ความคิดเห็นที่ 1 เท่าที่รู้สึกได้ เนื้อปลาเก๋ามันจะเหนียวๆกว่าค่ะ เพราะมันเก๋า 55 ปลาเก๋า นิยมทำ ราดพริก สามรส ต้มยำหัวปลา(เนื้อที่หัวเยอะ) ปลากระพง นิยมทำ นึ่งมะนาว นึ่งซีอิ๊ว ทอดน้ำปลา คิดออกประมาณนี้อ่ะค่ะ ส่วนแดงกะขาวนี่ รู้แค่ขาวแพงกว่าอ่ะ จากคุณ : kungchan เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:16:38

ความคิดเห็นที่ 2 แตกต่างครับ ผมว่าปลาเก๋าเนื้อจะหนึบมากกว่า เนื้อนิ่มกว่า ไม่ว่าจะนึ่งจะทอด ผมว่ารสชาติดีกว่า แต่ราคาก็แพงกว่าปลากระพงพอควร จากคุณ : คนเมาเอิ๊กๆ เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:17:44

ความคิดเห็นที่ 3 กระพงถ้าเป็นกระพงขาว นอกจากเอาไปนึ่งหรือทอดแล้ว ทำอาหารอย่างอื่นค่อนข้างทำอาหารลำบาก ครับ โดยเฉพาะจานผัด อย่างทำราดหน้าปลา หรือ ปลากระพงผัดฉ่า ถ้าใช้ลงไปผัดในกระทะสดๆ มีหวังแตกเละหมด แต่ถ้าเป็นปลาเก๋าใส่ตอนไหนก็ไม่แตก จากคุณ : จาน ชาม ช้อน ส้อม เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 03:19:38

ความคิดเห็นที่ 4 ปลาเก๋า รูปร่างภายนอกดุดัน มั่นใจทำอาหารได้ทุกแบบเหมือนที่ว่าแหละครับ ปลากระพง รูปร่างดูดีกว่าปลาเก๋า  มีทั้งกระพงขาวและกระพงแดง ทำอาหารได้หลายรูปแบบเช่นกัน แต่เนื้อกระพงขาว จะนุ่มนิ่มกว่ากระพงแดง แนะนำให้ลองไปซื้อหา ส่วนของราวท้องหรือพุง จากปลาทั้งสามประเภทนี้ มาทำเมนู "ต้มยำ" หรือ "แกงเหลือง" รับประทานดูนะครับ จึงจะฟ้นธงในรสชาติของเค้าได้ น่ะครับ ข้อสังเกตุ กระพงขาว จะมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง ในร้านอาหารส่วนมาก จะเจอเมนูปลากระพงเลี้ยงทั้งนั้น บางครั้งเวลารับประทานเมนูปลากระพงขาว จะมีกลิ่นสาบของโคลนเลน  นั่นคือปลากระพงที่ฝังตัวอยู่ในพื้นดินเลนของบ่อเลี้ยงกุ้งทะเล หลังจากเค้าจับกุ้งขายไปแล้ว จะพบปลากระพงขาว จำนวนหนึ่งอยู่ในบ่อเลี้ยงกุ้งครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 06:09:15 จากคุณ : ภักษาภิรมย์ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 06:04:34

