ความคิดเห็นที่ 1 2 ข้าง Jalan Tokong เป็นร้านขายของไหว้เจ้า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ในย่านไชน่าทาวน์มีวัดจีน ศาลเจ้าจีนและสมาคมจีนตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:07:28

ความคิดเห็นที่ 2 โดยเฉพาะบน Jalan Tokong จะมีมากกว่าถนนอื่น ทั้งนี้ก็เพราะมีวัดจีนที่เก่าที่สุดในมาเลเซียตั้งอยู่บนถนนสายนี้ วัดจีนแห่งนี้มีชื่อว่า Cheng Hoon Teng Temple หรือวัดเมฆเขียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:07:51

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่อาจสรุปได้ว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปีใด เนื่องจากคู่มือท่องเที่ยวมะละกาบอกว่าสร้างเมื่อปี 1646 แต่ป้าย 2 ป้ายหน้าวัด คือป้าย Heritage Trail บอกว่าสร้างปี 1673 และป้ายของสมาคมประวัติศาสตร์มะละกาเขียนเหมือนกับว่าสร้างเมื่อปี 1703 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:08:18

ความคิดเห็นที่ 4 โดยสมาคมประวัติศาสตร์มะละกาอาศัยปีที่สร้างตัวศาลหลักเมื่อปี 1703 โดย Chan Ki Lock เป็นตัวเลขอ้างอิง แต่ไม่ว่าจะเป็นปีใด ทั้ง 3 ข้อมูลต่างก็ยืนยันว่า วัดแห่งนี้เป็นวัดจีนที่เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย วัดแห่งนี้มีคำจารึก เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงการมามะละกาของเจิ้งเหอ แม่ทัพเรือแห่งราชวงศ์หมิงเก็บรักษาไว้ ตอนที่เดินชมรอบวัดไม่เห็น จึงไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชมกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:08:45

ความคิดเห็นที่ 5 วัดแห่งนี้สร้างด้วยสภาปัตยกรรมแบบจีนใต้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ศาลหลักที่อยู่ด้านหน้า และศาลรองที่อยู่ด้านหลัง หลังคาของศาลหลักประดับด้วยตุ๊กตากระเบื้องเป็นรูปนักรบในเทพนิยาย สัตว์หลายชนิดและดอกไม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:09:13

ความคิดเห็นที่ 6 . แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 53 16:11:23 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:09:37

ความคิดเห็นที่ 7 บานประตู หน้าต่างและขื่อคานแกะสลักลวดลายสวยงาม ตัวศาลหลักมีทางเข้า 3 ประตู ประตูกลางซึ่งเป็นประตูที่ใหญ่ที่สุด เปิดเข้าหาประธานของศาลซึ่งคือพระโพธิสัตว์กวนอิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:11:55

ความคิดเห็นที่ 8 ประตูรอง 2 ข้างประตูกลางเปิดเข้าหารองประธานของศาลหลัก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:12:56

ความคิดเห็นที่ 9 ซื้อธูปเทียน 1 ชุดจากทางด้านซ้ายของวัด RM 2.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:13:25

ความคิดเห็นที่ 10 ปเทียนต้องปักในกระถางทองเหลืองด้านนอก แม้ว่าภายในศาลจะมีกระถางธูปอยู่ 1 กระถางหน้าพระโพธิสัตว์กวนอิม แต่ใช้ปักธูปเวลามีพิธีสำคัญเท่านั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:13:48

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากกราบขอพร และขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ่ายภาพภายในศาลแล้ว จึงเดินเข้าไปด้านใน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:14:14

ความคิดเห็นที่ 12 ประธานของศาลหลักและประธานของวัดแห่งนี้คือพระโพธิสัตว์กวนอิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:14:37

