ความคิดเห็นที่ 1 เราจะยังไม่ข้ามถนนไปเข้าถนนลูกหลวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:30:55

ความคิดเห็นที่ 2 แต่จะเลี้ยวซ้ายไปเข้าสภาพัฒน์ฯทางด้านถนนกรุงเกษม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:31:24

ความคิดเห็นที่ 3 เพื่อชมอาคารโบราณที่สร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 อาคารนี้มีชื่อว่าอาคารสุริยวัตร สร้างขึ้นเมื่อปี พศ. 2448 เดิมเป็นบ้านพักของมหาอำมาตย์เอกพระยาสุรยานุวัตรและครอบครัว มีรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามัญโญ(Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลีผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม อาครหลังนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงอย่างลึกซึ่ง กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างคาดไม่ถึง บ้านหลังนี้เคยใช้เป็นที่ประชุมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองของคณะผู้ก่อการ พศ.2475 เนื่องจากนายประจวบ บุนนาค บุตรชายคนสุดท้องของท่านเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อการด้วย อาคารหลังนี้เคยใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานเทศบาลนครกรุงเทพมหานคร หรือที่เรียกกันว่าศาลาว่าการกรุงเทพฯในปัจจุบัน และใช้เป็นที่ตั้งของกรมโลหะการจนถึงปี พศ.2493 จึงใช้เป็นที่ตั้งของสภาพัฒน์ฯ ซึ่งให้บังเอิญว่าพระยาสุริยานุวัตร ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเศรษศาสตร์คนแรกของไทยนั้น ได้เขียนตำรา"ทรัพย์ศาสตร์" ณ อาคารหลังนี้ด้วย เนื่องจากตั้งอยู่ในย่านที่เรียกว่าย่านประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมเกาะรัตนโกสินทร์ และสร้างก่อนปี พศ.2475 กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนอาคารหลังนี้ เป็นโบราณสถานแห่งชาติที่ต้องอนุรักษ์ ต่อมาในปี พศ.2550 ดร.อำพน กิตติอำพน เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ได้บูรณะอาคารอีกครั้งและทำเป็นพิพิธภัณฑ์การพัฒนาประเทศ ที่มา : nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=319 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:31:58

ความคิดเห็นที่ 4 กลับมาที่แยกสะพานขาวอีกครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:32:26

ความคิดเห็นที่ 5 หยุดรอสัญญานไฟเพื่อข้ามสะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:32:48

ความคิดเห็นที่ 6 เชิงสะพานขาวฝั่งถนนกรุงเกษม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:33:12

ความคิดเห็นที่ 7 ถนนหลานหลวงช่วงที่เราไปเดินเที่ยวไปกินไปมาแล้วในภาคที่ 2 และ 3 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:33:39

ความคิดเห็นที่ 8 เดินข้ามสะพานขาวทางด้านซ้ายของสะพาน สะพานขาวมีชื่อเต็มว่าสะพานจตุรภักตร์รังสฤษดิ์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พศ.2446 ภายหลังรื้อสร้างใหม่เมื่อปี พศ.2496 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:34:00

ความคิดเห็นที่ 9 ซ้ายมือของสะพานมีท่อส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ขนานไปกับตัวสะพาน บนต่อม่อของท่อส่งน้ำประปา มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังตกปลาในคลองผดุงกรุงเกษม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:34:28

ความคิดเห็นที่ 10 ข้ามมาถึงเชิงสะพานขาวฝั่งถนนลูกหลวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:34:51

ความคิดเห็นที่ 11 หัวมุมอีกฝั่งของถนนลูกหลวงช่วงนี้ คืออดีตโรงหนังแอมบาสเดอร์ ที่ปิดตัวก่อนโรงหนังปารีสที่อยู่อีกฝั่งของถนนหลานหลวง ถึงแม้จะปิดตัวไปหลายปีแล้ว แต่เวลาเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิทซอย 11 แท็กซี่หลายคันมักสับสนมุ่งหน้าไปโรงหนังแอมบาสเดอร์แทน ปัจจุบันโรงหนังแอมบาสเดอร์ซึ่งสร้างบนที่ดินของสำนักงานมรัพยืสินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ปรับปรุงเป็นตลาดกลางสะพานขาว เพื่อรองรับการย้ายกลุ่มผู้ค้าในย่านโบ๊เบ๊ ที่ตั้งร้านบนทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม เนื่องจากเป็นเส้นทางเสด็จฯไปยังวัดเทพศิรินทร์ฯ ในการเสด็จพระราชทานเพลิงศพที่เมรุหลวงวัดเทพศิรินทร์ฯ แต่เมื่อปรับปรุงเสร็จแล้ว กลับไม่มีผู้ค้ายอมย้ายมา ด้วยข้ออ้างอมตะนิรันดร์กาลคือ ใกลจากที่เดิมและค่าเช่าแพง ปัจจุบันจึงรกร้าง ส่วนปัญหาเส้นทางเสด็จฯหันกลับไปใช้วิธิเดิมคือ ให้ร้านค้าเก็บร้านก่อน 16.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:35:18

ความคิดเห็นที่ 12 ตรงข้ามกับโรงหนังแอมบาสเดอร์ คือโรงหนังปารีสที่ปิดตัวไปเมื่ปี พศ.2549 จากเริ่มแรกที่เป็นโรงหนังแบบยืนเดี่ยวหรือสแตนด์อะโลน หลังการเกิดขึ้นของโรงหนังแบบซีนีเพล็กซ์ เปลี่ยนเป็นโรงหนังชั้น 2 ฉายหนัง 2 เรื่องควบอยู่หลายปีจนกระทั่งปิดตัวลง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:36:07

