ความคิดเห็นที่ 1 1) แปซิฟิก ดอรี่ เป็นปลาในตระกูลปลาสวาย 2) ราคาถูก ที่ขายเป็นปลาเศรษฐกิจในประเทศเวียนนาม 3) ไม่ใช่ปลา ที่มาจาก แปซิฟิกจริง ๆ ************** จขกท เอา 3 ประโยค ไปเชื่อมโยงกัน ทำให้เข้าใจผิดว่า ปลา  Pacific - Jone Dory  ที่แพ็คขายที่ Makro == ข้อ 3) ไม่ใช่ปลา ที่มาจาก แปซิฟิกจริง ๆ .... ต่อ ... จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:31:37

ความคิดเห็นที่ 2 ู^ ^ งงก่ะคห.บน ??? สรุปมันยังไงกันแน่ จากคุณ : คนที่ 9 นับจากทางซ้าย เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:34:07

ความคิดเห็นที่ 3 **ปลาสวาย และราคาถูก ที่ขายเป็นปลาเศรษฐกิจในประเทศเวียนนาม** ประโยคนี้ ... ถูก ปลาสวาย เป็นปลาราคาถูก  .... ใช่ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:34:28

ความคิดเห็นที่ 4 **ปลา  Pacific - Jone Dory  (แพ็คขายที่ Makro) เป็นปลาตระกูล ปลาสวาย ** ใช่ครับ .... เป็นปลาในตระกูล ปลาสวาย ......(นี่ผมเอาข้อมูลที่ จขกท บอก) แต่ ปลา Pacific Jone Dory ที่ขายที่ Makro ไม่ใช่  "ปลาสวาย" --ปลาในตระกูลเดียวกัน แต่ไม่ใช่ปลาตัวเดียวกัน นอกจากนี้ ลักษณะรูปร่างปลา Jone Dory ก็แตกต่างกับปลาสวาย อย่างสิ้นเชิง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:39:41

ความคิดเห็นที่ 5 ---ปลาในตระกูลเดียวกัน แต่ไม่ใช่ปลาตัวเดียวกัน-- เรื่องปลาในตระกูลเดียวกัน นี่ผมเคยตอบกระทู้ข้างล่าง มีคนโพสถามหาแหล่งซื้อ "เนื้อปลาฉลาม" มีคนตอบ .. ความว่า ปลาโรนัน เป็นปลาตระกูลเดียวกับ ... ปลาฉลาม หรือ ปลาฉลาม เป็นปลาตระกูลเดียวกับ ปลาโรนัน .... (ลองค้นกระทู้เก่าดูเอง ) ผมก็แย้งว่า .... ปลาโรนัน ไม่ใช่ ปลาฉลาม ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้ดี ปลาตระกูลเดียวกัน ก็จริง แต่ไม่ใช่ปลาตัวเดียวกัน รสชาติ และ ลักษณะเนื้อ อาจแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:48:37

ความคิดเห็นที่ 6 **เลยอยากรู้ว่า ปลา John Dary ของจริงๆ หาซื้อได้ที่ไหนค่ะ ** ที่ Makro    หรือ Lotus จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:50:47

ความคิดเห็นที่ 7 John Dory เหมือนปลาตาเดียวบ้านเรา แต่ตัวใหญ่กว่าบ้านเราเยอะ มีจุดกลมๆอยู่กลางลำตัวเลย.... จากคุณ : เอเจ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:50:56

ความคิดเห็นที่ 8 **หลงคิดว่ามาจากทะเลน้ำลึกคิดว่าคงมี โอเมก้า 3 เยอะ** โอเมก้า 3  มีมาก ใน น้ำมันปลาน้ำลึก.. เขตหนาว ทำไมจึงบอกว่า   ปลา- น้ำลึกเขตหนาว   ?? เรื่องนี้มีนัยสำคัญ (ต่อ) ....ขอตัวไปห้องสมุด เอ้ย ไปรับแขกหน่อย   ... อย่าเพิ่งปาด จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 10:55:16

ความคิดเห็นที่ 9 **ทำไมจึงบอกว่า   ปลา- น้ำลึกเขตหนาว   ??** เมื่อประมาณปี 70-80 มีงานวิจัยฯ ความว่า 1) ชาวแอสกิโมกินอาหารมีปริมาณไขมันสูงมากๆ แต่ชาวแอสกิโมไม่ค่อยเป็นโรคหัวใจ หรือเปอร์เซนต์ต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับชาวยุโรปและอเมริกันทื่เป็นโรคหัวใจมาก 2) ชาวแอสกิโม เมื่อย้ายมาอยู่ในเดนมาร์ก มีการเปลี่ยนอาหารการกินแบบชาวเดนมาร์ก มีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจมากขึ้น เป็นเปอร์เซนต์เท่าเทียมกับชาวเดนมาร์ก 3) จากข้อ 2 ) แนวโน้มเป็นโรคหัวใจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ "เชื้อชาติ หรือ กรรมพันธ์" .... เมื่อศึกษาต่อ จึงพบความลับว่า อาหารที่ชาวแอสกิโมกินมีส่วนต้านทานโรคหัวใจ .. นี่เป็นการค้นพบ EPA  ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งพบมากใน น้ำมันปลา-น้ำลึกเขตหนาว จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 11:44:46

ความคิดเห็นที่ 10 ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานวิจัยปลาน้ำจืดและปลาทะเลเขตร้อนครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 11:55:09

