ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นก็ขอเกริ่นที่มาที่ไปของฟองดูกันหน่อยค่ะ คำว่าฟองดูนั้นเพี้ยนมาจากคำกิริยาในภาษาฝรั่งเศสคำว่า fondre ที่แปลว่าทำให้ละลาย (to melt) ที่มี กิริยาช่องสามคือ fondu (melted) ฟองดูเป็นอาหารของชาวสวิส มักจะรับประทานร่วมกันหลายๆคน เวลารับประทานนั้นจะใช้หม้อดินที่เรียกว่า caquelon ตั้งบนเตาไฟเล็กๆ หรือ rechaud การทำฟองดูนั้นง่านนิดเดียว เพียงใช้ส้อมจิ้มอาหารลงจุ่มในซอสหรือน้ำมันหรือซุปร้อนๆในหม้อ อาหารที่นิยมนำมาจิ้มมักจะเป็นขนมปังต่างๆ ตลอดจนเนื้อสัตว์ ส่วนซอสนั้นที่นิยมก็คือการใช้ชีสชนิดต่างๆมาละลายจนข้นเหนียว ส้อมที่นิยมใช้ก็คือส้อมที่มีการออกแบบพิเศษ เป็นส้อมเล็กๆ มีด้ามจับยาว เพื่อให้สะดวกกับการจุ่มลงไปในหม้อร้อนๆที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะ รูปเจ้าส้อมที่ว่า แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 22:53:00 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:06:33

ความคิดเห็นที่ 2 สันนิษฐานกันว่าฟองดูเกิดขึ้นมาจากการที่ขนมปังหรือชีสนั้นเมื่อเก็บไว้นานๆเข้าก็กลายเป็นก้อนแข็ง ทานลำบาก จึงมีคนคิดทำฟองดูขึ้น จากชีสที่แข็งโป๊ก เมื่อนำมาอุ่นกับไวน์แล้ว ก็จะละลายเป็นซอสเข้มข้น ขนมปังที่แห้งผากจนแทบกลืนไม่ลงนั้น เมื่อจุ่มลงในซอส ก็จะนุ่มชุ่มฉ่ำ เมนูนี้จึงเป็นที่นิยมเรื่อยมา แม้จะถือว่าเมนูนี้เป็นเมนูของชาวสวิส แต่หากมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์แล้ว ว่ากันว่า ตำหรับอาหารนี้มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณทีเดียว โดยหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดคือ เรื่องราวมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์ ที่มีการกล่าวถึงการทำซอสจากพรามนอสไวน์ ชีสนมแพะและแป้ง ไว้ด้วย (Scroll 11; lines 629-645) วันนี้เพื่อนๆของนีมี่ใจดีพาไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ร้านฟองดูชื่อ Melting Pot ไปถึงก็มีเซอร์ไพรส์ มีการ์ด Congratulations วางหราไว้บนโต๊ะเชียว ทางร้านเค้าให้สตาฟฟ์ทั้งร้านช่วยกันเซ็นด้วย น่ารักจริงๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:08:19

ความคิดเห็นที่ 3 ร้าน Melting Pot เป็นร้านฟองดูขึ้นชื่อของบอสตัน ตั้งอยู่ในโรงแรม Park Plaza Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะกลางเมืองหรือ Boston Common มากนัก ถ้าจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ขึ้นจากสถานี Arlington มาก็แทบจะเจอเลย ร้านนี้บรรยากาศค่อนไปทางแนวโรแมนติก มีคู่หนุ่มสาวมาทานดินเนอร์ฉลองค่ำคืนวันพิเศษอยู่หลายคู่ (ที่พูดอย่างนี้ เพราะเพื่อนเราหันไปเห็นเค้าเฟรนช์คิสกันยาวนานไม่หยุดหายใจ แต่แหม แค่ดูด้วยตา เธอรู้ได้ไงว่าเค้าเฟรนช์คิสกันอ้า) คงเป็นที่ที่มีไว้สำหรับโอกาสพิเศษจริงๆ เพราะราคาก็แพงไม่ใช่ย่อย แถมคนเสิร์ฟเดินมาแนะนำตัวเสร็จก็ถามเลยว่าวันนี้มาด้วยโอกาสอะไรกันหรอคะ (คงจะเตรียมตัวสร้างบรรยากาศเพราะเห็นมีร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้โต๊ะข้างเคียงอยู่เป็นระลอกๆ) จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:12:09