ความคิดเห็นที่ 13 ถนนลูกหลวงสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสร้างเป็นถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมด้านนอก เริ่มตั้งแต่จุดตัดของคลองมหานาคกับคลองผดุงกรุงเกษมไปบรรจบกับถนนนครสวรรค์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า ถนนลูกหลวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:36:39

ความคิดเห็นที่ 14 มองย้อนไปทางสะพานขาว มองเห็นกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่สร้างอยู่ในพื้นที่ของวังสะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:37:04

ความคิดเห็นที่ 15 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลูกหลวง ประมาณ 30 เมตรมีสะพานไม่มีชื่อขนานกับสะพานขาวเช่นเดียวกับฝั่งตลาดมหานาค ลงสะพานมาเป็นทางเข้าตลาดผลไม้สะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:37:33

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นแหล่งขายส่งผลไม้เช่นเดียวกับฝั่งตลาดมหานาค จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:37:56

ความคิดเห็นที่ 17 มีทางเข้าออกอีกด้านที่ซอยลูกหลวง 5 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:38:24

ความคิดเห็นที่ 18 ปากซอยลูกหลวง 5 เป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอดีตพรรคชาติไทยหรือพรรคชาติไทยพัฒนาในปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสมาคมรัฐศาสตร์แห่งประเทศไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:38:52

ความคิดเห็นที่ 19 ติดกันคือนิ่มซี่เส็งขนส่ง เจ้าพ่อขนส่งสินค้าในเส้นทางทางภาคเหนือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:39:14

ความคิดเห็นที่ 20 เนื่องจากถนนลูกหลวงด้านหนึ่งติดกับคลองผดุงกรุงเกษม จึงไม่มีการแบ่งซอยเป็นฝั่งเลขคู่และเลขคี่ แต่จะเรียงตัวเลขซอยต่อกันไป ถัดจากซอยลูกหลวง 5 จึงเป็นซอยลูกหลวง 6 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:39:37

ความคิดเห็นที่ 21 ปาดค่ะ อาสามไปกินก๋วยเตี๋ยวไหหลำทีไร  หนูละเสี๊ยวเสียว อิอิ จากคุณ : อาโฮเฮะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:39:58

ความคิดเห็นที่ 22 ประมาณ 25 เมตรจากปากซอยลูกหลวง 6 คือทางเข้าวัดสมนานัมบริหารหรือวัดญวนสะพานขาว วัดสมณานัมบริหาร (เกี๋ยงเพื้อกตื่อ) เป็นวัดในอนัมนิกาย มีพระสมณานัมธีราจารย์ ติ่นเรียน(ปลัดขวา)เป็นเจ้าอาวาส ตั้งอยู่ที่เลขที่ 416 ถนนลูกหลวง แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร.02-281-5235, 02-281-0082 คำว่า “อนัม หรือ อานัม” สันนิษฐานว่า มาจากคำว่า “อังน้ำ” ในภาษาจีนแต้จิ๋ว “อังน้ำ” หมายถึงญวนหรือเวียดนาม ที่มา : anamnikay.is.in.th/? เมื่อประมาณปี พ.ศ.2316 ได้เกิดกบฏขึ้นที่ เมืองเว้ อันเป็นเมืองหลวงของประเทศญวน พวกราชวงศ์ญวน ได้พากันหนีพวกกบฏลงมาทางเมืองไซ่ง่อนหลายองค์ องเชียงชุนราชบุตรองค์ที่ 4 ของเจ้าเมืองเว้ ได้หนีมาอาศัยอยู่ที่เมืองฮาเตียน ต่อแดนมณฑลบันทายมาศของเขมร เมื่อพวกกบฏยกกำลังติดตามมา เจ้าเมืองฮาเตียนก็อพยพครอบครัว พาองเชียงชุนเข้ามากรุงธนบุรี เมื่อประมาณปี พ.ศ.2319 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ห้รับไว้ และพระราชทานที่ให้พวกญวน ตั้งบ้านเรือนอยู่นอกฝั่งพระนคร ทางฝั่งตะวันออกบริเวณถนนพาหุรัดในปัจจุบัน ที่มา : heritage.thaigov.net/religion/prayeun/index1.htm อนัมแปลว่าญวนหรือเวียดนาม คนที่มีเชื้อสายของประเทศเวียดนามเราเรียกว่าคนญวน หรือคนอนัม ซึ่งเมื่อคนเหล่านั้นอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในเมืองไทยและมีการสร้างวัดขึ้น เราจึงเรียกวัดเหล่านั้นว่าวัดญวนหรือวัดอนัม ซึ่งคำว่า “อนัม หรือ ญวน หรือ เวียดนาม” จึงเป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน ดังนั้นคำว่า “อนัมนิกาย” จึงสามารถแปลได้ว่า“การถือพระพุทธศาสนาอย่างเมืองญวน” แต่เนื่องจากพระญวนในประเทศเวียดนามกับพระญวนในประเทศไทยไม่ได้มีการติดต่อกัน โดยต่างฝ่ายต่างก็ถือคติและธรรมเนียมตามประเทศที่ตนเองอาศัยอยู่ ดังนั้นพระญวนที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย จึงหันมายึดถือตามแนวของพระสงฆ์ไทยในบางเรื่อง เช่นการไม่ฉันข้าวเย็น การครองผ้าสีเหลือง ฯลฯ ซึ่งลักษณะแบบนี้จะแตกต่างจากพระสงฆ์ในประเทศเวียดนามหรือประเทศจีน คือพระสงฆ์ที่นั่นสามารถฉันข้าวเย็นได้ การครองผ้าจีวรมีทั้งสีเทา สีแดงฝาด สีเหลือง และสีอื่น ๆ เพียงแต่”ข้อวัตรปฏิบัติอย่างอื่นและกิจของสงฆ์ที่พึงทำ” ก็ยังคงปฏิบัติตามแบบในประเทศเวียดนามเหมือนเดิม เช่น ประเพณีการทำกงเต็ก หรือการให้ความเคารพและเชื่อถือในเรื่องของเทพเจ้าต่างๆ ที่มา : anamnikay.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=262 โดย ศิษย์กวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:40:15

