ความคิดเห็นที่ 1 ผมเองมีโอกาสมาเบลฟาสต์ถึงสองครั้ง โดยเป็นการไปเช้าเย็นกลับ คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผมไม่อาจมีความสามารถที่จะจ่ายค่าโรงแรมแสนแพงได้ จึงต้องบินมาจากบ้านผมคือเอดินเบอระแต่เช้าตรู่แล้วกลับเสียค่อนดึก เพื่อใช้เวลาท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ค่าตั่วของ Easyjet นั้นไม่แพงมาก นั่นคือราวสี่สิบปอนด์สำหรับตั๋วไปกลับ หากจองล่วงหน้าเสียหนึ่งเดือนครับ ผมมาเบลฟาสต์ ครั้งแรกในวันที่ 23 เมษายน เพียงสิบวันให้หลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอีกซีกหนึ่งของโลก ที่ทำให้ผมประหวัดถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในไอร์แลนด์เหนือ ระหว่างการต่อสู้ของกลุ่ม ชาตินิยมที่มีเป้าหมายในการแยกตัวเป็นประเทศ และกลุ่ม loyalist ที่มุ่งหมายจะอยู่ใต้ชายคาอังกฤษต่อไป ในขณะที่เบลฟาสต์ผ่านข้อตกลงหยุดยิงและมีความสงบเรียบร้อยมากขึ้น ผมเองในห้วงเวลานั้นกับหวั่นใจเหตุการณ์ในอีกซีกโลกเสียมากกว่าครับ เบลฟาสต์ทางเครื่องบินนั้นใช้เวลาจากเอดินเบอระเพียงสี่สิบนาที รวดเร็วประหนึ่งกามนิตหนุ่ม ถ้าจะยืมเอาสโลแกนสายการบินแห่งชาติสมัยตอนผมเกิดใหม่ๆ ก็คงต้องบอกว่า งีบหนึ่งก็ถึงแล้ว แต่ในความเป็นจริง ผมไม่ได้งีบหรอกครับ นั่งทำงานอ่านหนังสือสอบเสียมากกว่า และราวแปดโมงผมก็มายืนปร๋ออยู่กลางกรุงเบลฟาสต์เป็นที่เรียบร้อยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:35:47

ความคิดเห็นที่ 2 ในการมาครั้งแรกของผม เพื่อที่จะรู้จักเบลฟาสต์ให้ทั่ว คงไม่มีวิธีการใดดีไปกว่า การนั่งรถสีแดงสองชั้นที่ผมต่อต้านมาตลอดในหลายๆ เมือง รถนี้จะขับผ่านจุดสำคัญเกือบทุกจุดพร้อมคำบรรยายสด ในรูปแรกหัวกระทู้นั้น คือศาลาว่าการเมือง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของที่นี่ เนื่องด้วยขณะนี้ตัวอาคารดังกล่าวยังปิดซ่อมอยู่ ผมเลยไม่มีโอกาสเข้าไปภายใน ส่วนงานทะเบียนราษฎร์ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของอาคารแห่งนี้ ก็ได้ถูกย้ายไปยังอาคารใกล้เคียงแทน ข้างๆ กันจะเห็นชิงช้าสวรรค์หหรือ Belfast’ eyes ญาติผู้น้องของที่ลอนดอน ด้วยขนาดที่ย่อมเยากว่า ราคาที่ถูกกว่า เห็นวิวที่อาจจะสวยน้อยกว่าหน่อย สิบสองนาทีกับราคาหกปอนด์ ทำให้ผมเองบอกข้ามไปเสียทั้งสองครั้งครับ เลยไม่รู้ว่าข้างบนนั้นจะสวยสุดใจมากน้อยเพียงใด ส่วนรูปในความเห็นที่สองนั้นคือ รัฐสภาแห่งเบลฟาสต์และไอร์แลนด์เหนือ ที่มีชื่อเรียกกว่า Stormont ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์สภาล่มเมื่อปี 1972 ก่อนจะกลับไปปอยู่ในความดูแลของอังกฤษครับ ขณะที่รูปในความเห็นนี้ เป็นอีกหนึ่งการต่อสู้ของทั้งสองกลุ่ม ซึ่งนอกจากจะไม่เห็นพ้องต้องกันเชิงอุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว ยังแตกต่างทางด้านลัทธิความเชื่อทางศาสนาด้วย กลุ่มชาตินิยมนั้นสนับสนุนคาทอลิก ขณะที่ loyalist นั้นสนับสนุนโปรเตสแตนท์ การต่อสู้นอกจากจะรบพุ่งวางเพลิงแล้ว การต่อสู้เชิงสัญญะโดยการวาดภาพบนผนังกำแพง หรือที่เรียกว่า Mural ก็ยังคงพบเห็นได้โดยทั่วไปครับ มองไปก็เศร้าใจไป ผมเองซึ่งสนใจประวัติศาสตร์อยู่บ้าง และรับรู้เรื่องราวมาอย่างกระเส็นกระสาย ก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชีวิตที่ต้องสูญเสีย เพื่อแลกมาซึ่งสันติภาพและความสงบสุข ตั้งแต่หญิงชราชาวบ้าน เจ้าของผับ เรื่อยไปจนถึงสมาชิกรัฐสภาที่เสียชีวิตในเหตุกการณ์ระเบิดที่ไบรตัน รวมไปจนถึงพระราชวงศ์อย่าง ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบตแทน ที่เรียกว่าเป็นพระญาติที่สนิทชิดเชื้อและเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์พระองค์หนึ่งก็ต้องสิ้นพระชนม์ไปด้วยสาเหตุแห่งความขัดแย้งนี้เช่นกัน จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:37:06

ความคิดเห็นที่ 3 ชมเมืองไปก็ได้แต่หวังใจว่า ความขัดแย้งในที่ต่างๆ อีกหลายแห่งบนโลกใบนี้ จะมลายหายไปเหมือนที่เบลฟาสต์โดยเร็ววัน อย่ากระนั้นเลย พักเรื่องเครียดๆ ไปเที่ยวกันต่อดีกว่าครับ น้อยคนนักจะรู้ว่า เรือที่แสนจะโด่งดังอย่างไททานิค มีจุดกำเนิดที่เบลฟาสต์ ทั้งนี้เพราะเวลาพูดถึงเรือลำนี้ ทุกคนจะนึกถึง ลิเวอร์พูลหรือเซาธ์แทมป์ตันเสียมากกว่า ผมเองมีโอกาสได้ล่องเรือแบบส่วนตัว ล่องไปตามลำน้ำ ลาแกน (Lagan) เพื่อดูอดีตอันรุ่งเรือง และเรื่องราวของการก่อสร้างเรือดังกล่าว อีกสักสามปีจากนี้ เรือไททานิคขนาดเท่าของจริงจะสร้างเสร็จพร้องกับอาคารขนาดใหญ่และพิพิธภัณฑ์การเดินเรือ ผมได้มีโอกาสเห็นจุดที่ครั้งหนึ่งเคยใช้จอดเรือ และสถานที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างมากมาย เสียดายอย่างเดียวครับ ผมฟังสำเนียงภาษาอังกฤษแบบอัลสเตอร์ของคนไอร์แลนด์เหนือได้ไม่ดีเท่าไร ผมไม่มีปัญหากับสำเนียงในภูมิภาคอื่นของอังกฤษยกเว้นที่นี่ ที่น่าขันไปกว่านั้นก็คือ คุณป้าที่มาจากเมืองบาธเธอเดินตรงปรี่เข้ามาหาผผม เพื่อถามวิธีใช้เครื่องจำหน่ายบัตรจอดรถ มากกว่าที่จะถามจากคนท้องถิ่น เพราะคุณป้าบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:37:51

