ความคิดเห็นที่ 1 ขอเล่าจากที่อ่านใน HELLO เลยนะคะ ใครอยากได้ใจความครบถ้วนลองไปหาอ่านกันดูค่ะ ---------- ชา Mariage Frères เปรียบได้ดั่ง แอร์เมส ชาแนล ดิออร์ หลุยส์ ในโลกของแฟชั่น คือเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างชาแบรนด์อื่น ๆ หลายช่วงตัว เบื้องหลังชื่อเสียงของชาชั้นสูงแบรนด์นี้ก็มาจากแรงผลักดันและความคิดสร้างสรรค์ของชายไทยหัวใจเสรีคนหนึ่ง ที่เริ่มแรกตั้งใจไปเรียนต่อที่ปารีสเพราะต้องการเป็นนักการทูตในกระทรวงต่างประเทศ แต่ชะตาพลิกพันให้มาหลงรักในศิลปะของใบชาอันคลาสสิก เขาก็คือ คุณกิตติชาติ แสงมณี นั่นเองค่ะ หารูปใหญ่ ๆ ไม่ได้ง่ะ ยังไม่ได้สแกนหนังสือเลย ไว้สแกนให้ดูละกันนะคะ จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 18:44:31

ความคิดเห็นที่ 2 คุณกิตติชาติ ณ ขณะนี้ คือ เจ้าของแต่เพียงผู้เดียวของมาคิยาจ แฟรส์ ร้านขายชาที่เป็นมากกว่าแค่ร้านขายชาทั่วไป จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 18:47:54

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไม่มีวาสนาได้ชิมชายี่ห้อนี้เลย T_T จากคุณ : ดอกการะเวก เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 18:52:53

ความคิดเห็นที่ 4 คุณกิตติชาติเล่าว่า "ทุกวันนี้สิ่งที่คุณเห็นนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีาก่อนในฝรั่งเศสนะครับ หมายถึงความเป็นทีเฮาส์ ความเป็นที่ที่มีทุกอย่างที่อุทิศให้ชาของเรา ชากลายเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณค่า ซึ่งเมื่อก่อนฝรั่งเศสจะเป็นประเทศที่ดื่มกาแฟมากกว่าด้วยซ้ำ เราเป็นคนทำให้ชาของฝรั่งเศสกลายเป็นของที่มี่ค่าเท่าหรือเหมือนคาเวียร์หรือแชมเปญ เมื่อก่อนการทำร้านชาก็ไม่เป็นอาชีพที่คนฝรั่งเศสสนใจ แต่ตอนนี้เปิดร้านชากันเป็นแถวเยอะไปหมด" "ลูกค้าที่เข้ามาจะเป็นพวกที่ชอบอะไรละเอียดอ่อน มีความเป็น poetic คนในวงการแฟชั่นและศิลปะจะรู้จักเราดี เวลามีเดินแฟชั่น หรือว่าตามร้านบูติกไม่ว่าจะชาแนล หรือดิออร์ เขาก็ใช้ชาเราเสิร์ฟให้ลูกค้า" ชา มาร์โคโปโล  รู้สึกเป็นตัวขายดีตัวนึงของแบรนด์ค่ะ คุณกิตติชาติบอกว่า การชงชาที่นี่จะชงสด ๆ บางครั้งใช้อุณหภูมิสูงต่ำกันไปแล้วแต่ความเหมาะสม บางครั้งใช้เวลาชง 1 นาที ไปจนถึง 10 นาทีก็มี แล้วแต่ชนิดชา ไม่ใช่ว่าใส่ทีแบ็กแล้วมาวางเสิร์ฟได้เลย จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 18:56:15

ความคิดเห็นที่ 5 ::ย้อนตำนาน 300 ปี ชา Mariage Frères:: ความเก่าแก่ของมาคิยาจแฟร์ต้องเริ่มย้อนไปตั้งแต่ 300 ปีก่อน พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ของฝรั่งเศสน่าจะเป็นคนแรกในประเทศที่ให้ความสนใจกับเครื่องดื่มที่ชื่อว่า "ชา" หมอประจำพระองค์เคยแนะนำพระองค์ให้ดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพนำเข้าจากประเทศจีนนี้เพื่อช่วยระบบย่อยอาหาร และในปี ค.ศ. 1686 พระยาโกษาปาน ทูตจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งอยุธยาก็ได้ทูลถวายถ้วยชาที่ทำด้วยทอง ก็ยิ่งทำให้พระเจ้าหลุยส์เกิดความสนใจใครรู่เกี่ยวกับเครื่องดื่มชนิดนี้มากขึ้น จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:02:00

