คนที่ทำขนมทุกๆคน คงอยากจะมีสูตรขนมเป็นของตัวเองใช่มั้ยคะ หมายถึงสูตรขนมที่เราคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้ไปลอกสูตรของใครมา
หลังจากที่ทำตามสูตรของคนอื่นเป๊ะๆมาตลอด หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์และมีชั่วโมงบินสูงขึ้น เราก็จะมีจุดที่อยากจะมีสูตรขนมของเราเองบ้าง ที่เคยสอบถามมา ส่วนมากหลายๆคนจะเป็นอย่างนี้กันนะคะ
หรือการปรับเปลี่ยนก็อาจจะมีในการทำขนมชนิดนั้นในครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกเรามีประสบการณ์มาแล้ว ได้เห็นหน้าตาและได้ชิมรสชาติของขนมแล้วไม่พอใจ หรืออยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้หากเป็นมือใหม่จริงๆก็อาจจะยังไม่กล้าปรับเปลี่ยนอะไร ยกเว้นกลุ่มคนที่มีประสบการณ์ดังที่กล่าวข้างต้น
โดยเริ่มแรกก็อาจจะเริ่มจากการปรับเพิ่มหรือลดส่วนผสมที่เราชอบหรือไม่ชอบก่อน อาจจะลดหรือเพิ่มปริมาณ หรืออาจจะเพิ่มเติมเข้ามาจากที่ในสูตรไม่มี หรือเอาส่วนผสมที่เราไม่ชอบออกจากสูตร
มันก็จะเริ่มต้นง่ายๆแบบนี้ก่อนทั้งนั้น เช่น การตัดส่วนผสมออกไป ในสูตรให้ใส่ Cinnamon แต่เราไม่ชอบกลิ่นมันเลย ก็ไม่ต้องใส่ หรือ ในสูตรให้ใส่วานิลลา ¼ ช้อนชา แต่เราเพิ่มเป็น ½ ช้อนชา ในสูตรให้ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย เราเคยทำแล้วหวานไป ก็ปรับลดลงเหลือ ½ ถ้วย เป็นต้น
จากนั้นก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลดส่วนผสมมากขึ้น จนกระทั่งสามารถจับส่วนผสมโน่นนี่มาใส่ด้วยกัน กลายเป็นสูตรใหม่ที่ไม่เหมือนใครในที่สุด
ส่วนตัวแล้ว ชอบคิดไอเดียใหม่ๆ และมีนิสัยที่ไม่ชอบทำอะไรเหมือนใคร โดยเฉพาะการทำขนม ไม่ค่อยจะพอใจสูตรเดิมๆ อาจเป็นเพราะกินแล้วไม่ถูกปากหรืออยากจะทำให้มันดียิ่งๆขึ้นไป
ปู้คิดเสมอว่า ทำขนมขาย ต้องทำให้รสชาติของเราโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ชื่อเสียงและประสบการณ์ที่สร้างสมมาตลอดระยะเวลา 7-8 ปี ต้องทำขนมที่อร่อยจริงและควรค่าแก่ความไว้วางใจของลูกค้าที่มีให้เรา
ปู้อาจจะไม่ใช่คนที่ทำขนมเก่งขั้นเทพ แต่ก็คิดว่ามีฝีมือพอตัว ไม่ใช่ว่าอวดอ้าง แต่การที่ทำขายเป็นอาชีพอีกทั้งรับสอนด้วย ถ้าปู้ไม่มั่นใจในสูตรหรือในความสามารถของตัวเราเอง แล้วลูกศิษย์ลูกหาที่มาเรียนจะเชื่อมั่นในตัวเราได้อย่างไร
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องยอมรับคือ เรื่องต้นทุนของวัตถุดิบของปู้จะล้ำหน้าเสมอ
เพราะปู้เชื่อว่า ไม่มีขนมแสนอร่อยมาจากการที่ใช้วัตถุดิบธรรมดา อาจจะมีคนไม่เห็นด้วยนะคะ แต่อยากจะบอกว่าปู้เชื่อเช่นนั้นเสมอมา เพราะว่ามันคือความจริง
แม้แต่นักเขียนและคนสอนทำขนมชื่อดังอย่างคุณ ปริสนา บุญสินสุข ก็ยังมีแนวคิดเช่นนี้เลยค่ะ ปู้ชอบใจมากกับคำพูดของคุณปริสนาที่ว่า