ความคิดเห็นที่ 11 ตามคุณ TinyNu ต่อด้วยค่ะ ได้ความรู้ดีจัง *********************** เคยซื้อปลาดอรี่มาผัดคึ่นฉ่ายกิน(แทนปลาช่อน) รสชาติออกมาอร่อยใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วชอบปลานี้นะคะ จากคุณ : ปลาปูอยู่ทะเล เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 11:58:20

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คุณTinyNu มาก ๆ ค่ะ ที่ช่วยหาข้อมูลให้ได้ความกระจ่างขึ้น แต่ จขกท อาจจะเขียน คำถามไม่กระจ่างเองค่ะ ทำให้เข้าใจผิดพลาดนิดหน่อย จริงๆ ปลาที่ซื้อจาก แมคโคร ชื่อว่า แปซิฟิก ดอรี่ค่ะ   จขกท ก็หาข้อมูลดูนิด ๆ หน่อยๆ พบว่า ปลาแปซิฟิก ดอรี่ หรือ ภาษาอังกฤษ ว่า Pangasius เป็นตระกูลปลาสวาย เผาะ เทโพ เทพา ฯลฯ  อย่างที่บอกนึกว่ามาจากแปซิฟิก ตามชื่อมันค่ะ และก็เลยได้ความรู้อีกว่า ปลาดอรี่ มันมีชื่อที่คล้ายกันอีกชื่อ คือ jone dory มาจากทะเลน้ำลึก มีโอเมก้า 3 เยอะ และก็ไม่มีกลิ่นคาว เคยไปกินสเต๊กที่ซิลลเลอร์มา ก็สั่งปลาดอรี่ คิดว่าอันเดียวกับที่ทำให้ลูกกิน แต่ถึงว่าทำไมแพงจัง  เพราะมันเป็นอย่างงี้นี้เอง เลยอยากหาซื้อมาทำบ้าง วันหลังไป แมคโคร จะเดินดูให้ทั่วกว่านี้ซะหน่อย จากคุณ : AllerGeNic เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:17:53

ความคิดเห็นที่ 13   JOHN DORY  ไม่มีขาย ในโลตัส และ แม็คโคร  แน่นอนครับ ที่วางขายอยู่นั้น  คือ  แปซิฟิค ดอรี่ ที่ตั้งชื่อ เลียนแบบ JOHN DORY นั่นเอง ลองอ่าน คห9 นะครับ  ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D9127339/D9127339.html ชัดเจน แจ่มแจ้งครับ อ้อ คำว่า   Jone Dory  น่ะ ไม่มีนะครับ เค้าเขียน    JOHN DORY   แบบนี้ ครับ อย่าสับสน ครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:22:57

ความคิดเห็นที่ 14 ปลา John Dory เนื้ออร่อย ไม่คาว ปลาสวาย เนื้อมีกลิ่นสาป มีมันเยอะ จึงไม่ได้รับความนิยม ราคาถูก แต่ผมเคยได้ "ปลาสวาย-คลองใหญ่" เนื้ออร่อย ไม่มีกลิ่นสาปเลย คุณย่าปกติไม่ทานปลาน้ำจืด ได้ชิมยังติดใจ แต่หาซื้อในตลาดทั่วไปไม่มีขาย ปลานี้ผมได้มาจากเถ้าแก่ ชัยเจริญ-ฟาร์ม บางบ่อ เขาเลี้ยงในบ่อใหญ่ คนบางบ่อเรียก "ปลา-คลองใหญ่" ที่นี่เป็นฟาร์ม แม่พันธ์ไก่เนื้อ อาร์เบอร์ เอเคอร์ ที่เถ้าแก่ไปเอามาพันธ์ต้นตำรับกับ CP ไข่ที่ตายโคม ฟักไม่เป็นตัวเขาก็เอาให้ปลากิน ผมคุยกับเถ้าแก่ทั้งวัน พอจะลากลับ แกหันไปสั่งลูกน้อง ..ไป "ทอดปลา" มาหน่อยซิ ผมคิดว่า ให้ทอดปลาในกระทะ จึงร้องบอก ไม่เอา แต่คนงานก็ไป ทอดแห--ได้ปลาสวาย ตัวอ้วนมาหลายตัว ผมเอาใส่ท้ายรถ ขับกลับถึงบ้าน ปลายังไม่ทันตาย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:25:01

ความคิดเห็นที่ 15   คห 4 ครับ JOHN DORY  กับ  Pacific john Dory  คนละตระกูลกันเลยครับ อย่าไข้วเขว นะครับ   ปลาคนละชนิดกันเลย อ้างอิงจากที่นี่ครับ http://animals.howstuffworks.com/fish/john-dory-info.htm จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:38:04

ความคิดเห็นที่ 16 **อ้อ คำว่า   Jone Dory  น่ะ ไม่มีนะครับ เค้าเขียน    JOHN DORY   แบบนี้ ครับ อย่าสับสน ครับ ** สับสน อะไรครับ   อย่าลืมซิ .... ผมเคยบอกคุณแล้ว ...ผมไม่ดูถูกภูมิปัญญาของผู้อ่าน ผมจึงไม่ต้องแก้ ไงครับ แต่ผู้อ่านซิครับ .... อย่าดูถูกตัวเอง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:46:19