ความคิดเห็นที่ 6 และในปี คศ. 1660 นี้เองที่นิโกลาส์ มาคิยาจ ออกเดินทางสู่เปอร์เซีย เพื่อทำสัญญาทางการค้าเสาะแสวงหาชา เครื่องเทศ และสินค้าอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมายจาก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และบริษัท เฟรนช์ อีสต์ อินเดีย ( Compagnie des Indes ) ส่วนปิแอร์ มาคิยาจ น้องชายก็เดินทางสู่เกาะมาดากัสการ์เพื่อภารกิจเดียวกัน ศตวรรษต่อมา ชอง ฟรองชัวร์ส มาคิยาจ (ขออภัย หา ช กะเชอ ไม่เจอค่ะ TT_TT อยู่ไหนบนแป้นพิมพ์เนี่ยยย) ก็ยังคงเป็นผู้นำเข้าชาและเครื่องเทศต่าง ๆ อยู่ ถ่ายทอดความรู้มารุ่นสู่รุ่น จนในที่สุด อองรี และเอดูอาร์ด ตัดสินใจตั้ง Mariage Freres tea company ในปี คศ. 1854 และสืบทอดกิจการชาต่อกันมาเป็นธุรกิจของตระกูลมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาตกอยู่ในความดูแลของคุณกิตติชาติ จวบจนปัจจุบันนี้ จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:08:12

ความคิดเห็นที่ 7 ความเป็นมา ของคุณกิตติชาติ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว คุณกิตติชาติยังเป็นเพียงนักศึกษาคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยชอร์บอนน์ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส "คงเป็นโชคชะตานะผมว่า เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจเลย คือพอจบวชิราวุธตอนนั้นก็อยากจะเรียนการทูต ก็สอบเข้าเรียนการทูตที่ธรรมศาสตร์ จบจากธรรมศาสตร์ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จบ 3 ปีกว่าเอง เพราะอยากจะเรียนรู้ให้เร็วที่สุด แล้วก็ได้มาเรียนที่นี่ กะว่าจะมาทำปริญญาโท แล้วต่อเอกเกี่ยวกับการทูต จุดประสงค์มุ่งหมายของตัวเองคือเป็นนักการทูต เข้ากระทรวง ตอนนั้นคิดว่าจบไทยแล้วมาต่อนี้ โท 3 ปี เอก 4 ปีอย่างมาก แล้วจะรีบกลับไทย แล้วดูสิครับ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่ (หัวเราะ)" (หัวเราะด้วยได้ป่าว แบบว่าฝึก ๆ ไว้ก่อนเผื่ออนาคตเป็นแบบนี้เหมือนกันจะได้ตั้้งตัวทัน 5555) จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:12:30

ความคิดเห็นที่ 8 ช่วงพลิกผันคือช่วงระหว่างที่ทำทีสิสปริญญาเอกใกล้เสร็จและบังเอิญได้พบกับคนในครอบครัวมาคิยาจ (เกือบคลาดกันแล้วนะเนี่ย>>>จขกท. เติมเอง) "เพื่อนผมเขาสนใจเกี่ยวกับชา เขารู้จักครอบครัวนี้ เลยชวนไปพบด้วยกัน เพื่อจะได้ถามความเห็นผมว่าน่าสนใจมั้ย พอเข้าไปแล้ว ตอนนั้นมาคิยาจขายชาอย่างเดียว ไม่ได้ทำร้าน เข้าไปเหมือนโรงเก็บของ กลิ่นชาอบอวล ผมเหมือนถูกมนต์สะกด ผมได้พบทายาทคนสุดท้ายของครอบครัว ท่านอายุมาก 80 กว่าแล้ว และจิตคงสัมผัสกัน ท่านต้องการหาเพื่อนร่วมงาน เผอิญคือครอบครัวเขาไม่สนใจจะทำเกี่ยวกับชา ผมเลยบอกเพื่อนว่า ทำสิ น่าสนใจดี แต่สมองผมตอนนั้นเห็นเป็นภาพ ๆ ว่าควรทำอะไรอย่างไร ในที่สุดเพื่อนเขาก็ทำ แต่ผมมีเวลาว่างเลยมาเยี่ยมอยู่เรื่อย ๆ ในที่สุดก็ทีละเล็กละน้อย กลายเป็น มันเข้าไปโดยอัติโนมัติไม่รุ้ตัว " "ผมเข้าไปทำเป็น hobby คือสนุกเรียนรู้หลาย ๆ อย่าง เรียนจากทายาทเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับชา การชิม การชง ในที่สุดตัดสินใจไม่เรียนแล้ว ไม่เรียนการทูตแล้ว ตอนนั้นถือว่าเสี่ยงมากเหมือนกัน แต่เรามี passion อินเลิฟ ก็ไปเลย ไปเลย" จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:18:08