ความคิดเห็นที่ 5 กะพงขาว กะพงแดงแตกต่างกันเพราะไม่ใช่ปลาชนิดเดียวกัน ปลากะพงขาวเป็นปลาที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งในเขตที่เรียกกันว่า 3 น้ำ (จืด กร่อย เค็ม) ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงปลากะพงขาวในเชิงพาณิชย์ ปลากะพงแดงเป็นปลาทะเลน้ำลึก คนจีนเรียกว่า "อั้งเกย" หรือแปลตรงตัวว่าไก่แดง เป็นปลาที่อยู่และเติบโตตามธรรมชาติ ปลาเก๋าเป็นปลาทะเล มีหลากหลายสายพันธุ์ เป็นปลาที่อยู่และเติบโตตามธรรมชาติแต่ก็เริ่มมีการจับเอาตัวเล็กมาขุนต่อในกระชังเพื่อให้ได้ขนาด ราคาขายก็จะได้ดีขึ้นด้วย ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ กะพงขาวเป็นปลาเลี้ยงดังนั้นผู้เลี้ยงจึงย่อมต้องการที่จะเลี้ยงให้ปลามีน้ำหนักที่ต้องการในระยะเวลาที่สั้นที่สุด ปลากะพงขาวไซส์จานที่มักจะมีขายกันตามภัตตาคารทั่วไป ใช้เวลาเลี้ยงเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ในขณะที่ปลาที่เติบโตตามธรรมชาติต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะโตได้ขนาด ความแตกต่างทางกายภาพของเนื้อปลาเหล่านี้มีแน่นอน แต่ละสายพันธุ์ย่อมมีลักษณะเฉพาะของตนแต่ขอข้ามจุดนี้ไป ขอพิจารณาเฉพาะแค่เรื่องอายุขัยของปลาแต่ละตัวก่อนที่จะมาถึงโต๊ะอาหาร - ปลากะพงขาวขึ้นโต๊ะอาหาร อายุไม่เกิน 6 เดือน - ปลากะพงแดง ปลาเก๋า ขึ้นโต๊ะอาหาร อายุเกิน 6 เดือนแน่นอนแต่จะมากแค่ไหนไม่อาจทราบได้ ลองเปรียบเทียบไก่และเนื้อสัตว์อื่นเช่นหมูและวัวไปด้วย ไก่เลี้ยงมีอายุประมาณ 40 วันเมื่อมาขึ้นโต๊ะอาหาร ไก่บ้านพื้นเมืองจะมีอายุหลายเดือนกว่าจะขึ้นโต๊ะอาหาร วัวที่เลี้ยงตามพื้นบ้านกว่าจะได้น้ำหนักพอที่จะเชือดได้ก็ต้องใช้เวลานาน ในขณะที่วัวที่ถูกขุนมาเพื่อเป็นวัวเนื้อนั้นจะมีน้ำหนักเหมาะสมด้วยอายุที่น้อยกว่า อายุน้อยกว่าก็ย่อมทำให้เนื้อนุ่มกว่า อันนี้ก็ลางเนื้อชอบลางยา บางคนก็ไม่ชอบกินไก่เลี้ยงเพราะติว่านุ่มและฟ่ามเกินไปสู้ไก่พื้นเมืองไม่ได้เพราะเนื้ออร่อยกว่า เนื้อวัวบ้านย่อมจะเหนียวกว่าเนื้อวัวขุนเพราะอายุมากกว่า ปลาอายุมากกว่าย่อมจะมีเนื้อเหนียวกว่า มาถึงตรงนี้ก็คงพอจะทำให้มองเห็นภาพได้บ้างว่า ปลาที่ถูกเพาะเลี้ยงมาน่าจะมีเนื้อที่นุ่มกว่าปลาธรรมชาติเพราะว่ายังมีอายุน้อย ในกรณีย์ของปลา บางครั้งความนุ่มก็กลายเป็นจุดอ่อนไป การเลือกเมนูให้เหมาะสมกับประเภทของปลาจึงมีความสำคัญ ขนาดของปลาก็มีความสำคัญ ปลาตัวใหญ่ก็ย่อมหมายถึงว่าอายุมากกว่า บางท่านอาจได้เคยเห็นตามร้านขายข้าวต้มปลาชื่อดังว่ามีการแขวนซากปลาขนาดใหญ่ๆ โชว์ไว้หน้าร้านด้วย ทำไมถึงต้องโชว์ซากปลาตัวใหญ่ๆ? ปลาตัวใหญ่ๆ จะมีเนื้อเหนียวกว่า เมื่อเอามาต้มทำข้าวต้มปลา เนื้อปลาก็จะไม่เปื่อยยุ่ย ยังคงอยู่เป็นชิ้นสวยงามและเคี้ยวอร่อยกว่า หากเอาปลากะพงเลี้ยงไซส์จานมาทำข้าวต้มปลา ท่านคงจะได้น้ำซุปปลาแทนที่จะเป็นข้าวต้มเนื้อปลา เขียนมาเสียยาวแต่ก็เพียงพยายามจะออกความเห็นว่า ปลาแต่ละชนิดย่อมมีความแตกต่างกันทางกายภาพ ปลาแต่ละชนิดย่อมมีความแตกต่างกันทางอายุขัย พ่อครัวจะเลือกปลามาทำอาหารก็ต้องเลือกโดยพิจารณาถึงเรื่องเหล่านี้เพื่อที่จะได้ปลาที่เหมาะกับเมนูนั้นที่สุด จากคุณ : oj_long เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 07:02:36

