ความคิดเห็นที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 1-11-09 ด้วยระยะทาง 144 กม.จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ และใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 17.08 น.ถึงสถานีขนส่ง Melka Sentral Terminal ในย่านที่เรียกว่า Peringgit ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง 6 กม. มะละกาเป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่เคยมาเที่ยวอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เคยมาที่เมืองนี้ 1 ครั้งเมื่อปี 1974 เพื่อพักค้างคืนก่อนเดินทางต่อไปสิงคโปร์ นอกนั้นแค่นั่งรถยนต์และรถไฟผ่าน การเดินทางจากสิงคโปร์เข้ามายังมาเลเซียครั้งนี้ จึงตั้งใจว่าจะพักที่นี่สักคืนเพื่อเที่ยวชม China Town และ Dutch Square โดยวางกำหนดการให้มาถึงวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ เพื่อเดินเที่ยว Jonker Walk หรือถนนคนเดินของมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:44:21

ความคิดเห็นที่ 2 จากจุดจอดรถโดยสารระหว่างเมือง เดินทะลุตึกไปที่ท่ารถโดยสารประจำทางของเมืองมะละกา ที่อยู่ด้านหลังของ Melaka Sentral Terminal จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:44:42

ความคิดเห็นที่ 3 จากข้อมูลของ Yohan ลูกพี่ลุกน้องของ Christine ซึ่งครอบครัวเปิดโรงแรมเล็กๆในมะละกา ที่จะมาพักในการเที่ยวเมืองมะละกาครั้งนี้ ให้ขึ้นรถเมล์สาย 17 ที่วิ่งระหว่าง Mata Kuching-Ujong Pasir ซึ่งวิ่งผ่าน Dataran Pahlawan ค่าโดยสาร RM 1.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:45:07

ความคิดเห็นที่ 4 รถวิ่งผ่านถนนเดินรถทางเดียว Jalan Laksamana ที่อาคาร 2 ข้างทางเป็นสีแดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:45:31

ความคิดเห็นที่ 5 สุดถนนก่อนเข้า Jalan Merdeka ทางซ้ายมือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ที่ขึ้นชื่อของเมืองมะละกาคือ Dutch Square  มองเห็น Christ Church สีแดงและลานน้ำพุวิคตอเรีย Melaka หรือชื่อเดิมว่า Malacca ที่คนไทยเรียกว่ามะละกา แปลว่าต้นหวาย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 600 ปี เป็นเมืองที่มีความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรม Nyonya(โนนย่า) หรือ Baba(บ่าบ๋า) มีความสำคัญทั้งทางด้านการปกครอง และเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เราจะกลับมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของมะละกา ตอนเดินเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของมะละกา แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 53 12:46:53 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:46:04

ความคิดเห็นที่ 6 รถวิ่งผ่านสี่แยกตรงเข้า Jalan Merdeka ผ่าน Maritime Museum ที่มีเรือรบโบราณตั้งอยู่ เลี้ยวซ้ายเข้าอีกช่วงของ Jalan Merdeka และลงรถที่ด้านข้างของ  Dataran Pahlawan Melaka Megamall จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:46:45

ความคิดเห็นที่ 7 จากนั้นเดินตรงไปสี่แยก เลี้ยวขวาเข้า Jalan Merdeka Raya 1(Satu ) จากสี่แยกประมาณ 100 เมตร ทางขวามือคืออาคารสีเขียวสลับชมพู 3 ชั้นซึ่งเป็นโรงแรมที่จะมาพัก โรงแรมนี้มืชื่อว่า Yohan Hotel มีร้านอาหารเล็กๆอยู่ทางด้านขวามือข้างล็อบบี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:47:16

ความคิดเห็นที่ 8 ลงชื่อเข้าพักพร้อมชำระค่าห้องคืนละ RM 68.00 พนักงานมอบกุญแจห้องพร้อมรีโมทคอนโทรลของเครื่องปรับอากาศและทีวีให้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:47:44

ความคิดเห็นที่ 9 Yohan Hotel เป็นโรงแรมเล็กๆที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเงียบสงบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:48:20

ความคิดเห็นที่ 10 ห้องพักเป็นห้องเล็กๆ ที่ไม่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:49:00