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างไรก็ตาม เบลฟาสต์นั้นมีเสน่ห์นะครับ ผู้คนน่ารักเป็นกันเอง ใสซื่อและไม่ได้มีจริตมากมาย ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลใจที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้งในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มาหนนี้ฟ้าใสกว่าเดิม ไม่ได้หม่นเศร้าเหมือนหนก่อน หนนี้เป้าหมายหลักไม่ได้อยู่ในเบลฟาสต์ แต่ก็ยังต้องไปเดินเล่นแวะรำลึกความหลังเสียหน่อยครับ ที่เห็นในรูปนั้นคือ Albert’s clock tower หน้าตาก็เหมือนหอนาฬิกาทั่วไป ทว่า ความพิเศษของมันก็คือ ที่ฐานนั้นเอียงไปเสียสิบองศา แต่ก็ยังสามารถยืนยงบอกเวลาอยู่ได้ แม้ฐานจะเอียงแต่การบอกเวลายังคงเที่ยงตรงไม่โอนเอนไปดังเช่นตัวฐาน อุปมาเหมือน รูปลักษณ์ภายนอกไม่อาจเป็นตัวตัดสินถึงก้นบึ้งภายในได้ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:38:30

ความคิดเห็นที่ 5 จากในเมือง ผมจับรถราวชั่วโมงเศษไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดของไอร์แลนด์เหนือ นั่นก็คือ Giants’ Causeway ซึ่งเป็นเนินหินหน้าตาประหลาดจากการรังสรรค์ของธรรมชาติ จากจุดจอดรถจะต้องเดินลงไปอีกราวไมล์เศษ แต่ก็เป็นการเดินทางที่ท้ายสุดจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เพราะความมหัศจรรย์ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้านั้นช่างแสนคุ้มค่ากับการข้ามน้ำข้ามทะเลมายลโฉมครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:39:06

ความคิดเห็นที่ 6 Giants’ Causeway เกิดจากการกระทำของหินบะซอลต์ ที่ใครๆ หลายคนต้องยอมศิโรราบกับภูมิประเทศอันแปลกประหลาดนี้ แม้แต่กองเรือที่เข้มแข็งอย่างกองเรืออะมาด้าของสเปน ปัจจามิตรของอังกฤษในยามนั้น ยังต้องปราชัยให้กับ Giants’ Causeway เลยทีเดียว ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอควร ค่อยๆ ไต่ขึ้นลงไปตามก้อนหินรูปทรงหกเหลี่ยม พร้อมกับทัศนาทิวทัศน์ที่มองออกไปได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะเดินกลับขึ้นมาด้านบนเพื่อชมทุ่งหญ้าที่มีฝูงแกะแทะเล็มอยู่อย่างอ้อยอิ่ง แล้วผมก็ได้เวลากลับสู่เบลฟาสต์ก่อนต่อเครื่องกลับบ้านครับ การเดินทางหนหลังของผมนี้ได้สัมผัสเบลฟาสต์นานกว่าที่ควรจะเป็น เพราะเจออิทธิฤทธิ์ของทางสายการบิน ในการเลื่อนเวลาการออกเดินทางไปยังไม่มีกำหนด ดังนั้น กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปสองนาฬิกาของวันใหม่ เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ก็คิดถึงเบลฟาสต์ใจจะขาดไม่แพ้กันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:39:59

ความคิดเห็นที่ 7 เอาล่ะครับ ถึงเวลาเข้าเรื่องของก้นครัวอย่างจริงจัง หลังจากพาไปเที่ยวมานานสองนานจนกลัวจะถูกอัปเปหิไปอยู่ห้อง Blueplanet เบลฟาสต์กับผมนั้น ไปหนแรกไม่ได้ถ่ายกับข้าวกับปลา เพราะมัวแต่วุ่นกับการเดินทาง จึงทานอาหารแบบสำเร็จอย่างง่ายๆ แล้วก็บุฟเฟ่ต์จีนซึ่งทานที่ไหนก็ไม่ต่างกันในอังกฤษ หนสองอยากทานร้านดาวมิชลินเพียงหนึ่งเดียวในไอร์แลนด์เหนือ แต่เวลาและเพื่อนร่วมทางไม่สะดวก รู้เช่นนี้น่าจะจัดการมาทานไปตั้งแต่หนที่มาเมื่อครั้งเดือนเมษายน ดังนั้น ร้านที่ผมจะแนะนำจึงมาลงเอยที่ร้านอาหารเล็กๆ ในสไตล์ครอบครัว ที่ได้รับการเลือกว่าเป็นร้านที่ดีที่สุดในเบลฟาสต์อย่างร้าน Brights Restaurant ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:40:37

ความคิดเห็นที่ 8 ร้านไบร์ทนั้นมีสองสาขาอยู่ใจกลางเมืองทั้งคู่ หาไม่ยากหรอกครับ สาขาที่ผมไปทานตั้งอยู่บริเวณ Castle Place สาขานี้ เปิดตอนเก้าโมงเช้า ขายอาหารพื้นเมืองแบบอัลสเตอร์ รวมถึงอาหารเช้าที่มีให้บริการตลอดวันครับ เนื่องจากตอนที่เราไปกันนั้นเกือบสิบโมงแล้ว และอาหารอีกมื้อของเราคือช่วงเย็น ดังนั้น เราทั้งสี่คนเลยตัดสินใจสั่งของหนักสวนทางกับชาวไอริช ซึ่งส่วนใหญ่มานั่งจิบชาทานกาแฟ เคล้าไปกับอาหารเช้าชุดใหญ่ ที่ต้องเสิร์ฟพร้อมกับโซดาหรือขนมปังแบบไอริชแท้ๆครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:41:28

ความคิดเห็นที่ 9 วันนี้ หลังจากรับเมนูมาเป็นที่เรียบร้อย สลับกับการมองเข้าไปที่ครัวเปิดซึ่งเห็นอาหารที่น่ารับประทานหลายๆ อย่าง กำลังจัดวางลงในจาน ทำให้ผมไม่อาจรีรอที่จะรีบสั่งอาหารครับ น่าเสียดายที่อาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของทางร้านอย่าง Ulster’s fry ยังไม่เสร็จเรียบร้อย ไม่เช่นนั้นจะสั่งมาฉลองความอยากเหมือนกับคราวที่มาในหนที่แล้ว เพื่อนผมสองคนสั่งอาหารเหมือนกัน ส่วนผมกับอีกคน สั่งต่างออกไป ราคาอาหารจานหลักอันแสนใหญ่ของที่นี่นั้นไม่ได้ใหญ่ไปตามขนาดที่นำมาบริการ แต่ราคากลับย่อมเยามาก นั่นคืออาหารจำพวกกริลล์แบบดีอยู่ในพิสัยที่ต่ำกว่าสิบปอนด์ทั้งหมดครับ จานที่เห็นนั้นเป็นของผม นั่นก็คือ Surf ‘n turf ด้วยความที่หิวจัดและปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ อยากทานทั้งสัตว์บกและอาหารทะเล ผลลัพธ์ก็เลยออกมาเป็นจานนี้ครับ เสียดายที่ที่นี่ใช้กุ้งเล็ก ถ้าใช้กุ้งใหญ่จะได้ใจผมมากไปกว่านี้ครับ แต่กุ้งและซอสชีสที่ราดมานี้รสชาติดีไม่มีที่ติ ผนวกเข้ากับ ไอริชบีฟที่ย่างมาแบบมีเดียมเวลต้องตามความประสงค์ของผมทุกประการ เลยทานเสียไม่มีเหลือครับ พูดถึงคนที่นี่ ก็ไม่ต่างอะไรจากคนอังกฤษและคนสกอต ที่รักชาติกันเสียเหลือเกิน มาที่นี่จะเห็นแต่เมนูที่เขียว่า ใช้ Irish beef, Irish chicken หรือแม้กระทั่ง Irish potato ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:42:22