ความคิดเห็นที่ 6 ทำไม ต้องเป็น "ปลาเก๋าราดพริก" เมนูอาหารต่างก็ล้วนเป็นเรื่องของการถ่ายทอดต่อๆ กันมา ในอดีต ปลาทะเลที่มีขนาดตัวพอเหมาะ (จาน) มักจะเป็นปลาเบ็ดหรือปลาดักลอบ การตกปลาหรือดักลอบปลาก็มักต้องกระทำกันตามหินกองใต้น้ำซึ่งมักจะเป็นที่สิงสู่ของบรรดาปลาหินต่างๆ ปลาเก๋าก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ร้านอาหารเมื่อนำเสนออาหารก็ย่อมต้องการนำเสนอความน่ากินด้วย ดังนั้นการใช้ปลาที่มีขนาดเหมาะสมกับภาชนะจึงมีส่วนสำคัญในการเลือกใช้ปลา ปลากะพงในอดีตที่ยังไม่มีการเพาะเลี้ยง เวลาจับได้ไม่ว่าจะด้วยอวนหรือเบ็ดก็มักจะเป็นปลาขนาดใหญ่ๆ การจะเอาปลาขนาดใหญ่ๆ มาทำเมนูทอดหรือนึ่งใส่จานก็คงจะกะไรอยู่ อีกประการหนึ่งปลาใหญ่ๆ อายุมากเนื้อก็จะเหนียวกว่า หากเอามาทำเมนูทอดก็คงจะยิ่งแล้วไปกันใหญ่ นี่อาจจะเป็นเหตุที่ทำให้ "ปลาเก๋า" กลายเป็นชื่อปลาที่ถูกเลือกใช้ในเมนูไม่ว่าจะเป็นทอดหรือนึ่ง (ในอดีต) และมีผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันเราสามารถเพาะเลี้ยงกะพงขาวได้แล้ว จึงมีการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์มากมายและฟาร์มเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่จัดส่งปลากะพงขนาดพอเหมาะกับจานมาตามร้านอาหารต่างๆ ปลาเก๋าที่เคยเป็นปลาหาง่ายในอดีตตอนนี้กลายเป็นของหายาก ราคาก็เลยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ พอราคาสูงมากๆ ก็เป็นธรรมดาที่ร้านอาหารต้องหาตัวเลือกใหม่และมักจะมาลงเอยที่ปลากะพงขาว จริงอยู่ที่ยังหากิน "ปลาเก๋า" ราดพริก นึ่งซีอิ๊ว ทอดกระเทียม ได้แต่สนนราคาก็ค่อนข้างสูง ปัจจุบันปลากะพงจึงเขามาแทนที่ เชื่อว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้า คนรุ่นต่อไปก็อาจจะมีคำถามว่า "ทำไมจึงต้องเป็นปลากะพงขาวราดพริก?" จากคุณ : oj_long เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 07:15:56

ความคิดเห็นที่ 7   คุณoj_long เยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ จากคุณ : แม่พลอย2010 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 08:08:53

ความคิดเห็นที่ 8 ให้เลือก 2 ปลา ผมเลือกปลาเก๋า เอามาทอดเฉยๆ เนื้อกรอบอร่อย เสียแต่มีหัวโตสักหน่อย แต่ลองทำอนาโตมีแล้ว อัตราส่วนเนื้อ ต่อ หัว พอๆกับปลากระพงแดง ถ้าบอกปลากะพงเฉยๆ จะนึกถึงปลากะพงเลี้ยง ปลาจานในภัตตาคารบางแห่งเนื้อก็ไม่มีกลิ่น ถามเขาบอกว่า เอามาเลี้ยงพักในน้ำดีสักระยะ ปลากะพง อังเกย ทำข้าวต้มอร่อย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 08:51:28