ความคิดเห็นที่ 11 ห้องน้ำสะอาดและมีเครื่องทำน้ำอุ่น มีเจลที่เป็นทั้งสบู่เหลวและยาสระผมบรรจุอยู่ในกล่องให้กดใช้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:49:36

ความคิดเห็นที่ 12 วางเป้ใส่เสื้อผ้าและโน้ทบุ้คแล้ว สะพายกระเป๋าและขาตั้งกล้องออกท่องที่ยวทันที เลี้ยวเข้า Jalan Merdeka ข้ามถนนไปเดินฝั่งขวาเลียบ Dataran Pahlawan Melaka Megamall ไม่ได้เดินเข้าไปเที่ยวในศูนย์การค้า เพราะจุดประสงค์คือมาเดินชมเมือง ไม่ได้มาเดินชมห้าง แต่เท่าที่ดูจากภายนอกศูนย์การค้าแห่งแบ่งออกเป็นหลายโซน ประกอบด้วยอาคารใหญ่ 7 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน มีห้างคาร์ฟู ร้าน Daiso และ Golden Screen Cinema ตั้งอยู่ภายใน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:50:03

ความคิดเห็นที่ 13 ถัดจากอาคารใหญ่ของ Dataran Pahlawan Melaka Megamall เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่สูงกว่าถนน 1 ชั้น ใต้สนามหญ้าเป็นที่จอดรถและศูนย์อาหาร ปลายอีกด้านของสนามหญ้าเป็นอาคารชั้นเดียวซึ่งเป็นโซนของร้านอาหาร การเว้นที่เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ตรงกลาง อีกด้านของสนามหญ้าเป็นอาคารเตี้ย และเปิดพื้นที่โล่งตรงกลาง ก็เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพของอาคารและสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ บนถนน Jalan Parameswara ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2008 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:50:39

ความคิดเห็นที่ 14 สุดสนามหญ้าก่อนถึงโซนร้านอาหาร มีการออกร้านเล่นเกมแบบงานวัดบ้านเรา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:51:11

ความคิดเห็นที่ 15 โซนร้านอาหารส่วนหนึ่งเป็นลานกว้าง มีหลังคาสูงโปร่งแสง ที่น่าจะเป็นลานสำหรับจัดกิจกรรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:51:35

ความคิดเห็นที่ 16 ลงบันไดมาที่ทางเท้าของ Jalan Merdeka เด็กหนุ่ม 3 คนกำลังเล่นดนตรีแบบชนเผ่าอะบอริจิ้นของประเทศออสเตรเลีย การแสดงแบบนี้มีที่ตลาดนัดจตุจักรเช่นกัน ได้ยินว่าวงแรกที่เคยเล่น ดังจนได้รับเชิญให้ไปแสดงที่ประเทศญี่ปุ่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:51:57

ความคิดเห็นที่ 17 ส่วนที่ติดกับทางเท้าเป็นส่วนของร้านค้าที่ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้า และมีบันได้ลงไปศูนย์อาหารชั้นใต้ดิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:52:20

ความคิดเห็นที่ 18 ท้ายสุดของ Dataran Pahlawan Melaka Megamall เป็นร้าน McDonald ที่เปิด 24 ชั่วโมง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:52:44

ความคิดเห็นที่ 19 ตรงข้ามร้าน McDonald คือ Newton Culture Food Village 18.54 น.แล้ว ได้เวลาอาหารเย็น ลองเดินข้ามไปดูกันหน่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:53:04

ความคิดเห็นที่ 20 ลักษณะของศูนย์อาหารแห่งนี้ออกแบบให้ดูมีบรรยากาศแบบสมัยเก่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:53:24

ความคิดเห็นที่ 21 จำหน่ายแต่อาหารพื้นเมืองชื่อดังของเมืองมะละกา เช่น ร้านขายข้าวผัดและผัดหมี่กระทะร้อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:53:48

ความคิดเห็นที่ 22 ร้าน Little Nyonya ขาย Otak(ห่อหมก) Prawn Mee และ Nyonya Laksa ราคาอาหารในศูนย์อาหารแห่งนี้ไม่แพง หอยแครงลวกแค่จานละ RM 2.00(20 บาท) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:54:10