ความคิดเห็นที่ 13 หลังการจุดธูปเทียนสักการะแล้ว บางคนจะมาคุกเข่าที่หน้าโต๊ะบูชาเพื่ออธิษฐานขอพร และจะมีการโยนไม้รูปพระจันทร์เสี้ยวสีแดง 1 คู่ เพื่อเสี่ยงทายว่าพรที่ขอนั้นจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ถ้าโยนแล้วไม้ออกคว่ำหนึ่งหงายหนึ่งหรือเซ้งปวย แสดงว่าพรที่ขอนั้นจะสัมฤทธิ์ผล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:15:06

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีครับอาสาม ไปด้วยคนนะคร้าบบผม จากคุณ : นมขาวเย็น เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:15:13

ความคิดเห็นที่ 15 โต๊ะบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมนั้นแบ่งออกเป็น 2 โต๊ะ โต๊ะตัวแรกสำหรับทำพิธีสวดมนต์ โดยมีไม้บักฮื้ออยู่ทางด้านซ้าย และบาตรเหล็กอยู่ทางด้านขวา ตรงกลางเป็นกระถางปักธูป ที่มีป้ายเขียนห้ามเขียนไว้ว่า"ท่านผู้มีจิตศรัทธาโปรดทราบ กรุณาอย่าล้างมือของท่านด้วยควันธูป หรือใช้มือโบกให้ควันธูปหรือควันกำยานสัมผัสหน้าและร่างกาย เนื่องจากเป็นการจุดเพื่อถวายแด่พระพุทธเจ้า การแสดงความเคารพของท่านต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ท่านประสพแต่สิ่งที่ดีและสมหวังในคำอธิษฐาน ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ" วิธีการแบบนี้บ้านเราไม่เคยเห็น มีแต่การโกยขี้ธูปของกระถางประธานกลับไปใส่กระถางธูปที่บ้าน อันเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งว่าเพื่อเป็นความสิริมงคลของที่อยู่อาศัย และทำการค้าเจริญรุ่งเรือง ซึ่งในเมืองไทย วัดและศาลเจ้าจีนหลายแห่งก็มีคนทำเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:15:30

ความคิดเห็นที่ 16 นมขาวเย็น...วันนี้มาทันรอบกลางวัน .................................................. โต๊ะตัวที่ 2 เป็นโต๊ะตั้งเครื่องเซ่นไหว้ประจำวันของทางวัด มีพระพุทธรูปศิลปพม่าตั้งอยู่ ด้านหลังเป็นรูปปั้นพระทรงจีวรและหมวกแบบจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:16:30

ความคิดเห็นที่ 18   ตามไปด้วยคนค่ะอาสาม ^^ จากคุณ : Olive-ay เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:17:00

ความคิดเห็นที่ 17 ที่ประทับของพระโพธิสัตว์กวนอิม ประธานของวัด Cheng Hoon Teng จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:16:53

ความคิดเห็นที่ 19 Olive-ay ...อู้งานเปิดเน็ทหรือคะ .............................................. ซ้ายมือของศาลหลัก เป็นศาลของรองประธานซึ่งเป็นเทพเจ้าหญิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:18:12

ความคิดเห็นที่ 20 ซึ่งน่าจะเป็นทีโหวเซี้บบ้อหรือเจ้าแม่สวรรค์ เนื่องจากมีโคมตะเกียงแขวนอยู่ที่ด้านหน้า และมีกาน้ำมันวางไว้ให้ผู้ที่มาไหว้เติมในตะเกียง วางอยู่ที่หน้ารูปปั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:18:40

ความคิดเห็นที่ 21 ด้านขวาเป็นศาลของรองประธานอีกองค์ซึ่งเป็นเทพเจ้าชาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:19:11

ความคิดเห็นที่ 22   ฮิฮิ ^^ จากคุณ : Olive-ay เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:19:13

ความคิดเห็นที่ 23 จากเครื่องแต่งกายลายมังกร น่าจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ ทางด้านขวามีเทพเจ้าถือป้าย"เฮียบเทียงไต่ตี่" จากที่คนดูแลศาลเจ้ากวนอู ตลาดเก่าเยาวราชเคยอธิบายให้ฟัง จะมีการหมุนเวียนให้เทพเจ้าบนสวรรค์ทำหน้าที่นี้ เสมือนเทพสูงสุดที่จะมาทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้แก่มวลมนุษย์บนโลก และรอบนี้เป็นหน้าที่ของเทพเจ้ากวนอู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:19:42