ความคิดเห็นที่ 9 หัวปลาเก๋านำมาต้มเต้าเจี้ยวอร่อยมากมายครับ ส่วนเนื้อปลาเก๋าแล่ออกมาผัดกับผักขึ้นฉ่าย ใส่ขิงนิดหน่อยอร่อยครับ กระดูกปลานำมาต้มทำน้ำซุปหรือนำไปต้มยำ อร่อยครับ...อิอิ ส่วนปลากระพง เนื้อจะนิ่มกว่าปลาเก๋า จึงน้ำมาทอด นึ่ง อร่อยกว่าเนื้อปลาเก๋าซึ่งมีความเหนียว หนึบกว่าครับ มีความรู้เท่านี้และครับ จากคุณ : อั่งเปาใจ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 09:33:01

ความคิดเห็นที่ 10 จริงๆชอบทั้งสองชนิดนะคะ แต่ปลาสองชนิดนี้นำมาทำอาหารต่างกัน แต่ถ้าเป็นข้าวต้มปลา จะเก๋หรือกระพงก็ใช้ได้ทั้งคู่ค่ะ ใจโอนเอียงไปทางกระพงนิดเดียว เพราะร้านตั้งแต่รุ่นพ่อเค้าเด็ดจริงๆ จากคุณ : คุณหนูเอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 09:52:12

ความคิดเห็นที่ 11 สมัยก่อนเขาไม่กินปลาเก๋ากันครับ :) จากคุณ : JitZungkabuai เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 10:25:49

ความคิดเห็นที่ 12   ปลากระพง นำมาทอดราดพริกก็ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นปลาตัวเล็กขนาดครึ้งกิโล ถึงแปดขีด(ปลาบ่อ) หรือ ปลาตัวใหญ่ขนาดตั้งแต่5-10 กิโล ปลาเก๋า ลักษณะของเนื้อ จะหนุบหนับกว่า กระพง เนื้อเหนียวกว่า ปรุงอาหารได้หลายอย่าง ทั้งต้มยำ ทอดราดพริก ทอดกระเทียม แกงส้ม ขึ้นอยู่กับความชอบ ของแต่ละคนครับ ว่าจะเลือกปลาอะไร? มาปรุงอะไร? รายละเอียดเรื่องปลาก็ตามคุณ oj_long  ได้อธิบายไว้ แต่จะขอแก้ไขให้นิดนึงครับว่า ปลากระพงแดง  ไม่ใช่ ปลาอั่งเกย (กระพงเหลืองจุดดำ หรือ กระพงข้างปาน) ปลากระพงแดง เองก็มีชนิดที่ต่างกัน เช่นแดงตาดำ แดงหางบ่วง แดงเขี้ยว และอีกหลายๆชื่อ มักอาศัยอยู่กองหินน้ำลึก เคยพบที่ภูเก็ตมีขนาด 8กิโล  เนื้อออกแข็งกระด้าง กว่าปลาเก๋าและกระพงขาว นิยมนำมาทำข้าวต้มปลา แกงส้ม ห่อหมก เนื้อของปลาชนิดนี้ จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ตัวนี้คือกระพงแดงครับ RED SNAPPER ภาพจากเวป สยามฟิชชิ่ง ครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 10:32:06

ความคิดเห็นที่ 13   อั่งเกย  อั้งจ้อ  กระพงข้างปาน  คือชื่อเรียก อยู่ใสวงศ์เดียวกับ กระพงแดง เนื้อจะนุ่มกว่า กระพงแดง มีหลายขนาด นิยมนำมานึ่งต่างๆ  แกส้ม ต้มยำ ทอด  เป็นปลาเนื้อดี ราคาสูงกว่า กระพงแดง  ชาวจีนสิงค์โปร์และมาเลเซีย นิยมรัปทาน ทำให้มีราคาสูง จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 10:35:50

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วแต่ชอบเลยครับ เก๋าเนื้อจะเหนียวกว่า กะพง ทานบ่อย(ถ้ากลับบ้าน) ทำมันทุกอย่าง ข้าวต้ม แกงส้ม ต้มยำ ทอดน้ำปลา นึ่งมะนาว นึ่งอะไรก็ว่ากันไป ผัดกะเพรา ผัดเปรี้ยวหวาน ไม่เละนะครับ ไม่ทอดด้วย อีกอย่างกะพงแดง มีความมันเยอะมาก แกงส้มอร่อย ปลาเลี้ยง จะมีความมันของเนื้อปลา ไม่เท่าปลาทะเลทั่วไป ต้องลองครับ อร่อย จากคุณ : ปัจเอนก เจกชน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 11:10:25