ความคิดเห็นที่ 9 ยังรออ่านค่ะ  บทความน่าสนใจมาก จากคุณ : ดอกการะเวก เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:22:44

ความคิดเห็นที่ 10 "ตอนแรกครอบครัวผมก็ไม่มีใครทราบว่าเราจะมาทางนี้ เพื่อนผมก็คุมเรื่องทางการค้ามากกว่า ผมจะช่วยเลือกชา ช่วยเรื่องการสร้างสไตล์ ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะเป็นอาชีพจริง ๆ แต่เหมืนปฏิเสธตัวเองไม่ได้ หลายปีต่อมา เพื่อนผมก็สิ้นชีวิต เลยเหมือนผลักเราไปเต็มตัว แล้วพอดีทายาทเขาอายุมากแล้ว เราถูกใจกันมาก เขารู้ว่าเราชอบ ได้ทำงานร่วมกันมาหลายปี เขาเห็นหมดว่าเราเรียนรู้ ปรับปรุง ทำอะไรต่าง ๆ เขาและเรารู้ว่า มาคิยาจ แฟรส์ มันยังต้องเป็น มาคิยาจ แฟรส์ อยู่นะ เราไม่มีทางปรับเป็นร้านไทย ร้านจีน ร้านเอเชีย พอร้านมาคิยาจ แฟรส์เปิดตัวครั้งแรกที่แถวมาเร่ส์ (Marais) ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก สื่อมวลชนมาจากทั่วโลกเลย และทุกอย่างตรงกับรสนิยมคนฝรั่งเศสมาก เพราะเป็นร้านชาที่ใหม่ที่เปิด แต่จริง ๆ คือชาที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสหรือเกือบที่สุดในยุโรป เปิดแล้วก็จะเราก็ทำสไตล์ ทำแพ็กเกจจิ้ง ทำอะไรหมด แล้วจากนั้นผมก็ไม่มีเวลาหยุดเลย" "ผมมีความรู้สกว่า ตำนานนี้เป็นของเรา คือทำอะไรลงไปโดยไม่ฝืนตัวเองเลย แล้วความคิดสร้างสรรค์มันมีมาก จินตนาการมาก ที่ขาดก็คือเวลาเท่านั้นเอง" โห...อ่านประโยคสุดท้ายแล้วขนลุกเลยค่ะ นี่แหละ คนที่มีความคิดไม่ธรรมดา จริง ๆ จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:24:31

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะคุณดอกการะเวก ยินดีค่ะ เรื่องดี ๆ (ยิ่งของคนไทยอีก) อยากให้อ่านกันค่าาา เอ้า ขยันพิมพ์หน่อยๆๆๆๆ ฮึ้บๆๆ จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:25:22

ความคิดเห็นที่ 12 หลังจากเปิดร้านแรกในปี 1984 ในวันนี้คุณกิตติชาติ คือประธานบริษัท และเป็นเจ้าของมาคิยาจ แฟรส์แต่เพียงผู้เดียว ปัจจุบัน มาคิยาจ แฟรส์มีสาขาในปารีส 3 สาขา และกำลังมีสาขาที่ 4 เร็ว ๆ นี้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ รวมทั้งยังมีสาขาในต่างประเทศอีกหลายแห่ง ในญีปุ่น 2 แห่งคือกินซ่า กับ ชินจูกุ ที่กินซ่าเป็นที่รู้จักกันดีเพราะมีมากว่า 20 ปีแล้ว "คนเอเชียที่สนใจชาของเรามากสุดก็คือญี่ปุ่นกับเกาหลี ที่ญี่ปุนนี่เรากลายเป็นสถาบันไปแล้วครับ ญี่ปุ่นเขาก็มีชาของเขา แต่เราเอาภาพพจน์หรือสูตรหรือความรู้ ของขาฝรั่งเศสไปให้เขา เราทำโดยตรงไม่ผ่านคนญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นแฟรนไชส์ ผู้จัดการก็เป็นคนฝรั่งเศสคนเดียว" จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:29:26