ความคิดเห็นที่ 24 Olive-ay ...โฮะ ! โฮะ ! จะฟ้องหัวหน้าถ้าไม่เอาขนมมาปิดปาก ................................................................................ การไหว้พระในมาเลเซีย นอกจากการเติมน้ำมันในตะเกียงแล้ว ยังนิยมถวายตะเกียงดอกบัวอีกด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:21:20

ความคิดเห็นที่ 25 ออกจากศาลหลักเดินไปด้านหลังเพื่อชมศาลอื่นๆในวัดแห่งนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:21:52

ความคิดเห็นที่ 26 น้ำตก 18 อรหันต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:22:22

ความคิดเห็นที่ 27 ด้านซ้ายและขวาของด้านหลังวัดมีศาลย่อยอีก 4 ศาล 3 ศาลเป็นศาลตั้งป้ายบรรพบุรุษ ส่วนอีก 1 ศาลที่มีรูปวาดแขวนอยู่ด้านข้าง น่าจะเป็นศาลของ Li Kap ผู้บริจาคที่ดินบน Bukit(ภูเขา) Cina(China) ให้กับทางวัดเพื่อสร้างเป็นสุสานจีน ซึ่งเป็นสุสานจีนที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน หลุมศพบางหลุมฝังตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง เดิมเป็นที่ตั้งชุมชนของข้าราชบริพารและทหาร ที่ติดตามเจ้าหญิง Hang Li Poh แห่งราชวงศ์หมิง ซึ่งเสด็จมาแต่งงานกับสุลต่านแห่งมะละกา และอาศัยอยู่ที่เขาแห่งนี้จนถึงปี 1511 เมื่อปอร์ตุเกสเข้ายึดครองมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:22:54

ความคิดเห็นที่ 28 11.45 น.ออกจากวัด Cheng Hoon Teng จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:23:19

ความคิดเห็นที่ 29 ฝั่งตรงข้ามเป็นลานจอดรถ และเวทีการแสดงงิ้วในงานประจำปีของวัด Cheng Hoon Teng จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:23:44

ความคิดเห็นที่ 30   555 ถ้าได้พบกันอีกเมื่อไหร่จะทำไปฝากค่ะอา ^^ จากคุณ : Olive-ay เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:24:04

ความคิดเห็นที่ 31 ติดกับวัด Cheng Hoon Teng เป็นสุสานของ Hang Katsuri 1 ใน 5 นักรบจากสำนักเดียวกัน ทั้ง 5 เป็นองครักษ์ของสุลต่าน Mansor Shah สุลต่านองค์สุดท้ายของมะละกา Hang Katsuri ต่อสู้จนตัวตาย ระหว่างการต่อสู้กับกองทัพปอร์ตุเกสที่เข้ารุกรานมะละกา พร้อมกับอีก 3 องค์รักษ์คือ Hang Tuah, Hang Lekir, Hang Lekiu ส่วนอีก 1 องค์รักษ์คือ Hang Jebat ถูกหัวหน้าองครักษ์ Hang Tuah ฆ่าตายเพราะถูกกล่าวหาว่าทรยศสุลต่าน แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันของนักประวัติศาสตร์ ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการดวลอันลือลั่น ชื่อขององครักษ์ทั้ง 5 ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อถนนเช่น Jalan Hang Jebat หรือ Jonker Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:24:10

ความคิดเห็นที่ 32 สุสานของ Hang Katsuri, Hang Tuah และ Hang Jebat เป็นสถานที่ๆผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ของมะละกาต้องแวะชม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:24:51

ความคิดเห็นที่ 33 Olive-ay ...ไม่เอาตอนกำลังถ่ายเกาเหลานะ 555 ....................................................................... เยื้องกับสุสานของ Hang Katsuri และติดกับลานจอดรถของวัด Cheng Hoon Teng คือวัดจีนอีกวัดที่มีชื่อว่า Xiang Lin Si จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:25:55

