ความคิดเห็นที่ 1 ปลดพนักงาน ปิดแอร์ ปิดไฟ ลดการใช้เตาแกส จ่ายเงิน Supplier ช้าๆ จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 16:34:40

ความคิดเห็นที่ 2           ไปจ่ายตลาดเอง            ซื้อของจำนวนเยอะเช่นผักซื้อเป็นโลจะถูกกว่าค่ะ            พวกเครื่องปรุงน้ำมัน,น้ำยาล้างจาน,ของแห้งถ้าแม็คโครลดเยอะซื้อตุนไว้เลยช่วยได้เยอะค่ะ           ของสดซื้อมาถ้ายังไม่ได้ใช้ต้องfreezeแข็งไว้เลยจะสดอยู่ได้นาน           การปรุงอาหารถ้ารู้วิธีก็จะช่วยประหยัดแก๊สได้เยอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 16:47:37 แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 53 16:47:03 จากคุณ : รักลูกเกิ๊นนน (lazybird69) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 16:46:33

ความคิดเห็นที่ 3 ไปซื้อของสดเองเถอะครับ ร้านของคุณเอง เวลาคุณซื้อของคุณก็จะซื้อของที่คุ้มราคา ถ้าให้คนอื่นไปซื้อแทน เขาไม่มองตรงนี้หรอกครับ เขาแค่ดูว่า ซื้อที่ไหนที่เขา สะดวก ที่สุด ร้านคุณจะประหยัดเงินได้เยอะเลย ซื้อของเข้าร้านเป็นจุดตายของร้านอาหารนะครับผม จากคุณ : กช (Redtape) เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 18:45:13

ความคิดเห็นที่ 4 ราคาขายที่ตั้งไว้คำนวณมาได้ยังไงค่ะ   แล้วตอนนี้ต้นทุนที่เคยคิดไว้ตอนแรกเป็นอย่างที่คิดมั้ย   แพงกว่าหรือถูกกว่า   ถ้าแพงกว่าหาตัวเลือกให้มันถูกลงเท่ากับตอนตั้งงบได้มั้ยเช่นเปลี่ยนที่ซื้อ  เลือกของทดแทนที่ราคาถูกกว่าและคุณภาพที่ใกล้เคียง ถ้าทำ cost saving ไม่ได้เท่าที่ตั้งไว้ก่อนเปิดร้านก็ต้องยอมรับว่าคำนวณผิดแล้วก็ต้องมาปรับราคาขายให้เหมาะสมกับต้นทุนจริง จากคุณ : เอกจิตรา เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 53 20:10:05

ความคิดเห็นที่ 5 ลองเช็คของเสียต่อวันหรือยังครับ ว่ามันถูกใช้คุ้มค่า หรือมีประสิทธิภาพขนาดไหน พ่อครัวบางคนมือเติบ ใช้ทิ้งใช้ขว้างก็มี จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 06:34:25