ความคิดเห็นที่ 13 นอกจากเปิดร้านมาคิยาจ แฟรส์โดยตรงทั่วโลกโดยไม่หุ้นส่วนกับใครทั้งที่มีผู้ติดต่อขอหุ้นมากมาย ชาของมาคิยาจ ก็ยังเป็นชาที่ได้รับเลือกสรรจากสถานที่ชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก โรงแรมและสปาชั้นนำต่าง ๆ ก็เสิร์ฟชามาคิยาจ แฟรส์ รวมทั้งโรงแรมโอเรียนเต็ลในประเทศไทยด้วย ชั้นเฟิร์สคลาสของ Japan Airlines ก็เสิร์ฟชามาคิยาจ ชามาคิยาจ แฟรส์กลายเป็นชาชั้นสูงที่มีคุณค่าที่ใคร ๆ ก็อยากดื่ม ร้านมาคิยาจ แฟรส์กลายเป็นร้านที่ใคร ๆ ก็อยากไปในสักครั้งหนึ่งในชีิวต ชื่อมาคิยาจ แฟรส์กลายเป็นชื่ออันดับ 1 ของคนรักชา แขกทุกระดับ VIP หรือไม่ VIP ก็หมุนเวียนมาดื่มดำกับประสบการณ์ในโลกของชาไม่ขาดสาย จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:42:09

ความคิดเห็นที่ 14 รออ่านด้วยคนค่ะ จากคุณ : Madam_Hatyai เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:42:36

ความคิดเห็นที่ 15 "คนที่มาที่นี่ครั้งแรกถ้าไม่เคยเห็นเขาก็จะตื่นเต้นกันจริง ๆ เพราะมันเหมือนกับเข้ามาอีกโลกนึงเลย เมื่อก่อนตอนเปิดร้านใหม่ๆ  คลอเดีย ชิฟเฟอร์มาบ่อยมาก จดหมายแฟน ๆ ของเขาก็มาส่งที่ร้าน เพราะเขาไม่รู้จักที่อยู่คลอเดีย ตอนนี้เขาก็มาอยู่เรื่อย มาซื้อขา แล้วเพื่อน ๆ เขาก็มา อย่างนาโอมิ แคมป์เบลล์ แต่ที่นึกไม่ถึงคือ ฮิวจ์ แจ็กแมน หนือว่า ซีนาดีน​ ซีดาน พอทีมชนะ ภรรยาก็ส่งมาซื้อชา เขาก็ต้องเข้าคิวซื้อเหมือนทุกคน รีส วิทเทอร์สปูนก็มา มีปาปาราซซี่ตาม บอดี้การ์ดรอหน้าร้าน มาดอนน่าก็มา แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมาแล้ว ดาราฝรั่งเศสที่มาประจำคือ อิซาแบลล์ อัดจานี เธอมีโต๊ะประจำ" จากสูตรชา 250 สูตรในตอนแรก ทุกวันนี้มาคิยาจ แฟรส์ มีถึง 650 สูตรชาให้เลือกในเมนู ทุก ๆ สูตร คุณกิตติชาติคิดสร้างสรรค์เองทั้งสิ้น เร่ิดม่อกกกกกก จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:49:58

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นแบบนี้ ทุกคนอาจจะคิดว่า คุณกิตติชาติคงไม่อะไรกับไทยเราแล้วมั้ง แต่ว่า คุณกิตติชาตินั้น ทางรัฐบาลฝรั่งเศสยินดีให้เขาเป็นประชาชนฝรั่งเศสมานานแล้ว แต่เขาก็ยังยินดีที่จะถือสัญชาติไทยอย่างภาคภูมิใจเช่นเดิม แต่ไม่นานมานี ทางรัฐบาลฝรั่งเศสเพิ่งจะมอบรางวัลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้ ในฐานะคนที่สร้างคุณูปการให้กับประเทศ และยังมีรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย (ตบมือให้ด้วยความปลาบปลื้มค่ะ แปะๆๆๆๆ) จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:53:35