ความคิดเห็นที่ 34 เดินผ่านกำแพงสุสาน Hang Katsuri ไปตามด้านขวาของ Jalan Tokong จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:26:18

ความคิดเห็นที่ 35 ผ่านร้านแกะสลักป้ายหินหน้าหลุมศพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:26:42

ความคิดเห็นที่ 36 แวะขอเก็บภาพที่ร้าน Wah Aik ร้านรับตัดรองเท้าตามสั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:27:05

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นร้านเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายรุ่นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง ในตู้โชว์ของร้าน ยังมีตัวอย่างรองเท้าสำหรับหญิงรัดเท้า(Boundfeet Shoes)ในยุคราชวงศ์ชิง ซึ่งมองว่าหญิงที่มีขาเล็กเซ็กซี่ จึงเกิดประเพณีการมัดเท้า โดยใช้ผ้าแถบยาวรัดเท้าของหญิงสาวตั้งแต่ยังเล็กจนมีสภาพเหมือนกีบหมู เนื่องจากเท้าเล็กเวลาเดินสะโพกจึงบิดไปมา บางคนบอกว่าเป็นต้นกำเนิดของรองเท้าส้นสูงของทางตะวันตก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:27:27

ความคิดเห็นที่ 38 ศาลเจ้าเล็กๆบน Jalan Tokong จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:27:57

ความคิดเห็นที่ 39 ก่อนสุด Jalan Tokong ทางซ้ายมือเป็นทาง 3 แพร่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:28:24

ความคิดเห็นที่ 40 ร้านขายขนมพื้นเมืองทางด้านขวา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:28:49

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเลี้ยวซ้ายจะทะลุไปออก Jalan Hang Jebat จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:29:33

ความคิดเห็นที่ 42 เดินไปจนถึง 3 แยกที่ Jalan Tokong ตัดกับ Jalan Hang Jebat จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:30:34

ความคิดเห็นที่ 43 3 แยกนี้เมื่อปิดถนนเป็น Jonker Walk จะกลายเป็นลานร้องคาราโอเกะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:30:58

ความคิดเห็นที่ 44 ขวามือเป็นร้านน้ำชา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:31:35

ความคิดเห็นที่ 45 ฝั่งตรงข้ามเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ติดกับร้านขายขนมหวาน Bibik House จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:32:09

ความคิดเห็นที่ 46 เดินตรงไปจนถึงอีก 3 แยกที่ Jalan Hang Jebat ตัดกับ Jalan Kubu ทางขวามือคือ Tamil Methodist Church ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ปี 1902 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:32:38

ความคิดเห็นที่ 47 เลี้ยวซ้ายประมาณ 50 เมตร เป็นอีก 3 แยกที่ Jalan Kubu ตัดกับ Jalan Tun Tan Cheng Lock Jalan Tun Tan Cheng Lock มีชื่อเดิมว่า Hereen Street หรือถนนของเจ้านายในภาษาดัทช์ ในขณะที่ถนนที่ขนานกันอีกเส้นคือ Jalan Hang Jebat หรือ Jonker Street คือถนนของคนรับใช้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:33:11

ความคิดเห็นที่ 48 เลี้ยวซ้ายเข้า Jalan Tun Tan Cheng Lock เข้าสู่ย่านตึกแถวเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้คงสภาพเดิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:33:50

ความคิดเห็นที่ 49 บางคนอาจนึกว่าเดินอยู่ที่ภูเก็ต จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:34:39

ความคิดเห็นที่ 50 ตึกแถวแต่ละหลัง มีรูปแบบและลวดลายบนชั้น 2 ไม่ซ้ำกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:35:05

ความคิดเห็นที่ 51 นอกจากรูปแบบตัวอาคารแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ประตูและหน้าต่างข้างประตูของบ้านแต่ละหลัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:35:36

ความคิดเห็นที่ 52 รวมถึงป้ายชื่อร้านตัวหนังสือจีนสีทอง ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราพอหาดูได้ที่ย่านเยาวราชเท่านั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:36:01