ความคิดเห็นที่ 23 วัดญวนที่สร้างขึ้นในประเทศไทย ก็เป็นไปตามที่พวกญวนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยกล่าวคือ ญวนพวกที่มากับองเชียงชุนครั้งกรุงธนบุรี ได้มาสร้างวัดขึ้นที่บ้านหม้อ  2 วัด คือ วัดกามโล่ตื่อ (วัดทิพยวารีวิหาร) อยู่ที่หลังตลาดบ้านหม้อในกรุงเทพ ฯ แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นวัดพระจีนปกครอง วัดโหย่คั้นตื่อ (วัดมงคลสมาคม) เดิมอยู่ที่บ้านญวนข้างหลังวังบูรพาภิรมย์ ครั้นเมื่อจะตัดถนนพาหุรัด วัดนั้นอยู่ในแนวถนน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ทำผาติกรรมอย่างวัดไทย คือพระราชทานที่ดินและให้สร้างวัดขึ้นใหม่ แลกกับวัดเดิมโดยย้ายไปตั้งที่ริมถนน แปลงนามในอำเภอสัมพันธวงศ์ ญวนพวกที่มากับองเชียงสือ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ได้สร้างวัดญวนขึ้น 2 วัดคือ วัดคั้นเยิงตื่อ (วัดอุภัยราชบำรุง) อยู่ที่หลังตลาดน้อย (ริมถนนเจริญกรุง) ในอำเภอสัมพันธวงศ์ วัดกว๋างเพื๊อกตื่อ (วัดอนัมนิกายาราม) ที่บางโพ เรียกกันเป็นสามัญว่าวัดบางโพ ญวนพวกที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สร้างวัดญวนขึ้น  3 วัด คือ วัดคั้นถ่อตื่อ (วัดถาวรวราราม) อยู่ที่เมืองกาญจนบุรี เมื่อญวนพวกนั้นย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ ฯ ก็ได้สร้างวัดญวนขึ้นอีกวัดหนึ่งคือ วัดเกี๋ยงเพื๊อกตื่อ (วัดสมณานับบริหาร)  เรียกกันสามัญว่าวัดญวนสะพานขาว อยู่ที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ในอำเภอดุสิต วัดเพื๊อกเดี้ยนตื่อ (วัดเขตร์นาบุญญาราม)  อยู่ที่เมืองจันทบุรี ต่อมาภายหลังได้มีวัดญวนที่พวกญวนและพวกจีนช่วยกันสร้างอีก 4 วัด คือ วัดโผเพื๊อกตื่อ (วัดกุศลสมาคร)  อยู่ในอำเภอสัมพันธวงศ์ ใกล้ถนนราชวงศ์ วัดตี๊หง่านตื่อ (วัดชัยภูมิการาม)  อยู่ในอำเภอสัมพันธวงศ์ ที่ตรอกเจ๊ฮัวเนียม วัดหยิบเพื๊อกตื่อ (วัดบำเพ็ญจีบพรต)  อยู่ในอำเภอสัมพันธวงศ์  ใกล้ถนนเยาวราช  ต่อมาเป็นวัดพระจีนปกครอง วัดตื้อเต้ตื่อ (วัดโลกานุเคราะห์)  อยู่ในอำเภอสัมพันธวงศ์  ซอยผลิตผล  ถนนราชวงค์ วัดคั้นถ่อตื่อ  ( วัดถาวรวราราม)  อยู่ที่อำเภอหาดใหญ่  จังหวัดสงขลา  สร้างใหม่เมื่อปี พ.ศ.2501 รวมวัดญวนที่มีอยู่ในกรุงเทพ ฯ 7 วัด อยู่ที่ต่างจังหวัด 3 วัด รวมเป็น 10 วัด ที่มา : heritage.thaigov.net/religion/prayeun/index1.htm บริเวณทางเข้าวัดเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:40:38

ความคิดเห็นที่ 24 หน้ากำแพงล้อมรอบพระอุโบสถ มีพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย และพระบรมราชานุสรณ์ของพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งอยู่เคียงคู่กันทางด้านขวา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:41:11

ความคิดเห็นที่ 25 ขวามือของลานจอดรถคือชุมชนวัดณวน-คลองลำปัก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:41:40

ความคิดเห็นที่ 26 ขวามือของพระอุโบสถคือศาลเจ้าพ่อกวนอู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:42:06

ความคิดเห็นที่ 27 ทางด้านซ้ายมือของศาลเจ้าพ่อกวนอูคือรูปปั้นของม้าเซ็กเทา เป็นม้าคู่ใจที่ได้จากโจโฉ เมื่อครั้งที่กวนอูพลัดจากเล่าปี่พร้อมกับฮูหยินของเล่าปี่และตกเป็นเฉลยของโจโฉ โจโฉพยามยามผูกใจกวนอูทุกวิธีทาง เพื่อให้กวนอูหันมาสวามิภักดิ์  วันหนึ่งโจโฉมอบม้าเซ็กเทาให้กับกวนอู กวนอูถึงกับก้มคำนับขอบคุณโจโฉ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับโจโฉเป็นอย่างมากจนเอ่ยปากถามว่า "ทุกครั้งที่เรามอบของกำนัลแก่ท่าน ท่านไม่ยินดียินร้าย เหตุใดครั้งนี้จึงดีใจขอบคุณเรา" "เมื่อมีม้าเซ็กเทา คราใดที่ได้ข่าวท่านเล่าปี่ ข้าพเจ้าก็สามารถขี่ม้านี้ พาฮูหยินของท่านเล่าปี่กลับไปหาท่านเล่าปี่ได้ทันที" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:42:35

