ความคิดเห็นที่ 1 วันนี้ริอ่านจะเป็นชาววังบางกระตุ๋ยเห็นหมามุ่ยเป็นถั่วแระกับเขาบ้าง หยิบ "แกงต้มจิ๋ว" จากหนังสือเล่มนี้มาลองทำดู ที่จริงเคยได้ชิมของที่ชาววังเขาทำหลายครั้ง พอจำรสตั้งต้นได้ สูตรตามหนังสือมีดังนี้ แกงต้มจิ๋ว เครื่องปรุง : เนื้อสันวัว มะขามเปียก มันเทศ หัวหอม พริกมูลหนู ใบกะเพรา ใบโหระพา มะนาว น้ำเคยดี วิธีทำ : ล้างเนื้อให้สะอาด เลาะพังผืดออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นพอควรใส่หม้อเคี่ยวไฟอ่อน ๆ พอจวนเปื่อย ปอกมันเทศล้างน้ำแงะ ๆ ใส่ในหม้อเนื้อ ต้มไปจนเปื่อย ใส่มะขามเปียกนิดหน่อย ซอยหอมใส่ลงพอหอมสุก เด็ดใบโหระพา ใบกะเพรา ล้างน้ำแล้วใส่ลงในหม้อ ยกลงใส่พริกมูลหนู บุบพอแตก บีบ ๆมะนาว ใส่น้ำเคยดีชิมรสดูตามชอบ จัดหาเครื่องปรุงตามตำรับ ได้ดังนี้ เนื้อสันวัว : วันนี้เล่นวิธีลัด ใช้เนื้อเอ็นน่องต้มเปื่อยที่มีอยู่ มาแทน ใช้ประมาณ 50 กรัม แล้วเอามาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมจิ่ว ๆ อ้าว!!! ก็ชื่อต้มจิ๋ว หั่นใหญ่ ๆ มันก็กลายเป็นต้มเบิ้ม ไปสิคะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 11:31:53 จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:31:32

ความคิดเห็นที่ 2 มะขามเปียก สักประมาณ 3 ช้อนชา : ปกติในตู้เย็นของเราจะมีน้ำมะขามเปียกเข้มข้นติดไว้เสมอ เอาไว้ขัดตัวก็ได้ เอาไว้ทำกับข้าวก็ดี วิธีทำง๊ายยง่าย ใช้มะขามเปียก 500 กรัม ต้มกับน้ำ 1,000 กรัม ต้มในหม้อสเตนเลสหรือหม้อเคลือบ พอเดือด พักไว้ให้เย็น ขยำแล้วกรอง เวลาจะนำมาใช้ ให้เจือจางด้วยน้ำต้มสุก อัตราส่วน 1: 1 (น้ำมะขามเปียก ต่อ น้ำสุก) จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:33:42

ความคิดเห็นที่ 3 มันเทศ ประมาณ 100 กรัม : วันนี้ใช้วิธีลัดเหมือนกัน คือ ต้มมันพอให้สุกเสียก่อน แล้วค่อยนำมาใช้ จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:34:40

ความคิดเห็นที่ 4 มารอดูแกงแบบโบราณครับพี่กัสซี่ จากคุณ : bam-NY เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:35:14

ความคิดเห็นที่ 5 หัวหอม ประมาณ 3 - 4 หัว : อาหารไทย ใช้หัวหอมแดงไทย นะคะ อย่าไปใช้หัวหอมประเทศอื่น เดี๋ยว ตีมือหักเลย !!! จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:35:58

ความคิดเห็นที่ 6 @ ไม่ค่อย "โบ" เท่าไหร่หรอกค่ะ คุณ bam-NY พริกมูลหนู : ปริมาณตามความอดทนของปากและกระเพาะ อดทนได้มากใส่มาก อดทนได้น้อยใส่น้อย อดทนไม่ไหว ไม่ต้องใส่นะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 11:38:12 จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:37:52

ความคิดเห็นที่ 7 ขอชมแกงโบราณฝีมือคุณกัสซี่ด้วยคนจ้า จากคุณ : สาวชาวสวน เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:37:58

ความคิดเห็นที่ 8 @ วันนี้ กัสซี่ ดัดแปลงนิ้ดนิ้ด อ่ะคะ คุณสาวชาวสวน ใส่รูปพริกมูลหนู ก่อน  วันนี้ไม่ค่อยจะมูลหนูเท่าไหร่ เม็ดใหญ่เป้งเลย จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:39:42

ความคิดเห็นที่ 9 ใบกะเพรา หนึ่งหยิบมือ : ใครมีกะเพราแดงใช้กะเพราแดงนะคะ เพื่อนฝูงจะได้ิอิษยา (อิจฉา + ริษยา) เพราะกลิ่น รส มันหอมหวนกว่า กะเพราขาวมาก แต่วันนี้กัสซี่หาไม่ได้ ต้องกล้ำกลืนใช้กะเพราขาวแทน จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:41:10

ความคิดเห็นที่ 10 ใบโหระพา หนึ่งหยิบมืด : เลือกใช้โหระพาไทย ใบเล็ก ๆ กลิ่นจะหอมกว่า โหระพาพันธุ์เกษตร ใบใหญ่ยักษ์เท่าช้อนกลางตักแกง จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:42:24