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ร้านทำเองเกือบทั้งหมด จ่ายของ เตรียมของ ขายเก็บเงิน เหนื่อยมาก 555 เท่าที่สังเกต เคยปล่อยให้เด็กช่วยเตรียมของ ปรากฎว่าจะมี loss เยอะในจุดนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าของไม่ใช่เงินเค้า เค้าใช้ทิ้งใช้ขว้างยังไงก็ได้เงินเท่าเดิม เน้นทำแล้วสบาย จ่ายของก็เช่นกันเคยวานเด็กไปจ่าย ปรากฎว่าได้ของขาดบ้างเกินบ้าง บางอย่างบอกให้ซื้อน้อยเด็กไม่กล้าซื้อ กลัวแม่ค้ามอง - -" (เอากับมันสิ) จากประสบการณ์ จุดชี้กำไรขาดทุนของร้านอาหารทั่วไปอยู่ที่ การจ่ายของกับครัวครับ เพราะมีการรั่วไหลมากที่สุด 1. คนจ่ายของโกง เพราะซื้อของตลาดไม่มีใบเสร็จ 2. ครัวโกง เช่น ขโมยกุ้งกลับบ้านไปกิน ขโมยไข่ หมูไปทำกินที่บ้าน ผักใช้ทิ้งใช้ขว้าง ซอส ซี้อิ้ว เอาไปใช้บ้านกัน ถ้าคุณไม่มีระบบจัดการที่ดี แนะนำให้คุณเริ่มจากจ่ายของเองครับ ต้องยอมเหนื่อยหน่อย แต่รับรองคุ้มครับ ถ้าไม่มีเวลาจริงๆ ก็ไม่ต้องทุกวันก็ได้ แต่ต้องไปบ้าง จะได้รู้ราคาของในตลาด ไม่งั้นคนจ่ายก็มั่วแหลกกะคุณ คุณได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เพราะไม่รู้ราคาของ พอควบคุมการซื้อ จากนั้นไปดูที่การขายครับ เช่นวันนี้ซื้อกุ้ง 2 โล แต่ขายอาหารทำจากกุ้งไป 2 จาน อีกวันครัวบอกกุ้งจะหมดอีกแล้ว แบบนี้ไม่ไหวนะครับ ถ้าเป็นแบบนี้คุณต้องเข้าไปดูแลครัวแล้วล่ะ การดูแลครัวเป็นเรื่องจุกจิกครับ ยิ่งเมนูมาก วัตถุดิบมากก็ต้องถี่ถ้วน แต่ถี่ถ้วนมาก คนครัวก็จะไม่พอใจ พากันลาออกกันซะงั้น ดังนั้นถ้าคุณต้องง้อคนครัว คุณก็ต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ดี ถ้าจะให้ดีคุณต้องเข้าไปดูแลการเก็บเนื้อสัตว์ ผัก วัตถุดิบทั้งหมด ช่วงแรกๆ หมั่นดูบ่อยๆ ดูว่าการใช้วัตถุดิบต่างๆ สัมพันธ์กับยอดขายหรือไม่ เรียกว่าถ้ามีเวลาว่าง ควรจะเข้าไปอยู่ในครัวช่วงที่มีการทำงาน แล้วก็ดูว่ามีอะไรบ้างที่เกิดการสุญเสียขึ้น และจะได้รู้ด้วยว่าอาหารจานใหนใช้วัตถุดิบอะไร วันไหนขายอะไรมาก อีกวันต้องซื้ออะไรมาก ตรงนี้เราจะทราบได้จากการเข้าไปดูการใช้งาน ถ้าทุกอย่างสัมพันธ์กันหมด ซื้อของไม่แพงแล้ว ครัวสูญเสียน้อยแล้ว (ไม่เสียเลยคงเป็นไปได้ยาก) จ่ายของตรงตามที่ใช้ไปจริง แล้วยังกำไรน้อย คุณค่อยคิดปรับราคาขึ้น จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 08:10:01