ความคิดเห็นที่ 28 ภายในศาลเจ้าพ่อกวนอู มีรูปปั้นเจ้าพ่อกวนอู 2 องค์ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง ด้านซ้ายเป็นรูปปั้นของเทพเจ้าเห้งเจีย ด้านขวาเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:43:02

ความคิดเห็นที่ 29 ศาลเจ้าพ่อกวนอูในวัดญวนสะพานขาวจัดให้มีงานประจำปีทุกปี โดยมีประเพณีลุยไฟ แคร่ที่เห็นคือแคร่สำหรับวางเจ้าพ่อกวนอูในพิธีลุยไฟ โดยมีศัตราวุธประกอบในพิธีแห่เจ้าพ่อกวนอูวางอยู่ข้างกำแพง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:43:27

ความคิดเห็นที่ 30 ในช่วงประมาณเดือนธันวาคม พ.ศ.2491 หลวงพ่อบ๋าวเอิงได้รับนิมนต์จากคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อกวนอู ที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปประกอบพิธี”เทวาภิเษกเบิกพระรัศมี เจ้าพ่อกวนอู” โดยมีการตกลงกันว่าหลวงพ่อแค่เพียงแต่ประกอบพิธีทางศาสนาให้ครบถ้วนและถูกต้องตามวิธีการเท่านั้น แต่การณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อเสร็จพิธีของท่าน คณะกรรมการศาลเจ้าได้ขอร้องไม่ให้ท่านกลับ และขอร้องให้ท่านเชิญวิญญาณของเจ้าพ่อกวนอูด้วย  ท่านจึงนึกถึงพระคาถาอัญเชิญวิญญาณในพิธีกงเต็ก.. ท่านว่าพระคาถานี้มีเพียง ๑๔ คำและสั่งให้พระที่มาด้วยสวดขึ้น ขณะที่ตัวท่านได้ถือธูปสำรวมจิตและส่งกระแสจิตไปที่รูปเจ้าพ่อกวนอู ปรากฏว่าหลวงพ่อบ๋าวเองสามารถอัญเชิญวิญญาณเจ้าพ่อกวนอูให้ประทับทรงและลุยไฟได้สำเร็จ เมื่อท่านกลับมาถึงวัด ท่านจึงได้จัดการบวงสรวงบูชาเจ้าพ่อกวนอูที่ศาลภายในวัดสมณานัมบริหาร และเมื่อท่านทำพิธีเชิญ ผลที่ได้รับคือท่านสามารถอัญเชิญดวงวิญญาณเจ้าพ่อกวนอูได้จริง เล่าลือกันว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ปากน้ำโพ “ถนนทุกสายล้วนมุ่งตรงสู่วัดญวน” ที่มา : anamnikay.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=262 โดย ศิษย์กวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:43:55

ความคิดเห็นที่ 31 ด้านข้างของพระอุโบสถคือซอยพิษณุโลก 3 ซึ่งแบ่งวัดญวนสะพานขาวออกเป็น 2 ส่วน โดยฝั่งซ้ายเป็นเมรุและศาลาประกอบพิธีศพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:44:25

ความคิดเห็นที่ 32 เดินเข้าส่วนพุทธาวาสและสังฆาวาสทางประตูด้านข้างพระอุโบสถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:44:48

ความคิดเห็นที่ 33 หนูยังไม่เคยไปไหว้เจ้าพ่อกวนอูเลยค่า ตามชมติดๆๆ จากคุณ : อาโฮเฮะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:44:56

ความคิดเห็นที่ 34 ขวามือของทางเข้าคือมณฑพรอยพระพุทธบาทจำลองซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาเทียมเล็กๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:45:13

ความคิดเห็นที่ 35 อาโฮเฮะ...มีหลายแห่งนะจ๊ะ .............................................. รอบเขาเป็นศาลหรือเจดีย์องค์เล็ก ที่ลูกหลานนำอัฐิของบรรพบุรุษมาบรรจุไว้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:46:36

ความคิดเห็นที่ 36 มีบันไดโค้งขึ้นสู่มณฑพรอยพระพุทธบาทจำลอง 2 ด้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:47:06

ความคิดเห็นที่ 37 ในการเขียนบทความครั้งนี้ไปวัดญวนทั้งหมด 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าปิดไม่ให้ขึ้น แต่ในการกลับไปครั้งที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา ก่อนไปเก็บภาพอาหารบุฟเฟท์ที่ราชตฤณมัยสมาคม ปรากฎว่ามณฑพรอยพระพุทธบาทจำลองเปิดให้ขึ้นกราบ จึงนับเป็นบุญของผู้เขียนและผู้อ่าน ที่มีโอกาสชมรอยพระพุทธบาทจำลองของวัดญวนสะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:47:33

ความคิดเห็นที่ 38 หลังมณฑพรอยพระพุทธบาทจำลองคือทางเข้าสู่พระอุโบสถของวัดญวนสะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:47:59