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนของเพื่อนสองคนนั้นสั่งเนื้อย่างกระทะร้อนหรือ sizzling beef เสิร์ฟมาในกระทะร้อนที่รองด้วยหอมหัวใหญ่และเห็ด ตัวรสชาติไม่ต้องพูดถึง ทุกคนชมกันว่าอร่อยเหมือนเคยครับ ปริมาณนั้นเยอะมากทั้งในส่วนของเนื้อและผักครับ ส่วนเพื่อนผมอีกคนสั่งแกะย่าง นุ่มและอร่อยไม่แพ้กัน แม้ว่าเนื้อแกะที่ดีที่สุดในสายตาของคนอังกฤษจะต้องมาจากเวลส์ แต่ Irish lamb ก็ทานได้ไม่ผิดหวังครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 52 14:44:56 จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:43:00

ความคิดเห็นที่ 11 ในจานนอกจากจะมีผักแนมมาให้ ซึ่งของผมเป็นสลักผัดสด ลูกค้าก็ยังสามารถเลือกจานข้างเคียงได้อีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ ประดามันทั้งหลาย คนอื่นนี่ไม่มีประสบการณ์เลือกมันบดกันหมด ต่างกับผมที่เคยมาครั้งหนึ่งแล้ว เลยถามหาอัลสเตอร์ฟราย แต่ว่าพนักงานแจ้งว่ายังไม่เสร็จ เลยได้ garlic potato มาแทนครับ ตัวมันนี้จะนำไปทั้งอบและทอดรวมถึงคลุกเข้ากับเนยกระเทียม หอมอร่อย แต่รับประกันความอ้วนอย่างแน่นอนครับ ทั้งนี้เพราะข้างใต้ของถ้วย จะยังคงมีน้ำมันเจิ่งนองมากอยู่พอสมควร แต่ทำอย่างไรได้ครับ ก็ของมันอร่อย ผมเลยทานได้เรื่อยๆ มันฝรั่งข้างนอกกรอบมากๆ ข้างในก็นุ่มอร่อย เพื่อนๆ ร่วมโต๊ะผมก็ช่วยกันฉลองศรัทธากลุ้มรุมช่วยผมรับประทานอยู่เพียงชั่วครู่ ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ ตอนขอบิลนี่ อาหารสี่จาน กับโค้กคนละหนึ่งแก้วใหญ่ คิดเป็นเงินทั้งหมดสี่สิบเอ็ดปอนด์ ตกคนละราวๆ สิบปอนด์นิดๆ ซึ่งดูแล้วอาจจะค่อนข้างแพง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพ รสชาติตลอดจนบริการแล้วก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าครับ ดังนั้น มาเบลฟาสต์สองครั้งสองคราก็อดไม่ได้ที่จะต้องฝากท้องไว้กับที่นี่ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:46:11

ความคิดเห็นที่ 12 ข้ามจากเบลฟาสต์ไปเที่ยวดินแดนทางตอนเหนือของสกอตแลนด์กันบ้างนะครับ ส่วนนี้จะเรียกว่า Scottish highland ที่ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้อย่างเคร่งครัด ในหลายๆ พื้นที่ความศิวิไลซ์ยังเข้าไม่ถึง ผู้คนยังมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่ ผมเองมีโอกาสไปไฮแลนด์สองหน ซึ่งเป็นการไปกับทัวร์แบบเช้าไปเย็นกลับ เพราะอายุอย่างผมแม้จะมีใบขับขี่สากลแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์อายุที่ไม่สามารถจะเช่ารถได้ การไปทัวร์จึงสะดวกที่สุดครับ ทัวร์โดยมากก็มักจะพาชมความงามของเกลน (Glen) หรือหุบเขาซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศคล้ายฟยอร์ด ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น เกลนโค ที่มีเรื่องราวการสังหารหมู่ของตระกูลแมคโดนัลด์ โดยตระกูลแคมป์เบลล์อันนำมาซึ่งเหตุบาดหมางจนถึงปัจจุบัน เจ้าของบ้านที่ผมเช่าอยู่ก็เป็นคนในตระกูลแคมป์เบลล์ แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายกับผมแต่อย่างใด สำหรับในรูปที่เห็นคือลอคเนส ทะเลสาบอันเลื่องชื่อที่มีเจ้าสัตว์ประหลาด เนสซี่เป็นตัวชูโรง แล้วก็ปราสาทเออร์เกิตส์ (Urquhart) ตั้วตระหง่านอยู่ที่ริมฝั่ง ผมเองมีโอกาสได้ล่องเรือไปรอบๆ ลัดเลาะไปตามลำคลองที่จะแสนงดงามด้วย ซึ่งถือเป็นความทรงจำที่ดีทีเดียวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:47:08

ความคิดเห็นที่ 13 พูดถึงการไปทัวร์นี่ก้มีข้อเสียอยู่อย่าง คือ เราอยากจะแวะทานอะไรตามใจไม่ใคร่จะได้ เพราะทัวร์เขาจะมีจุดจอดรถให้แวะรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมกับร้านขายของไว้ดูดเงินอีกชั้นหนึ่ง ผมเองอยากจะทานอาหารทะเลอร่อยๆ ริมทะเลสาบในเมืองแสนสวยอย่าง ฟอร์ต วิลเลียมส์( Fort Williams) แต่สุดท้ายก็ต้องมานั่งทานกลางวัน ในร้านนอกเมืองแทนครับ อาหารกลางวันก็เป็นไปอย่างง่ายๆครับ นั่นก็คือ fish and chips แล้วราดหน้าด้วยข้าวโพดหรือถั่วอบ สำหรับรสชาติ ไปโบสถ์ตอนค่ำๆยังขี้เหร่เลยครับ เอาไว้ทานแก้ขัดกันตายไปได้หนึ่งมื้อเพียงเท่านั้น สนนราคาหนึ่งจานใหญ่พร้อมน้ำอัดลมขวดครึ่งลิตรอีกหนึ่งขวดอยู่ที่ 8.50 ปอนด์ แพงและไม่คุ้มอย่างยิ่งภายใต้ตลาดผูกขาดของทางทัวร์ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:47:54

ความคิดเห็นที่ 14 จากไฮแลนด์ เราจะไปต่อยังเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ นั่นก็คือกลาสโกว์ เมืองที่แตกต่างจากบ้านผมโดยสิ้นเชิง กลาสโกว์เป็นเมืองใหม่และเมืองอุตสาหกรรม จึงออกจะมีความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นสูง และคลาคล่ำไปด้วยผู้ใช้แรงงาน ปะปนไปกับแหล่งเสื่อมโทรม แต่คนที่นี่ก็จะสนุกสนานและเป็นมิตรมากกว่าที่เอดินเบอระบ้านผมครับ ผมมากลาสโกว์หลายครา เพราะห่างเอดินเบอระเพียงหนึ่งชั่วโมงโดยทางรถ บางครั้งก็ไปนั่งหย่อนอารมณ์ริมแม่น้ำไคลด์ (Clyde) บ้าง แต่หลักๆก็มาซื้อของ เพราะหลายๆ คนบอกว่าที่นี่ชอปปิ้งสนุกเป็นรองก็เพียงแต่ลอนดอนเท่านั้นครับ ในรูปที่เห็นนั้นคือจอร์จ สแควร์ จัตุรัสกลางเมืองที่เหมาะไปนั่งเล่นในหน้าร้อน ให้อาหารนกไปเพลินๆ ดูละครโรงใหญ่ โดยนักแสดงที่มีชีวิต และไร้ซึ่งผู้กำกับหรือแสงไฟ ทั้งยังแสดงยาวนานต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะปิดม่านปิดฉากลงเมื่อไรเลยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:48:37