ความคิดเห็นที่ 15 ผมอาจจะติดโบราณหน่อย สำหรับผม อั้งเกยที่ผมรู้จักคือปลากะพงแดงหรือชื่อภาษาอังกฤษ Red Snapper ตามรูปที่คุณปลาทูเอามาให้ดู ในอดีต เวลาคนจีนที่ย้ายรกรากมาอยู่ประเทศไทยจะส่งของฝากไปให้ญาติพี่น้องที่ประเทศจีน ปลาอั้งเกยแช่น้ำเกลืออัดใส่ปิ๊บคือของฝากสุดวิเศษ ถ้าไปที่สะพานปลาในอดีตจะเห็นแต่อั้งเกย ไม่เห็นข้างปาน ข้างไฝ หมูสี หัวโปงหรือสารพัดปลากะพงที่เรียกๆ กันในสมัยนี้ แต่ก่อนโน้นมีกะพงแดงอยู่ชนิดเดียวแต่เดี๋ยวนี้พอปลาอะไรมีรูปร่างละม้ายกันหน่อยก็เรียกปลากะพงกันไปหมด กะพงแดงคือ อั้งเกย กะพงขาวคือ จ่อโล๊ว จากคุณ : oj_long เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 11:23:51

ความคิดเห็นที่ 16 .       สับสนต่อไปเถิดครับ ท่าน Yumi&Yama ปลากะพง ปลาเก๋า มีหลายร้อยชนิดที่ตั้งชื่อกันมาแต่โบราณโดยไม่ได้ยึดตามหลักเกณฑ์ตามชื่อวิทยาศาสตร์             ในความจริง ปลาเก๋าจัดอยู่ในครอบครัวย่อย Ephinephelini             ปลากะพงขาว วงศ์ปลากะพงขาว (Latidae)             ปลากะพง หรือ จ่อโล้ว  วงศ์ปลากะพงแดง (Lutjanidae)       เก๋าที่รับประทานกันก็มี กะรังแดงจุดฟ้า กุดสลาก (BLUE-SPOTTED SEA BASS Plectropomus maculates) เก๋าลิง เก๋าดอกหางตัด (AREOLATED GROUPER Epinephelus areolatus) เก๋าแดง  (RED-BANDED GROUPER Epinephelus fasciatus) เก๋าจุดน้ำตาล กะรังปากแม่น้ำ ตุ๊กแก (GREASY GROUPER Epinephelus coioides) เก๋าบั้งแฉก (YELLOW GROUPER Epinephelus sexfasciatus) เก๋าหางซ้อน (BLEEKER’S GROUPER Epinephelus bleekeri) กระรังหน้างอน, เก๋าหงส์ (Panther Grouper Cromileptes altivelis ) ก๋าแดงจุดฟ้า (Coral Grouper Cephalopholis miniata) เก๋าหางบ่วง, ปลากระรังหางวงเดือน (Lyretail Grouper, Variola louti ) เก๋าถ่าน ( Lobotes surinamensis  )       ปลากะพงที่รับประทานกันก็มี            กะพงแดงข้างแถว (BROWNSTRIPE RED SNAPPER Lutjanus vitta) กะพงแดงหน้าตั้ง  (EMPEROR RED SNAPPER Lutjanus sebae) กะพงแดงสั้นหางปาน (MALABAR RED SNAPPER Lutjanus malabaricus)  ปลากะพงลายพาด · Lutjanus decussatus ปลากระพงแดง  (SCARLET SNAPPER,L. sanguineus)            กะพงเหลือง อาทิ กะพงข้างเหลือง (BIGEYE SNAPPER ชื่อวิทยาศาสตร์: Lutjanus lineolatus)            กะพงเขียว (GREEN JOBFISH :  Aprion virescens) กะพงข้างตะเภา กะพงแสม ครืดคราด ออดแอด (LINED SILVER GRUNT : Pomadasys kaakan)            กะพงทอง (GOLDEN SNAPPER) หมายถึง ปลากะพงแดงข้างปาน หรือ กะพงปานข้างลาย (RUSSELLOS  SNAPPER Lutjanus russellii) และ ปลากะพงข้างปาน หรือ กะพงแดงเกล็ดห่าง  หรือ อังเกย (JOHN’S SNAPPER Lutjanus johnii)       เห็นไหมครับว่าแยอะไปหมด ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องจำ จะปรุงเป็นอะไรดูที่ความสด ลักษณะเส้นของกล้ามเนื้อ หนัง และจำนวนของไขมัน เป็นหลักในการปรุงครับ       ตามธรรมชาติ รสชาติของเนื้อปลาทั้ง 3 กลุ่มนี้จะใกล้เคียงกัน ราคาก็พอๆกันครับ ปลาทั้งสามชนิด ถ้าสด ก็สามารถปรุงอาหารได้ทุกอย่าง       จุดเด่นของปลาเก๋าคือ ในเนื้อมี Myofibrillar Proteins มาก ซึ่งถ้านำไปทำให้สุกจะเปลี่ยนสภาพเป็นเจล รสจะนุ่มนวล       จุดเด่นของกะพงขาวคือเป็นปลาที่มีเมือกมาก ดังนั้นจึงสามารถถนอมความสดไว้ได้ในตู้เย็นธรรมดา โดยไม่ต้องนำไปแช่ในห้องแช่แข็งครับ       จุดเด่นของปลากะพงแดง คือ ในเนื้อมีไขมันมากกว่าปลาชนิดอื่น ดังนั้นเนื้อจึงนุ่มกว่า อีกทั้ง แต่การมีไขมันมากกว่า ก็เป็นข้อเสีย เพราะ ถ้าไม่สดพอ นำไปทำสุกด้วยการลวกหรือต้ม เนื้อจะเละ                ปลากิมมาได เป็นปลากะพงแดงที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งปลา       การพยายามยกฐานะให้ปลากะพงขาวเหนือกว่าปลาเก๋าและปลากะพงแดง เป็นเหตผลทางการค้าครับ และพงระลึกเสมอว่า ปลาทุกชนิดถ้าตัวใหญ่ ถึงวัยเจริญพันธ์ เนื้อจะแน่น อร่อยกว่าตัวเล็กเยอะ ............. การที่เรามากินปลาเลี้ยงตัวกระจ้อยหร่อย แล้วมันจะทานอร่อยได้อย่างไร       เรื่องอย่างนี้ชอบใครชอบมันครับ ถึงเป็นแฟนก็กินแทนกันไม่ได้ ไม่ใช่หรือ       ปริศนาท้ายคำตอบ : ร้านขายข้าวต้มปลามักนิยมแขวนซากปลาขนาดใหญ่ๆ โชว์ไว้หน้าร้าน นั้นเป็นเรื่องจริง แต่อย่าเรียนถามว่า ปลาที่แขวนไว้ เป็นเพศผู้หรือเพศเมียครับ       จบแล้ว จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 15:18:48