ความคิดเห็นที่ 11 น้ำมะนาว 1 - 2 ช้อนชา : ใ้ช้มะนาวผิวเขียว เปลือกบาง ลูกแป้น ๆ จะได้น้ำเยอะและมีกลิ่นหอมกว่ามะนาวผิวเหลือง เวลาบีบคั้น อย่าบีบเค้นเหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน บีบใช้แรงแค่พอนุ่มนวล น้ำมะนาวจะได้ไม่ขม จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:43:20

ความคิดเห็นที่ 12 สุดท้าย "น้ำเคยดี" สมัยนี้หายากแล้ว ใช้น้ำปลาดี ๆ สัก 1 ช้อนโต๊ะ แทนไปก็แล้วกัน จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:45:38

ความคิดเห็นที่ 13 จัดแจงเอาเครื่องปรุงทั้งหมดเรียงบนโต๊ะ แล้วตรวจทาน เครื่องปรุงได้ครบไม่ขาด แต่ "เกิน" (HA-HA) เพราะกัสซี่ชอบหอมแดงเจียวเป็นการส่วนตัว เลยเพิ่มเข้ามา แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 12:08:07 จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:46:32

ความคิดเห็นที่ 14 เจ้าพนักงาน จัดแจง นำน้ำซุป 2 ถ้วยตวงใส่หม้อ ยกตั้งไฟพอเดือด ใส่เนื้อเปื่อยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยมันเทศต้มสุก จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:48:49

ความคิดเห็นที่ 15 พอเดือดอีกที ใส่หอมแดง พริกมูลหนู ปรุงรสด้วย น้ำมะขามเปียก จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:49:36

ความคิดเห็นที่ 16 โรยใบกะเพรา และ โหระพาลงไป ยกลงใส่น้ำมะนาว และน้ำปลา ปรุงรสตามชอบ จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:50:29

ความคิดเห็นที่ 17 ตักใส่ถ้วยแล้ว ขอนอกสูตรด้วยการโรยหอมแดงเจียวกรอบ ๆ ลงไป เจ้าพนักงานของกัสซี่บอกว่า รสเหมือนต้มแซ่บแต่ไม่ใส่เครื่องข่าตะไคร้ แต่กลิ่นหอมกว่ากันมาก ทำเสร็จแล้ว แบ่งมาชิมเองหนึ่งถ้วยพอหายอยาก ที่เหลือ เจ้าพนักงาน นำไปเติม "ผงพิเศษตราถ้วยแดง" ซึ่งกัสซี่ไม่เคยใส่ในอาหารที่ทำเลย เนื่องจากไม่ชอบและแพ้ แต่เจ้าพนักงานชอบและติดกันมาก ถ้าไม่ใส่อาจขาดใจได้ ชานนี้แบ่งให้เพื่อน ๆชิมนะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 52 11:55:20 จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 11:54:45

ความคิดเห็นที่ 18 ...  นั่นเลย ใช่เลยต้มจิ๋วที่อยากกินครับพี่กัสซี่ ...    น้ำสะเออะ ... คือการที่เราจะทำก้อยกุ้ง เราจะแกะกุ้งสด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ถ้วยไว้  แล้วเราจะบีบมะนาวลงไปในชามกุ้งนั้น  คนให้เข้ากัน      เอามือขยำเบา ๆ ให้กุ้งเปลี่ยนสีเป็นขาวขุ่น ๆ แล้วเราจะบีบน้ำมะนาวที่อยู่ในกุ้งออกมา  ใส่ถ้วยพักไว้ ... นี่แหละครับ  น้ำสะเออะ    ไม่ทิ้งนะครับ  เราจะเอาไปกวนกับไฟนิดนึง พอให้สุกนิด ๆ ใช้นำกลับไปปรุงรสก้อยกุ้งกันอีกครั้งครับผม ... พี่กัสซี่ลองทำดูซิครับ อร่อยนา จากคุณ : วัฒน์ ครับผม... (OverEat) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:11:07

ความคิดเห็นที่ 19 น่าทานดีจังค่ะ    ข้าวร้อนๆ อร่อยน่าดู จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:11:26

ความคิดเห็นที่ 20 @  นั่นแน่ นั่นแน่ มีคนมาบอกแล้ว ว่า น้ำสะเออะ เป็นยังไง  ขอบคุณนะคะ พี่ชายกาง เดี๋ยวไ้ด้มีส่งการบ้านแน่ ๆ ค่ะ อิอิอิ @ อาหารไทยแบบโบราณ ๆ เนี่ย รสมันนิ้งจริง ๆนะคะ คุณ honeybfit  เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศจริง ๆ จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 12:34:36

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ..ที่เอาสูตรอาหารโบราณมาให้ดูนะคะ พึ่งจะเคยเห็นนี่แหละคะ คงได้ลองทำดูแน่ๆ จากคุณ : พันปักษา (พันปักษา) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:31:17

