ความคิดเห็นที่ 1 บทความและภาพชุดนี้ เป็นภาคสุดท้ายของไตรภาค ต่อจาก เดินสำรวจ @ เซ็นทรัลเวิร์ล & สยามสแควร์ และ The Big Cleaning Day @ สยามสแควร์ & ราชประสงค์ ในบทความก่อนหน้าทั้ง 2 ตอน ได้มีการกล่าวถึงโรงหนังสยาม โรงหนังอายุ 44 ปีที่ถูกพลิงเผาผลาญจนเสียหายหมด ประกอบกับนักข่าวจากสำนักข่าวเนียนจังเลย ได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพความเสียหายภายในโรงหนังสยามโดยบังเอิญ จึงเกิดความคิดที่จะทำบทความเกี่ยวกับโรงหนังสยามขึ้นมา ขณะเดียวกันก็นึกได้ว่ามีร้านอาหารในสยามสแควร์ร้านหนึ่ง ที่มีอายุเก่าแก่พอๆกับโรงหนังสยาม คือเปิดมาแล้ว 42 ปี ส่วนจะเป็นร้านอะไรนั้น โปรดติดตามจนจบครับ สำหรับประวัติของโรงหนังสยามนั้น ได้มาจากเว็บไซต์ของเครือ Apex http://www.apexsiam-square.com/aboutus.asp, วิกิพีเดีย และส่วนหนึ่งมาจากความทรงจำของการใช้บริการที่โรงหนังแห่งนี้ รวมถึงแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์และอื่นๆ แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 01:11:50 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 53 01:11:14 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:10:52

ความคิดเห็นที่ 2 วันพุธที่ 26-5-10 เดินทางไปสยามสแควร์ เพื่อเก็บภาพหน้าโรงหนังสยามเพิ่มเติม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:12:13

ความคิดเห็นที่ 3 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามกลับมาจอแจเหมือนเดิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:12:43

ความคิดเห็นที่ 4 คนงานกำลังซ่อมแซมพื้นของลาน Parc Paragon ตรงส่วนที่กั้นใช้จัดกิจกรรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:13:11

ความคิดเห็นที่ 5 ความเสียหายของโรงหนังสยาม เมื่อมองจากชั้นบนสุดของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม รวมถึงร้านค้าที่ติดกับโรงหนังสยามทางฝั่งซ้ายติดสยามสแควร์ซอย 5 และฝั่งขวาติดกับสยามสแควร์ซอย 4 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:13:41

ความคิดเห็นที่ 6 ความเสียหายของร้านค้าทางด้านซ้ายของโรงหนังสยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:14:21

ความคิดเห็นที่ 7 โรงหนังสยาม เป็น 1 ใน 3 โรงหนังในเครือ Apex อีก 2 แห่งในบริเวณใกล้เคียงกันคือโรงหนังลิโด้และโรงหนังสกาล่า เครือเอเพ็กซ์ก่อตั้งโดย นายพิสิฐ ตันสัจจา นักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงภาพยนตร์ ที่ประสบความสำเร็จ จากการริเริ่มเข้าปรับปรุง "ศาลาเฉลิมไทย" โรงละครริมถนนราชดำเนินกลาง ใกล้แยกป้อมมหากาฬ ให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ มีความจุประมาณ 1,500 ที่นั่ง รวมถึงการนำเข้าระบบต่างๆ สำหรับโรงภาพยนตร์ เช่น ระบบสามมิติ, ระบบซีเนมาสโคป, ระบบทอคค์-เอโอ, ระบบซีเนรามาเลนส์เดี่ยว, ระบบซีเนรามาสามเลนส์พร้อมกัน และระบบ 70 มิลลิเมตร เข้ามาติดตั้งในประเทศไทย นายกอบชัย ซอโสตถิกุล ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เซาท์ อีสต์ เอเชีย ก่อสร้าง จำกัด (ซีคอน) ผู้สร้างโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล ที่กลายเป็นสยามพาราก้อนในปัจจุบัน และอยู่ระหว่างการรับเหมาออกแบบก่อสร้าง อาคารต่างๆภายในสยามสแควร์เมื่อพศ.2508 โดยใช้เทคนิดการปูพื้นหล่อสำเร็จรูป หรือที่เรียกว่าระบบซีค่อนเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งทำให้การก่อสร้างสยามสแควร์ใช้เวลาในการก่อสร้างสั้นมาก ได้ติดต่อมายังนายพิสิิฐ เพื่อเสนอให้ลงทุนเปิดกิจการโรงภาพยนตร์ ภายในสยามสแควร์ บนพื้นที่ริมถนนพระรามที่ 1 ทั้งนี้ อาคารโรงภาพยนตร์ทั้งสามแห่ง มีนายพิสิฐ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ส่วนนายกอบชัย เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:15:09