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้โฮ ข้อมูลเพรียบ....... ปลาสดๆ ทำอะไร ก็อร่อย.. ทำไม่ค่อยเป็นก็ยังอร่อย.... นึกถึงตอนเด็กๆ กำพร้าแม่ พ่อกลับจากทะเล เอาปลาสดๆ จากเรือมาทอดเกือบทุกวัน เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น ก็ยังอร่อยไม่เบื่อเลย ตอนนี้ไปตลาดเจอปลาไม่สด ไม่อยากซื้อเลยอ่ะ.. จากคุณ : เศษฝ้ายใยฟาง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 15:47:33

ความคิดเห็นที่ 18   กลับข้ามายืนยัน อีกรอบครับว่า   กระพงแดง กับ อั่งเกย คนละชนิดกัน กระพงแดง (RED SNAPPER)   อั่งเกย ก็คือ กระพงข้างปาน  ตัวสีทองออกเหลืองๆ จึงเป็นที่มาของ GOLDEN SNAPPER ถ้าเป็นปลาขนาดเล็ก จะมีสีทอง มีปานข้างลำตัวจุดดำ 2 ฝั่ง เป็นปลาเนื้อดี มีราคาแพงกว่า กระพงแดง หรือ RED SNAPPER ส่วน กระพงขาว ที่คุณ oj_long เรียกว่า จ่อโล๊ว  มันก็ ไม่ตรงกลับข้อมูลของคุณ บุรุษหน้าเหล็ก  ที่เรียก จ่อโล่ว ว่าปลากรพะพง ซึ่งอยู่ในวงศ์ ปลากระพงแดง ผมไม่ทราบครับว่า จ่อโล่ว คือปลาอะไรแน่  เพราะไม่ทราบจริงๆ แต่ อั่งเกย อั่งจ้อ ข้างปาน ก็คือ กระพงข้างปาน GOLDDEN SNAPPER หรือ  JOHN’S SNAPPER ในรูป13 ครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 17:43:25