ไม่สอนให้นักเรียนเอาเครื่องปรุงที่ถูกแต่ด้อยคุณภาพมาใช้แทนของที่แพงกว่า ไม่ควรไปประกอบอาชีพ ถ้าในตลาดมีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคนิยมของถูก
การพัฒนาหรือคิดสูตรขึ้นมาใหม่ให้ขนมของเราอร่อยและแตกต่างจากคนอื่น จึงเกิดขึ้นมา แม้ว่าจะทำให้ต้นทุนแพงลิบลิ่วขึ้นไปอีก แต่เชื่อแน่ว่า จะมีตลาดรองรับแน่นอน คือกลุ่มลูกค้าที่ไม่เกี่ยงเรื่องราคา ขอให้คุณภาพและรสชาติยอดเยี่ยมก็พอ
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมหน้าตาขนมที่ปู้ทำถึงไม่สวยเหมือนของคนอื่น นั่นเพราะว่าปู้ถนัดในแนว Home made เปิดตัวและทำในสไตล์นี้มาตลอด ชอบในการตกแต่งที่ไม่ต้องไปประดิดประดอย และด้วยหน้าตาที่แสนจะธรรมดานี้ สิ่งที่อยู่ในนั้นคือความอร่อยในแบบที่คุณหาไม่ได้จากขนมของคนอื่น
แม้ปู้จะตัดสินใจยุติการดำเนินกิจการร้านอาหารและเบเกอรี่ หลังจากที่ทำมาเกือบ 4 ปี ( 2546-2550) แต่ในวันนี้ปู้กลับมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว เงินทองอาจจะไม่ใช่เป้าหมายสำคัญในชีวิตอีกต่อไป
การที่ยังคงได้รับการชื่นชมและยอมรับอย่างไม่เสื่อมคลายของลูกค้าต่างหาก คือสิ่งที่ทำให้ปู้มีความสุขและมีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์ขนมแสนอร่อยต่อไปอีกเรื่อยๆ
กว่าจะได้สูตรของตัวเอง ก็ต้องทำแล้วทิ้งหลายรอบนะคะ เฉลี่ยแล้วก็ชนิดละ 3-4 ครั้งเห็นจะได้ เสียดายของก็แสนเสียดาย ท้อใจหรือก็ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่ยอมแพ้ค่ะ
ความสำเร็จกว่าจะได้มาอาจต้องแลกกับหลายๆสิ่ง ทั้งเสียวัตถุดิบ เสียอารมณ์ แม้กระทั่งเสียน้ำตา ที่มันพรั่งพรูออกมาด้วยความโมโหและอัดอั้นตันใจที่ทำไม่ได้ดั่งใจ อ่ะอ้าว ไม่ใช่เพราะเสียดายของเหรอ วัตถุดิบแพงๆทั้งน๊านนนนนนนน 555
แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเราทำสำเร็จ เราก็จะยิ้มได้ด้วยความภาคภูมิใจ
ขนมของเราอาจจะไม่ใช่ขนมที่อร่อยที่สุดในโลก แต่มันเกิดขึ้นจากความตั้งใจและความเพียรพยายาม และด้วยหัวใจรักอย่างแท้จริง
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่รักการทำขนม ถ้าวันนี้เราทำได้ไม่ดี แต่ถ้าเรามีความพยายามและไม่ท้อถอย เราจะทำมันสำเร็จได้ในสักวัน
วันนี้เราทำตามสูตรของคนอื่น วันหน้าเราจะทำสูตรของเราเอง และให้คนอื่นมาทำตามสูตรของเราบ้าง
ถ้าปู้ทำได้ ทุกๆคนก็ทำได้ค่ะ :)
***เพิ่มเติมข้อความค่ะ
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 13:01:52
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 09:58:58
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 09:29:05
แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 53 09:25:36