ความคิดเห็นที่ 39 ขวามือริมกำแพงหลังพระอุโบศถคือศาลซึ่งเขียนเป็นภาษาจีนอ่านสำเนียงแต้จิ๋วได้ว่าตี่จั่งอ๊วง -ตี่จั่งอ๊วง หรือ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ เดิมพระนามว่ากิมเคียวกัก ประสูติวันที่ 30 เดือนเจ็ดจีน พ.ศ. 1239 เป็นมกุฎราชกุมารราชอาณาจักร ซินลอก๊ก (กรุงโซล เกาหลีใต้) เจ้าชายกิมทรงผนวชเมื่อ 24 ชันษา ชอบความสงบและนั่งฌาณสมาธิ ไปแสวงหาความสงบวิเวกตามป่าเขา โดยนั่งเรือใบตามลำพังกับสุนัขแสนรู้สีขาว แล่นเลียบไปตามชายฝั่งลุถึงปากแม่น้ำแยงซีเกียงในประเทศจีน จนเรือเกยตื้นจึงสละเรือแล้วเดินเท้า กระทั่งเข้าเขตอำเภอชิงหยางเสี้ยน มณฑลอันฮุยเสิ่น มีภูเขาจิ่วหัวซันทัศนียภาพแปลกตา มีที่ราบกลางหุบเขา จึงเลือกปากถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ที่ราบเป็นที่พำนัก วันหนึ่งขณะนั่งสมาธิอยู่ก็ถูกงูกัดที่เท้า แต่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่ ครู่ต่อมามีหญิงคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นกล่าวว่า เมื่อครู่ลูกไร้เดียงสากัดท่าน ข้าน้อยไม่สบายใจขอถวายยาแก้พิษบาดแผล และเพื่อชดใช้ความผิด ข้าน้อยขอถวายน้ำพุแก่ท่านด้วย กล่าวจบก็หายลับไป ทันใดมีน้ำพุไหลพุ่งออกจากผนังถ้ำที่เชิงเขา มีคหบดีชื่อหมิ่นกง เจ้าของที่ดินบริเวณเขานั้น เป็นคนใจบุญสุนทาน ต้องการถวายที่ดินสร้างธรรมสถาน จึงขึ้นเขาไปหาท่าน แจ้งความประสงค์จะถวายที่ดินตามแต่ท่านต้องการ ตี่จั่งอ๊วงก็โยนผ้ากาสาวพัสตร์ขึ้นฟ้า ร่มเงาดำของผ้าทั้งผืนแผ่ปกคลุมทั่วภูเขาทั้งลูก หมิ่นกงศรัทธามากถวายภูเขาทั้งลูก หมิ่นกงมีบุตรชายคนหนึ่งซึ่งศรัทธาท่านมากเช่นกัน ขอบวชชื่อว่า"พระเต้าหมิง" ต่อมาหมิ่นกงคิดว่าเพื่อสะดวกในการฟังธรรม จึงปวารณาเป็นศิษย์ของบุตรชาย วันหนึ่งเมื่อ 99 ชันษา ท่านเรียกภิกษุทุกรูปมาชุมนุมเพื่ออำลา บรรดาภิกษุต่างไม่เข้าใจว่าท่านจะไปไหน ตี่จั่งอ๊วงได้แต่นั่งขัดสมาธิอย่างสงบและละสังขารในที่สุด ที่มา : วิกิ แต่จากการได้พบท่านเจ้าอาวาสโดยบังเอิญ ได้กราบนมัสการถามท่านเจ้าอาวาส ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าคือพระมาลัย พระอรหันต์ซึ่งสามารถท่องไปในแดนนรก สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งได้พบกับพระอินทร์และพระศรีอารียเมตไตร เพื่อไม่ให้เป็นการยาวเกินไป เรื่องราวของพระมาลัยสามารถอ่านได้ที่ larnbuddhism.com/pramarai/ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:48:27

ความคิดเห็นที่ 40 ภาพพระอุโบสถทางด้านหน้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:48:52

ความคิดเห็นที่ 41 ป๊าดดดดด โอ้ย  เป็นบุญของหนูที่ได้เห็น  ขอบคุณอาสามด้วยค่าที่นำภาพมาฝาก^^ จากคุณ : อาโฮเฮะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:48:56

ความคิดเห็นที่ 42 การมาวัดนี้ 2 ครั้งแรก วัดอยู่ระหว่างการบูรณะ แต่ในการมาครั้งที่ 3 ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:49:25

ความคิดเห็นที่ 43 กระถางธูปมังกรด้านหน้าพระอุโบสถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:49:59

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพเขียนเหนือบานประตูเป็นภาพพุทธชาดก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:50:32

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพวาดบานประตูด้านข้างและด้านหลังพระอุโบสถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:51:01

ความคิดเห็นที่ 46 โชคดีที่ในการไปวัดญวนสะพานขาวครั้งที่ 2 ประตูด้านหลังพระอุโบสถเปิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:51:32

ความคิดเห็นที่ 47 จึงได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:52:02

ความคิดเห็นที่ 48 และกราบพระประธานและพระโพธิสัตว์ในพระอุโบสถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:52:36

ความคิดเห็นที่ 49 ไม้บักฮื้อและบาตรเหล็กที่ใช้ในระหว่างพิธีสวดมนต์แบบมหายาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:53:04