ความคิดเห็นที่ 17   ตอบ คห 16 ที่บอกว่าอย่าสับสน  เพราะ คำที่ใช้เขียนมันผิด  ก็ทักท้วง ไงครับ เพราะผมเคยเห็นคุณ ทักท้วง คนอื่นอยู่เสมอ ในการตอบกระทู้  มิได้เป็นการดูถูก ดูแคลน แต่อย่างใด ผมยกตัวอย่าง ในกระทู้ที่คุณ เคยบอกว่า มาใช้คำกันให้ถูกเหอะ ตามกระทู้นี้http://www.pantip.com/cafe/food/topic/D9061801/D9061801.html ซึ่งผมก็ยังคงเห็นว่า  คุณกำลัง  สับสน  ไงครับ ส่วนเรื่อง  ตามที่บอกเลยครับ  คนละตระกูล คนละเผ่าพันธ์  และ ที่โลตัส ไม่มีขาย แน่นอน ครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 12:56:25

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ ปลาทูอยู่ที่นี่ ... Jone กับ John   นี่นะ ....ผมเขียนให้อากู๋   ขนาด Robot  มันไม่มีหัวคิด มันยังเข้าใจ   วิธีอ่านตำรา ...เขาอ่านให้เข้าใจเนื้อๆ   ไม่ใช่แกะอ่านพิสูจน์อักษร.. เป็นตัวๆ คุณ ปลาทูฯ ทำงานโรงพิมพ์หรือครับ   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:03:43

ความคิดเห็นที่ 19 ผมจะบอกให้ คนที่มีความรู้ ...เขาไม่ยกความผิดของผมที่อื่น มาอ้างความชอบธรรมที่คุณจะทำอย่างไร ??? ถ้าจะแย้ง ต้องแย้งตรงประเด็น specfic จำกัดในกระทู้เท่านั้น ที่สำคัญ ความผิดผมมีเยอะ จำนวนพลเมืองจีนจะพอ... ระบุความผิดผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?  พูดเสียทั้งหมด จะกลายเป็น เพชรพระอุมาเล่มใหญ่ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:15:16

ความคิดเห็นที่ 20   เขียนผิด ก็บอก ไปสิครับ จะมัวอายทำไม? และควรจะอยู่ในประเด็น ครับ คำว่า JOHN DORY เขียนแบบนี้ครับ ไม่ใช่ JONE DORY ครับ ปลาทั้งสองชนิด คนละตระกูลกัน  ชนิดนึงที่เป็นของแท้ อยู่ในทะเล ส่วนของเทียม เลี้ยงน้ำจืด การตอบในหน้าบอร์ด  ควรคำนึงถึง ผู้อ่าน เป็นที่สุด  เพราะ หากได้ คำตอบที่ผิดๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะอ่านไปทำไม? สมมุติว่า เราจะสั่งสอน ลูกหลาน ของเรา ให้มีความรู้ ประพฤติตัวให้ดี ถูกต้องตามคำสั่ง คำสอน เราก็ควรสอนตัวเราเองก่อน ทำให้ถูกต้องเป็นแบบอย่าง   ไม่ใช่ว่า  ในขณะที่เราผิด หรือ เราไม่รู้  แต่กลับไปสอน คนอื่น หน้าตาเฉย ปล ผม ไม่ได้อยู่ พิสูจน์ อักษร  หรือ เรียงพิพม์ ตามโรงพิมพ์ หรอกครับ ชื่อผมก็บอกอยู่แล้วว่า  ปลาทู อยู่ที่นี่ ไงครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:19:40

ความคิดเห็นที่ 21   คุณ TinyNu ไม่ได้ตอบเรื่องโอเมก้า 3 ตอบเรื่องปลาสวายเสร็จแล้ว รออ่านเรื่องโอเมก้า 3 ให้คุณปลาทูอยู่ที่นี่ตอบต่อดีกว่าคับ จากคุณ : คนใหม่ตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:54:41

ความคิดเห็นที่ 22 ปลา JOHN DORY หมายเลขที่3 รูปร่างหน้าตา คล้ายๆปลาวัว ที่อยู่ในทะเลไทย บ้านเราเลยนะครับ จากคุณ : boychon เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 13:54:51