ความคิดเห็นที่ 15 มากลาสโกว์ทุกครั้ง ผมเองไม่เคยไปทานร้านอื่นเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะผมมีร้านในดวงใจ เป็นร้านน้ำชาที่ออกแบบโดยสถาปนิกในดวงใจของผมอย่าง ชาร์ลส์ เรนนี่ แมคอินทอช ด้วยศิลปะแบบอาร์ตนูโว เก้าอี้ทรงสูงๆ เล่นลวดลายเหมือนขั้นบันไดครับ นอกเหนือจากนี้ชุดของบริกรก็เป็นอีกหนึ่งแม่เหล็กดึงดูดให้มาที่นี่ เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับให้นิยามไว้ว่า ราวกับมาดูสาวแต่งคอสเพลย์ อย่างไรอย่างนั้นเลยครับ ร้านน้ำชา Willows Tearoomนี้มีสองร้าน หนก่อน ผมพาไปนั่งทานที่สาขาบนถนน โซคีฮอลล์ (Sauchiehall) แต่หนนี้ผมเปลี่ยนมานั่งทานที่ถนนบูคาแนนแทน ความจริงสองถนนนี้ก็อยู่เชื่อมต่อกันในลักษณะตั้งฉาก ไม่ได้ไกลกันมาเลยครับ แล้วก็มีเมนูเหมือนกัน ยกเว้นแต่ว่าที่สาขาบนถนนบูคาแนนจะให้บริการแชมเปญเพิ่มเติมด้วยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:50:00

ความคิดเห็นที่ 16 มาร้านนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าการสั่งชุดน้ำชา ซึ่งประกอบไปด้วย แซนด์วิชสี่แบบ สโคนพร้อมครีม เนยและแยม ที่ให้มามากมายจนสามารถเอามาทานเล่นเปล่าๆได้ ขนมปังกรอบแบบสกอตแท้ๆ อย่าง ชอร์ทเบรด และขนมหวานหนึ่งชนิด ซึ่งสามารถเลือกได้ตามใจ จากตู้โชว์บริเวณเคาน์เตอร์ พร้อมชาหนึ่งชนิดครับ ราคานั้นผมว่าไม่แพงมากคือสิบสองปอนด์เศษ ที่บอกไม่แพง เพราะส่วนใหญ่ น้ำชาแบบไฮทีนี่ยี่สิบปอนด์ขึ้นทั้งนั้น ยิ่งร้านหรูหราเลิศลอยในลอนดอนที่ต้องจองกันข้ามภพชาติอย่างที่โรงแรมริทซ์นั้นปาเข้าไป 37 ปอนด์แล้วก็ต้องบวกค่าบริการเข้าไปอีกครับ พูดถึงร้านนี้อีกอย่างก็คือในร้าน ลูกค้าส่วนใหญ่จะดูเป็นผู้ดี ขัดกับภาพลักษณ์ของเมืองและภาพลักษณ์ของผมเป็นที่ยิ่ง เพราะเดินๆกระเซอะกระเซิงอยู่ท่ามกลาง Blue-collar กลางเมือง แต่พอก้าวข้ามผ่านประตูร้านเข้ามา ก็ดูจะเป็นอีกโลกหนึ่งที่เหลียวซ้ายแลขวาก็จะพบแต่ white-collar เป็นหลักครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:50:57

ความคิดเห็นที่ 17 จากกลาสโกว์ ขอแวะเอารูปอีกหนึ่งเมืองมาให้ชมกัน นั่นก็คือ สเตอร์ลิง(Stirling) ความจริงเมืองนี้ผมไม่ได้ตั้งใจไปเท่าไร แต่เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาของผมเป็นคณบดีอยู่ที่นี่ก็เลยมีโอกาสได้มาเยือนถึงสามครั้งสามคราครับ ไม่มีรูปอาหารมาให้ชม เพราะมาทีไรถ้าไม่ทานในโรงอาหารก็ทานบุฟเฟ่ต์จีนเท่านั้น ก็เลยแก้ตัวด้วยการนำรูปของปราสาทสเตอร์ลิงมาให้ชม เมืองนี้น่าจะเป็นที่รู้จักจากชื่อ วีรบุรุษอย่างวิลเลี่ยม วัลเลซ และการรบพุ่งที่ Bannockburn ซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาโดยภาพยนตร์รางวัลออสกร์อย่าง braveheart เมื่อราวสิบกว่าปีที่แล้วครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:51:30

ความคิดเห็นที่ 18 เอาล่ะครับ หลังจากตะลอนเที่ยวไปหลายเมืองก็ถึงเวลาที่จะกลับมาบ้านของผม กับสามร้าน สามแบบ เริ่มจากราคาเบาๆที่สุด กับร้านที่ผมคุ้นเคย อย่าง Wannaburger ร้านนี้ได้รับรางวัลร้านอาหารแบบครอบครัวที่ดีที่สุดในสกอตแลนด์ ท่ามกลางกระแสนิยมในเบอร์เกอร์สัญชาติอเมริกัน วานนาเบอร์เกอร์ของผมก็ยังยืนหยัดอยู่ได้เป็นอย่างดีครับ ร้านนี้มีสองสาขาครับ อยู่ในเมืองเก่าหนึ่งสาขา และเมืองใหม่อีกหนึ่งสาขา ผมชอบมาทานฝั่งเมืองใหม่มากกว่าและมักจะซื้อกลับบ้านเป็นประจำ  แต่หากเป็นช่วงเวลาเรียนก็มักจะไปทานในสาขาเมืองเก่า เพราะอยู่ห่างจากตึกเรียนเพียงครึ่งป้ายรถประจำทางครับ ในรูปนี้เป็นสาขาเมืองใหม่ แต่จะเห็นปราสาทเอดินเบอระในเขตเมืองเก่า สะท้อนอยู่ตรงกระจกของร้านครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:52:20

ความคิดเห็นที่ 19 ในร้านจะโปร่งโล่งสบาย ผมเองนิยมนั่งบริเวณโซฟาเสียมากกว่า เพราะเป็นส่วนตัวดี และหากท่านอยากจะทานอย่างมีความสุข กรุณาหลีกเลี่ยงช่วงเวลาบ่ายโมง เพราะท่านอาจจะต้องหงุดหงิดกับการเล่นเก้าอี้ดนตรีกับชาวเอดินเบอระที่ใจตรงกันกับท่านครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:52:54

ความคิดเห็นที่ 20 มาเริ่มกันที่เมนูครับ ก็จะมีหลักๆ คือเบอร์เกอร์เนื้อ เบอร์เกอร์ไก่ และมังสวิรัติ ถ้าจะสั่งจานข้างเคียงจะต้องสั่งต่างหากนะครับ แพงเข้าไปอีก และหากท่านเป็นพวกไม่นิยมแป้งหรือกำลังทำ atkins อะไรก็ตามแต่ ก็อาจเลือกแบบไม่รับขนมปังได้ ผมชอบเรียกแบบติดตลกสำหรับเมนูนี้ว่าเกาเหลาเบอร์เกอร์ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:53:25

ความคิดเห็นที่ 21 ในส่วนเครื่องดื่ม เหมือนเคยครับ Irn Bru เครื่องดื่มประจำตัวของผม ถ้ามีเงิน ผมคงจะไปเจรจาซื้อมาขายในเมืองไทยอย่างแน่นอน แม้ว่าจะกลับเมืองไทยมาหนึ่งสัปดาห์แล้วยังคงโหยหาอยู่เพราะอะไรก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้ครับ สำหรับเครื่องดื่มอื่นๆที่ผมชื่นชอบและมักจะสั่งเมือมาร้านนี้ก็คือ น้ำโฟลท หรือน้ำอัดลมที่มีไอศกรีมหนึ่งสกูปใหญ่โปะมาตรงหน้า หรือจะสั่งนมเย็นรสกล้วยหอมก็อร่อยไม่แพ้กันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:54:03

ความคิดเห็นที่ 22 มาเริ่มที่จานข้างเคียงกันก่อนนะครับ จานนี้เป็นหอมทอด อร่อยที่สุดครับ กรอบมากๆ ทานแล้วนี่เห็นสวรรค์รำไรเลยทีเดียวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:54:28

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาติดๆ เป็นมันฝรั่งทอดครับ จานนี้ทานได้เรื่อยๆ อร่อยไม่แพ้กัน พวกจานข้างเคียงนี้ราคาพอๆกัน คือปอนด์เศษๆถ้าเป็นหอมทอดนี่เกือบสองปอนด์ครับ ไปสองคนอย่างนี้ก็เลยยสั่งสองอย่างมาแบ่งกันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:55:04