ความคิดเห็นที่ 53 สมาคมแห่งเดียวทางด้านขวามือของ Jalan Tun Tan Cheng Lock คือสมาคมหย่งชุน(Eng Choon Association) สร้างแบบจีนตอนใต้ เสาหินด้านหน้าแกะสลักเป็นมังกรพันเสา ขื่อหลังคาแกะสลักทาสีทองสวยงาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:36:29

ความคิดเห็นที่ 54 ประตูทางเข้ามีสิงโตหิน 1 คู่และอีก 1 คู่ที่ด้านใน ประตูทางเข้าทำด้วยไม้ บานช่องมอง 2 ข้างประตูฉลุเป็นลวดลายเหมือนขาตั้งแจกัน ตอนที่เข้าไปชมไม่พบใครเลย แต่มีโซ่ขวางไม่ให้เดินไปเข้าไปชั้นใน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:36:56

ความคิดเห็นที่ 55 ฝาผนังด้านซ้ายมือเป็นภาพของอดีตนายกสมาคม Eng Choon Association ตั้งอยู่ที่เลขที่ 122 Jalan Tun Tan Cheng Lock (Heeren Street) เป็นสมาคมของคนจีนฮกเกี้ยนที่อพยพมามะละกา จากตำบล Eng Choon ในจังหวัดฮกเกี้ยนของประเทศจีน ตระกูลหนึ่งในสมาคมนี้คือตระกูลตัน เช่นพ่อลูกมหาเศรษฐี Tan Beng Swee และ Tan Kim Seng Tan Kim Seng คือผู้สร้างสะพาน Tan Kim Seng ข้ามแม่น้ำมะละกา และเป็นผู้สร้างหอนาฬิกา Tan Beng Swee เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงบิดาที่จตุรัสดัทช์ สมาคมนี้มีที่เกาะปีนังด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:37:34

ความคิดเห็นที่ 56 ใกล้กับสมาคมหย่งชุนคือ The Baba House เป็นบูทิคโฮเต็ลที่ล็อบบี้สวยงามมาก เป็นการรวมบ้านแบบ Peranakan 4 หลังมาทำเป็นโรงแรม โดยคงสภาพภายในไว้เหมือนเดิม เข้าไปขอแผ่นโฆษณามาเก็บไว้ และเมื่อเข้าไปดูในเว็บไซต์ของทางโรงแรม(thebabahouse.com.my/) โรงแรมสวยมากและที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิด เริ่มต้นที่ RM 51.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:38:26

ความคิดเห็นที่ 57 ขอตามไปเที่ยว - ไปไหว้พระด้วยคนนะคะอาสาม จากคุณ : your_natty เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:38:49

ความคิดเห็นที่ 58 อีกหนึ่งโรงแรมบนถนนสายนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:38:50

ความคิดเห็นที่ 59 your_natty ...ต่อท้ายหนูเอ้ตามมาเลยครับ ...................................................................... Restoran Peranakan ภัตตาคารที่ขายอาหาร Peranakan จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:40:02

ความคิดเห็นที่ 60 ถนนสายนี้เป็นถนนเดินรถทางเดียวขาออก ในขณะที่ Jalan Hang Jebat เป็นถนนเดินรถทางเดียวขาเข้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:40:29

ความคิดเห็นที่ 61 เดินมาเกือบกิโลฯยังไม่พบบ้านที่ต้องการมาชมเสียที จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:40:57

ความคิดเห็นที่ 62 บ้านที่ตั้งใจจะมาชม เป็นบ้าน 2 หลังติดกันทางด้านซ้ายมือของถนน อยู่ติดกับ Cafe 1511 ป้ายเหนือประตูอ่านออกสำเนียงแต้จิ๋วว่า"ซุ่ยเฮง" บ้านหลังนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า"Tha Baba & Nyonya Heritage Museum" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:41:25

