห็นผม อาหารไทยในประเทศแทบจะหยุดการพัฒนาต่อแล้ว ซึ่งผมไม่นับการฟิวชั่นอาหาร หรือ อาหารที่ใช้รูปแบบเดิมในการทำแล้วเปลี่ยนแค่วัตถุดิบ อาหารไทยที่ผมคิดว่าเป็นอาหารที่กำเนิดในยุคนี้ ที่นึกออก ก็เห็นจะเป็น ต้มซุปเปอร์ตีนไก่ ที่พอจะเป็นอาหารที่เกิดใหม่ได้ วันนี้ก็คุยเท่านี้หละครับ ไว้วันอื่นมาเล่าต่อ ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะแยะเลย สวัสดีครับ จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:14:23

ความคิดเห็นที่ 45  ตามมาชิมทุกเมนูด้วยคน เจ้าบังบร้า .... จุ๊บจุ๊บ จากคุณ : บ่งบ๊ง เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:15:00

ความคิดเห็นที่ 46 ตามมาเก็บความรู้รอบเตาด้วยคนครับผม จากคุณ : Spinnecker เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:32:27

ความคิดเห็นที่ 47 ข้องใจเรื่องปลาน้ำดอกไม้มานานละ บางครั้งทำแล้วก็นิ่มดี แต่หลังสุดนี่เอาไปต้มต้มแข็งยังกับปลาอินทรีนั่นแหละ ก็กินตอนร้อน ๆ นา จากคุณ : tiffy_tif (หัวใจอบอุ่น) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 09:40:45

ความคิดเห็นที่ 48 กินอยู่ทุกวันจนกลายเป็นอาหารคู่กายไปแล้ว ไปร้านไหนคิดอะไรไม่ออก "กระเพราหมูสับไข่ดาวเกรียมๆจานนึง" จากคุณ : nuttory เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:04:25

ความคิดเห็นที่ 49 อีก้อง เด๊วนี้มีรูปขึ้นหน้ากะทู้นะยะ **บั้งปลาสวยว่ะ เด๊วเจ๊จำไปบั้ง ไอ้ช่อนมั่งงงงงงงงง555 จากคุณ : pinthip เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:07:17

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดี คุณ ก้อง ได้ความรู้ดีมาก อาหารไทยภาคกลาง น่าจะเป็นพวก ปลาต้ม ปลาย่าง มาทำน้ำพริก ทานกับ ผักต้ม ผักสด ที่เหลือประยุกต์มาจากหลายๆ ที่ อาหารอินเดียก็ได้รับอิทธิพลมาจากทางเปอร์เซียเยอะ เช่น พวกข้าวหมกทั้งหลาย  และ พริกจากปอร์ตุเกส จากคุณ : swin เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 10:12:18

ความคิดเห็นที่ 51 นานๆ มาที ทันหรือเปล่าเนี่ย ช่วงนี้หายไปทำหวานหรือเปล่า..555 จากคุณ : แบ๊ค (nong_pupu) เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 12:03:14

ความคิดเห็นที่ 52 เข้ามาอ่านเอาเรื่องอีกหน..ขอบคุณนะก้อง  พี่ก็เพิ่งทราบนี่หล่ะ เห็นบั้งปลาสวยๆ ไว้ต้องลองบั้งแบบนี้บ้างซะแล้ว กู๊ดเดย์เด้อ จากคุณ : Rudmilla เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 12:14:33

ความคิดเห็นที่ 53 อาหารในโลกส่วนใหญ่ มักจะได้รับอิทธิผลมาจากจีน เพราะจีนคือผู้คิดค้น "ไฟ" และรู้จักการใช้ไฟ นั่นเอง จากคุณ : Calamity เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 13:46:35

ความคิดเห็นที่ 54 มาไม่ทันแล้ว ได้ความรู้เหมือนเคยนะครับก้อง ก็รู้สึกเหมือนกันว่ารูปแบบของอาหารไทยที่กินกันตามข้างถนนทั่วไป มันเริ่มหยุดแล้ว เห็นจะมีแต่เมี่ยงรูปแบบต่างๆที่ดัดแปลงจากอาหารเวียดนาม (พวกเมี่ยงปลาทู ก๋วยเตี่ยวลุยสวน) ที่เห็นได้ชัดหน่อยว่าปรับให้เข้าลิ้นกับคนไทย รออยู่ว่าจะมีอาหารแนวใหม่ๆ ที่ดัดแปลงให้เข้ากับลิ้นคนไทยได้อีกหรือเปล่า รออยู่นะก้อง จากคุณ : bam-NY เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:17:22

ความคิดเห็นที่ 55 ปลาน่ากินจริงๆ เลยก้อง จากคุณ : p.panda เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:38:16