ความคิดเห็นที่ 24 มาถึงจานแรกของเพื่อนผมซึ่งสั่งเป็น บาร์บีคิวเบคอนเบอร์เกอร์ ก็จะมาจานใหญ่แบบใช้มือรับประทานไม่ได้แล้วก็ไม่แนะนำให้ลอง เพราะเดี๋ยวจะหกเรี่ยราดให้เป็นที่ขายหน้าเปล่าๆปลี้ๆ ความจริงจานนี้ก็เหมือนเบอร์เกอร์ทั่วไปครับ แต่มีเบคอนเพิ่มมาสองชิ้น จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:55:41

ความคิดเห็นที่ 25 ในเรื่องของรสชาติ รู้แต่ว่าเพื่อนผมชอบมาก เพราะรายนั้นไม่เคยทานร้านนี้มาก่อน ปกติจงรักภักดี อยู่กับเบอร์เกอร์คิงหรือไม่ก็แมคโดนัลด์เท่านั้น ซึ่งตรงกันข้ามกับผม ผมเคยเข้าแมคโดนัลด์เพียงหนเดียวตลอดหนึ่งปีในเอดินเบอระ แล้วก็เข้าไปซื้อชาร้อนเท่านั้น เพื่อแตกเหรียญมาขึ้นรถ ส่วนเบอร์เกอร์คิงไม่เคยจะได้เงินจากผมแม้แต่เพนนีเดียวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:56:14

ความคิดเห็นที่ 26 สำหรับจานของผมนั้น เป็นเบอร์เกอร์เนื้อเช่นเดียวกัน แต่เพิ่ม บลูชีสหรือ รอคฟอร์ตเข้ามาด้วยครับ ตัวเนื้อนั้นเหมือนเคย ย่างมาแบบสุกพอดี อร่อยมากๆ เข้ากันกับบลูชีสที่เค็มๆมันๆครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:57:04

ความคิดเห็นที่ 27 อย่างไรก็ตาม ร้านนี้ออกจะแพงเล็กน้อยครับ ของเพื่อนผมนั้นหกปอนด์ห้าสิบ ของผมห้าปอนด์ปลายๆ รวมน้ำและจานเคียง พร้อมกับทิปอีกนิดหน่อย สองคนก็ตกราวสิบเก้าปอนด์ครับ แม้กระนั้นผมก็มีวิธีทานให้ถูกลงได้ เพราะปกติผมจะใช้วิธีสั่งแบบ Takeaway จะทุ่นได้เยอะ เพราะเบอร์เกอร์ มันทอดและน้ำจะตกหกปอนด์เท่านั้น หรือไม่ถ้าอยากถูกก็มาทานช่วงบ่ายสามถึงห้าโมง จะมีโปรโมชั่นสั่งจานหลัก แล้วแถมจานข้างเคียงกับเครื่องดื่มเช่นเดียวกันครับ แบบนี้ก็จะทุ่นไปได้เยอะพอดู จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:57:46

ความคิดเห็นที่ 28 เอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างของที่นี่ก็คือเมื่อเรียกขอใบแจ้งหนี้หรือบิล ทางร้านจะยกแก้วใส่ช็อกโกแลต เอ็มแอนด์เอ็ม ต้องยี่ห้อนี้เท่านั้นด้วยนะครับ มาบริการที่โต๊ะเป็นอภินันทนาการ นัยว่าล้างปาก หรืออีกนัยหนึ่งคือเลอะปากตามความคิดของผม ผมเองเวลายกมาก็ไม่เคยทานเสียที แต่คุณเพื่อนตัวดีของผมชอบมาก ยกทานครั้งเดียวหมดแก้วเลยครับ ก็ถือเป็นเสน่ห์ที่น่ารักและเป็นกันเองอีกอย่างของทางร้านครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:58:29

ความคิดเห็นที่ 29 มาที่ร้านที่สองกันบ้าง ร้านนี้ผมนั่งรถผ่านบ่อยแต่ไม่มีโอกาสแวะเสียที จนวันหนึ่งมีแขกจากลอนดอนและวอร์ริคมาเยี่ยมบ้าน แล้วหาร้านอาหารไม่ได้ พี่ๆคนไทยที่นั่นเลยแนะนำร้านนี้ นั่นจึงเป็นที่มาของร้านอาหารเกาหลีที่ชื่อชิลล่าครับ ร้านนี้ผมให้สมญาว่าร้านอาหารเกาหลีที่ดีและอร่อยที่สุดในเมือง ทั้งนี้ก็เพราะทั้งเมืองเอดินเบอระมีร้านอาหารเกาหลีเพียงหนึ่งเดียวคือร้านนี้ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:59:02

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนที่เข้าไปในร้านนี่ต้องบอกว่าประทับใจมาก พนักงานสุภาพเหลือใจ กล่าวอันยองฮาเซโยมาแต่ไกล ก่อนที่จะเชื้อเชิญพวกเราลงไปชั้นใต้ดิน ที่เป็นซอกหลืบและห้องเล็กห้องน้อย ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ราวกับอยู่ในเคียงบอกกุง หรือชางด็อกกุงเลยทีเดียว พนักงานน่ารักและแนะนำเมนูเป็นอย่างดี ถามไถ่ถึงรายการเครื่องดื่ม คนส่วนใหญ่สั่งโค้ก มีเพื่อนผมคนหนึ่งที่สั่งน้ำชามาหนึ่งกาให้เข้ากับบรรยากาศครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 14:59:44

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับผมแล้วไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า ไอออน บรูครับ พูดถึงร้านนี้นั้น เป็นร้านที่แตกสาขามาจากร้านในกลาสโกว์ที่มีเจ้าของเดียวกัน ร้านในกลาสโกว์นั้นชื่อ โคกุเรียว ส่วนที่เอดินเบอระนั้นชื่อชิลล่า หากใครที่เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เกาหลีแบบผมจะเดาได้เลยว่า หากเจ้าของคิดอ่านเปิดร้านที่สามจะต้องตั้งชื่อร้านว่า แพคเจแน่นอน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสามอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ก่อนที่จะเป็นชาติเกาหลีดังปัจจุบันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:00:34

ความคิดเห็นที่ 32 ขออนูญาต ปาดด  เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ต่างแดนค่ะ เยี่ยม ! จากคุณ : หน่อมแน้มนิดหนมหนุกหนาน เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:00:42

ความคิดเห็นที่ 33 หลังจากสั่งเมนูอาหารจานหลักเสร็จ ซึ่งทุกคนตกลงจะรับประทานกันแบบ ทานใครทานมัน พนักงานจะหายตัวไปครู่ใหญ่ก่อนมาพร้อมกับเครื่องเคียงแบบเกาหลีที่ดูหน้าตาต่างจากเมืองไทยพอสมควร จานที่เห็นนี้เป็นมันอบกับซอส รสชาติอร่อยพอตัวครับ ตอนแรกผมคาดหวังจะเจอผักดองหรือกิมจิ แต่ได้เครื่องเคียงแบบนี้มาแทนก็ถือว่าแปลกและอร่อยไปอีกแบบครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:01:08

ความคิดเห็นที่ 34 ยินดีและขอบคุณครับ คุณ หน่อมแน้มนิดหนมหนุกหนาน จานที่สองนั้นเป็นไข่เจียวม้วนจานนี้อร่อยเค็มๆดีครับ หายคิดถึงไข่เจียวที่เมืองไทยไปได้ชั่วขณะหนึ่งครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:02:08

ความคิดเห็นที่ 35 ตามไปเที่ยวและกินด้วยคนคะ จากคุณ : puipop เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:02:17

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนอีกสองจานที่เหลือนั้น มีถั่วงอกในน้ำมันงาซึ่งหลายคนบนโต๊ะลงความเห็นว่ารสชาติดี แต่ผมไม่ได้ลองเพราะอยู่ไกลเกินเอื้อมไปหน่อยครับ ส่วนจานที่เห็นด้านหน้านั้น เป็นเส้นบุกกับแตงซุคินี่ผัดรวมกัน รสชาติพอใช้ได้ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:02:37