ความคิดเห็นที่ 50 ด้านขวามือคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม พระพรหมและชีวกโกมารภัจจ์ หลวงพ่อบ๋าวเอิง เขาว่าหลวงพ่อท่านเก่งมากในเรื่องสมาธิจิต สามารถอัญเชิญวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วให้มาเข้าทรงได้ รูปหล่อนี้เกิดจากการที่หลวงพ่อบ๋าวเอิง อัญเชิญให้มาปรากฏบนนิ้วมือเพราะท่านต้องการปั้นพระพักตร์ของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ไว้สำหรับเคารพบูชาในฐานะที่ตัวหลวงพ่อเองท่านเป็นพระที่รักษาโรคแก่คนทั่วไปด้วย ท่านเล่าว่าได้ติดต่อช่างปั้นคนหนึ่งชื่อว่า “นายโชติ สโมสร” ขณะนั้นนายโชติกำลังรับปั้นรูปหล่อหลวงพ่อคง ของสำนักท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี นายโชติได้ตกลงรับงานนี้และได้นำดินน้ำมันมาลองปั้นโดยหะแรกเข้าใจว่าท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นชาวจีน เพราะเห็นว่าหลวงพ่อบ๋าวเอิงท่านเป็นคนญวน รูปปั้นจึงน่าจะออกมาในลักษณะแบบนั้น และด้วยเหตุผลที่เกิดจากการคิดไปเอง นายโชติจึงได้ปั้นพระพักตร์ของท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ออกมาเป็นหน้าตาแบบคนจีน เมื่อทราบว่าตนเองปั้นผิดเพราะท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นพราหมณ์ หน้าตาต้องเป็นแบบอินเดีย ครั้นจะเริ่มใหม่ก็เกิดปัญหาคือนายโชติจินตนาการไม่ออก หลวงพ่อบ๋าวเอิงจึงตัดสินใจที่จะอัญเชิญท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์มาปรากฏบนนิ้วมือของท่านเพื่อให้นายโชติได้เห็นอย่างชัดเจน เชื่อกันว่ารูปท่านหมอชีวกโกมารภัจจ์ ที่ถือกำเนิดจากฝีมือของนายโชติ สโมสร และอำนาจพลังจิตของหลวงพ่อบ๋าวเอิง ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปว่าเป็น”รูปหมอชีวกโกมารภัจจ์ที่ปรากฏเป็นลักษณะองค์จริงครั้งแรกของโลก” หลวงพ่อบ๋าวเอิงได้ขนานนามรูปหล่อท่านชีวกโกมารภัจจ์ว่า “บรมคุรุแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์” ที่มา : anamnikay.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=262 โดย ศิษย์กวง ต่อมาได้มีการนำต้นแบบจากวัดญวนสะพานขาว ไปสร้างไว้ตามโรงพยาบาลและวัดต่างๆทั่วประเทศให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:53:39

ความคิดเห็นที่ 51 ทางด้านซ้ายมือเป็นรูปปั้นพระถังซัมจั๋ง ท้าวมหาชมพู(อุ่ยท้อโพธิสัตว์)และพระโพธิสัตวือวโลกิเตศวรกรือเจ้าแม่กวนอิม เรื่องราวของท้าวมหาชมพูหรือเทพยีด้าในถาษาญวนสามารถอ่านได้ที่ board.ไม่ใช่ลิควิด/f13/%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A1% E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9-%E0%B9%80%E0%B8% 97%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2-81658.html จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:54:08

ความคิดเห็นที่ 52 ออกจากด้านหลังพระอุโบสถ ทางขวามือคืออาคารกุฏิสงฆ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:54:32

ความคิดเห็นที่ 53 ขวามือของอาคารกุฏิสงฆ์คือศาลากาญจนปิลันธ์ ซึ่งนางน้อย กาญจนปิลันธ์ สร้างอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษ จากภาษาจีนแต้จิ๋วที่เขียนไว้เหนือแท่นบูชาว่า"โจวซือตั๊ว" ศาลาแห่งนี้คือศาลบุรพาจารย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:55:00

ความคิดเห็นที่ 54 ซ้ายมือหลังพระอุโบสถคืออาคารขนาดใหญ่ 2 ชั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:55:28

ความคิดเห็นที่ 55 ปาดทันไหมครับ จากคุณ : thisname เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:55:51

ความคิดเห็นที่ 56 อาคารนี้มีชื่อว่าศาลาร่วมบุญ ชั้นล่างใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้นบนเป็นที่เก็บพระคัมภีร์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:55:56

ความคิดเห็นที่ 57 thisname...ยังทันเพราะยังเหลืออีกตั้งครึ่งครับ ................................................................... หลังศาลาร่วมบุญเป็นวิหารเล็กๆ วิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของอดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:57:26

ความคิดเห็นที่ 58 ตรงกลางวิหารคือรูปปั้นขององสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง) กรุงเทพมหานครย้อนหลังไปประมาณ ๗๐ ปี ชื่อของ “องสรภาณมธุรส (หลวงพ่อบ๋าวเอิง)” อดีตเจ้าอาวาส “วัดสมณานัมบริหาร” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “วัดญวน สะพานขาว” เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์ญวน สังกัดอนัมนิกาย ที่มีการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามหลักของพุทธศาสนา ความเมตตาของท่านนอกจากการให้ความช่วยเหลือ และสงเคราะห์ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บแล้ว สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในยุคสมัยนั้นคือ “การอัญเชิญวิญญาณ” และ “การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ” เช่น เทพ เทวดา วิญญาณของนักบวชที่ล่วงลับไปแล้ว ฯลฯ..... หลวงพ่อบ๋าวเอิง ท่านเป็นพระที่ได้รับการยอมรับของลูกศิษย์และคนทั่วไปว่ามีความสามารถในการเชิญวิญญาณ ซึ่งท่านเคยเล่าให้ฟังว่าตัวท่านเองมีความสนใจในเรื่องของจิตและวิญญาณ ท่านจึงได้เริ่มค้นคว้าและทดสอบอยู่หลายปี จนท่านสามารถเชิญวิญญาณลงมาประทับบนร่างทรงได้ ท่านอธิบายว่าการประทับทรงนี้เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ที่ทำให้มนุษย์สามารถติดต่อกับวิญญาณได้โดยตรง และเป็นวิธีการแต่เพียงอย่างเดียวที่ทำให้เรา เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณได้ชัดเจนกว่าวิธีการในแบบอื่นๆ “ผลของการเชิญวิญญาณ จะทำให้เราพบว่าวิญญาณนั้นๆ มีสภาพอย่างไรและวิญญาณเหล่านั้น ได้รับผลกรรมที่ตนเองเคยกระทำไว้เมื่อครั้งสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไร...” ที่มา : anamnikay.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=262 โดย ศิษย์กวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:58:08