ความคิดเห็นที่ 23 มาเรียนคุณ จขกท. ว่า.... คุณจขกท.เขียนได้ชัดเจน และอ่านรู้เรื่องดีอยู่แล้วครับ อ่านแล้วไม่งงหรอกครับ ไม่ต้องกังวลไป ส่วนเรื่องปลา Pacific Dory ก็อย่างที่คุณ ปลาทูอยู่ที่นี่อธิบายไปครับ ขอเพิ่มเติมอีกนิด เพื่อบางท่านจะได้ชัดเจนขึ้น... John Dory - a.k.a. St. Pierre ชื่อวิทย์ Zeus faber Genus : Zeus Family : Zeidae Order : Zeiformes Class : Actinopterygii Phylum : Chordata Pacific Dory - a.k.a. Basa fish, Tra , Vietnamese river cobbler, Pangas, Bocourti, Vietnamese catfish, Panga Vietnam ชื่อวิทย์ (เข้าใจว่าตัวที่คุณจขกท.ซื้อน่าจะเป็น) Pangasius bocourti Genus : Pangasius Family : Pangasiidae Order : Siluriformes Class : Actinopterygii Phylum : Chordata ก็อย่างที่คุณ ปลาทูอยู่ที่นี่ กรุณาบอกไว้ครับ ปลาทั้งสองห่างไกลกันค่อนข้างมาก ถ้าดูอย่างคนทั่วไป ก็จะเห็นได้ชัดว่า ชนิดหนึ่งอยู่น้ำจืด อีกชนิดอยู่น้ำเค็ม ถ้าดูจากอนุกรมวิธาน ก็จะเห็นได้ว่า กว่าจะตรงกันก็เป็นชั้น Class โน้นแหละ ซึ่ง Class Actinopterygii นั้นคือ พวกที่มีอวัยวะที่เรียกว่า lepidotrichia หรือเอาแบบง่ายๆว่ามี ครีบ ละกัน (ส่วน Phylum Chordata ก็เอาง่ายๆว่าคือพวกที่มีกระดูกสันหลัง) ส่วนตั้งแต่ชั้น order ลงมา ต่างกันหมดเลย ซึ่งแสดงให้เห็นความห่างและไม่ใช่ญาติสนิท หรือปลาตระกูล(genus)เดียวกันแต่อย่างใด ปลาสวายเวียดนาม หรือเจ้า Pacific dory มีข้อดีอย่างที่เห็นๆกันนั่นแหละครับ คือ เนื้อเยอะ สีเนื้อขาว กลิ่นคาวน้อยกว่าปลาน้ำจืดทั่วไป และที่สำคัญ เพาะเลี้ยงง่าย ราคาถูก ส่วนเจ้า John dory อันแสนน่ารักนั้น เป็นปลาทะเล และปกติไม่อยู่เป็นฝูง จึงหาได้ยากกว่าสวายเวียดนามแน่ๆ ราคาก็สูงกว่ากันมากครับ (แก้ไขตัวสะกดจ๊ะ) แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 16:22:00 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 15:23:31 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 14:13:29 จากคุณ : dragonite เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:12:40

ความคิดเห็นที่ 24   โอเมก้า 3  พอจะอธิบายคร่าวๆ นะครับ โอเมก้า  คือ ไขมัน ไม่อิ่มตัว เป็นไขมันที่ร่างกายคนเรา สร้างขึ้นมาไม่ได้จำเป็นต้องได้รับสารเหล่านี้ จากปลาทะเลน้ำลึก ปลาที่มีโอเมก้า3 ในปริมาณมาก ได้แก่ปลาผิวน้ำ เช่น ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเรอรัล ปลาเหล่านี้ว่ายน้ำเร็ว คล่องแคล่ว ในโอเมก้า3 มีกรดที่สำคัญคือ DHA และ EPA   โรงงานที่ผลิต ปลาทูน่า กระป๋อง มักจะพิมพ์ฉลากข้างกระป๋องว่า มีโอเมก้า3 รวมถึงสารที่ให้ประโยชน์ พัฒนา สมองในวัยเด็ก เช่น DHA โรงงานบางแห่ง ผลิต โอเมก้า3 ออกมาเป็นแคปซูล โดยการนำ น้ำที่ออกจากตัวปลาขณะอบให้สุก มาเข้าขบวนการการเคี่ยว และสลัดน้ำออก ก่อนทำเป็นผง บรรจุในแคปซูล เพื่อจำหน่าย จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:24:53

ความคิดเห็นที่ 25 ชัดเจน แจ่มแจ้งเลยค่ะ สรุปปลานี้หาซื้อยาก และราคาแพงมากๆ ขอบคุณ ทุกท่านมาก ๆที่สละเวลามาให้คำตอบค่ะ อากาศข้างนอกร้อนแล้ว ทุกท่าน ใจร่ม ๆๆ นะค่ะ จากคุณ : AllerGeNic เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 14:42:32

ความคิดเห็นที่ 26 ผมอ่านของคนนึงแล้วงง แต่อีกคนกลับเข้าใจแจ่มแจ้ง.. จากคุณ : Intricated เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 15:10:22

ความคิดเห็นที่ 27   คุณ TinyNu ตอบไม่งงหรอกคับ อธิบายมากไปหน่อยแต่ชอบอ่านได้ความรู้ดี อยากให้ต่อเรื่องโอเมก้า 3 อ่านค้างอยู่รู้สึกคุณ TinyNu อยากบอกบางอย่าง จากคุณ : คนใหม่ตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 15:29:53

ความคิดเห็นที่ 28   สาระเรื่องปลาเคลียร์แล้ว ตกลงซื้อที่ไหนครับ แล้วมันใช่ปลาแบบเดียวกับที่เค้าชอบเอามาทำฟิช แอน ชิป หรือเปล่า ถ้าใช่ มันมีขายที่ไหนค้าบ อยากซื้อด้วยคน เพราะไปซื้อกินไม่สะจายยยยหนู มีขายที่ไหนคะน้า หนูอยากกิน >_________< ใจร่มๆกันหน่อยเน้อออออ ปล.ถ้า คห.ผมไม่ฮาและพาใครเครียดก็ขอโทษนะครับ จากคุณ : Pize เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 15:37:39 A:183.89.189.102 X: TicketID:247822

ความคิดเห็นที่ 29 #27 ผมคงอ่านแล้วงงไปเองน่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : Intricated เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 16:36:11

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาอ่านความเห็น 26 แล้วคิดเหมือนกันครับ ไม่มีเจตนาที่จะแตกแยกใดๆนะครับ แต่รู้สึกจริงๆว่าไม่เข้าใจ(เจตนา) และอ่านมาหลายกระทู้แล้วที่เห็นแบบนี้ ขอบคุณคุณปลาทูครับ จากคุณ : แฟนเจี๊ยบ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 17:31:19