ความคิดเห็นที่ 4 เนื่องจากมาในอารมณ์เฉลิมฉลองกัน วันนี้ก็เลยมีดื่มเสียหน่อย ที่เพื่อนๆสั่งมาดริงก์ก็มี Greg Norman Sparkling Pinot Noir Love Martini Alpine Spritzer Pomegranate Cosmo Wildberry Martini ส่วนเราปกติแทบไม่ดื่มเลย อะไรขมๆนี่อี๋หมด วันนี้เลยถูกหลอกเด็กด้วย Yin & Yang ซึ่งส่วนผสมหลักคือ Godiva White Chocolate liquor รู้สึกว่าจะมี Vanilla Vodka และ Vanilla ice-cream ด้วย หวานจนไม่รู้สึกว่าเป็นแอลกอฮอล์เลย การตกแต่งก็ทำเป็นรูปหยินหยางตามชื่อ มีผงโกโก้โรยมา พร้อมแผ่นช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลตรูปวงกลมแปะมาข้างบน ถูกใจเราจริงๆ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 14:14:54 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:13:49

ความคิดเห็นที่ 5 ฟองดูชุดแรกที่สั่งคือชีสฟองดูเรียกน้ำย่อย เค้าให้เลือกชีสได้สองแบบ เพราะโต๊ะเรามีสองหม้อ เลยเลือก Traditional Swiss Cheese Fondue กับ Spinach Artichoke Cheese Fondue ร้านนี้เค้าครบเครื่องมาก มีมาใส่ส่วนผสมทีละอย่างแล้วก็มายืนคนชีสให้ถึงโต๊ะ เริ่มจาก Traditional Swiss Cheese Fondue กันก่อน เค้าเริ่มจากการเทไวน์ขาว ลงไปในหม้อเหล็กซึ่งตั้งไว้บนเตานานแล้ว ร้อนกำลังได้ที่ ตามด้วย กระเทียมสับ กับ Gruyereและ Emmenthaler swiss cheese ที่เกรทมาเป็นเส้นบาง ตามสูตรต้องมีการผสม hard กับ  semi-hard cheese เพื่อให้ความเหลวกำลังดี เค้าถือว่า Gruyere เป็น  hard ส่วน Emmenthaler เป็น semi-hard cheese ต่อด้วยการเทบรั่นดีเชอรรี่ หรือ Kirschwasser และบีบมะนาวตามลงไป จากนั้นปรุงรสด้วยนัทเม็ก เคล็ดลับของการเตรียมซอสให้อร่อยคือต้องคนอย่างต่อเนื่องขณะที่ให้ความร้อนกับชีสจนชีสละลายเข้าด้วยกัน หลังจากคนจนข้นหนีดดีแล้วจึงตบท้ายด้วยชีสพาเมชานที่เกรทมาอย่างดีโป๊ะลงไปอีกถ้วย แค่ชีสก็ได้ใจแล้ว จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:16:26

ความคิดเห็นที่ 6 จากฝั่งต้นตำหรับดั้งเดิม เราก็มาลองของแปลกกันบ้าง Spinach Artichoke Cheese Fondue ของเราก็ไม่น้อยหน้า มีกรรมวิธีผสมซับซ้อนไม่แพ้กัน โดยเริ่มจากใส่กระเทียมและ Fontina กับ Butterkase cheese โดย Fontina เป็น  hard ส่วน Butterkase เป็น semi-hard cheese ตามด้วย Spinach และ Artichoke คนฉับๆๆให้เข้ากัน แถมที่นี่มีสูตรลับ แอบเหยาะทาบาสโกให้มีรสเผ็ดนิดนึงอีกต่างหาก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:18:02