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับชาที่ขึ้นชื่อที่สุด เห็นจะต้องยกให้ Marco Polo จขกท. จะต้องลองให้จงได้ ฮึ่ม!!! "การผสม การเบลนด์มาร์โคโปโลหรือว่าคริสมาสต์ที   คริสมาสต์ที ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า โนแอล 20 เราเป็นคนปรุงครั้งแรก ก่อนหน้านั้นไม่มีชาชื่อนี้ในโลกเลยนะครับ วันนี้ถ้าจะถามเรื่องความภูมิใจก็อาจจะมาจากจุดนี้ก็ได้ ทุกวันนี้คนประเทศไหนก็รู้จักชานี้กันหมด" จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 19:59:28

ความคิดเห็นที่ 18 เริ่ดดดดดดดดดดดดดดดดด  จริงๆ อ่านไปอ่านมา  ดูรูปชาแล้วตะหงิดๆว่าอาจจะเคยได้ชิมมาแล้วใน Lounge ของMarriott เมือง New Port Beach, CA หรือใน Lounge โรงแรมที่ Las Vegas หว่า???   ก็ตอนนั้นยังไม่ได้ปลื้มชามากมาย    อืมมม   แล้วที่เมืองไทยจะไปหาซื้อได้ที่ไหน   ราคาเท่าไหร่เนี่ย จากคุณ : ดอกการะเวก เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 20:01:58

ความคิดเห็นที่ 19 เมืองไทยรู้สึกว่าจะเป็นที่ โอเรียนเต็ลค่ะ สนนราคาได้ยินแว่ว ๆ มาว่ากระป๋องละเกือบ 2 พันค่ะ TT___TT ซื้อมาสรุปชงไม่เป็นอีก TT___TT จากคุณ : fabalamode เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 20:25:25

ความคิดเห็นที่ 20 โห   ราคาสองพันเลยเหรอคะ  คิดหนักเลยนะเนี่ย   แต่อยากได้ๆๆ จากคุณ : ดอกการะเวก เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 21:17:08

ความคิดเห็นที่ 21   ^ ^ แม่เจ้า นี่มันแพงกว่าที่ปารีสอีกนะเนี่ย!!! มันก็จริงอยู่ว่าบางแบบก็มีราคาที่แตกต่างออกไป แต่ทั่วๆไป มันไม่ถึงนะ เราเคยซื้อแบบที่แบ่งขายเป็นถุงสีดำๆ ยาวๆ ที่ปารีส (ปริมาณเท่ากับแบบกระป๋องค่ะ แต่ถูกกว่านิดหน่อย เพราะต้องไปหากระป๋องมาใส่เอง) ตกราวๆไม่เกินสิบยูโร น่าจะประมาณ 7 หรือ 8 จำไม่ค่อยได้ เมื่อก่อนก็เคยไปลองที่โอเรียลเต็ลชอป ที่พารากอน จำได้แค่ว่ามันแพงมากกกกก ราวๆ สามร้อยกว่าบาทต่อกานึงได้ ห้ามเติมน้ำด้วย แต่ก็อยากลอง เลยหารสองกับเพื่อน ตอนนั้น (คิดไปเองมั้ง) ว่าอร่อยเลิศมากกกกกกกกก แต่พอมากินอีกทีที่ปารีส เราว่ามันเฉยๆมากเลยอ่ะค่ะ ซื้อมายังแอ้งแม้งอยู่ในตู้อยู่เลย มียี่ห้ออื่นที่อร่อยกว่านี้นัก จากคุณ : chocolate lover เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 21:46:11 A:88.182.134.141 X: TicketID:219948

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วอยากลองชิมดูสักครั้งเลยค่ะ ขอบคุณจขกท.ที่มาแชร์บทความที่น่าสนใจอย่างนี้นะคะ ^_^ จากคุณ : Rainy in the blue sky เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 23:31:28