ความคิดเห็นที่ 23 ลองสั่ง Nyonya Laksa ชามละ RM 4.00 จากร้าน Little Nyonya หน้าตาดูเหมือน Asam Laksa เพราะโรยหน้าด้วยแตงกวาซอย แต่ไม่ใส่น้ำมะขามเปียก ใส่ Samball Chili มาในช้อน วางมะนาวฝานปลายบนแตงกวาซอยและใส่ไข่ไก่ต้มครึ่งฟอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:54:31

ความคิดเห็นที่ 24 บีบมะนาว ใส่ Samball Chili แล้วโกยขึ้นมาดูว่าใส่อะไรบ้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:54:55

ความคิดเห็นที่ 25 เส้นเป็นแบบเส้นขนมจีนไหหลำ ใส่ลูกชิ้นปลา ฮื่อก้วย ฟองเต้าหู้ยัดไส้ปลาและเต้าหู้พวงทอด น้ำแกงกะทิหอม Laksa ชามนี้รสชาติอร่อยมาก ใจจริงอยากชิมอาหารของร้านอื่นด้วย แต่กลัวอิ่มเกินไปจนไม่ได้ชิมอย่างอื่นที่ Jonker Walk ศูนย์อาหารแห่งนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-23.00 น. ถ้าขากลับยังไม่ปิดจะแวะชิมบ๊ะกุ๊ดเต๋ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:55:19

ความคิดเห็นที่ 26 ตรงข้ามกับ Newton Culture Food Village เป็น Gyro Tower หรือหอคอยหมุนแบบเดียวกับ  Tiger Sky Tower ที่เกาะเซ็นโตซ่า สิงคโปร์ หอคอยหมุนแห่งนี้มีชื่อว่า Menara Taming Sari Melaka Tower เป็นส่วนหนึ่งของ Taming Sari พรุ่งนี้ถ้ามีเวลา จะซื้อตั๋วขึ้นชมย่านเมืองมรดกโลกของมะละกาจากความสูง 80 เมตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:55:44

ความคิดเห็นที่ 27 ด้านหน้าของ Taming Sari มีสามล้อถีบซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองมะละกา สามล้อถีบเหล่านี้ต่างจากของปีนังที่ผู้โดยสารนั่งอยู่ข้างคนถีบ ไม่ได้นั่งอยู่ด้านหน้า เมื่อถึงเวลากลางคืน สามล้อเหล่านี้จะเปิดไฟที่ประดับไว้รอบคันรถ เมื่อรับผู้โดยสาร จะมีการเปิดเพลงจากเครื่องขยายเสียง ผู้โดยสารสามารถจะเลือกชนิดของเพลงที่จะเปิดได้ เช่นเพลงมาเลย์ เพลงอินเดีย เพลงจีนและเพลงฝรั่ง โดยสามารเลือกได้ว่าต้องการเพลงร็อค เพลงป็อบหรือเพลงโรแมนติก อัตราค่าโดยสารคิด RM 20.00/ครึ่งชั่วโมง และ RM 40.00/ 1 ชั่วโมง ถ้าเช่าเหมาตามเวลา แต่แนะนำให้ต่อรองราคาตามระยะทาง เพราะเมื่อไปถึงแหล่งท่องเที่ยวใช้เวลาเดินนานเปลืองเงิน เมื่อเดินเที่ยวโดยรอบแล้วจึงเรียกคันใหม่ จะประหยัดเงินกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:56:07

ความคิดเห็นที่ 28 เลี้ยวขวาที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ Jalan Merdeka ช่วงนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ทางด้ายซ้ายมือของถนน สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้คือ Maritime Museum หรือ Muzium Samudera จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:56:46

ความคิดเห็นที่ 29 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเรือขนทองโปร์ตุเกสขนาดเท่าของจริง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:57:17

ความคิดเห็นที่ 30 เรือลำนี้สร้างตามแบบเรือขนทองของปอร์ตุเกสที่มีชื่อว่า"Flor De La Mar" ซึ่งจมลงในช่องแคบมะละกา ระหว่างขนทองไปประเทศโปร์ตุเกส ภายในเรือจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงความเปลี่ยนแปลงของมะละกา ตั้งแต่ยุคปกครองโดยสุลต่านในศตวรรษที่ 14 การผล้ดกันเข้ายึดครองมะละกาในยุคของโปร์ตุเกส ดัทช์และอังกฤษ มีการจัดแสดงชนิดของเรือที่เข้ามาติดต่อทำการค้า ในยุคที่มะละกาเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ในฐานะเมืองท่าที่สำคัญของช่องแคบมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:57:43