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ คุณ puipop หลังจากจัดการของทานเล่นเสร็จ เราก็ได้ลองของเล่นคือปุ่มที่อยู่ข้างโต๊ะ จะเป็นปุ่มคล้ายกับเกมโชว์ตอบปัญหาทั่วไป แต่ที่นี่เอาไว้ใช้เรียกพนักงาน พอกดเสร็จพนักงานก็จะลำเลียงจานที่เราทานหมดเมื่อครู่ไป และเตรียมพร้อมสำหรับจานหลักที่กำลังจะมาถึงครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:03:59

ความคิดเห็นที่ 38 มาถึงอาหารจานหลักกันบ้างนะครับ สำหรับจานแรกเป็นของเพื่อนผม สาวหวานที่นิยมรับประทานอาหารรสจัด อย่างเปรี้ยวจัดและเผ็ดจัดเป็นชีวิตจิตใจนั่นก็คือซุปกิมจิ จานนี้จะมาพร้อมกับข้าวสวยอีกหนึ่งถ้วยใหญ่ ซึ่งถามไถ่ได้ความว่า รสชาติกระเดียดไปทางเอาใจฝรั่งมากไปเสียหน่อย ยังไม่จัดจ้านถึงใจพระเดชพระคุณเท่าใดนัก เธอให้คะแนนคาบเส้นครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:04:33

ความคิดเห็นที่ 39 ในส่วนเพื่อนผมอีกสองคนนั้น ไปถึงร้านเกาหลี แต่ไพล่ไปสั่งข้าวกับเนื้อเทอริยากิมาทาน จานนี้มีดีที่เนื้อนุ่มมาก ส่วนซอสเทอริยากินั้นจืดไปนิดอีกแล้ว นี่ถ้าขอน้ำปลาพริกมาเพิ่มได้ คงขอมาเพิ่มไปแล้วครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:05:03

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนจานของผมซึ่งเพื่อนอีกสองคนก็สั่งมาลองเช่นกันนั่นก็คือ บุลโกกิ ซึ่งมาพร้อมกับผักสด จานเล็ก แต่หวานสดกรอบดีครับ สำหรับผัก ให้คะแนนผ่านได้สบายๆ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:05:37

ความคิดเห็นที่ 41 ส่วนตัวเนื้อนั้น ยังคงนุ่มเหมือนเคย แต่ปัญหาคือซอสบุลโกกิที่รสชาติเหมือนซอสสำเร็จรูปที่มีติดครัวประจำบ้านของผม แถมยังทำออกมาได้จืดเหมือนเคย จานนี้ก็เลยให้คะแนนได้แค่เกือบผ่านครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:06:09

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้วยนี้เป็นข้าวสวย บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นข้าวแบบไหนครับ กึ่งๆ ระหว่างข้าวไทยกับข้าวญี่ปุ่น แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทใด ผมก็จัดการเสียจนหมด เพราะตอนนั้นสองทุ่มเศษแล้ว น้ำย่อยในกระเพาะของผมรอทำงานกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:07:22

ความคิดเห็นที่ 43 ปิดท้าย ด้วยของหวานเป็นถั่วแดงเย็นทรงเครื่อง ซึ่งตอนแรกสั่งไปหกถ้วยสำหรับทุกคน สักพักพนักงานก็วิ่งหน้าตาตื่น พร้อมกับมาโค้งขอโทษขอโพยหลายรอบ ทั้งนี้ก็เพราะว่า ของในครัวหมด และทำได้เพียงสามถ้วยเท่านั้น มิวายที่ผมจะบอกให้แบ่งออกให้เป็นหกถ้วยเล็ก พนักงานก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าทำไม่ได้ เพราะว่าจะต้องแต่งจานด้วยของหลายอย่าง ท้ายที่สุดผมเองเป็นฝ่ายยอมแพ้ บอกว่าสามถ้วยก็ได้ แต่ขอช้อนมาหกคันแทน ตอนที่ยกมาก็เลยเข้าใจเพราะว่าแต่ละถ้วยมาอลังการงานสร้างจริงๆ ทั้งถั่วแดง ไอศกรีม แอ๊ปเปิ้ล กีวี สตรอเบอร์รี่แล้วก็เวเฟอร์แต่งหน้ามาอีก สำหรับถ้วยนี้ นับว่าคุ้มค่า อร่อยสมการรอคอยครับ ลงตัวหมดทุกอย่างเลยจริงๆ ให้เต็มสิบครับสำหรับถ้วยนี้ สำหรับราคานั้น หกคนราคา 96 ปอนด์ ตกคนละ สิบหกปอนด์ เรียกว่าก็สมราคาครับสำหรับมื้อค่ำ อาหารจานหลักอยู่ที่สิบเอ็ดปอนด์เป็นส่วนใหญ่ ความเห็นผมนั้นร้านนี้ นานๆ มาทีได้ครับ ในกรณีที่เบื่ออาหารชาติอื่นๆ เพราะจานหลักเฉยๆ แต่ของหวานและบริการนี่กินขาดครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:08:41

ความคิดเห็นที่ 44 ร้านสุดท้ายนี้ เป็นร้านที่ผมเลือกที่จะเชิญเพื่อนสนิทในชั้นเรียนไปรับประทานอาหารร่วมกันในโอกาสที่สำเร็จการศึกษา แล้วผมจะเดินทางกลับ ผมนัดเพื่อนพฤหัสเช้า ตกบ่ายจองที่ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก่อนจะเป็นที่มาของมื้อนี้ในเที่ยงวันศุกร์ครับ กับร้านนี้ The Witchery ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:09:11

ความคิดเห็นที่ 45 ร้านนี้เป็นร้านที่ดังมากๆ อีกร้านของเอดินเบอระ เรียกว่าอาจจะเป็น a must สำหรับใครหลายๆ คน ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าปราสาทเลย เป็นร้านที่มีเรื่องราวเก่าแก่มานานหลายร้อยปีครับ ราคาอาหารตามสั่งนี่แพงจับใจเลยทีเดียว สามสิบปอนด์ขึ้นต่อจานเกือบทั้งหมด ผมเองมาถึงที่ร้านตอนเที่ยงพอดี ประตูห้องอาหารเปิด พร้อมๆ กับเพื่อนชาวต่างชาติอีกสามคนที่นัดก็มาถึง เราทั้งหมดก็ได้เข้าไปด้านในครับ สำหรับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการมาร้านนี้ก็เพราะเป็นร้านที่มีโอกาสต้อนรับดาราและผู้มีชื่อเสียงมากมาย สองคนที่ทำให้ผมอยากมาตามรอยก็คือ เพียซ บอร์ซแนน เจมส์ บอนด์ ในภาค(เกือบจะ) ล่าสุด และอีกคนคือ ลุงแจค นิโคลสันที่ผมประทับใจลุงแกในภาพยนตร์ดัง As good as it gets เมื่อสิบกว่าปีก่อน จนลุงแกสามารถควงนางเอกร่วมคือ เฮเลน ฮันท์ขึ้นรับรางวัลออสการ์ในปีนั้นได้สำเร็จครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:10:00

ความคิดเห็นที่ 46 ในร้านอาหารนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนครับ ส่วนแรกคือ the witchery room ซึ่งวันนั้นมีคนจองเต็ม ผมและเพื่อนเลยต้องระเห็จมานั่งในส่วน the secret dining room  ซึ่งอยู่ด้านหน้าติดถนนแทน แต่ก็ไม่หนวกหู เพราะเก็บเสียงเป็นอย่างดีครับ ที่นี่การตกแต่งจะมลังเมลืองกว่า มาร์ติน วิชาร์ดที่ผมไปมา ไม้แกะสลักสลับกับเบาะหนังมันขลับ นั่งแล้วเกร็งไม่ใช่น้อย พนักงานยกเมนูพร้อมไวน์ลิสต์มาให้ วันนี้ไม่ต้องเลือกมาก เพราะทุกคนตั้งใจมาทานอาหารกลางวัน เบาๆ แบบสองคอร์สกันครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:10:39