ความคิดเห็นที่ 63 เก็บค่าเข้าชมผู้ใหญ่ RM 8.00 และเด็กอายุ 5-12 ปี RM 4.00 โดยต้องกดกริ่งข้างประตูให้เจ้าหน้าที่มาพาไปเดินชม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:42:08

ความคิดเห็นที่ 64 เดินมาถึงเมื่อเวลา 12.32 น.คนดูแลบอกว่าปิดพักเที่ยงเปิดอีกทีบ่ายสองโมง ซึ่งขึ้นรถไปถึงสิงคโปร์ก่อนหนึ่งทุ่มไม่ทัน จึงไม่ได้เข้าชมตามที่ตั้งใจ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยมีผู้บรรยายพาเดินชม เปิด 2 ช่วงคือ 10.00-12.30 น.และ 14.00-16.30 น. โดยห้ามการบันทึกภาพภายในทุกชนิด จึงขอนำภาพจากหนังสือคู่มือท่องเที่ยวมะละกามาให้ชมกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:42:42

ความคิดเห็นที่ 65 การมามะละกาครั้งนี้จึงไม่ได้เข้าชม Tha Baba & Nyonya Heritage Museum หลังจากพลาดการชม The Peranakan House ที่ปีนังมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เห็นในการมามะละกาครั้งนี้ก็คือ บ้านแบบพื้นเมืองของชาวมะละกา เหมือนที่เคยเห็นเมื่อปี 1974 เป็นบ้านยกพื้นสูง 2 เมตรบนเสา 12-16 ต้น สิ่งที่ดึงดูดสายตาของบ้านแบบนี้ก็คือบันไดขึ้นบ้าน ที่ลงทุนสร้างกันอย่างสวยงาม ขั้นบันไดปูกระเบื้องลายดอกไม้ บันไดยิ่งสวยยิ่งแสดงถึงฐานะของเจ้าของบ้าน แท็กซี่ที่เคยเช่ามามะละกาเมื่อปี 1974 บอกว่า นอกจากแสดงว่ารวยแล้ว ยังหมายถึงว่าบ้านนี้ลูกสาวสวยอีกด้วย จริงเท็จประการใดไม่ทราบ เพราะยังไม่เคยขึ้นบ้านของชาวมะละกาเพื่อพิสูจน์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:43:15

ความคิดเห็นที่ 66   สวัสดีคับอาสาม classic แบบจีนๆนะคับอาสาม ชอบคับพ้ม จากคุณ : หลงรักโกเบมาตลอด (DO is On The WAY) เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:48:13

ความคิดเห็นที่ 67 สามล้อถีบไลท์แอนก์ซาวนด์ที่กลางวันไม่เปิดเพลง กำลังพานักท่องเที่ยวฝรั่งชมถนนสายนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:49:28

ความคิดเห็นที่ 68 DO is On The WAY...วันนี้คุณ "ต๋อย is On The WAY"หรือยัง ? ............................................................................................. ประมาณ 50 เมตรจาก Tha Baba & Nyonya Heritage Museum เป็น 3 แยกเลี้ยวซ้ายเข้า Jalan Lekir ประมาณ 60 เมตรถึง 3 แยกตัดกับ Jalan Hang Jebat เลี้ยวขวาผ่าน 4 แยกตัดกับ Jalan Hang Kasturi เดินตรงไปจตุรัสดัทช์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:51:30

ความคิดเห็นที่ 69 ข้ามสะพาน Tan Kim Seng ข้ามแม่น้ำมะละกา เลี้ยวขวาเข้า Jalan Merdeka จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:52:06

ความคิดเห็นที่ 70 ผ่านกังหันน้ำ"Water Wheel of the Melaka Sultanate" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:52:44

ความคิดเห็นที่ 71 ผ่าน Maritime Museum จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:53:15

ความคิดเห็นที่ 72 เลี้ยวซ้ายเข้า Jalan Merdeka อีกช่วง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:54:28

ความคิดเห็นที่ 73 12.52 น.แวะ Taming Sari จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:55:19

ความคิดเห็นที่ 74 เข้าไปในอาคารเพื่อขอหนังสือคู่มือท่องเที่ยวมะละกาฉบับล่าสุด จากสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:56:11