ความคิดเห็นที่ 31 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยวันจันทร์-วันพฤหัสฯ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. วันศุกร์-วันอาทิตย์ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 9.00-20.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ RM 3.00 เด็กอายุเกิน 6 ขวบ RM 1.00 เก็บค่าเข้าชมเท่ากันหมดทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างประเทศ ต่างจากบ้านเราที่ชาวต่างประเทศต้องจ่ายแพงกว่าคนไทยหลายเท่า ตอนนี้เพิ่ง 19.30 น.จึงซื้อตั๋ว 1 ใบเพื่อเข้าชม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:58:07

ความคิดเห็นที่ 32 ซื้อบัตรแล้วเดินไปด้านหลังของเรือที่ติดกับแม่น้ำมะละกา ขึ้นบันไดไปที่ดาดฟ้าเรือ จากนั้นลงบันไดไปชมภายในเรือ ชั้นลอยมีภาพแสดงการเข้ามาเทียบท่าของเรือต่างชาติที่เข้ามาค้าขายกับมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:58:29

ความคิดเห็นที่ 33 ภาพแสดงประวัติของเรือ Flor De La Mar และขั้นตอนของการจำลองเรือในศตวรรษที่ 16-17 ลำนี้ขึ้นมาใหม่ การก่อสร้างเริ่มต้นเมื่อเดินกุมภาพันธ์ 1990 และก่อสร้างเสร็จเมื่อเดือนตุลาคม 1993 โดยแบ่งนิทรรศการออกเป็น 4 ยุค ซึ่งได้ยุคที่ปกครองโดยสุลต่าน(1400-1511) ยุคยึดครองโดยปอร์ตุเกส(1511-1641) ยุคยึดครองโดยดัทช์(1641-1796) ยุคยึดครองโดยอังกฤษ(1824-1957) ก่อนได้รับเอกราชในปี 1957 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:59:06

ความคิดเห็นที่ 34 ลงบันไดไป 1 ชั้น ทางด้านหัวเรือจัดแสดงกิจกรรมทางการค้าของท่าเรือมะละกาในยุคที่ยังปกครองโดยสุลต่าน เรือจากทุกมุมโลกแล่นใบมายังมะละกาพร้อมสินค้าเต็มลำเรือ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเครื่องเทศ ผ้าไหมและเครื่องกระเบื้อง พ่อค้าจากประเทศอาหรับ จีน อินเดียและหมู่เกาะมาเลย์ ต่อรองและขายสินค้าโดยได้กำไรอย่างงาม ทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า ที่ดึงดูดพ่อค้าทั้งจากประเทศจากซีกโลกตะวันออกและตะวันตก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 23:59:42

ความคิดเห็นที่ 35 นิทรรศการยุคการปกครองโดยสุลต่านที่ชั้นนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:00:10

ความคิดเห็นที่ 36 ในยุคนั้นมีการแต่งตั้งตำแหน่งขึ้นหลายตำแหน่งเพื่อเป็นตัวแทนของสุลต่าน แต่ตำแหน่งที่มีความสำคัญและทรงอำนาจมากที่สุด มีกองกำลังและอาวุธของตนเอง คือตำแหน่ง"Laksaman Melaka"ซึ่งมีหน้าที่หลักคือ เป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ ดูแลความปลอดภัยการเดินเรือในทะเล ดูแลงานราชพิธี รักษาความปลอดภัยให้กับองค์สุลต่าน รวมถึงเชื้อพระวงศ์และราชอาคันตุกะขององค์สุลต่าน รวมถึงเป็นทูตและตัวแทนสูงสุดขององค์สุลต่านในต่างประเทศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:00:34

ความคิดเห็นที่ 37 ตัวอย่างเงินตราที่ใช้ในสมัยนั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:01:00

ความคิดเห็นที่ 38 แบบจำลองเรือชนิดต่างๆของมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:01:22

ความคิดเห็นที่ 39 ลงบันไดวนลงไปที่ท้องเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:01:44