ความคิดเห็นที่ 8 โรงภาพยนตร์สยาม ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์แห่งแรกในย่านนี้ มีความจุ 800 ที่นั่ง แต่เดิมจะใช้ชื่อว่าโรงภาพยนตร์ "จุฬา" แต่มีผู้คัดค้าน เนื่องจากไปพ้องกับ พระนามในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ "จุฬาลงกรณ์" ซึ่งเป็นการมิบังควร และยังพ้องกับชื่อของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกด้วย เปิดฉายเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2509 โดยฉายภาพยนตร์เรื่อง รถถังประจัญบาน (Battle of the Bulge) สร้างโดย Warner Brothers Studio เมื่อ พศ.2508 นำแสดงโดย Henry Fonda, Robert Shaw, Telly Savalas, Robert Ryan, Dana Andrews และ Charles Bronson ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 70 มม. ความยาวหนัง 169 นาที ซึ่งความยาวหนังขนาดนี้ สมัยก่อนจะมีช่วงพักหรือที่เรียกว่า"Intermission" โรงภาพยนตร์สยามฉายภาพยนตร์ดังๆหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ เมโลดี้ที่รัก (Melody) นำแสดงโดย Mark Lester,Tracy Hyde และ Jack Wild เพลงประกอบภาพยนตร์โดย The Bee Gees ส่วนโรงภาพยนตร์ลิโด ความจุ 1,000 ที่นั่ง เปิดฉายเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511 โดยฉายภาพยนตร์เรื่อง ศึกเซบาสเตียน (Games For San Sebastian หรือ Guns for San Sabastian) นำแสดงโดย Anthony Quinn, Anjanette Comer และ Charles Bronson สร้างเมื่อปี พศ.2508 ซึ่งสร้างตามรอยความสำเร็จของภาพบนตร์เรื่อง ถล่มป้อมปืนนาวาโรน (Guns of Navarone) ที่ออกฉายใน พศ.2504 แต่ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้กับโรงภาพยนตร์ลิโด้มากที่สุดคือ ขุมทองแม็คเคนน่า (Mackenna's Gold) ซึ่งสร้างเมื่อ พศ.2512 เป็นภาพยนตร์ที่ทำสถิติฉายนานที่สุดของประเทศไทย คือฉายอยู่ประมาณ 6 เดือน และยังไม่มีหนังเรื่องใดลบสถิตินี้ได้ นำแสดงโดย Gregory Peck, Omar Sharif,Telly Savalas, Anthony Quayle, Edward G. Robinson, Eli Wallach และ Lee J. Cobb ฉากที่ฮือฮามากที่สุดคือฉากที่ Omar Sharif นั่งแก้ผ้าอยู่ที่ริมบ่อน้ำ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้เพลง Old Turkey Buzzard ซึ่งขับร้องโดยนักร้องตาบอด Jose Feliciano โด่งดังมากในบ้านเรา http://www.youtube.com/watch?v=ei059NOF_OE จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:16:14

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับโรงภาพยนตร์สกาลา ซึ่งตั้งอยู่ภายในสยามสแควร์ซอย 1 แต่มีระยะห่างจากถนนพระรามที่ 1 เพียงไม่กี่เมตร ได้รับการกล่าวขวัญว่า มีสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิก ที่สวยงามโดดเด่น ผสมผสานระหว่าง รูปแบบตะวันตก และตะวันออก เคยใช้เป็นที่เปิดตัวเทศกาลภาพยนตร์หรืองานแจกรางวัลเกี่ยวกับภาพยนตร์ เนื่องจากเป็นโรงภาพยนตร์ ที่มีถนนให้รถที่นำดารามาร่วมงานจอดเทียบพรมแดงด้านหน้า ก่อนที่ดาราจะลงจากรถมาให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ เหมือนงานประกาศผลรางวัลออสการ์ งานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำ งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เป็นต้น โรงภาพยนต์สกาล่ามีความจุ 1,000 ที่นั่ง เปิดฉายเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2512 โดยฉายภาพยนตร์เรื่อง สองสิงห์ตะลุยศึก (The Undefeated) ที่ออกฉายในพศ.2512 นำแสดงโดย John Wayne, Rock Hudson และ Roman Gabriel หนึ่งในหนังดังที่ฉายที่สกาล่าก็คือ โตรา ! โตรา ! โตร่า ! (Tora ! Tora ! Tora !) ที่ออกฉายใน พศ.2513 นำแสดงโดย Soh Yamamura, Martin Balsam, E.G. Marshall และ Jason Robards จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:17:01