ความคิดเห็นที่ 31   ที่นี่มีขายทุกห้างค่ะ   แต่ทำไมใจเราถึงเสาะแสวงหาแต่ ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากระดี่บ้านเราเน้อ  แพงก็แพง แถมแช่แข็งมาอีกตังหาก  แต่ได้กินแล้วมีความสุขไปเจ็ดวัน จากคุณ : คุณนายก้อ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 17:36:16

ความคิดเห็นที่ 32 ขอถามหน่อยค่ะ คุณปลาทูอยู่ที่นี่ คุณdragonite หรือใครก็ได้เกี่ยวกับ แปซิฟิก ดอรีจากเวียดนาม คิดว่าเขาเลี้ยงโดยใช้ยาปฏิชีวนะหรือไม่คะ กลัวมีสารตกค้างน่ะค่ะ แต่ราคามันถูกเย้ายวนใจจริง ๒ แพ็ค ๗ เหรียญเอง แพ็คละ ๘๐๐ กรัม ที่ออสเตรเลียเรียกปลา Basa ค่ะ จากคุณ : หมาหางงอ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 18:18:34

ความคิดเห็นที่ 33   ขอตอบเท่าที่รู้นะครับ ปลาเผาะ  ปลาโม่ง หรือ พี่ดอรี่เทียม ที่เลี้ยงกันมากในเวียตนาม มีการเพาะพันธ์ แถวเมือง ดาลัด  และ ซาปา ในแต่ละปี เวียตนามผลิต ดอรี่เทียมสูงถึง 3แสน5หมื่นตัน  ส่งออก ดอรี่เทียม ไปอเมริกา และยุโรป  ปีนึง หลายร้อยล้านบาท แต่ปัญหาก็คือถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูง รวมถึงการคุมเข้มในเรื่องคุณภาพและมาตรฐานด้านความปลอดภัยของตลาดในอียู   จากการเลี้ยงที่ต้องควบคุมระบบการเลี้ยง ให้เป็นไปตามมารตฐาน ซึ่งฟาร์มแต่ละแห่ง จะต้อง พัฒนาการเลี้ยง มีการจัดการที่ดี รู้จักป้องกันโรคของปลา การใช้ยาปฎิชีวนะในปลา ก็มีการควบคุม  การเลี้ยงที่เวียตนามเป็นการเลี้ยงแบบเปิด คือใช้แหล่งน้ำจากธรรมชาติ  เลี้ยงในกระชัง  จะต่างกับเลี้ยงในบ่อดิน ซึ่งเป็นการเลี้ยงแบบปิด เราคงคาดหวังไม่ได้ 100% หรอกครับ  ว่าปลาที่มาจากเวียตนามจะปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อนของยาต่างๆ   แต่อยากให้มองว่า  การที่เวียตนาม สามารถส่งออก ดอรี่เทียมไป อเมริกา อียูได้นั้น แสดงว่า ไม่ธรรมดา มาตรฐานต่างๆต้องมี  เพราะอียู เข้มงวดมากในเรื่องนี้  ยังคงจำกันได้ถึงเรื่องกุ้งของไทยที่โดนกีดกัน โดยยกเรื่องยาปฎิชีวนะและ สารตกค้าง สมมุตินะครับ    สมมุติว่า เราเลี้ยงหมูไว้100ตัว แล้วหมูเกิดเป็นโรคขึ้นมา แต่ยังไม่ตายทั้งหมด  ทะยอยตายวันละตัว สองตัว ถามว่า เราจะให้ยาเพื่อรักษาหมูเหล่านั้นมั๊ย  และถ้ารักษาแล้วไม่หาย  เราจะเอาหมูเหล่านั้นไปขายหรือไม่ คงพอมีคำตอบในใจกันนะครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 19:21:55

ความคิดเห็นที่ 34 คุณปลาทูอยู่ที่นี่ ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำตอบที่รวดเร็วทันใจ ก็คิด ๆ อยู่ว่าถ้านำเข้าออสฯได้ก็น่าจะได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับหนึ่ง :) จากคุณ : หมาหางงอ เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 20:25:44

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วอยากให้ give คุณปลาทูอยู่นี่ จังเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 53 23:00:24 จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 53 22:31:11

ความคิดเห็นที่ 36   JUsco Super พัฒนาการ ก้อมี จากคุณ : KathyTammy (KathyTammy) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 01:46:03