ความคิดเห็นที่ 56 เคยอ่านเจอในหนังสือเหมือนกันค่ะว่าพวกอาหารจานผัดนี่เรารับมาจากจีน  โดยเฉพาะผัดกะเพรา    เช็คสะกดเมื่อกี๊ค่ะ   กะเพรา [-เพฺรา] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Ocimum tenuiflorum L. ในวงศ์ Labiatae กลิ่นฉุน ใช้ปรุงอาหาร พันธุ์ที่กิ่งและก้านใบสีเขียว อมแดงเรียก กะเพราแดง ใช้ทํายาได้, พายัพเรียก กอมก้อ. ถ้าสนใจกะเพราม่วงเดี๋ยวส่งไปให้ลองปลูกเอาไหมคะ  แต่ต้องรอเสาร์อาทิตย์นะคะต้องไปซื้อที่ตลาดต้นไม้  ลักษณะใบและต้นจะเป็นม่วงค่ะ  เคยซื้อมาปลูกแต่สงสัยไม่ค่อยได้ใส่ปุ๋ย  ไปๆมาๆสีเลยซีดลง จากคุณ : เจซอง เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 14:51:54

ความคิดเห็นที่ 57 แวะมาดู เมื่อคืนเตรียมรูปจะลงวันนี้เลยเพิ่งได้ดูนี่แหละ จากคุณ : shishi_TG เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 15:01:25

ความคิดเห็นที่ 58 อาหารเส้นญ๊ปุ่นก็รับอิทธิพลมาจากจีนเช่นกัน แต่ทุกววันนี้พูดถึง ราเมง อุด้ง  ก็แทบจะอิมเมจเป็นญี่ปุ่นไป ผมว่า ต่อไปพวกข้าวปั้นอาหารญี่ปุ่นที่เรารับเข้ามาตอนนี้ อีกสัก สามร้อยปี อาจกลายเป็นอาหารไทยไปแล้วก็ได้ คิดเล่นๆ ครับ 5 5 5 จากคุณ : Dalre2006 เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 16:02:15

ความคิดเห็นที่ 59 เป็นกระทู้ที่มีสาระมาก เคยเปิด youtube ดูกระบวนการทำอาหารต่างๆของไทย ก็จะมีเพื่อนบ้านเราเช่นกัมพูชา ลาว เวียตนาม มาโพสมากมายว่า แบบนี้บ้านชั้นก็มี อาทิเช่น ไก่ผัดพริกขิง(กัมพูชา) ซึ่งผมก็เคยอ่านมานานแล้วว่าในอาเซียนพวกผัดๆเนี่ยรับมาจากจีนเต็มที่แน่นอน แต่กัมพูชากินข้าวเหมือนคนไทยภาคกลางคือข้าวสวยและเป็นกับข้าว ส่วนอีสาน คนลาวก็มันจะบอกว่าเราขโมยวัฒนธรรมอาหาร(พวกเกรียนอยู่อเมริกามักจะมีอาการรักบ้านเกิดเกินจริง) ซึ่งแท้จริงแล้วในภูมิภาคนี้สมัยก่อนมันก็เป็นอาณาจักร รบไปรบมา คนก็ย้ายไปย้ายมา แต่บ้านเราดันเป็น center วัฒนธรรมจึงค่อนข้างหลากหลาย เอาจริงๆ เคยฟังมาว่า สาเกญี่ปุ่นจริงๆแล้วก็เอาสูตรพี่ไทยขี้เมาสมัยก่อนไปเหมือนกัน อิอิ จากคุณ : KippO เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 02:57:18

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณหลายๆนายก้อง ชาวแมกซิกันก็มีกับข้าวหลายอย่างคล้ายๆ คนไทยกินเลยครับ จนเคยคิดว่า..น่าจะเป็นผลมาจากภูมิประเทศ หรือวัฒนธรรมคู่ขนาน อาหารแต่ละจานถ้ามองได้ลึกขนาดนี้ เวลากินคงอร่อยขึ้นอีกเยอะ ได้ฤกษ์ลงมือทำเจปังยัง? จะรอตามผลงานครับ จากคุณ : kittscake เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:49:36

ความคิดเห็นที่ 61 ความรู้เต็ม อาหารตรึม.. ปอลอ น้องก้องบั้งปลาสวยจัง พอทอดออกมา... น่าเจี๊ยะแต้ๆๆ จากคุณ : JiNNyinthebOttle (JiNNy@Pantip) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:02:38

ความคิดเห็นที่ 62 สงสัยเราจะอพยพมาจากเหม่ฮี้โก เพราะตอนผมไปเดินเล่นที่ติฮัวน่า เมืองชายแดนเหม่ฮี้โก ไอ้แม็กมันไม่สนใจขายของที่ระลึกให้ผมเลย อ้อ..ตอนนั้น ผมไว้หนวดด้วย นี่ล่ะ ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ไทยเราอาจอพยพมาจากที่นี่ แล้วย้ายมาอยู่ฟิลิปปินส์ก่อน ถึงจะมาขึ้นฝั่งที่สุราษฎรธานี ตั้งอาณาจักรศรีวิชัยขึ้นทีหลัง อ้อ..ผมเห็นครกที่ติฮัวน่า เหมือนกับครกบ้านเราเลย นี่ยิ่งย้ำให้เชื่อ ตอนนี้ไปกินยาก่อน หมอบอกว่า สุริยุปราคา จะทำให้คลุ้มคลั่งได้... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 08:25:26

ความคิดเห็นที่ 63 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 13:25:28