ความคิดเห็นที่ 1 เอาเนื้อไปต้มกับหางกะทิ เอาเนื้อไปหมักกับเบคกิ้งโซดา เอาสันมีดทุบเนื้อ จากคุณ : หมีน้อยเทวดา เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 01:17:01

ความคิดเห็นที่ 2 ต้มเนื้อให้เปื่อยก่อนค่ะ จากคุณ : ยัยฟักทอง (pumpkinramo) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 01:21:56

ความคิดเห็นที่ 3 ที่บ้านจะเอาเนื้อไปต้มกับมะละกอดิบหรือสับประรดก่อนครับ ค่อยเอามาแกง เนื้อจะไม่เหนียว แล้วก็ปรุงเครื่องแกงปกติ ไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มแล้ว ส่วนใหญ่ใช้เนื้อลุกมะพร้าวกับเนื้อสัน มาแกง จากคุณ : คนเมาเอิ๊กๆ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 02:22:05

ความคิดเห็นที่ 4 ของเราส่วนใหญ่จะใช้เนื้อที่ติดเอ็น (ไม่รู้เรียกว่าอะไร) เอามาเคี่ยวกับหางกะทิก่อนให้เนื้อนุ่ม ตอนผัดเครื่องแกงก็ช้อนเอาแต่เนื้อที่นุ่มแล้วมาผัด แล้วทำตามขั้นตอนปกติค่ะ จากคุณ : sweetpee เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 02:47:14

ความคิดเห็นที่ 5 จะหมักเนื้อกับนมสดหรือสัปรดก็ได้ค่ะ หาง่ายกว่ามะละกอดิบ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 03:15:09

ความคิดเห็นที่ 6 ง่ายๆ ใช้ถุงชาลิปตันก็ได้ที่ชงไปแล้ว ต้มไปด้วย เปื่อยไวแน่นอน จากคุณ : SchwedaKong เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 03:55:15

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ เคยได้ยินแต่ไม่เคยลองซะที ปกติจะทำแกงเนื้อจะเอาไปตุ๋นก่อน ค่อยเอาแกง ผมว่ากร่อยกว่า หมักแล้วมาแกงนะ เพราะเวลาตุ๋นเราหั่นเนื้อเป็นก้อนๆ ได้ ไม่ต้องสไลด์ กินเป็นก้อนๆมันสะใจกว่าเยอะ จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 07:59:49

ความคิดเห็นที่ 8   สูตรผมจะหมักเนื้อ ในนมข้นจืดผสมกับพริกแกงเขียวหวานก่อนครับ ส่วนเนื้อจะใช้เศษเนื้อที่ขายเป็นแพ๊คในsupermarket เพราะมีส่วนทั้งที่ติดมัน เป็นเอ็น คละกันไป อีกอย่างผมงบน้อยครับ อีกอย่างแกงเขียวหวาน ไม่ใส่น้ำตาลครับ แต่ถ้าชอบก็น้ำตาลปี๊บนิดหน่อย จากคุณ : กะตู๋ (กะตู๋) เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 09:39:50

ความคิดเห็นที่ 9 ไปทำความรู้จัก หม้อตุ๋นไร้สาย สักหน่อยสิครับ ไม่ต้องเฝ้าเตาตอนเคี่ยวเนื้อ หรืออื่นๆ ให้นุ่ม จากคุณ : noiris เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 20:02:25

ความคิดเห็นที่ 10   ขอแนะนำสำหรับผู้ใช้ยางมะละกอนิดนึงนะคับ เนื่องจากยางมะละกอ มีเอ็นไชม์ ชื่อว่า ปาเปน ซึ่งสามารถช่วยย่อยโปรตีน การทำงานของเอ็นไชม์ นั้นขึ้นอยุ่กับสภาวะต่างๆที่เหมาะสม การจะหมักเนื้อต้องใช้ยางมะละกอจะต้องหมักที่อุณหภูมิปกติ ถ้าต้มไปด้วยความร้อนจะทำลายเอ็นไชม์ จึงไม่เกิดผลอะไร จึงแนะนำไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่จะหมักด้วยวิธีนี้ คือหมักไว้ดโดยไม่ต้องต้ม พอหมักเสร็จ จึงเอาไปล้างแล้วปรุงอาหารต่อไป จึงจะได้ผลครับ จากคุณ : flask126 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 14:44:34