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เคยซื้อปลาสดมาทำอาหารเองเลยค่ะ ทำไม่เป็น เดี๋ยวเหม็นคาวไปทั้งบ้านอีก ก็เลยได้แต่ซื้อตามห้างแล้วให้เค้าทอดมาเลย หรือไม่ก็ไปกินตามร้านอาหาร ชอบกินปลากะพงทอดน้ำปลาจัง แต่ไม่ค่อยได้ซื้อปลาเก๋ากินเลย จากคุณ : Nupearl เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 20:55:01

ความคิดเห็นที่ 20 คห 18 ..... เลอะ เทอะ อีกแล้ว 1) กระพงแดง กับ อั่งเกย คนละชนิดกัน 2) แต่ อั่งเกย อั่งจ้อ ข้างปาน ก็คือ กระพงข้างปาน GOLDDEN SNAPPER หรือ  JOHN’S SNAPPER ในรูป13 ครับ ************ ผมแนะนำ คุณ ปลาทูอยู่ที่นี่ ถ้าอยากจะอวดฉลาด .... จะต้องมีความรู้   ข้อ 1)  ปลากะพงแดง กับ อังเกย  คนละชนิดกัน .... ถูกต้อง แต่ ข้อ 2) ..... มั่ว เพราะ อังเกย  กับ  อ้งจ้อ มันคนละชนิดกัน .... อ้างข้อ 1) จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 10:01:32

ความคิดเห็นที่ 21   แหมคุณ TinyNu ครับ กระทู้ก่อนยังไม่เคลีย เลย  ดันมาหาว่าผมมั่ว อีก เรื่องปลาน่ะ คุณกับ ผม ห่างกันมาก  กะอีแค่ปลา ครูดคราด ยังดูไม่เป็น นับประสาอะไรครับ ข้อ2 มั่วตรงไหนครับ ต่างถิ่น ก็เรียกต่างกัน ไม่ว่า ภาษาไทย หรือ ภาษาจีน   นักตกปลาทุกคน มักจะเรียก อี่งเกย หรือ อั่งจ้อ หรือ กระพงข้างปาน GOLDDEN SNAPPER หรือ  JOHN’S SNAPPER   ดูรูปประกอบ13 ด้วยครับ และหากว่าข้อมูลผมผิด  กรุณาตอบแบบเนื้อๆครับ ว่าผิดตรงไหน? ผิดอย่างไร?   ผมยินดีที่จะแก้ไขข้อมูล ที่ผิดๆครับ ข้อมูลของผม เกิดจากประสบการณ์โดยตรง มิได้หารายละเอียดจาก กูเกิ้ล  มีเพียงภาพประกอบเท่านั้น ที่นำมาให้ดูสนับสนุนข้อมูล การตอบในหน้าเวป รู้ไม่จริงไม่กล้สหรอกครับ ผม แถ ไม่เป็นครับ นี่ครับ ลิ้งค์ไปดูอั่งจ้อ http://www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%AD&meta=&aq=f&aqi=&aql=&oq=&gs_rfai= อันนี้ ไปดูอั่งเกย http://www.google.co.th/search?hl=th&q=%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A2&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2&meta=&aq=f&aqi=&aql=&oq=&gs_rfai= อ่านให้ละเอียดนะครับ ดูรูปให้กระจ่าง   พรุ่งนี้ค่อยตอบก็ได้ครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 10:35:59

ความคิดเห็นที่ 22   ปลาอั่งเกย อั่งจ้อ กระพงทองข้างปาน หรือ GOLDDEN SNAPPER หรือ  JOHN’S SNAPPER   คือปลาตัวเดียวกัน ครับ  เมื่อยังเป็นปลาเล็ก จะมีลายเส้น จากหัวถึงหาง มีปานดำ ข้างละดวงแถบโคนหาง  อาศัยตามปากแม่น้ำ ป่าชายเลน โกงกาง ชอบกินกุ้ง  นักตกปลาจะทราบดีว่า อั่งเกยชอบกุ้ง จึงต้องหากุ้งเป็นทำเหยื่อ   ครั้งปลาเริ่มโต เต็มวัย ก็จะออกหากินในทะเลลึก ปานดำข้างลำตัวก็เริ่มจางลงไป เขี้ยวหน้าใหญ่ แหลมขึ้น สีเริ่มจางลง จากสีทองสด ออกเป็นทองซีดๆ ลำตัวใหญ่ เกล็ดใหญ่ มีขนาดถึง 8-10 กิโล จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 11:02:31