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ เห็นด้วยกับความเห็นที่ 6 ทุกประการเลยค่ะ ขอแนะนำตามลำดับความคิดในหัวตัวเองตามนี้นะคะ 1. เรื่องการจ่ายตลาด สำคัญที่สุด  เราจะได้ทราบแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รู้จักพ่อค้าแม่ขายทั้งหลาย  มีการผูกมิตรเพื่อประโยชน์ในการซื้อสินค้า ซึ่งอาจได้รับส่วนลด  สินค้าคัดคุณภาพ  และเครดิตเผื่อกรณีจำเป็น ได้ทราบแนวโน้มราคาขึ้น - ลงของวัตถุดิบแต่ละประเภท การไปจ่ายตลาดสดนอกจากจะทำให้ได้เข้าถึงแหล่งวัตถุดิบแล้ว ยังทำให้สามารถคำนวนต้นทุนต่อจานได้ทางอ้อมอีกด้วยค่ะ 2. เรื่องการเช็กสต๊อกวัตถุดิบจำพวกของแห้ง  ของไม่เน่าเสีย ซื้อยกแพ๊ค แล้วทำตารางตัดรายการเมื่อนำออกมาใช้ได้เลยค่ะ  จัดคนรับผิดชอบ เช่นเบิกน้ำมันกี่ขวด   น้ำตาลทรายกี่กิโล   เป็นต้น   ของเหล่านี้ซื้อเหมา ประหยัดกว่าวิ่งซื้อทีละนิดทีละหน่อยมากๆเลยค่ะ 3. เรื่องการเช็คสต๊อกของสด   จำพวกผัก  เนื้อสัตว์ต่างๆ  ต้องดูด้วยตนเอง จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  ให้ง่ายต่อการสังเกต  ไม่นำของเก่าของใหม่มาปะปนกัน   เพื่อป้องกันการเน่าเสีย   และให้คนอื่นดูก็ไม่รอบคอบ ของเก่าไม่หมดซื้อของใหม่มาใช้  ของเก่าเน่าทิ้งไป  เขาไม่เสียดาย เพราะไม่ได้ขาดทุนกับเราค่ะ 4. การบริหารจัดการคนงานในร้าน   มีหลายเรื่อง  เช่น         4.1 งบประมาณในการดูแลคนงานในร้าน   อาหารการกินเราเป็นผู้จัดหาใช่หรือไม่   ถ้าใช่เราอาจกำหนดวัตถุดิบในแต่ละมื้อ  เพื่อป้องกันการสูญเปล่าของวัตถดิบ  เช่น ผัก หรือ เนื้อที่เหลือค้างในสต๊อก  ก็นำมาทำอาหารกินกันเอง   แทนที่จะปล่อยทิ้งไว้   นานไปก็ไม่สด  เป็นต้น        4.2 ร้านของเรา  จำเป็นต้องใช้กำลังคนมากเท่าที่มีอยู่หรือไม่    เราไม่ราบว่าร้านคุณทำอะไร  แต่อย่างร้านข้าวแกง  ที่คนคิดว่าต้องใช้คนเยอะเพื่อเตรียมของสด   เดี๋ยวนี้ก็ไม่ยุ่งยากมากแล้ว   ตามตลาดใหญ่ๆ เค้าจะหั่นผัก  เด็ดผัก   ทำไว้พร้อมแล้ว  เหลือแค่นำมาปรุง   เราก็ไม่ต้องจัดคนทำงานส่วนนี้อีก     ถ้าร้านเราเป็นร้านธรรมดาๆ  ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีให้ลุกค้าบริการตนเอง   ก็ลดรายจ่ายเรื่องค่าจ้างไปได้อีกค่ะ 5. ค่าแก๊ส  ค่าไฟ  ค่าน้ำ  จุดนี้สำคัญนะคะ   เป็นรายจ่ายที่เวลาใช้ไม่ค่อยเห็นการสิ้นเปลือง   แต่สะดุ้งทุกทีเวลาจ่าย   เลือกใช้แก๊สถังใหญ่คุ้มกว่าค่ะ ถังขนาด 48 กก. เติมครั้งละ 900 บาท ประหยัดกว่าถังกลางไปเกือบร้อยเลยค่ะ เรื่องจุกจิกๆที่ก่อให้เกิดรายจ่ายยังมีอีกเยอะค่ะ ค่อยๆทำไปทีละขั้นตอนเดี๋ยวก็คิดได้เองเรื่อยๆ พยายามอดทนเข้าไว้นะคะ   อะไรทำเองได้ให้ทำเอง ควบคุมเอง   หาผู้ช่วยที่ไว้ใจได้นะคะ   จะได้เบาแรง แต่อย่าลืมว่าอะไรก็ไม่สู้เราดูแลเองทั้งหมดค่ะ  ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : your_natty เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:26:55

ความคิดเห็นที่ 8 ประหยัดไฟฟ้า - ตั้งแอร์ที่ 25 องศา วันไหมอากาศหนาว ไม่ต้องเปิดแอร์ ใช้พัดลมแทนแอรบ้างก็ได้ - หลอดไฟในร้าน เปลี่ยนไปใช้หลอดประหยัดไฟ - ตู้เย็น ควรมีการทำความสะอาด สม่ำเสมอ อย่าวางของมากเกินไป จัดวางให้เป็นระเบียบ ของไหมเก่า เน่าเสีย ไม่ใช้แล้วทิ้งไปซะบ้าง ตู้เย็นได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซื้อของ - หาซื้อเครื่องที่ซีลถุงสูญญากาศมาใช้คะ ซื้อของสดมาสามารถซีลไล่อากาศออก แช่แข็ง รักษาความสดได้นาน -คุณไปหาซื้อของเองเถอะคะ ได้เลือก ได้ต่อรองราคาเองด้วย จากคุณ : Speedmax เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 53 10:39:09