ความคิดเห็นที่ 47 วิวสวย อาหารน่าทาน บรรยายเลิศอีกแล้วครับ จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:10:41

ความคิดเห็นที่ 48 เริ่มต้นกันที่เครื่องดื่มครับ วันนี้ทุกคนขอน้ำก๊อกครับ ประหยัดไปได้โขเลยทีเดียว พนักงานเองทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีโดยคอยรินให้ตลอดชนิดที่ไม่มีวันพร่องครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:11:18

ความคิดเห็นที่ 49 ตามชมรีวิวดีดี เพลิดเพลินมากทีเดียวครับ จากคุณ : Party madness เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:11:34

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณครับคุณเล็ก : ไม่มีโอกาสไปทานอย่างนั้นอีกแล้วครับ ได้แต่เก็บความทรงจำดีๆ มาแทนครับ ช้าก่อนครับ เครื่องดื่มยังไม่หมดพียงเท่านี้ เพราะผมขออนุญาตเป็นเจ้าภาพสั่งเครื่องดื่มมาเลี้ยงเพื่อนๆอีก ตอนแรกว่าจะสั่งแชมเปญ แต่พอดูราคาแล้วก็ต้องยั้งมือ เพราะผมเองเป็นนักเรียนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยอะไร เลยสั่งสปาร์คกลิงไวน์ซึ่งราคาถูกลงมากว่าครึ่งมาแทนครับ ตัว sparkling wine ที่สั่งมาวันนี้ เป็น Cava Brut ของสเปน รสชาติก็พอใช้ได้ครับ สี่คนก็ได้คนละเกือบสองแก้ว ในราคาที่ผมยังพอจ่ายได้คือขวดละ 24.95 ปอนด์ครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:12:35

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณครับ คุณ Party madness เข้าใจว่าคือคุณลุงยุ่นใช่ไหมครับ ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยครับ มาเข้าสู่ช่วงเวลาของอาหารบ้างนะครับ อาหารชุดกลางวันแบบสองคอร์สของที่นี่ จะมีให้เลือกคอร์สละสามชนิด ผมและเพื่อนๆ เลยพยายามจะสั่งให้กระจายกันไป จะได้ลองลิ้มชิมรสกันได้หลายๆ อย่าง หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ก็เป็นธรรมเนียมครับที่เนยจะถูกลำเลียงมาประจำการที่โต๊ะครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:14:10

ความคิดเห็นที่ 52 สำหรับขนมปังที่นี่ใช้ระบบพนักงานยกตะกร้ามาให้เลือก มีสามแบบเหมือนที่อื่นๆ สองอย่างแรกเป็น ขนมปังขาวและขนมปังแบบไม่ขัดสี ตามมาตรฐานร้านอาหารชั้นดีพึงกระทำ ขณะที่อีกอย่างหนึ่งออกจะแหวกแนวเสียหน่อย เพราะเป็นขนมปังมะเขือเทศ ซึ่งหลังจากลองก็ต้องบอกว่ารสชาติดีทีเดียวครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:14:43

ความคิดเห็นที่ 53 รอเพียงชั่วครู่ อาหารจานเรียกน้ำย่อยก็มาบริการ ผมและเพื่อผู้ชายอีกคนสั่งเป็นปลา red mullet ซึ่งผมว่าน่าจะเหมือนปลากระบอกบ้านเรา เนื้อปลานั้นนำมาชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ รองมาด้วยผักสลัดและผักดอง จานนี้อร่อยมาก เสียแต่ปริมาณน้อยไปนิดครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:15:26

ความคิดเห็นที่ 54 ของเพื่อนผู้หญิงสองคนนั้น แยกสั่งกันมาคนละอย่าง คนหนึ่งสั่งเป็น เนื้อเย็นรวมแบบสเปน โดยรวมรสชาติดีครับ โดยเฉพาะไส้กรอก ที่ผมได้มีโอกาสแอบลองชิมไปเสียนิดหน่อยครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:15:57

ความคิดเห็นที่ 55 ส่วนอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างสุดท้ายนั้น เป็น ซุปถั่วและเพสโตถ้วยนี้เฉยๆ ครับ ทานได้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากร้านทั่วๆ ไป แต่ดูเพื่อนผมเธอก็ปลาบปลื้มกับจานนี้ดีครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 56 มาถึงจานหลักกันบ้าง ที่นี่จะมีเว้นระยะระหว่างคอร์สแรกกับคอร์สสองแต่พองามครับ จานหลักมีให้เลือกสามชนิดเช่นเดิม แต่มีหนึ่งเมนูที่ไม่มีใครเลือกคือ ทาร์ตซุคินี่กับริคอตต้าชีส ซึ่งเป้นเมนูมังสวิรัติ ก็เลยไม่รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรครับ จานที่ผมและเพื่อนผู้หญิงสั่งมานั้น เป็น Fisherman’s pie นั่นก็คือพายใส่ไส้ปลาสามชนิด คือ คอด แฮดดอคและปลาแซลมอน เป็นพายแบบเปิดหน้า รสชาตินั้น ผมเองไม่อาจแยกออกจากร้านทั่วไป หรืออาหารแบบกึ่งสำเร็จรูปได้ คือไม่ใช่ไม่อร่อยนะครับ แต่น่าจะเรียกว่าไม่โดดเด่นเสียมากกว่าครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:18:37

ความคิดเห็นที่ 57 ตรงกันข้ามกับอีกจาน ซึ่งมีเพื่อนเพียงคนเดียวสั่งมา เป็นหมูสามชั้นอบมาพร้อมกับ บอคฉ่อย และมันฝรั่งบดกลิ่นวาซาบิ แม้ผมจะไม่ทานหมูฝรั่ง แต่ด้วยไมตรีของเพื่อนผมที่สู้อุตส่าห์ตัดแบ่งมาให้ลองชิม ก็เลยรับมาลองดูครับ ผลก็คือ อร่อยผิดคาด หมูอบนั้นกลิ่นเหมือนกับอบด้วยเครื่องพะโล้ หอมมากๆ และนุ่มเปื่อยพอดี แถมยังไม่มีกลิ่นหมูแบบที่ผมไม่ชอบด้วย ตัวมันฝรั่งบด หอมกลิ่นวาซาบิอ่อนๆ ตัดเลี่ยนจากความมันของหมูได้อย่างลงตัวครับ เห็นแล้วนี่อยากจะสั่งจานนี้มาทานแทนทีเดียว เพราะอร่อยมากๆครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:19:25

ความคิดเห็นที่ 58 ปิดท้ายมื้อนี้ที่ 79 ปอนด์ แต่ร้านนี้ยังไม่รวมค่าบริการ เลยทิปไปอีก 8 ปอนด์เป็นแปดสิบเจ็ดปอนด์ครับ อาหารชุดนั้นราคาหัวละ 13.95 ปอนด์ ก็ถือว่ายังเหมาะสม เมื่อมองไปยังบริการ รสชาติ และชื่อเสียงที่สั่งสมมาของทางร้านโดย James Thomson ผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นเจ้าของร้านหรูอีกหลายร้านในเอดินเบอระ ในที่นี้ รวมทั้งร้าน the tower บนดาดฟ้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสกอตแลนด์ที่มีวิวแสนสวยที่ผมชอบแอบโดเรียนไปนั่งทานขนมเป็นบางครั้งครับ เราสี่คนไปทานกาแฟและขนมกันที่ร้านอื่น เพื่อหลบรังสีความแพงของที่นี่ครับ ก่อนที่จะล่ำลากันเพราะต่างคนต่างก็มีภาระหลังสำเร็จการศึกษาครับ หากมีเวลา ยังมีเรื่องราวของอาหารที่สกอตแลนด์อีกสองตอน เป็นร้านฝรั่งเศสที่น่ารักและราคาย่อมเยา กับร้านอาหารแบบ Gastro pub ในย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนที่ผมได้มีโอกาสไปลิ้มลองมา ส่วนอีกตอน คงจะเขียนเรื่องอาหารที่บ้านตามรูปในความเห็นนี้ซึ่งผมมักจะลงมือเข้าครัวทำอาหารเป็นประจำทุกวันมาฝาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะเอื้ออำนวยครับ เพราะช่วงนี้ยังว่างงานอยู่ มีแต่งานขายหนังสือส่วนตัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขอบคุณสำหรับท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านและรับชมครับ ยังคงยินดีรับฟังความเห็นทุกความเห็นเช่นเคย รวมถึงขอบคุณล่วงหน้าสำหรับ give ที่บางท่านมอบให้ครับ ขอบคุณและสวัสดีครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 15:20:43