ความคิดเห็นที่ 75 แวะห้องจำหน่ายบัตรของหอคอยหมุน Menara Taming Sari มีป้ายลุ้นรางวัลใหญ่สำหรับผู้โดยสารคนที่ 1 ล้าน สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าใช้เวลาขึ้นลงแค่ 7 นาที ค่าตั๋วผู้ใหญ่ RM 20.00 RM 10.00 บนตั๋วมีบันทึกว่ามาจากประเทศไทย เป็นผู้โดยสารคนที่ 99,629 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:57:24

ความคิดเห็นที่ 76 ซื้อตั๋วแล้วเข้าไปนั่งในวงล้อปรับอากาศ นั่งรอผู้โดยสารเพิ่มเติมประมาณ 5 นาทีก็เริ่มหมุนช้าๆขึ้นยอดหอคอย หอคอยแห่งนี้มีความสูง 110 เมตร แต่จุดสูงสุดของวงล้อหมุนคือ 80 เมตร สร้างโดยประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และจุผู้โดยสารได้สูงสุดครั้งละ 66 คน เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 10.00-22.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:58:04

ความคิดเห็นที่ 78 หวัดดีค่ะอาสามตามๆๆไปเที่ยวด้วยค่ะ ไม่แน่ถ้าไม่ได้ไปเซี้ยงไฮ้อาจจะไปสิงค์โปรกับมาเลยแทนค่ะไปเรือด้วยกำลังเช็คอยู่ จากคุณ : lazybird69 เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:58:07

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีคะ อาสาม แอบย่องไป ไชน่าทาวน์ ด้วยคะ อิอิ  สาวหมวยขอไปเที่ยวด้วยคะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 16:58:06

ความคิดเห็นที่ 79 lazybird69 ...ทางเรือเป็นโหมดเดียวที่ยังไม่มีโอกาสลอง แต่เกือบได้นั่งเรือสำเภาไม้ของบริษัท ELf ไปสิงคโปร์เมื่อปี 1982 นู๋ยู้ฮู้ ...ตามอาแปะหล่อแบบเกาหลีมาได้เลยครับ ..................................................................... สามารถชมวิว 360 องศาของเมืองมรดกโลกมะละกา ทั้งเรือขนทอง Flor de la Mar เมืองเก่าไชน่าทาวน์ จตุรัสดัทช์ เขา St.Paul จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:02:04

ความคิดเห็นที่ 80 ศูนย์การค้า Dataran Pahlawan Melaka Megamall ช่องแคบมะละกา และ Eye on Malaysia Melaka ที่ปากแม่น้ำมะละกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:02:42

ความคิดเห็นที่ 81 13.06 น.ถึงจุดชมวิวสุงสุด 80 เมตรก่อนกลับลงสู่พื้น การหมุนตัวของวงล้อนิ่งมากจนแทบไม่รู้สึกถึงการหมุน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:03:14

ความคิดเห็นที่ 82 รถนำเที่ยว 2 ชั้นหน้า Taming Sari ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเดินกลับโรงแรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:03:43

ความคิดเห็นที่ 83 ถนนข้าง Newton Culture Food Village ที่ไม่มีป้ายบอกว่าเป็น Jalan PM หมายเลขเท่าไหร่ ถนนสายนี้เมื่อคืนปิดถนนเป็นถนนคนเดิน Pahlawan Walk จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:04:15

ความคิดเห็นที่ 84 แดดเริ่มแรงอากาศเริ่มร้อน จึงเดินเข้าไปอาศัยความเย็นจากศูนย์การค้า Mahkota Parade ที่ขนานกับ Jalan Merdeka เดินทะลุศูนย์การค้า ข้ามไปโรงพยาบาล Mahkota Medical Center เดินผ่านลานจอดรถของโรงพยาบาลทะลุไปออก Jalan Merdeka Raya 1 แล้วเลี้ยวซ้ายกลับโรงแรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:04:46