ความคิดเห็นที่ 23   ต้องขอโทษ  จขกท ด้วยครับ ที่ได้ใช้พื้นที่ในกระทู้ อธิบายเรื่องปลา จนมีคห 20 แย้งและให้ความเห็น เชิงตำหนี คห ที่20 ครับ  ผมต้องขอบคุณ ที่ได้แนะนำผม ว่าจะอวดฉลาด ต้องมีความรู้ ผมคิดว่า คุณ TinyNu น่าจะไปแนะนำตัวคุณเอง ให้รู้จริงๆ จะดีกว่าครับ เพราะจากกระทู้ เรื่องปลาดอรี่  คุณก็ยังไม่เคลียร์   กระทู้ ปลาครูดคราด  กระทู้ปลาฉลาม  ก็ยังไม่จบ มาเรื่องกระทู้ ของตัวคุณเอง  เรื่อง ทาน กับ กิน ควรเรียกให้ถูก  ก็พูดอย่างนึง  ทำอย่างนึง และกระทู้ ทหาร  คุณให้คอมเม้นท์  จนมีคนกดลบ มากระทู้นี้อีก ถามนะครับ  ละอายใจบ้างไหน? การตอบในกระทู้นี้ และรวมถึงกระทู้อื่น ที่เกี่ยวกับปลา  ผมบอกได้คำเดียวว่า  ความรู้คุณยังน้อยมาก เกี่ยวกับเรื่องปลา เมื่อเทียบกับผม ในบอร์ด  คุณต้องรู้ว่า  มีทั้งผู้รู้จริง  มีทั้งผู้รู้ไม่จริง และ มีทั้งผู้ไม่รู้ คนที่เค้ารู้ เค้าก็ตอบ ได้ละเอียด มีข้อมูลยืนยัน คนที่ไม่รู้  เค้าก็ได้ความรู้  และรู้ในเรื่องที่จริง ซึ่งก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น คนที่ไม่รู้  เข่นคุณ  แต่ทำอวดรู้  อวดเก่ง  ให้ความเห็นไม่ตรงประเด็น นำสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมาตอบ (อยู่ในกระทู้นึง  จขกท ภามเรื่องเหล้า  แต่กลับตอบเรื่องบุหรี่) ซึ่งมันไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่อง  เป็นเช่นนี้แล้ว ยังกล้ามาแนะนำคนอื่นๆอีกเหรอครับ เรื่องปลา ผมได้อธิบายหมดจด  และถ้าอยากจะถามต่อ  ถามมาได้เลยครับ  ผมจะตอบโดยความเป็นจริง  ไม่ได้  มั่ว  ตามที่คุณบอกไว้ข้างต้น คุณเอง ก็มีสติสัมปชัญญะดี  ดูจากคำพูด คำจา ก็คิดว่า น่าจะอาวุโส หากคิดจะอยู่ให้คนนับถือ ก็เปลื่ยนนิสัยเถอะครับ  เพราะสังคมในบอดร์นี้เค้าให้โอกาส คุณแน่นอน  ก่อนที่จะสายเกินไป ด้วยความหวังดีครับ จากคุณ : ปลาทูอยู่ที่นี่ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 18:38:30

ความคิดเห็นที่ 24   ผม ว่า ปลา ลำลี แหล่มสุด ทุกเมนูที่กล่าวมา ลองใช้ปลาลำลีทำดูสิครับ รับรองแหล่ม จากคุณ : ต้อม มหาชัย (ต้อม มหาชัย) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 09:49:21

ความคิดเห็นที่ 25 คนกินปลาเยอะๆ นี่ เก่งๆ กันทั้งนั้น ประชันกันใหญ่ จากคุณ : สมาชิกเจ้าเก่า เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 53 20:44:56