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนเป็นวัยรุ่นดูหนังที่โรงหนังสยามบ่อยมาก บางวันเริ่มดูรอบ 10 โมงเช้าที่สยาม จากนั้นต่อรอบเที่ยงที่ลิโด้ และต่อรอบ 5 โมงเย็นที่สกาล่า โรงหนังสยามเป็นโรงหนังแห่งแรกที่มีไอศครีมนุ่มลิ้นม้วนเป็นเกลียวใส่โคน แบบเดียวกับ McDonald และเป็นโรงหนังแห่งแรกที่มีคอร์นด็อกรสอร่อยขาย หลายคนอาจไม่รู้จักของกินชนิดนี้ ที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีใครทำขาย เป็นไส้กรอกเสียบไม้หุ้มด้วยว้าฟเฟิ้ลหอมเนย สมัยนั้นขายไม้ละ 10 บาท ชอบไปทานอาหารฝรั่งที่ใต้โรงภาพยนตร์ลิโด้ ที่ซุปหัวหอมและเค้กไอศครีมอร่อย และชอบไปยืนเล่นตู้เกมขับรถฝ่าความมืดคลายเครียด ที่สุดบันไดทางขึ้นโรงหนังสกาล่าแก้เครียด ตอนหลังมีสยามเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง ให้แวะไปทานข้าวที่ร้านไฮไลท์ ทานข้าวฟังเพลงที่ร้าน Dry Fly และไปทานไอศครีมพาร์เฟท์ถ้วยสูงๆ หรือบานาน่าสปลิตกับสาวๆ ที่ร้าน Sixteen จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:17:42

ความคิดเห็นที่ 11 โรงภาพยนตร์ทั้งสามแห่ง เป็นผู้ริเริ่มจัดฉายภาพยนตร์ เพื่อสมทบทุนการกุศล โดยนำรายได้เต็มมูลค่า ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยกราบบังคมทูลเชิญ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม ทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร ในรอบปฐมทัศน์ อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง Oliver และ Hello Dolly ทั้งนี้ ในอีกวโรกาสหนึ่ง ได้กราบทูลเชิญ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตร รอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง Lost Horizon เพื่อนำรายได้เข้าสมทบ "ทุนประชาธิปก" ในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2513 ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ มีนโยบายให้ผลิต และจัดพิมพ์หนังสือแจกฟรี เรียกว่า สูจิบัตรข่าวภาพยนตร์ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โรงภาพยนตร์ ตลอดจนภาพยนตร์ที่จัดฉาย ในเครือเอเพ็กซ์ โดยชื่อหนังสือจะเปลี่ยนไปทุกเดือน จากการนำชื่อเรียกย่อของเดือนมาตั้งต้น แล้วจึงตามด้วยคำสร้อยที่เปลี่ยนไป เช่น ฉบับปฐมฤกษ์ มีชื่อว่า "ตุลาบันเทิง" ฉบับอื่นๆ เช่น มกราสกาลา หรือ ตุลาราตรี เป็นต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:18:33

ความคิดเห็นที่ 12 หนังสือดังกล่าว มีขนาดแท็บลอยด์ ออกเป็นรายเดือนที่เก็บกลับมาอ่านทุกเดือน โดยชื่อของศูนย์การค้าสยามสแควร์ มีที่มาจาก คอลัมน์ซุบซิบเรื่องราวต่างๆ ของบุคคลในวงการบันเทิง และบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงสังคม ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเขียนโดย นายพอใจ ชัยเวฬุ ที่มีชื่อว่า สยามสแควร์ มาก่อนแล้วนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีนักเขียนรับเชิญ ที่โด่งดังอีกหลายท่าน อาทิ นายประมูล อุณหธูป, นายวิลาศ มณีวัต, นายสุจิตต์ วงษ์เทศ, นายขรรค์ชัย บุนปาน เป็นต้น โรงภาพยนต์ทั้ง 3 แห่ง ต่อมาบริหารโดยนายกำพล ตันสัจจา ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น ต่อมาประสบกับปัญหาบางอย่าง จึงไม่ปรากฏตัวต่อสังคม ตระกูลตันสัจจายังมีธุรกิจที่พัทยาคือสวนนงนุช ที่นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ยังรับจัดสวนด้วย เช่นงานพืชสวนโลกที่แม่เหียะ เชียงใหม่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:19:13