ความคิดเห็นที่ 23   อ่านแล้วปลื้มมากเลย คนไทยถ้าตั้งใจทําอะไรแล้วไม่แพ้ชาติใดในโลก ภูมิใจจังค่ะ  ชายี่ห้อนี้เขาขายประวัติศาสตร์และความสวยงามของรูปลักษณ์คะ ถ้าซื้อที่ปารีสจะตกราว ๑๐-๑๕ ยูโรต่อกระป๋องแล้วแต่ประเภทของชาและกลิ่นมีให้เลือกเยอะจนตาลายค่ะ ที่โอเร็ลเต็ลแพงเวอรรร์มาก จากคุณ : Tistimoni เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 53 23:33:26

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้ว ขนลุกอ่ะ แบบว่า ปลื้มมาก เพราะเป็นคนไทย แหม..ถ้าได้ไปเที่ยวฝรั่งเศส จะต้องตะเกียกตะกายไปชิมให้ได้ ใครอยู่ฝรั่งเศส เข้ามาส่งเสียงหน่อย เคยไปชิมชานี้ บ้างหรือเปล่าคะ ขอบคุณ เจ้าของกระทู้มากค่ะ ที่มาเล่าเรื่องดี ๆ ให้ฟัง จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 01:15:04

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เมืองไทย ยี่ห้อนี้มีเสิร์ฟที่โอเรียนเต็ล และดุสิตธานีครับ จากคุณ : ซูชิไข่หวานอันใหญ่เป้ง เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 09:56:12

ความคิดเห็นที่ 26 ดรีมชอบมาโคโปโล ของที่นี่มากค่ะ เมืองไทยราคาแพงมากเคยซื้อราว 8ยูโรจริงๆด้วยค่ะ shop ที่ฝรั่งเศส หอมชามากค่ะ กลิ่นคาราเมลของที่นี่ก็หอมมากค่ะ ขนาดไม่ค่อยชอบดื่มชา ยังชอบกลิ่นนนี้มากเลยค่ะ จากคุณ : cookery-girl เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 16:41:24

ความคิดเห็นที่ 27 Marco Polo เป็นชาอันดับหนึ่งในดวงใจอยู่ค่ะ อยากไปเยี่ยมชมช็อปที่ฝรั่งเศสมาก แต่คาดว่าจะตื่นตาตื่นใจกับ selection จนตัดสินใจเลือกซื้อไม่ถูกแน่   เคยฝากญาติซื้อจากอเมริกามาให้ ราคาก็ใกล้เคียงกับที่ฝรั่งเศส ถ้าแพงกว่าก็แค่นิดหน่อย เสียดายเมืองไทยไม่มีขายที่อื่นนอกจาก Oriental Hotel ซึ่งแพงมาก  ตอนนี้ที่บ้านยังมี Mariage Freres อยู่หลายกระป๋อง แต่ที่ถูกใจสุดก็ยังคงเป็น Marco Polo ค่ะ จากคุณ : gypsio เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 19:22:44

ความคิดเห็นที่ 28 I love Marco Polo too, and also in love with Marco Polo Rouge.... The price in france around Euro 13 per box (with 30 traditional frech cotton muslin tea bags) จากคุณ : Minnie the Pooh เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 53 20:56:40

ความคิดเห็นที่ 29 คนฝรั่งเศสโดยทั่วไปนิยมดื่มกาแฟ ขายชาได้นี้ต้องเก่งมากๆคุณกิตติชาติ ทำการตลาดเองหรือครับ เคยดู The Apprentice UK มีผู้ร่วมแข่งขันกลุ่มหนึ่งขนชาจากอังกฤษไปขายที่ฝรั่งเศส ขายแทบไม่ได้จนถูกท่านเซอร์อลัน ตำหนิว่าไม่ยอมทำการบ้าน ส่วนผมนิยมดื่มกาแฟเหมือนกัน จะดื่มชาก็ต่อเมื่อขึ้นเกียจชงกาแฟ ส่วนมากผมชอบยี่ห้อตลาดๆพวก Dilmah แต่ซื้อชามาทีไรไม่เคยใช้หมดเสียทีใช้ครึ่งทิ้งครึ่ง ตอนหลังเลยไม่ซื้อแล้วเสียดายตังส์ ซื้อแต่กาแฟเพราะใช้หมดทุกครั้งที่ซื้อ แม้ว่าจะรู้สึกแพงแต่ก็คุ้มกว่าไปกินตามร้าน จากคุณ : Biocalm เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 53 15:50:45