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านแล้วอยากขอแจมบ้างนะครับ... ...จริงอยู่ครับที่มาตรฐานคุณภาพการส่งเข้ากลุ่มประเทศที่เจริญนั้นมันสูงครับ...แต่ระบบการลงทุนข้ามชาติ และ Non-Tariff barrier ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้สินค้าผ่านการตรวจสอบที่ความเข้มงวดต่างกันเช่นกันครับ... ประเทศเวียดนามนี่ก็มีคนไทยไปประกอบกิจการเลี้ยงกุ้งกุลาดำพอสมควรนะครับ เนื่องด้วยต้นทุนที่ต่ำจริงๆครับ...นอกจากนี้ ในภูมิภาคใกล้เคียงนี้ ในมุมมองของผมคิดว่า Aquaculture บ้านเราค่อนข้างมีวิวัฒนาการที่สูงในแง่ Capacity และ Biosecurity ครับ ประเด็นสำคัญเลยที่กล่าวถึง Non-tariff barrier ก็เพราะความไม่เป็นธรรมในการค้าทุกวันนี้ มันไม่สามารถชี้นิ้วได้ครับว่าเราจะรับ หรือไม่รับสินค้าจากประเทศโน้น ประเทศนี้ได้ง่ายๆครับ แต่ก็จะมีเหตุผลที่ยกอ้างต่างๆนานาให้เข้ากับ Civilization ครับ เช่นการไม่รับซื้อกุ้งไทย เพราะการจับปลาทำให้เต่าทะเลมีจำนวนลดลง...(ไม่มี index หรือ correlation ใดๆในการบ่งชี้ผลการจับปลา และที่้สำคัญ...กุ้งบ้านเราเลี้ยงเกือบทั้งหมด...ไม่เกี่ยวกับการจับจากแหล่งธรรมชาติครับ ปลาป่นที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหาร กากถั่วเหลือง และ Additive ต่างๆ...นำเข้าเสียเกือบทั้งหมดครับ) เพื่ออะไร...ก็เพราะบ้านเราสามารถทำกุ้งที่มีคุณภาพดีเข้าตลาดเขาได้ ในราคาเทียบคุณภาพที่เหมาะสมครับ ที่นี้มันก็อาจไปกระทบกับบริษัทลงทุนการเพาะเลี้ยงข้ามชาติครับ จากที่บอกว่าเวียดนามต้นทุนต่ำมากกว่าไทยเยอะ...แน่นอนว่าจากมุมมองของเขา เขาก็ต้องเลือกลงทุนกับเวียดนาม เพราะต้นทุนต่ำกว่า และรู้เท่าทันเทคโนโลยีเขาน้อยกว่าไทยครับ ทำให้โอกาสเกิดคู่แข่งมีน้อยกว่ามาลงทุนในบ้านเราด้วยครับ... ส่วนเรื่องมาตรฐาน...เขามี Guideline อยู่แล้ว แต่เมื่อทุกประเทศที่มีความสามารถในการผลิตได้ทัดเทียม หรือดีกว่า เขาก็ต้องหามาตรการอื่นๆที่จำเพาะเรื่อยๆอย่างเรื่องเต่าทะเลที่ยกไปไงครับ ทั้งๆที่จริงๆอาจเกิดจากโลกร้อนก็ได้ที่ทำให้วิถีชีวิต แหล่งอาหาร กระแสน้ำเปลี่ยนไป แต่มันเกิด Concomitant correlate กับเทคโนโลยีการจับปลาที่สูงขึ้น...ก็เลยสรุปซะอย่างนั้น...ทั้งๆที่อาจไม่มีอะไรเกี่ยวข้องก็ได้... ที่เลวร้ายกว่านั้น เคยมีประวัติด้วยซ้ำว่ามีการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม เช่นกรณีแบนกุ้งไทย แต่อนุญาตกุ้งอินเดียเข้าสหรัฐฯ เมื่อเริ่มมีการตรวจยาตกค้าง ทั้งที่อินเดียก็มีการใช้ยา เวียดนามก็ใช้ยา...แต่ มีกลุ่มทุนจากประเทศเขามาลงทุนไว้ไง... หรือกรณีไก่เนื้อ ที่อเมริกาใต้เลี้ยงส่งเข้าอเมริกาเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งๆที่เทคนิกบ้านเราก็ไม่ด้อยเลย...เพราะการลงทุนเลี้ยงในต่างประเทศเพื่อส่งกลับประเทศของตนที่เกิดขึ้นไง... ไก่หรือ สุกรหรือ สัตว์ที่อยู่ในอากาศ ที่อยู่ในเขตร้อน...ไม่ใช้ยาเลี้ยงแล้วสามารถส่งขายได้ โดยอ้างว่าใ้ช้การจัดการ...ถ้าไม่มีทุนเลย ยังไงก็ไม่กำไรครับ กู้เค้าทำก็มีแต่เอากำไรจ่ายดอกเบี้ยครับ... แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 53 03:11:23 จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 03:01:29

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ sivpeer ขอบคุณสำหรับอีกมุมมอง เรียกว่าเป็น reciprocity-หลักการค้าต่างตอบแทนซินะ ที่ถามเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน อ่านข่าวเจออียูเคยยกเลิกการนำเข้าปลา (catfish หรือไงเนี่ย) จากเวียดนามเนื่องจากมีสารตกค้างเกินมาตรฐาน กอปรกับเคยได้มีโอกาสไปสัมมนาเกี่ยวกับลุ่มน้ำโขงที่เมืองกวางนัม ทางใต้ของเวียดนาม เจ้าภาพพาไปดูฟาร์มเลี้ยงปลา ผู้ร่วมสัมนาซึ่งเป็นพี่คนไทยทำงานประมงแอบกระซิบบอกเขาใช้ยาปฏิชีวนะเยอะจัง ก็เลยแค่สงสัยน่ะค่ะ เพราะปลาแต่ละชนิดอาจจะเลี้ยงและใช้ยาไม่เหมือนกัน :) จากคุณ : หมาหางงอ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 06:52:50

