PANTIP.COM : D9237935 +++++++++น้ำเต้าหู้ที่อร่อย ต้องมีลักษณะยังไงครับ++++++++++ [อาหารการกิน]

ความคิดเห็นที่ 9

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าน้ำเต้าหูที่อร่อย รสชาติเป็นอย่างไร มันจะเข้มข้น ไม่ขืน ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว

รสออกมันนิดๆ แต่ไม่ใช่มันแบบใส่ครีมเทียมนะครับ เดี๋ยวนี้บางเจ้าเขาใส่กัน

ส่วนความหวาน ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนว่าจะใส่น้ำตาลมากน้อยแค่ไหน

ถ้าจะให้เทียบแล้ว... ไวตามิลค์ คงพอได้ แต่เรามักซื้อกินแบบแช่เย็น ลองเอาไปอุ่นให้ร้อนแล้วชิมดูครับ

ส่วนยี่ห้อชื่อญี่ปุ่นต่างๆ ยังไม่เคยเจอ เลยยังไม่ได้ลองชิมดู

ที่ว่ามานี้ มาจากความทรงจำตอนเด็กที่เคยดูแม่ทำขาย ได้กินเกือบทุกวัน คุ้นเคยกับรสชาติน้ำเต้าหู้ที่แม่ทำ จนรู้สึกว่ากินเจ้าไหนๆ ก็ไม่อร่อยเท่าที่แม่ทำ

น้ำเต้าหู้ที่แม่ทำขาย

ตอนบ่ายแดดดีๆ แม่เอาถั่วเหลืองใส่กระด้งไปตากแดดสัก 3 ชั่วโมง พอแดดตกก็เก็บ แล้วเอามาคัดเม็ดกรวดเม็ดดิน สิ่งสกปรกที่เจือปนออกไป

แล้วเอาไปโม่ด้วยโม่หิน ให้ถั่วเหลืองแตกซีก ตรงนี้บางทีก็ตกเป็นหน้าที่ของผม ที่ชอบไปวุ่นวายตามประสาเด็กซุกซนอยากรู้

พอหัวค่ำ แม่จะเอาถั่วเหลืองที่โม่แล้ว ใส่หม้อใบใหญ่ ไปล้างน้ำในคลอง ..แต่ก่อนยังไม่มีน้ำประปา แทบทุกบ้านต้องใช้น้ำคลอง... ล้างเปลือกเม็ดถั่ว สิ่งเจือปนทิ้งไป

แล้วกลับบ้าน ใช้น้ำในโอ่งที่เก็บไว้ (น้ำคลองที่กวนสารส้มให้น้ำใส) ใส่แช่ถั่วค้างคืนไว้

น้ำที่ใช้ทำน้ำเต้าหู้ ต้องเป็นน้ำจืดสนิท ถ้าเป็นน้ำฝนที่รองเก็บไว้ก็ดี บางช่วงน้ำในคลองเป็นน้ำกร่อย เพราะน้ำทะเลหนุน ก็ต้องคอยซื้อน้ำจืดที่ชาวเรือบรรทุกใส่โอ่ง ล่องเรือมาขายจากทางราชบุรี

ตอนเช้ามืด สักตี 4 แม่จะตื่นขึ้นมาโม่ถั่วที่แช่ไว้ การโม่ถั่วจะเติมถั่วลงไปในช่องใส่ของโม่ตัวบนให้เต็ม เติมน้ำลงไป แล้วโม่ไปเรื่อย กว่าจะหมดหม้อ ก็เป็นชั่วโมง ตอนนี้ถ้าผมตื่น ก็จะไปช่วยแม่โม้ถั่ว แบบไปวุ่นวายกับเขามากกว่า

หลังโม่ถั่วแล้ว จะได้น้ำโม่ถั่วแบบเข้มข้น กลิ่นออกเหม็นขืนหน่อยๆ ก็จะเอาไปคั้นกรองน้ำด้วยผ้าขาวบางซ้อนกันหลายๆ ชั้น คล้ายกับคั้นน้ำกะทิ
คั้นรอบแรกไปแล้ว ก็เติมน้ำร้อนลงในกากถั่ว คั้นอีกสักรอบสองรอบ กากถั่วที่เหลือก็แยกเก็บไว้ ให้คนเลี้ยงหมูที่จะมาขอเอาไปผสมอาหารเลี้ยงหมู

พอคั้นน้ำเต้าหู้เรียบร้อยแล้ว ก็จะเอาไปต้ม ใช้เตาถ่านไฟอ่อนๆ ต้มไปเรื่อยๆ แล้วคนเป็นระยะ จนเดือด จะทำให้กลิ่นเหม็นขืนหายไป ก็พร้อมที่จะเอาออกไปขายได้

น้ำเต้าหู้ที่ต้มแล้วนี้ ถ้าตั้งไว้ให้เย็นลง ก็จะเกิดฝ้าฟองเต้าหู้ที่ผิวหน้า ตักมาใส่กินกับน้ำเต้าหู้ อร่อยมาก

เวลาขาย จะตั้งไว้บนเตาไฟ ที่ตักขี้เถ้ากลบถ่านไว้ น้ำเต้าหู้จะร้อนอุ่นอยู่ตลอด
เวลาขายจะใส่ถ้วยกลมใบเล็กๆ เคลือบสีขาวข้างใน ข้างนอกเขียนลวดลายสีน้ำเงิน

ที่สำคัญ คือ ใช้น้ำตาลทรายขาวใส่น้ำเต้าหู้ครับ ไม่ได้ใช้น้ำเชื่อมแบบที่ขายกันในปัจจุบันนี้

ใส่น้ำตาลทรายขาวถ้วยละสัก 1 ช้อนโต๊ะ ตักน้ำเต้าหู้ใส่เกือบเต็มถ้วย ก็เรียบร้อย อันนี้แบบธรรมดา ขายถ้วยละ 1 หรือ 2 บาท จำไม่ได้แล้ว

ถ้าเป็นน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง ก็จะมี ลูกเดือย ฟองเต้าหู้ ฟักเชื่อมแห้ง หรือตังกวยแฉะ มี 3 อย่างนี้ ไม่มีเม็ดแมงลัก อย่างที่ขายกันในปัจจุบัน

ถ้าใครชอบไข่ ก็ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปด้วย 1 ฟอง ขายกันถ้วยละ 3-4 บาท มั้ง จำไม่ค่อยแม่น เพราะนานมากแล้ว

ช่วงตั้งร้านขายน้ำเต้าหู้ตอนเช้ามืด ถ้าร้านทำปาท่องโก๋ยังไม่มาส่ง (แต่ก่อนมีร้านทำปาท่องโก๋ส่งต่างหาก คนขายน้ำเต้าหู้ไม่ได้ทอดปาท่องโก๋ขายเองเหมือนสมัยนี้) ผมก็จะมีหน้าที่วิ่งไปตามปาท่องโก๋จากร้านที่ทำ หรือขอแบ่งมาบางส่วนก่อน

แม่ขายของแบบคนใจดี เพราะเป็นตลาดเล็กๆ (ถ้าเอ่ยชื่อก็จะร้อง อ๋อ) รู้จักลูกค้าหมด
ใครมาซื้อกินถ้าชอบหวาน ก็ตักน้ำตาลเติมกันเอง บางคนชอบกินหวานมาก ตักใส่กัน 3-4 ช้อน ก็มี

จากคุณ : jan Hua

เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 53 09:29:11