ความคิดเห็นที่ 40 ท้ายเรือเป็นรูปปั้นของ Alfonso de Albuquerque ผู้มีตำแหน่งเป็น Viceror 0f India คนที่ 2 ต่อจาก Almeida เป็นผู้สร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพเรือปอร์ตุเกสในทะเลอาหรับ ทำลายห่วงโซ่ทางการค้าของเมืองท่าของชาวมุสลิม ใน Calicut, Goa, Hormaz และมะละกา โดยทำทุกวิถึทางเพื่อให้ประเทศปอร์ตุเกสผูกขาดเส้นทางการค้าทางทะเลในทวีปเอเซีย ซึ่งสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศปอร์ตุเกสเป็นอย่างมาก ทำให้เขากลายได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งของประเทศปอร์ตุเกส แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 53 12:43:15 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:02:10

ความคิดเห็นที่ 41 กองเรือรบของปอร์ตุเกส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:02:37

ความคิดเห็นที่ 42 กองเรือรบของอังกฤษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:03:00

ความคิดเห็นที่ 43 กำปั่นเหล็กของชาวดัทช์ทางด้านหัวเรือ การเดินทางอันยาวไกลและใช้เวลามาก ในการแสวงหาโลกใหม่ทางตะวันออก ทำให้พ่อค้าต้องตุนเสบียงและสิ่งของจำเป็นรวมถึงอาวุธไว้เป็นจำนวนมาก โดยบรรจุไว้ในกำปั่นเหล็กที่มีความทนทาน ซึ่งสร้างโดยช่างฝีมือ ทำให้สามารถใช้งานได้นาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:03:26

ความคิดเห็นที่ 44 หัวเรือเป็นห้องคุมขัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:03:50

ความคิดเห็นที่ 45 สำหรับคุมขังลูกเรือที่ทำผิดวินัยและเชลยที่จับได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:04:16

ความคิดเห็นที่ 46 กลับขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:04:43

ความคิดเห็นที่ 47 ลูกเรือหล่อจากโลหะกำลังช่วยกันกว้านใบเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:05:15

ความคิดเห็นที่ 48 ห้องหัวเรือบนดาดฟ้าเรือคือห้องกัปตันเรือ เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเรือ เป็นผู้กำหนดเส้นทางเดินเรือ ภาระกิจของเรือจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถและบารมีของกัปตันเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:05:53

ความคิดเห็นที่ 49 จากดาดฟ้าเรือมองเห็นศูนย์การค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และหอคอยหมุนของ Taming Sari จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:06:16

ความคิดเห็นที่ 50 ลงจากเรือเพื่อไปชม Muzium Samudera ซึ่งเป็นอาคารสีขาวชั้นเดียวบนพื้นราบด้านหน้าของเรือ Flor De La Mar จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:06:40

ความคิดเห็นที่ 51 ภายในเป็นนิทรรศการที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรือชนิดต่างๆของชาวมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:07:29

ความคิดเห็นที่ 52 ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมะละกา และสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในทะเลของมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:08:09

ความคิดเห็นที่ 53 20.30 น.ได้เวลาปิดของพิพิธภัณฑ์ จึงออกเดินต่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:08:33

ความคิดเห็นที่ 54 เดินไปประมาณ 300 เมตรสุด Jalan Merdeka ถึงสี่แยกจตุรัสดัทช์ที่ตัดกับ Jalan Laksamana และ Jalan Hang Jebat จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:09:05

ความคิดเห็นที่ 55 เลี้ยวซ้ายที่จตุรัสดัทช์ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมะละกา ข้ามวงเวียนตัดกับ Jalan Tun tan Cheng Lock และ Lorong Hang Jebat ตรงเข้า China Town บน Jalan Hang Jebat ถนนเส้นนี้ตั้งแต่ 18.00-24.00 น.ของทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ จะมีการปิดถนน กลายเป็นถนนคนเดินและมีชื่อเรียกว่า Jonker Walk เป็นถนนคนเดินยาวประมาณ 1 กม. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:09:41

ความคิดเห็นที่ 56 แค่ต้น Jonker Walk ก็พบกับร้านของหวานอร่อยแล้ว ร้านนี้มีชื่อว่าร้าน Nam Seng Kopitiam ของอร่อยร้านนี้ไม่ใช่กาแฟ แต่คือ Nyonya Cendol จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:10:13