ความคิดเห็นที่ 39   พอเห็นเรื่อง การกีดกันทางการค้า  ด้วยเรื่อง เต่าทะเล แล้วกลับไปนึกถึงdolphin safe ที่ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋อง  ต่างประสพมา เรื่อง เต่าทะเล  คงต้องแยกเป็น2กรณี -ถ้าจับกุ้งจากทะเล ซึ่งเป็นกุ้ง ธรรมชาคิ  ชาวประมงที่มีอวนลากกุ้ง จะต้องติดตั้งอุปกรณ์ แยกเต่าทะเล หรือ ที่เรียกเครื่องมือนี้ว่า TEDs  ทุกลำ และต้องแสดงให้เห็นว่า  ประเทศไทยมีการอนุรักษ์เต่าทะเลอย่างจริงจัง ผลผลิตถึงจะส่งออกไป อเมริกาได้  แม้ว่า ไทยจะมีการจับกุ้งทะเลที่มาจากธรรมชาติ คิดเป็นร้อยละ5 เมื่อเทียบกับกุ้งที่เลี้ยงเพื่อส่งออก -กุ้งที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคและส่งออก ไม่ต้องกังวลในข้อห้ามเรื่อง เต่าทะเล   แต่ก็นั่นแหละ การกีดกันจึงเริ่มต้นด้วยการพ่วงเอาเรื่อง สิ่งแวดล้อม  การไม่ทำลายป่าชายเลน  การเลี้ยงแบบไม่ทำลายสัตว์น้ำวัยอ่อน สารพัดที่จะนำมาอ้าง อุตสหกรรมอื่นๆ ที่มีปริมาณการส่งออกไป อเมริกา ปีละหลายพันล้านตัน เช่นอุตสหกรรมทูน่ากระป๋อง  ก็เคยโดนกีดกันมาแล้วเช่นกัน   โดยครั้งนั้นเป็นเรื่องของการอนุรักษ์ ปลาโลมา หรือ dolphin safe จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 09:59:41

ความคิดเห็นที่ 40 สสส.เคยให้ข่าวว่าปลาน้ำจืดของไทยก็มีโอเมก้า 3 ไม่แพ้ปลาทะเลครับ ตาม url ไปเลย http://www.thaihealth.or.th/node/5552 จากคุณ : tla2000 (tla2000) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 10:00:49

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ tla2000 เราก็คิดเหมือนกันนะ เพราะถ้าอย่างนั้นสมัยก่อน ๆ ที่ปลาจากทะเลน้ำลึกยังไม่มีในประเทศไทย คนเราบ้านเราจะขาดสารโอเมก้า 3 กันรึเปล่า อย่างตอนน้องสะใภ้ท้องเค้าก็กินแต่ปลาทูนะ แล้วสุขภาพเค้าดีมาก ๆ เลยค่ะ นึกอยู่ว่าแล้วถ้าเป็นปลาทะเลธรรมดาบ้านเราล่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัว เวลาไปร้านอาหารไหน แล้วบอกว่าใช้ปลาดอรี่ เราจะไม่กินเลยค่ะ เพราะความสดมันไม่ค่อยจะเหลือแล้ว มันไม่คาวนะ แต่เนื้อมันก็ยุ่ย ไม่ได้รสชาติของความสด ยังไงมันก็คืออาหารแช่แข็ง จะสู้อาหารสด ๆ ได้เหรอ แต่ก็เป็นแค่ข้อสงสัยเพราะยังไม่เคยอ่านงานวิจัยค่ะ ตอนนี้ก็เลยรู้แต่ว่ากินปลาให้มากเท่าที่จะทำได้ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 13:55:17

ความคิดเห็นที่ 42 ก็ทับทิมก็เคยบอกว่ามี โอเมก้า 3 เยอะ จำได้ว่าตอนมาขายแรกๆก็โฆษณาประเด็นโอเมก้า 3 เยอะเหมือนกัน ส่วนดอรี่ ถามว่าสดมั๊ย ก็สดครับ แต่สดแบบแช่แข็ง คือเค้าก็มีกระบวนการแช่แข็งที่มีเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อปลามันละลายออกมาแล้ว ใกล้เคียงปลาสดน่ะครับ ส่วนที่บอกว่าเนื้อมันยุ่ย เป็นธรรมดาครับ เป็นธรรมชาติของปลามันอยู่แล้ว ปลาดอลลี่ มีดีตรงไม่คาว ราคาไม่แพงเท่านั้นล่ะครับ ผมเคยอ่านการ์ตูน ย้ำว่าการ์ตูน เกี่ยวกับซูชิครับ มีตัวละครในเรื่องชอบของสดมาก บอกว่าทานทูน่าต้องทูน่าสดๆ ไม่งั้นไม่อร่อย ของแช่แข็งสู้ไม่ได้ แต่ในเรื่อง เค้าบอกว่าทูน่าแช่แข็งบางประเภท จะอร่อยกว่าทูน่าแบบสดสด ที่ไม่ได้แช่แข็ง เพราะ ที่ต้องแช่แข็งเพราะใช้เรือใหญ่ในการจับ และจับในเขตทะเลยุโรป ที่คลื่นลมรุนแรง แต่ปลาที่นั่นจะอร่อยกว่า และสดกว่า ปลาทูน่าที่จับได้ใกล้ชายฝั่งญี่ปุ่น เพราะใกล้ชายฝั่งชาวประมงจะใช้เรือเล็กที่ไม่มีระบบแช่แข็ง   เนื่องด้วยปลาทูน่า จะเสียไวโดยเริ่มเสียจากเครื่องใน หากเรือไม่มีระบบแช่แข็งทำให้เนื้อทูน่าไหม้ได้ไวกว่า เรือที่มีระบบแช่แข็ง อีกทั้งปลาที่จับได้ในเขต น้ำลึกคลื่นลมรุนแรง จะมีกล้ามเนื้อมากกว่าและรสดีกว่าครับ เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ แต่บางทีเราก็ต้องดูว่าเราอคติมากไปรึเปล่า เหมือนผักโครงการหลวงอ่ะครับ ไม่ได้สดกว่าผักในตลาดเลย ทำไมเราเลือกทานผักประเภทนี้ก่อนล่ะ ?? หลายอย่างเก็บมานานแล้วแต่ด้วยเทคโนโลยีการเก็บ การแพ็คทำให้มันอยู่ได้นานครับ ถ้าต้องการรสชาติสดๆ คงต้องเลือกร้านที่ฆ่ากันเดี๋ยวนั้นทำกันเดี่ยวนัน้เลยครับ รับรองสดแน่ๆ จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 15:56:14