ความคิดเห็นที่ 22 เครื่องเยอะๆน่ากินมากเลยค่ะ^^ จากคุณ : อาโฮเฮะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 13:48:49

ความคิดเห็นที่ 23 น่าอร่อยจังเลยค่า จากคุณ : ceacar salad เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:12:41

ความคิดเห็นที่ 24 โอวน่ากิน น่าซดมากเลย เนอะเอาหมูแทนก็ได้นะคะเนี่ย จากคุณ : ying-athens เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 14:33:20

ความคิดเห็นที่ 25 น่าทานจังครับ จากคุณ : บ้านวังรุ้ง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:11:35

ความคิดเห็นที่ 26 น่าอร่อยนะคะ รสชาดคงแซบดีเด้อค่ะ จากคุณ : กาญจัง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 16:41:37

ความคิดเห็นที่ 27 น่าทานมากค่ะ จากคุณ : โตเหมี่ยว เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:04:31

ความคิดเห็นที่ 28 กี๊ดดด .. สูตรน้ำพริกก้อย มันก็ต้องเป็นน้ำพริกปลาร้าดิกั๊ด จากคุณ : Jekyll and Hyde เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 17:25:30

ความคิดเห็นที่ 29 @ สวัสดีค่ะ คุณพันปักษา  ได้หนังสือมา ก็เลยลองสุตรดูหน่อยค่ะ  บางอย่างก็รู้จัก บางอย่างก็ไม่รู้จักค่ะ ว่าจะค่อย ๆ ลองทำดูไปเรื่อย ๆ ค่ะ @ เครืองดูเหมือนเยอะ แต่จริง ๆ ไม่เยอะหรอกค่ะ  คุณ อาโฮเฮะ รูปมันทำให้ดูเยอะเ่ท่านั้นเอง @ อร่อยค่ะ คุณแหม่ม  ถ้าชอบซุปแบบรสจัดจ้านคงจะชอบ @ ลองปรับเป็นหมูหรือซี่โครงอ่อน ก็น่าจะได้นะคะ คุณ ying-athens  นี่ขนาดในสูตรเขาบอกว่า สันในวัว กัสซี่ยังใช้น่องลายแทนเลย @ ขอบคุณค่ะ คุณบ้านวังรุ้ง  ชอบสะสมหนังสือทำอาหารเก่าๆ  เหมือนกันใช่ไหมคะ  วันหลังเอามาแลกกันอ่านดีไหมคะ @ กาญจัง เอาการบ้านข้าวซอยมาส่งก่อนด่วน ๆ ๆ เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ @ คุณโตเหมี่ยว ลองทำดูสิคะ ไม่ยากค่ะ @ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถ้าน้ำพริก ของก้อย คงเป็น น้ำพริกปลาร้า แบบกระทู้ คุณรุด จริง ๆ แหละ  แต่น้ำพริกก้อยของตำรับสายเยาวภา แปลก ใส่ถั่วสีชมพูด้วย  เดี๋ยววันหลังจะลองทำ จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:19:10

ความคิดเห็นที่ 30  สวัสดีคะ คุณกั๊ด อาหารแบบนี้โดนสุดๆ แปลกดี ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้กินเลยนะคะ บี๊มีตำราโบราณสายเยาวภาแบบนี้ แต่ยังไม่เคยได้ลองทำสักเมนูคะ ทุกวันนี้ทำแบบเดิมๆ   ทำแบบที่เห็นคุณแม่ทำให้ทาน กำลังว่าจะลงมือทำกะปิคั่ว ไม่ได้ทานนานมากกกกกกกก นานจนลืมไปแล้วว่าเมนูนี้มีในสารบบตำรับอาหารไทยด้วย อยากทานมากๆ กะปิคั่ว[หลน] จากคุณ : บ่งบ๊ง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 18:36:07

ความคิดเห็นที่ 31 โชคดีไงคะ เจ้านายเ่ก่า เป็นพวก Blue Blood ลูกน้องอย่างกัสซี่เลยมีโอกาสได้เห็น ได้ชิม อาหารแปลก ๆ ที่ไม่ค่อยเจอในชีวิตประจำวันเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้หลายอย่างสูญหายไปจากสารบบครัวไทยแล้วนะคะ น่าเสียดายจัง ส่วนกะปิคั่วที่คุณบี๊ พูดถึง รีบทำโล่ดดด กัสซี่จะนั่งรอชมค่ะ จากคุณ : Guzzie เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 11:14:45

ความคิดเห็นที่ 32 น่าทานจังค่ะคุณกัซซี่ แต่ถ้าปลาทำส่งการบ้านคุณกัซซี่เนี่ย สงสัยคุณกัซซี่ตีปลามือหักแน่ๆ อิอิ แบบว่าเครื่องแบบไทยไม่มีเลยอะค่า แห่ะๆ ^^ จากคุณ : saren เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 15:20:59

ความคิดเห็นที่ 33 น่ารัปประทานมากๆเลยค่ะ หนูขอแบบใส่หอมเจียวด้วยคนนน ข้อมูลถูกบันทึกไว้หมดแล้วค่ะ... จากคุณ : อะนิตา เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 15:56:06