 |
ร้านหมูกระทะบุปเฟ่ต์ ทำยังไงถึงจะไม่ขาดทุนคะ
|
|
คือ พี่สาวเคยขายข้าวแกงมาก่อน จากนั้นก็มาเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ซึ่งกำหนดราคาได้ แต่ตอนนี้ หันมาทำร้านบุปเฟ่ต์ มีทั้งหมูกะทะ สุกี้ ซีฟู้ด (กุ้ง,ปลาหมึก) อาหารสำหรับทานเล่น เช่นของทอด ยำต่างๆ ขนมหวาน ผลไม้ แถมยังไอศกรีม เนสเล่ (แบบตัก)
ต้องบอกก่อนว่า ทำเลที่นี่ เป็นต่างจังหวัด ซึ่งมีร้าน ที่เปิดอยู่ก่อนแล้ว ประมาณ 3 ร้าน ร้านอื่น ราคาต่อหัว 79 บาท เครื่องดื่มคิดแยก น้ำอัดลม ขวดลิตร มาตรฐาน อยู่ที่ 35 บาท มิกเซอร์ (น้ำแข็ง , น้ำปล่าว )15 บาท
ซึ่ง เมื่อก่อน บ้านเราก็เคยไปกิน ร้านอื่นๆ ส่วนใหญ่ ข้อเสียก็จะเหมือนๆกันคือ กุ้ง จะ ออกมาเท เป็นช่วงๆ ซึ่งใครไปจังหวะไม่ทัน ก็อด ของทานเล่นจะมีไม่กี่รายการ บางอย่าง เช่น ไอศกรีม (กะทิแบบเป็นถังๆ) ขนมเค้ก ถ้าไปเกิน 2 ทุ่ม ก็จะหมด แล้วพวกของทอด ก็จะคุณภาพไม่ค่อยดี (ลูกชิ้น หรือใส้กรอก จะแป้งเยอะ ราคาถูก)
พอพี่เรามาเปิด ที่ราคา 89 บาทต่อหัว ก็เลยเอาจุดบกพร่องจากร้านอื่นมาปรับปรุง เพื่อเรียกลูกค้า ของทะเล ออกตลอดไม่มีขาดช่วง น้ำจิ้ม 3 แบบ ไอศครีมเนสเล่ (แพงกว่ากะทิ) อาหารทานเล่นหลากหลาย ของทอดใช้แบบอย่างดี โดยบ้านเรา ดันคิดเอาเอง ว่า คนเราจะกินได้ซักเท่าไหร่ ก็แค่อิ่ม เพราะเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐาน กินแค่อิ่ม ไม่ฝืนยัดเข้าไปจนทรมานตัวเองจนท้องแทบแตก
แต่พอเปิดเข้าจริงๆ เจอลูกค้าหลายประเภท ส่วนใหญ่ เหมือนจะเข้ามาถล่มกันเลยทีเดียว บางทีเราทำใจแทบไม่ได้ เราจะคอยช่วยตักไอศกรีม เพราะเคยขายมาก่อน บางคน เดินวนกินไอศกรีม เกือบ 10 รอบ (เฉลี่ย ก้อนละ 10 บาท) บางคน (ส่วนมากเลยค่ะ) ตักกุ้ง จานพูนๆ หลายรอบ ยังไม่รวมหมู และอื่นๆ ส่วนน้ำจิ้ม ร้านเรามี 3 แบบ ก็จะตักกันไปทั้ง 3 แบบ อย่างละเกือบเต็มถ้วย เวลาเก็บโต๊ะ จะเห็นน้ำจิ้ม เหลือทิ้งเยอะมากๆ แล้วถ้วยที่ร้านเป็นแบบลึกค่ะ เลยจุไปหน่อย
แล้วเรื่องกฏกติกา อีกค่ะ เรื่องของเหลือ เปิดมาเดือนกว่า ยังไม่กล้าปรับใครเลยค่ะ พอจะปรับ ก็ไม่พอใจ บางคนก็หมกในชามขนมหวานแล้ว ขยำทิชชู่ปิดไว้ บางโต๊ะ พอเด็กเสริ์ฟไปเช๊คบิล เห็นของเหลือ เค้าก็บอกยังกินไม่เสร็จเดี๋ยวกินต่อให้หมดแหละ พอเผลอก็ลุกไปแล้ว (คือ คิดเงินแล้ว แต่ยังไม่ลุก) แล้วที่ร้านเรา เด็กสูงไม่เกิน 120 ซ.ม คิด 49 บาท ถ้าเกิน คิดเป็นผู้ใหญ่ ก็จะมีบางโต๊ะ ที่เด็กสูงเกิน แล้วพอคิดราคาผู้ใหญ่ ก็โวยว่าทีร้านอื่นยังคิดราคาเด็กเลย แต่ประทานโทษ เด็กแต่เดินกินไอติม 6-7 รอบ ก็เกินคุ้มแล้ว นี่ยังไม่รวมอาหารอื่นที่กินได้อีก พี่เราก็ต้องยอมอีก เพราะกลัวเสียลูกค้า
เนี่ยเรายังกลัวว่าจะได้กำไรบ้างรึปล่าว ลงทุนซื้อของสดวันละเกือบหมื่น ค่าจ้างแม่ครัวกับเด็กเสริ์พ เกือบ 3 พัน ค่าเช่าร้านเดือนละหมื่น2 ยังไม่ได้คิดค่าน้ำ ไฟ ยอดขายวันนึง ถ้าดีๆก็2 หมื่นหว่า ถ้าแย่ๆก็ไม่ถึงหมื่น
แต่ยังคำนวนไม่ได้ เพราะของแต่ละวัน ซื้อไม่เท่ากัน มากบ้างน้อยบ้าง แล้ว พี่เราไม่มีระบบทำบัญชีรายรับรายจ่าย คือ ซื้อมา ขายไปแค่นั้น
เราจะช่วยคิดอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะ มีงานตัวเองที่ต้องทำ เสร็จจากงานถึงจะไปช่วย แต่เราห่วงเค้ามาก เพราะ ตอนทำร้าน ก็กู้หนี้ยืมสิน เยอะเหมือนกัน กลัวจะไปไม่รอด แต่โดยรวม ลูกค้าก็จะติดใจ มาแล้วมาอีก ช่วงสุดสัปดาห์ คนก็จะแน่นพอสมควร แต่เรากลัวว่าคนกินจะกินเกินคุ้ม จนร้านขาดทุน (แค่กุ้งใหญ่ 2 จานก็เกือบร้อยแล้วค่ะ )
อยากได้คำแนะนำ จากทั้งในฐานะผู้ที่เป็น คนขาย และทั้ง ผู้บริโภค ว่าแบบร้านพี่เรา มีแนวโน้มว่าจะกำไร หรือขาดทุนคะ แล้วจะมีวิธี ยังไง ที่จะให้ร้านไม่ขาดทุน ควร ปรับเปลี่ยนอะไร ยังไงบ้าง และลูกค้าพอใจ แต่เรื่องรสชาดอาหาร และน้ำจิ้ม ลูกค้าหลายคน ยอมรับว่าอร่อยค่ะ
| จากคุณ |
:
bimyun  
|
| เขียนเมื่อ |
:
5 ก.พ. 53 01:52:35
|
|
|
| |