ความคิดเห็นที่ 59 ทางด้านซ้ายมือคือภาพและเครื่องใช้ของท่านบ๋าวเอิง -สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงได้ตรัสรู้พระธรรมอันประเสริฐสุด คือ “อริยสัจ ๔” ซึ่งเป็นทางที่ทำให้พระองค์ทรงหลุดพ้นจากมวลทุกข์ ไปสู่จุดหมายปลายทางคือ “พระนิพพาน” คือไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดใน “วัฏฏะสงสาร” อีกต่อไป เรื่องของ “การเวียนว่ายตายเกิด” หรือ “การสืบภพชาติ” มีกล่าวไว้ในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา และก็มีเรื่องจริงให้พวกเราได้เห็นเป็นตัวอย่าง เช่น การระลึกชาติ ฯลฯ จะว่าไปแล้วถึงเรื่องเหล่านี้ จะฟังดูแล้วเหมือนเป็นนิทานหรือนวนิยายสำหรับใครบางคน แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่คงเชื่อถือว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง “อาตมาภาพได้พยายามค้นคว้าหาวิธีที่จะนำเรื่องเหล่านี้มาแสดงให้ประจักษ์แก่คนทั่วไป โดยการเรียนรู้จากวิญญาณหรือที่เราเรียกกันว่า “สิ่งไม่มีตัวตน” ซึ่งถ้าเราปฏิบัติให้ถูกวิธีแล้วก็จะได้รับผลที่ปรากฏตามมา ส่วนว่าใครจะเชื่อแค่ไหนก็แล้วแต่ความวินิจฉัยของแต่ละคน...” ที่มา : anamnikay.is.in.th/?md=webboard&ma=showtopic&id=262 โดย ศิษย์กวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:58:40

ความคิดเห็นที่ 60 ทางด้านขวามือคือแท่นบูชาขององอนันตสรนาท(กิมฟู่) อดีตเจ้าอาวาสอีกองค์หนึ่งของวัดญวนสะพานขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:59:05

ความคิดเห็นที่ 61 ออกจากวัดญวนสะพานขาวทางด้านถนนลูกหลวง ที่ลานจอดรถมีคุณพ่อพาคุณลูกมาเล่นขับรถยนต์ ที่มีรีโมทคอนโทรลบังคับรถให้ไปในทิศทางที่ต้องการ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 21:59:29

ความคิดเห็นที่ 62 หน้าวัดญวนสะพานขาวในช่วงที่ส้มราคาตกต่ำ ส้มที่เอามาทิ้งหน้าวัดนี้ยังมีสภาพดีพอสำหรับผู้ด้อยโอกาส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:00:00

ความคิดเห็นที่ 63 เลี้ยวขวาที่ทางเข้าวัดญวนสะพานขาว ผ่านซอยลูกหลวง 7 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:00:28

ความคิดเห็นที่ 64 มาถึงปากซอยลูกหลวง 8 ทุกวันตั้งแต่ 17.00-23.00 น.คือที่ตั้งของร้านขนมจีนไหหลำร้านที่ 3 ในย่านหลานหลวง ร้านนี้มีชื่อว่าร้านเจ๊วา-เจ๊หย่ง เป็นร้านของ 2 สาวพี่น้อง แต่คนทั่วไปมักเรียกกันสั้นๆว่าร้านเจ๊วาซึ่งเป็นชื่อพี่สาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:01:00

ความคิดเห็นที่ 65 ร้านนี้มีรายการอาหารแค่ 4 อย่างคือขนมจีนไหลำน้ำ ขนมจีนไหหลำแห้ง ยำไหหลำและยำแบบไทย โดยมีทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:01:27

ความคิดเห็นที่ 66 โต๊ะนั่งมีทั้งนั่งข้างตึกแถวปากซอย และในร้าน 2 ห้องถัดเข้าไปประมาณ 20 เมตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:01:56

ความคิดเห็นที่ 67 รายการอาหารและราคา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:02:30

ความคิดเห็นที่ 68 น้ำจิ้มกะปิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:03:07

ความคิดเห็นที่ 69   เข้ามาลงทะเบียน ไปเดินด้วยคับอาสาม... อุอุ จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:03:25

ความคิดเห็นที่ 70 ขนมจีนไหหลำแห้งเนื้อธรรมดา 40 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:03:38

ความคิดเห็นที่ 71   ตามไปด้วยคนครับพี่ laser จากคุณ : Call_me_HerO เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:04:24

ความคิดเห็นที่ 72 DO is On The WAY...มาทันของกินตอนฝนตกหนักพายุลมแรง ...................................................................................... ใส่ผักกาดดองและเห็ดหูหนูดำ โรยถั่วลิสงทอดและงาขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:04:56