ความคิดเห็นที่ 43 ใช่ครับคุึณ หมาหางงอ เพราะว่าเค้าเป็นคนคิดเทคโนโลยี ซึ่งเมื่อคิดขึ้นมาแล้ว ก็ต้องการที่จะขายให้มากที่สุด การออกงานวิจัยหลายๆชิ้น ก็มี Hidden agenda ในแง่นี้ครับ Basic เลยก็ลองดูเรื่องน้ำมันพืชครับ ... ...แต่อย่างนั้น เขาก็คงตรวจบ้างล่ะครับ เพียงแต่มาตรฐานอาจต่างกัน เพราะการประเมินวิเคราะห์ความเสี่ยง จะมี 4 ระดับเหมือน Hazard analysis อื่นๆครับ คือ - Catastrophic - Hazardous - Major - Minor นั่นหมายความว่าแม้แต่มาตรฐานเองยังยืดหยุ่นได้ถึง 3 ระดับ...ดังนั้นแน่นอนครับ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ใดๆร่วมกันเลย ของที่อนุญาตให้นำเข้ามา ต้องมีความปลอดภัยสูงสุดครับ... ...สำหรับกรณี Omega-3 มันมีเกือบทั้งนั้นครับทั้งปลาน้ำจืด น้ำเค็ม น้ำตื้น น้ำลึก นั่นก็เพราะการได้รับกรดไขมันจากพืชอาหารใน Food chain ขั้นต่ำสุดครับ โดยเฉพาะพวกพืชสาหร่าย ที่สามารถสร้างกรดไขมันเกิน 16 คาร์บอนได้ครับ จุดที่น่าสนใจน่าจะเป็น Omega-3 : Omega-6 ratio มากกว่าครับ เพราะ 2 ตัวนี้มีบทบาทในการทำงานของร่างกายที่ตรงกันข้ามกันหลายอย่างครับ เช่นการหายของแผล ความดันโลหิต การทำงานของหลอดเลือด และหัวใจ เป็นต้นครับ... ...สำหรับเรื่องความสด น่ากินของวัตถุดิบอาหาร เขาจะมีเรื่องของ Texture เนื้ออาหาร และองค์ประกอบทางเคมี ที่สามารถบ่งได้ครับ... ..เคยเจออาหารที่หน้าร้านก็จับปลาสดๆกันตรงนั้น ทำตรงนั้น แต่รสชาติบางทีสู้วัตถุดิบ ที่เตรียมพร้อมมาแล้วไม่ได้ไหมครับ บ้างก็เป็นเพราะรสมือ.. ..แต่สิ่งที่สำคัญอีกสิ่งคือสิ่งมีชีวิตมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ - บางครั้งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ทำให้รส - สัมผัสที่ดีขึ้น เช่นความเหนียวของเนื้อ ที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆหลังการตาย จนภายใน 24 ชั่วโมงจะถึงจุดที่แข็งมากที่สุด แล้วจะค่อยๆคลายลง - บางครั้งอีกเช่นกันที่การเปลี่ยนแปลงทำให้รส - สัมผัสแย่ลง เช่นเซลล์ถูกย่อยสลายจากเซลล์แตก เซลล์ตาย การย่อยสลาย จากการเก็บที่ไม่เหมาะสม เกิดเป็นรอยช้ำบนผัก รอยเมือกของเนื้อ หรือ หรือปริมาณน้ำตาลที่ลดลงเรื่อยๆหลังตาย หรือเก็บเกี่ยวครับ จากคุณ : sivpeer เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 16:19:02

ความคิดเห็นที่ 44 พอจะทราบการหาซื้อปลา John Dory นะคะ คือส่วนมากที่เห็นกันจะอยู่ใน Menu ตามร้านอาหารใหญ่ๆ และตามโรงแรม โดยพวกนี้จะสั่งซื้อกับผู้นำเข้า โดยต้องสั่งล่วงหน้าก่อนเพื่อให้ทางผู้นำเข้าติดต่อไปต่างประเทศโดยตรง เพราะเป็นปลาที่ต้องจับในทะเลไม่ได้เลี้ยงเอาไว้ ซึ่งอาจจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ น่าจะมาจากนิวซีแลนด์ ถ้าหากต้องการซื้อคงต้องติดต่อกับบริษัทผู้นำเข้าเลยนะคะ ที่พอรู้น่าจะเป็น siamfood, jagota ประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : **LiLy On The BeAcH** เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 19:13:27

ความคิดเห็นที่ 45 จุดเริ่มต้นมาจากแค่ว่าปลา John Dory หาซื้อที่ไหน สรุปว่าอ่านไปอ่านมา งง และเมื่ออ่านหลายๆรอบกลายเป็นนักชีววิทยาเกี่ยวกับปลาทะเลไปซะงั้น 555+ เป็นวิธีการที่อธิบายอ้อมๆแล้วเข้าเส้นชัยนี่น่า จากคุณ : บลู (blueswim) เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 53 18:34:14