ความคิดเห็นที่ 7 เสร็จจากมหกรรมทำชีสก็ได้เวลาจิ้มจุ่มเสียที โดยของที่มีให้จิ้มก็คือTortillaแผ่น ขนมปังกลิ่นเฟรนช์โรสแมรี่ แอปเปิ้ลเขียว และผักอย่างดอกกะหล่ำ แครอท คื่นช่ายฝรั่งหรือเซเลอรี่ ทั้งหมดหั่นมาเป็นชิ้นพอคำ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:20:19

ความคิดเห็นที่ 8 จิ้มชีสจนยืดอย่างนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:22:46

ความคิดเห็นที่ 9 ชีสหอมนุ่ม ขนมปังชุ่มชีสนี่ก็ได้ใจ ซอสไวน์ขาวนี่แรงพอตัวอยู่ ทำจนแทบจะเมากัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:24:23

ความคิดเห็นที่ 10 จิ้มกันเต็มๆอย่างนี้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:25:03

ความคิดเห็นที่ 11 กินชีสยังไม่ทันเลี่ยน สลัดก็มาเสิร์ฟ ช่วยดับความเลี่ยนได้เป็นอย่างดีเชียว สลัดที่นี่ก็อร่อย มีทั้งเฮ้าส์ ที่มากับไข่ต้ม มะเขือเทศ โรยชีสทับ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:27:30

ความคิดเห็นที่ 12 ซีซาร์สลัด น้ำเข้มข้น ขนมปังกรอบ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:28:06

ความคิดเห็นที่ 13 และที่เด็ดสุดก็เห็นจะเป็นผักขม (Spinach) กับเห็ดเบบี้พอโทเบลโล หอมแดง และ เบคอน ราดซอสเวเนเกรต (ซอสเปรี้ยวแนวน้ำส้มสายชู) รสชาติน้ำสลัดอร่อยเป็นเอกลักษณ์มาก ไม่เคยทานรสอมหวานนิดๆอย่างของที่นี่มาก่อน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:29:05

ความคิดเห็นที่ 14 เก็บจานกับหม้อชุดแรกไปแล้ว ชุดสองก็ตามมาติดๆ สำหรับจานหลักนั้น เราสามารถเลือกวิธีการทำได้ คือเลือกว่าจะเอาเป็นน้ำซุปหรือเป็นน้ำมัน และมีสูตรที่ผสมเครื่องเทศแตกต่างกันไป เนื่องจากที่ยกมาเป็นหม้อร้อนจัดพร้อมน้ำซุปหรือน้ำมัน เค้าถึงต้องมีที่ยกพิเศษหมุนปิดฝามาอย่างแน่นหนา ป้องกันอุบติเหตุหกราดใครให้ร้านถูกฟ้องหมดตัวได้ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:29:44

ความคิดเห็นที่ 15 ที่เราเลือกก็คือ Coq au Vin Fondue กับ Fondue Bourguignonne Coq au Vin Fondue เป็นน้ำซุปที่ปรุงรสด้วยสมุนไพร เครื่องเทศ เห็ด กระเทียม และ ไวน์เบอร์กันดี ส่วน Fondue Bourguignonne เป็นน้ำมันคาโนล่า (เค้าโฆษณาว่าปราศจากคอเลสเตอรอล) เป็นสไตล์การกินแบบยุโรป เค้าจะมีแป้งหนืดๆคล้ายแป้งโกกิมาให้ชุบแล้วค่อยทอด อร่อยเด็ดทีเดียวเชียว ของที่เราจะเอามาทอดมาต้มนั้นก็มีทั้งผักทั้งเนื้อ มากันหลายคนเราก็ได้โอกาสสั่งเนื้อหลายชนิดคละกันไป มาเป็นเซ็ตใหญ่อย่างนี้เลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:30:45

ความคิดเห็นที่ 16 ทีนี้ก็ได้เวลาสาธิต เริ่มจากจานผักที่มีเห็ด บร็อคโคลี่ แล้วก็ มันฝรั่ง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:31:28

ความคิดเห็นที่ 17 เห็ดนี่เราสามารถยัดไส้ครีมชีสกับ chive (ภาษาไทยเรียกใบอะไรหว่า) แล้วจุ่มแป้งโกกิให้ทั่ว แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 22:54:31 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:32:16