ความคิดเห็นที่ 85 เก็บของอาบน้ำแล้วลงมาเติมน้ำเย็นใส่ขวด และชงกาแฟดื่มอีกแก้วที่ชั้น 2 จากนั้นลงมาเช็คเอาท์และคืนรีโมทแอร์กับทีวีที่ชั้นล่าง ไม่มีโอกาสได้พบกับ Yohan ลูกพี่ลูกน้องของ Christine สอบถามพนักงานถึงการขึ้นรถเมล์ไปสถานีขนส่ง Melaka Sentral จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:05:35

ความคิดเห็นที่ 86 13.54 น.ออกจาก Yohan Hotel แล้วเลี้ยวขวา เดินไปจนสุด Jalan Melaka Raya 1 ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามของ Jalan Syed Abdul Aziz จากที่พนักงานโรงแรมบอก ให้ยืนรอหน้า Alliance Bank ที่อยู่ตรงข้ามกับ Jalan Melaka Raya 1 พอดี รถเมล์ที่วิ่งผ่านถนนเส้นนี้ทุกสาย จะไปสุดที่ Melaka Sentral จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:06:21

ความคิดเห็นที่ 87 อาสามคะ  ตอนนี้ ยู้ กำลังคิดเลยอะคะ ว่าคน มาเลเซีย กับ คน สิงคโปร์ เที่ยวได้ทั่ว เหมือน อาสามหรือเปล่าคะ  สุดยอดคะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:06:58

ความคิดเห็นที่ 88 รอเกือบ 10 นาที ก็มีรถเมล์ที่ป้ายหน้ารถเขียนไว้ชัดเจนว่าไปสถานีขนส่ง Melaka Sentral บอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ คนขับจะแจ้งราคาตั๋วให้ทราบ ชำระเงิน RM 1.00 รับตั๋วแล้วหาที่นั่ง รถคันนี้ไม่มีกระเป๋ารถเมล์เหมือนวันที่มา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:06:58

ความคิดเห็นที่ 89 นู๋ยู้ฮู้...การเที่ยวถ้าเตรียมหาข้อมูลล่วงหน้าทุกด้าน จะช่วยให้เที่ยวได้ทั่วด้วยเวลาที่น้อยลง และประหยัดเงินอีกต่างหากครับ ........................................................................................... 14.30 น.ถึงสถานีขนส่ง Melaka Sentral จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:09:18

ความคิดเห็นที่ 90 เดินดูตามช่องขายตั๋วเพื่อหาเที่ยวรถที่ออกเร็วที่สุด รถไปสิงคโปร์ออก 16.30 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่รวมเวลาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของทั้ง 2 ประเทศ กว่าจะถึงบ้าน Christine ก็คงหลัง 21.00 น.ซึ่งไม่ทันเพราะนัด Christine ไปลอยกระทงเวลา 19.00 น. รถที่ออกเร็วที่สุดคือเที่ยว 15.00 น.เป็นรถ Super VIP 20 ที่นั่ง แต่ไปสุดที่สถานีขนส่ง Kota Rata ของ Johor Bahru ไม่เป็นไร ถึง Kota Raya แล้วค่อยต่อรถเมล์ SBS Transit ของสิงคโปร์หรือรถ Causeway Link ข้ามไปสิงคโปร์ก็ได้ ซื้อตั๋วรถ 1 ใบราคา RM 19.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:09:52

ความคิดเห็นที่ 91 มีเวลา 20 นาทีก่อนรถออก หาข้าวเที่ยงทานในสถานีขนส่ง ผ่านร้าน Nasi Kandar กับข้าวน่าทาน แต่เดินทางยาวไม่เสี่ยงกับแกงและกะทิดีกว่า สุดท้ายมาลงที่ร้าน Nasi Ayam Bebeta จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:10:37

ความคิดเห็นที่ 92 น้ำส้ม 1 ถ้วย RM 2.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:11:06

ความคิดเห็นที่ 93 ข้าวมันไก่ย่างพร้อมน้ำซุป 1 ถ้วย RM 4.30 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 53 17:11:41