ความคิดเห็นที่ 59 ช่วงนี้... Red Mullet, Pork Belly, Suckling Pig, Chimichurri กำลังมาแรงครับ :) อาหารน่ากินมากกกกกกกก จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 16:11:30

ความคิดเห็นที่ 60   อิจฉาาาาาาาาาาก๊าบบบ... ฮือๆ จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 16:31:40

ความคิดเห็นที่ 61 ตามมาเที่ยวค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลสนุกๆนะค้า :) จากคุณ : puppadoowab เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 17:02:55

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านตัวหนังสือของคุณ buenos แล้วนึกถึงหน้าหนอนหนังสือเคร่งๆ คงแก่เรียน ท่าจะอยู่กับตำหรับตำราจริงๆค่ะ  เพราะศัพท์แสงบางอย่างปัจจุบันคนไทยทั่วไปไม่ค่อยใช้กันเท่าไร แต่ดีนะคะ เราชอบอ่าน  เหมือนเขียนเรียงความ เขียนได้กระชับ ได้เนื้อถ้อยกระทงความดี สรุปว่าการอ่านตัวหนังสือของ  buenos เหมือนได้ทานอาหารรสชาติที่แปลกออกไปจากที่เคยทาน ดูเรียบร้อย ฉลาด ไว้ตัวนิดๆ อย่างชาวอังกฤษเลยค่ะ ปล.ขออภัยนะคะ ไม่ได้เม้นอาหารเลย  ดูน่ากินมากค่ะ  เสียแต่คิดเป็นเงินไทยแล้วออกจะแพงไปเสียหน่อย  แน้ ติดสำนวนมาเสียแล้ว 555 จากคุณ : medicolilith เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 18:06:03

ความคิดเห็นที่ 63 ชอบรีวิวนี้มากๆ ค่ะ จากคุณ : แพม (White Chateau) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 18:52:14

ความคิดเห็นที่ 64 ^^ จากคุณ : CLOSED~* เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 20:24:25

ความคิดเห็นที่ 65   ชอบรีวิวของ จขกท มาก ๆ ใช้ภาษาได้สละสลวย สำนวนน่าอ่าน ทำให้อ่านได้เพลิน ๆ ไม่เบื่อเลย อีกทั้งเรื่องราว+รูปภาพ ก็น่าสนใจด้วยค่ะ keep up the good work ! จากคุณ : Greenery Girl เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 21:57:34

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 22:12:26

ความคิดเห็นที่ 67 รีวิวน่าอ่านมากค่ะ จะติดตามตอนต่อไปนะคะ ^ ^ จากคุณ : escate เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 00:18:40

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณสำหรับการพาไปเปิดหูเปิดตานะคะ อิอิ จากคุณ : breadaholic เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 08:11:57

ความคิดเห็นที่ 69 Thanks for sharing ka... Your photos make me miss the food in Edinburgh so much.... The food at witchery room, Tom Atkins, The Mussles Inn (hmmm especially pasta with seafood and saffron sauce... yummyyyyyyyyy) , and afternoon tea at The Balmoral Hotel... Looking forward to reading your further review na ka จากคุณ : Minnie the Pooh เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:24:32

ความคิดเห็นที่ 70 อิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจครับ อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกดีพิลึก ^_^ จากคุณ : morgan_xp เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 00:44:40

ความคิดเห็นที่ 71   ภาษาสุภาพ  สม่ำเสมอ...  รูปอาหาร  ชัดเจน  น่าอร่อย...อ่านแล้ว  อิ่มค่ะ... . ขอบคุณนะคะ  สำหรับการแบ่งปัน.... จากคุณ : เบิ้ลค่ะ (ฝีมือไม่เท่าไหร่สบายใจที่ได้ทำ) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 52 18:59:15

ความคิดเห็นที่ 72 ได้มีโอกาสแวะกระทู้คุณ buenos บ้างแล้ว เสียดายๆกิฟท์หมด ชอบมากค่ะ ทั้งพาเที่ยวพาชิม อยากทานหอมทอดที่ wannaburger กับ fisherman's pie จังเลย ^^ จากคุณ : piscespair เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 10:11:49

ความคิดเห็นที่ 73 คุณเล็ก ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมอีกครั้งครับ คุณโด้ ไม่ต้องอิจฉาผมหรอกครับ เพราะในความเป็นจริงแล้ว คุณมีเวลาไปทานตามที่ต่างๆ บ่อยกว่าผมเสียอีกครับ คุณ puppadoowab ขอบคุณเช่นกันครับ แต่คงไม่มีเวลาได้เที่ยวบ่อยเหมมือนก่อนแล้วครับ คุณ medicolilith สำนวนภาษาของคุณน่าจะละเมียดละไมกว่าของผมเสียด้วยซ้ำไปครับ ส่วนเรื่องตัวผมนั้น ออกจะตรงข้ามกับมโนภาพที่คุณบรรยายไว้พอควร คุณแพม (White Chateau) ขอบคุณมากๆครับ คุณCLOSED~*  ^^ ครับ คุณ Greenery Girl จะพยายามเขียนครับ มีเรื่องคงค้างอีกสองสามเรื่อง ไม่รู้ว่าจะมีเวลาเขียนทั้งหมดหรือไม่นะครับ เพราะกว่าจะเขียนสักหนึ่งกระทู้ ต้องใช้เวลามากพอดูครับ คุณ หมู (ตัว) อ้วน ขอบคุณเช่นกันครับ คุณescate ยินดีครับ คุณ breadaholic จะพยายามครับ ถ้ามีโอกาสได้เดินทางอีกครับ คุณ Minnie the Pooh:  I strongly believe that everyone missed Edinburgh. It's such a lovely place that no one would like to leave. I had a chance to have a meal at Hadrian's brasserie at the Balmoral too. It's very nice but a bit expensive. The Mussle Inn is always good but make sure you reserve a table in advance krub. คุณmorgan_xp ขอบคุณครับ แต่ว่าดีพิลึกนี้เป็นอย่างไรหรือครับ ความหมายเดียวกับที่ผมคิดหรือเปล่า คุณ เบิ้ลค่ะ (ฝีมือไม่เท่าไหร่สบายใจที่ได้ทำ) ขอบคุณเช่นกันกับข้อคิดเห็นที่คุณแบ่งปันสู่ผมครับ คุณปลาคู่ รอดูกระทู้ของคุณอยู่เหมือนกันครับ ปีนี้บอกลาสตาร์วูด ด้วยข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณ คงเหลือแต่เครือดุสิตเป็นหลักครับ จากคุณ : buenos เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 52 18:12:18

ความคิดเห็นที่ 74 ลายมือ งานเขียนลงกระทู้ สมเป็นคนทำงานหนังสือค่ะ เหมือนได้นั่งอ่านหนังสือพาท่องเที่ยว อีกซีกโลกเรื่องนึง เลย  ชอบมากค่ะ     จะติดตามตอนต่อ ๆ ไปนะคะ  คุณ buenos จากคุณ : ต้มตุ๋นอุ่นนึ่งทอด เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 52 18:47:17