ความคิดเห็นที่ 18 จุ่มลงในน้ำมันเดือดปุดๆ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:32:41

ความคิดเห็นที่ 19 ออกมาก็จะได้เป็นก้อนแป้งพองๆกรอบๆ มีเห็ดยัดไส้ครีมข้างใน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:34:08

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนบร็อคโคลีก็ไม่น้อยหน้า ทอดออกมาก็จะเป็นสีเหลืองทองสวยงาม จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:34:33

ความคิดเห็นที่ 21 เค้ามีน้ำจิ้มมาให้หลายชนิด ทั้งกระหรี่ (เหลืองๆทางซ้าย) พลัม (ล่าง) เทอริยากิ (บน) และชีสกอร์กอนโซลา (ขวาล่าง) ส่วนบนขวาคือ chive กับชีสที่กล่าวถึงไปแล้ว อย่างเห็ดนี่ จิ้มกับชีสกอร์กอนโซลา เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 22:55:20 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:35:50

ความคิดเห็นที่ 22 มาถึงจานเนื้อกันบ้าง ที่สั่งก็มี เนื้อ  (New York Strip and Sirloin)ไก่ กุ้ง แล้วก็ แซลมอน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:36:37

ความคิดเห็นที่ 23 และอีกจาน หมักซอสCajun  เนื้ออัพเกรดเป็น Filet Mignon และนอกจากไก่และกุ้งก็ยังมีไส้กรอก Andouille เพิ่มมา จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:37:33

ความคิดเห็นที่ 24 เชิญชมรูปโคลสอัพของ แซลมอน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:40:16

ความคิดเห็นที่ 25 เนื้อ Filet Mignon จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:41:09

ความคิดเห็นที่ 26 และกุ้ง จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:41:43

ความคิดเห็นที่ 27 อิ่มได้ที่ก็ถึงเวลาที่เรารอคอย คือรายการของหวาน งานนี้พลาดไม่ได้เลย เมนูของที่นี่ละลานตาไปหมด อ่านแล้วอยากจะกรี๊ด (เรื่องของคนคลั่งไคล้ของหวาน) ที่สุดตัดสินใจเลือกมาสองคือ Ying and Yang เป็นส่วนผสมของดาร์กช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลต จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:42:37

ความคิดเห็นที่ 28 กับ Cookie n Cream Marshmallow Dream (แค่ฟังชื่อก็หัวใจละลายแล้ว) ประกอบด้วย ดาร์กช็อกโกแลต โป๊ะด้วยครีมมาร์ชเมลโลว์ ถ่ายตอนคน ช้อนหมุนเร็วจนกล้องจับไม่ทัน จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:45:21

ความคิดเห็นที่ 29 มีโชว์พิเศษด้วยคือเค้าจะมาจุดไฟ flambeed ให้ที่โต๊ะ เสร็จแล้วแต่งข้างบนด้วยคุ้กกี้โอริโอ้บด ไฟลุกท่วมอย่างนี้เลย จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:50:45

ความคิดเห็นที่ 30 มาร์ชเมลโลว์จิ้มจนละลายเยิ้ม ครึ่งหนึ่งเป็นดาร์กครึ่งหนึ่งเป็นไวท์ช็อก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:53:47

ความคิดเห็นที่ 31 สตอเบอรรี่สีแดงสดตัดกับสีช็อกโกแลต จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:54:26

ความคิดเห็นที่ 32 ลืมบอกไปว่าของที่จะเอามาจิ้มก็ มีทั้ง กล้วย สตอเบอรรี่ มาร์ชเมลโลว์ ไรซ์คริสปี้ บราวนี่ บัตเตอร์เค้ก แล้วก็ชีสเค้ก จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 14:57:55