ความคิดเห็นที่ 57 Cendol ก็คือลอดช่องน้ำกะทิ สั่งมา 1 ถ้วย RM 1.00 ตัวลอดช่องนอนอยู่ก้นถ้วย มีน้ำแข็งบดละเอียดอยู่ด้านบน ราดด้วยน้ำกะทิที่ส่งกลิ่นหอมมาก ตามด้วยน้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง มองครั้งแรกนึกถึงลอดช่องน้ำกะทิที่จังหวัดเพชรบุรีขึ้นมาทันที ตัวลอดช่องหอมกลิ่นใบเตย เพิ่มถั่วแดงต้มเข้ากันได้ดีกับลอดช่อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:10:47

ความคิดเห็นที่ 58 ทานแล้วรู้สึกสดชื่นมาก จนต้องสั่งเพิ่มอีก 1 ถ้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:11:10

ความคิดเห็นที่ 59 ตามไปเที่ยวมะละกา ด้วยคนครับอาสาม เมืองนี้ กับ ปีนัง น่าไปแฮะ จากคุณ : 311025 เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:11:54

ความคิดเห็นที่ 60 21.05 น.เริ่มการเดิน Jonker Walk จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:12:08

ความคิดเห็นที่ 61 ตึกแถว 2 ข้างทางเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Utilitarian(1880s-1900s) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:12:54

ความคิดเห็นที่ 62 ที่ตกแต่งด้านหน้าอย่างสวยงาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:13:35

ความคิดเห็นที่ 63 311025 ...น่าเที่ยวทั้งสองเมืองครับ ......................................................... Jalan Hang Jebat หรือ Jonker Walk นี้มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านขายของเก่าในเวลากลางวัน แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 53 00:15:12 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:14:51

ความคิดเห็นที่ 64 แต่เมื่อปิดเป็นถนนคนเดิน 2 ข้างถนนก็จะเต็มไปด้วยแผงลอยขายของที่ระลึกและของกิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:16:01

ความคิดเห็นที่ 65 บ้างก็เปิดเป็นร้านขนาดใหญ่อย่างเช่นร้านนี้ ที่มีสินค้าน่าสนใจหลายอย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:16:46

ความคิดเห็นที่ 66 ร้านขายภาพถ่ายเมืองมะละกาในอดีต จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:17:22

ความคิดเห็นที่ 67   ไปด้วยค่ะ จากคุณ : ไก่ (Schnuggy ชนุ๊กกี้) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:17:48

ความคิดเห็นที่ 68 ร้านขายข้าวมันไก่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:17:50

ความคิดเห็นที่ 69 ไก่ (Schnuggy ชนุ๊กกี้) ...เดินตามมาเลยครับ .................................................................... เดินมาจนได้ยินเสียง"ปิงถังหูหลู" หรือผลไม้เสียบไม้ชุบน้ำตาลกรวด(ปิงถัง/เปียทึ้ง) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:19:18

ความคิดเห็นที่ 70 มีทั้งองุ่นหลากหลายพันธุ์ บ๊วย ลูกพรุนและพุทรา ราคาไม้ละ RM 2.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:19:52

ความคิดเห็นที่ 71 เคยเห็นขนมชนิดนี้ในหนังจีนย้อนยุคบ่อยๆ มาเจอวันนี้ถึงแม้จะเป็นของไต้หวัน แต่ก็ขอลองสักหน่อย เลือกเป็นแบบรวม 1 ไม้ คนขายจะเอาไม้เสียบผลไม้ที่เตรียมไว้ ชุบในน้ำเชื่อมจากน้ำตาลกรวด จากนั้นจุ่มผลไม้เสียบไม้ชุบน้ำตาลกรวดลงในน้ำแช่น้ำแข็ง น้ำตาลกรวดจะแข็งตัวเคลือบผิวหน้าของผลไม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:20:24

ความคิดเห็นที่ 72 กลายเป็นผลไม้ที่เหมือนเคลือบด้วยกระจกใส เมื่อกัดจะรับรู้ถึงความกรอบและความหวานของของน้ำตาลกรวดที่แข็งตัว ตามด้วยเนื้อผลไม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:20:52

ความคิดเห็นที่ 73 ถนนเส้นนี้นอกจากร้านค้าแล้ว ยังมีสมาคมและศาลเจ้าตั้งอยู่หลายแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:21:28

ความคิดเห็นที่ 74 อย่างเช่นสมาคมฮกเกี้ยนทางซ้ายมือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:22:00