ความคิดเห็นที่ 73 Call_me_HerO ...เอาขนมจีนไหหลำไป 1 ชาม .......................................................................... ใส่หน่อไม้ต้ม เดิมมีแต่แบบแห้งเนื้อเท่านั้นที่จะใส่หน่อไม้ แต่ปัจจุบันใใส่ทั้งในแห้งหมูและแห้งเนื้อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:06:04

ความคิดเห็นที่ 74 เนื้อวัวเปื่อยได้ที่ ผ้าขี้ริ้วกรุบกรอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:06:53

ความคิดเห็นที่ 75 ต่อด้วยยำเนื้อตุ๋นแบบไหหลำ 80 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:07:23

ความคิดเห็นที่ 76 ในส่วนที่เป็นร้านมีของหวานขาย 2 อย่าง อย่างแรกคือโบ๊กเกี้ยซึ่งตั้งอยู่นอกร้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:07:57

ความคิดเห็นที่ 77 อย่างที่ 2 คือเหลี่ยงฮุ้งหรือลอดช่องไหหลำใส่น้ำตาลทรายแดงชุดละ 12 บาท เดิมทีเด็กผู้ชายคนนี้ช่วยอาม่าขายมาตั้งแต่เล็ก ปัจจุบันอาม่าเสียไปแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2551 คนที่นานๆไปทานขนมจีนไหหลำที่ร้านเจ๊วา-เจ๊หย่ง อาจไม่คุ้นเคยกับบุคลิกของหนุ่มน้อยรายนี้ ที่พูดจาเสียงแข็งและห้วนสั้น เมื่อก่อนก็รู้สึกขวางๆ แต่มาทานนานๆเข้า ก็ไม่รู้สึกถือสากับบุคลิกพิเศษของหนุ่มน้อยรายนี้ โดยเฉพาะช่วงที่อาม่าเสียไปใหม่ๆ คนที่มาทานช่วงนั้นอาจไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มื้อนี้รวมเป๊บซี่ขวดใหญ่ 10 บาท น้ำแข็ง 1 แก้ว 2 บาท รวม 132 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:08:33

ความคิดเห็นที่ 78 ซอยลูกหลวง 8 เป็นทางเข้าโรงเรียนวัดสมนานัมบริหาร วันที่มาทานร้านเจ๊วาเพื่อเขียนบทความครั้งแรก ออกจากซอยลูกหลวง 8 เพื่อไปเรียกรถกลับบ้านที่ถนนนครสวรรค์ ทำให้ได้พบกับร้านอร่อยร้านหนึ่งที่นึกว่าสาบสูญไปแล้ว ร้านนั้นคือร้านนิวทายโหล้งแห่งถนนทรงสวัสดิ์ เจ้าของข้าวเหนียวหมูแดงและผัดหมี่ผู้ว่าอันลือชื่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:09:00

ความคิดเห็นที่ 79 อีกอาทิตย์ถัดมาแวะร้านเจ๊วาเพื่อเก็บภาพอีกครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:09:26

ความคิดเห็นที่ 80 หม้อซ้ายคือหม้อเนื้อตุ๋น ส่วนหม้อขวาคือหม้อหมูตุ๋น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:09:53

ความคิดเห็นที่ 81 เครื่องขนมจีนไหหลำซึ่งประกอบไปด้วยเส้นขนมจีนไหหลำ เนื้อสดทั้งหมูและวัว ผ้าขี้ริ้ววัว เห็ดหูหนูดำ ผักกาดดอง ต้นหอมซอย กระเที่ยมเจียว งาขาวและถั่วลิสงทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:10:22

ความคิดเห็นที่ 82 มาตามไปเที่ยวด้วยคนค่า  กระทู้นี้ต้องมีของอร่อยแน่นอน จากคุณ : prinzessin เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:10:38

ความคิดเห็นที่ 83 วันนี้นั่งด้านนอก ตรงข้ามเป็นรถเข็นขายกระเพาะปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:10:58

ความคิดเห็นที่ 84 prinzessin...มีของอร่อยเยอะเลยครับ ........................................................ ด้านหน้าเป็นร้านโบ๊กเกี้ย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:12:26

ความคิดเห็นที่ 85 จานแรกเป็นยำเนื้อสดผสมแบบไทย 80 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:12:59

ความคิดเห็นที่ 86 ใส่ทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมู รสชาติเผ็ดเปรี้ยวกำลังดี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:13:32

ความคิดเห็นที่ 87 ตามมาด้วยขนมจีนไหหลำแห้งใส่หมูตุ๋นและหมูสด 40 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:14:12

ความคิดเห็นที่ 88 ยังไงก็ชอบเนื้อวัวมากกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:14:50

ความคิดเห็นที่ 89 เจ๊วาซึ่งปัจจุบันไม่ได้ลงมือทำเนื่องจากมีปัญหาเรื่องขา ยังคงออกมาดูน้องสาวคือเจ๊หย่งและหลานๆทำขาย ส่วนอาแปะอายุ 81 ปีที่จอดแวะพูดคุยกับเจ๊วา ถึงแม้จะต้องใส่ที่รัดหลัง แต่ก็ยังออกกำลังกายช่วงเย็นด้วยการขี่จักรยานทุกวัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:15:34

ความคิดเห็นที่ 90 สั่งโบ๊กเกี้ย 1 ชาม "ทำให้อาสามอร่อยๆหน่อยนะ" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:16:07

ความคิดเห็นที่ 91 หน้าตาของโบ๊กเกี้ยเย็นชื่นใจชามละ 15 บาท ร้านเจ๊วาเปิดขายทุกวัน ช่วงไหนจะหยุดเช่นวันตรุษจีนหรือวันสงกรานต์ จะติดป้ายไว้ที่กำแพงตึกแถวปากซอย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 52 22:16:36