ความคิดเห็นที่ 33 มื้อนี้อิ่มอร่อยถูกใจจริงๆเลยค่ะ ทานของหวานเสร็จแทบจะกลิ้งกลับบ้านไม่ไหว จบด้วยโคลสอัพของขนมอีกที หวังว่าพามาเที่ยวรับประทานฟองดูกันเที่ยวนี้คงให้สาระความรู้ ความสนุกเพลิดเพลิน และยั่วน้ำลายได้อย่างดีเช่นเคยนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจอย่างไรอย่าลืมแวะทักทายพูดคุยกันหน่อยนะคะ อ้อ มีคนถามมาเยอะเลยมาเพิ่มเติมไว้ท้ายกระทู้เลยนะคะ ร้านฟองดูในกรุงเทพมีร้าน ร้าน Cafe swiss ที่ swisslodge อยู่ซอยคอนแวนต์ สีลม www.swisslodge.com/ ร้าน Fondooz อยู่ที่เซนทรัลเวิร์ด เคยไปชิมอาหารเค้าก็โอเค มีเมนูเนื้อนกกระจอกเทศด้วย http://www.fondooz.com/ ร้าน Chesa Swizz อยู่สุขุมวิทย์ http://www.chesa-swiss.com/index.html ยังไงก็คงพอไปหาทานกันให้หายอยากโดยไม่ต้องถ่อมาที่บอสตันนะคะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 52 02:26:56 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 52 23:12:38 จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 15:01:02

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ แถมยังมีของอร่อยมายั่วน้ำลายกันอีก จากคุณ : puipop เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 16:24:31

ความคิดเห็นที่ 35 อลังการณ์น่าลองมากครับ ไม่มีโอกาสๆ จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 16:31:54

ความคิดเห็นที่ 36 Looking good! If u like TAPAS, don't forget to go to DALI in cambridge na krub. The best dating place (especially the first date!). ... Please call for reservation in advance too. จากคุณ : pocco เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 17:12:21

ความคิดเห็นที่ 37 ..... ดูแล้วเลี่ยนแทนเลยค่ะ ^__^    แต่น่ากินดีน่ะค่ะ  ตกหัวคนละเท่าไหร่ค่ะ ....... อิ่มมื้อนี้แล้วไปต่อที่ shabu-Zen chinatown เลยมะค่ะ .... อิอิอิอิอิอิ จากคุณ : ohana (Tgifriday) เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 22:28:13

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ puipop ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า คุณ L-Nets ไปลองๆร้านแถวกรุงเทพก่อนได้นะคะ แนะนำไว้ที่ความคิดเห็นสุดท้ายแล้วค่ะ คุณ pocco ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ ไปลองทานมาแล้วค่ะ บรรยากาศโรแมนติกอย่างที่บอกเลย แถมเข้าจัดให้เรานั่งโต๊ะสองคนที่มีซุ้มลูกปัดกั้นๆเป็นส่วนตัวด้วย  อาหารอร่อยทุกอย่างเลย ประทับใจ คุณ ohana (Tgifriday) ดูแล้วเลี่ยนแปลว่าต้องไม่ค่อยชอบทานชีสแน่เลย ราคาตกหัวละห้าสิบเหรียญค่ะ แต่นั่นคืกสั่งไวน์แล้วก็ค็อกเทลอีกคนละแก้ว ถ้าตัดออกก็ไม่แย่มากนะคะ  ลดไปอีกประมาณคนละสิบเหรียญน่ะค่ะ จากคุณ : Mnemosyne เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 52 23:20:11

ความคิดเห็นที่ 39 หง่ะ น่ากิน หิว จากคุณ : เสียงเพรียกจากหิมะ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 52 21:07:20

ความคิดเห็นที่ 40 อิอิ เหนแล้วคิดถึงเรยค่ะ เราเคยไปทานที่นี่ เมื่อวันครบรอบ 1 ปีกับคุณแฟนค่ะ ^^ ชีสเค้าอร่อยมากๆ และชอคโกแลตก้อเข้มข้นดีมากค่ะ แต่ส่วนตัวไม่ชอบจานหลักที่เป็นเนื้อเท่าไหร่ มีซอสหลายแบบให้ทานคู่กับเนื้อแต่ละประเภทก้อทานผิดๆถูกๆ แถมซุปไวน์แดงที่เราเลือกก้อออกมาได้รสชาติแปลกดี แต่รวมๆแล้วก้อถูกใจค่ะ :) จากคุณ : funkyteddy เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 52 11:35:56