ความคิดเห็นที่ 75 แผงพระเครื่องจากไทย คนจีนในมาเลเซียและสิงคโปร์นิยมพระเครื่องของไทยกันมาก สังเกตได้จาการมีแผงให้เช่าพระทั้งในกรุงกัวลาลัมเปอร์และมะละกา และเชื่อว่าที่ปีนังก็น่าจะมีเช่นกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:22:30

ความคิดเห็นที่ 76 เจ้าของร้านน่าจะเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อคูน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:23:02

ความคิดเห็นที่ 77 แผงขายชานมไข่มุก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:23:31

ความคิดเห็นที่ 78 ร้านและแผงกิฟท์ชอป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:24:04

ความคิดเห็นที่ 79 นาฬิกาปลุกหลากสีสัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:24:43

ความคิดเห็นที่ 80 ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นของคุณผู้หญิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:25:26

ความคิดเห็นที่ 81 Sotong Bakar หมึกปิ้งปรุงรส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:26:12

ความคิดเห็นที่ 82 ผลไม้ดองและผลไม้เชื่อม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:26:46

ความคิดเห็นที่ 83 เครื่องเขียนและของเล่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:27:20

ความคิดเห็นที่ 84 แว่นตาและตุ๊กตาผ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:27:49

ความคิดเห็นที่ 85 แต่ละช่วงของ Jonker Walk มีประตูปีฉลูคอยต้อนรับผู้มาเยี่ยมถนนคนเดินสายนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:28:14

ความคิดเห็นที่ 86 ร้านรับทำตราประทับจากหินอ่อน ใช้เวลาแค่ 15 นาที จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:28:40

ความคิดเห็นที่ 87 ถึง 3 แยกที่มีซอยซ้ายมือเชื่อมกับ Jalan Tun Tan Cheng Lock         หัวมุมฝั่งซ้ายเป็นผับ จากตัวหนังสือจีน 4 คำที่เขียนอยู่บนเสาหน้าร้าน ตึกหลังนี้เดิมน่าจะเป็น"ตี่ลี่หักแก" หรือโรงเรียนศึกษาการจัดตีลี่ซึ่งเป็นศาสตร์ที่คู่กับฮวงจุ้ย โดยตี่หลี่เป็นการปรับภายใน แต่ฮวงจุ้ยเป็นการปรับภายนอก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:29:11

ความคิดเห็นที่ 88 อาสามคะ  ลอดช่องน้ำกะทิ น่าทานจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:44:00

ความคิดเห็นที่ 89 หัวมุมฝั่งขวาเป็นแผงลอยที่มีเสียงโลหะกระทบกันดังกังวาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:44:05

ความคิดเห็นที่ 90 หมู (ตัว) อ้วน ...น้ำกะทิหอมมากครับ .................................................. แผงลอยแผงนี้เป็นแผงลอยของแม่ลูก 3 คน เสียงโลหะกระทบกันที่ได้ยินนั้น เกิดจากการใช้แท่งเหล็กเคาะกับแท่งเหล็กคมปลายงอ โดยวางแท่งเหล็กคมปลายงอ บนน้ำตาลทรายแดงผสมกับน้ำสะระแหน่(มิ้นต์) ที่กวนด้วยความร้อนจนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เสร็จแล้วปล่อยให้เย็นลงจนน้ำตาลแข็งตัว จากนั้นใช้เหล็กอีกแท่งตอกออกมาเป็นก้อนใหญ่ แล้วตอกเป็นชิ้นเล็กพอคำ บรรจุใส่ถุงพลาสติก ขายห่อละ RM 3.00 ถ้าซื้อ 2 ห่อ RM 5.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:46:20

ความคิดเห็นที่ 91 น้ำตาลชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า"Gula Ketuk" หรือ "Gula Tarik Kok Kok"ตามเสียงตอกเหล็ก รสชาติเหมือนลูกอมรสมิ้นต์ น่าจะเป็นที่นิยมของคนมาเลเซีย เพราะเห็นแวะซื้อกันมาก นอกจากนี้ยังมีแบบทำเป็นอมยิ้มเสียบไม้ แต่จำราคาไม่ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:47:01

ความคิดเห็นที่ 92 ซื้อมา 2 ห่อ เพราะเป็นน้ำตาลที่ใช้เป็นลูกอมดับกลิ่นปากแบบโบราณ และไม่เคยเห็นในบ้านเรา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 53 00:47:38