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2536 โรงภาพยนตร์ลิโด เกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงต้องก่อสร้างปรับปรุงใหม่ เป็นโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก (มัลติเพล็กซ์) จำนวนสามโรง และเปิดทำการอีกครั้ง ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2537 ต่อมาราวปี พ.ศ. 2544 โรงภาพยนตร์ทั้งสามแห่ง ทยอยติดตั้ง ระบบเสียง เซอร์ราวด์ ดอลบี ดิจิตอล เอสอาร์ดี ดีทีเอส เอสดีดีเอส รวมทั้งทยอยติดตั้ง ระบบปรับอากาศโอโซน เพื่อฟอกอากาศให้บริสุทธิ์สดชื่น นอกจากนี้ โรงภาพยนตร์ทั้งสามแห่ง ยังเปิดพื้นที่ใต้ถุนโรงภาพยนตร์ โดยแบ่งเป็นห้องเล็กๆ ให้ผู้ประกอบการรายย่อย เช่าเปิดเป็นร้านค้าต่างๆ โดยส่วนมากจะจำหน่ายเสื้อผ้า และเครื่องประดับตามแฟชั่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:19:48

ความคิดเห็นที่ 14 บ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 มีกลุ่มบุคคลเข้าวางเพลิง อาคารโรงภาพยนตร์สยาม แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมผู้วางเพลิง รวมถึงไม่สามารถเข้าดับเพลิงได้ เนื่องจากมีความไม่ปลอดภัย เพราะมีการใช้อาวุธปืน ยิงผ่านไปมาบริเวณที่เกิดเหตุตลอดเวลา จนกระทั่งอาคารเริ่มทรุดตัว และพังถล่มลงมา ในเวลา 15.45 น. เป็นการปิดฉากตำนานโรงภาพยนต์อายุ 44 ปีแห่งนี้ ที่คาดว่าไม่น่าจะสร้างขึ้นมาในรูปลักษณ์เดิม เนื่องจากที่ดินในบริเวณนี้ถีบตัวสูงขึ้นมาก(ตามข่าวคือตารางวาละ 1 ล้านบาท) ไม่คุ้มกับการสร้างโรงภาพยนตร์แบบเดิม ที่บางรอบมีผู้ชมเพียงไม่กี่คน อันเนื่องมาจากความนิยมในโรงภาพยนตร์แบบมัลติเพล็กซ์ แต่น่าจะสร้างเป็นศูนย์การค้า ที่อาจมีโรงภาพยนตร์สยามอยู่ภายในมากกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:20:19

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพยนตร์เรื่้อง มหาประลัย คนเกราะเหล็ก 2 (Iron Man 2) เป็นเรื่องล่าสุดที่เข้าฉาย ก่อนโรงภาพยนตร์สยาม จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ โรงภาพยนตร์แห่งนี้ เริ่มต้นด้วย รถถัง(เหล็ก)ประจัญบาน และจบลงด้วย คนเกราะ"เหล็ก" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:21:02

ความคิดเห็นที่ 16 เริ่มมีการล้อมรั้วกันคนเข้าบริเวณที่เกิดไฟไหม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:21:27

ความคิดเห็นที่ 17 ที่หน้าโรงหนัง มีซุ้ม"กองบุญไทยไม่ทิ้งกัน" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:21:58

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ได้รับบริจาค จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:22:23

ความคิดเห็นที่ 19 แต่เป็นแสดงความไว้อาลัยแก่โรงภาพยนตร์แห่งนี้ ซึ่งมีทั้งพวงหรีด หนึ่งในพวงหรีดมาจากร้านไข่บูติค ที่มีจุดเริ่มต้นที่โรงหนังสยามแห่งนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:23:03

ความคิดเห็นที่ 20 และข้อความไว้อาลัย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:24:02

ความคิดเห็นที่ 21 ทั้งจากคนที่เคยมาดูหนัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:24:36

ความคิดเห็นที่ 22 คนที่ค้าขายอยู่ที่โรงภาพยนตร์สยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:25:22

ความคิดเห็นที่ 23 คนที่มาช้อปปิ้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:25:44

ความคิดเห็นที่ 24 และคนที่มาทานข้าว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:26:10

ความคิดเห็นที่ 25 โดยมีกล่องใส่กระดาษและปากกาให้เขียนข้อความไว้อาลัย เชื่อว่ามีหลายคนที่มีอดีตกับโรงภาพยนตร์แห่งนี้ อาจเคยชวนแฟนมาดูหนังด้วยกันครั้งแรกที่นี่ หรือเดินซื้อของซื้อหนังสือตอนจีบกันใหม่ๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:26:36

ความคิดเห็นที่ 26 มีคนสนใจถ่ายภาพข้อความไว้อาลัยกันมากมาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:27:01

ความคิดเห็นที่ 27 เช่นเดียวกับวันก่อนๆ ที่ไม่มีใครคอยกันไม่ให้คนภายนอกเข้าไปในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเนียนจังเลย จึงได้โอกาสเข้าไปถ่ายรูปที่ชั้นล่างอีกครั้ง บันไดเลื่อนที่สื่อทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายแห่งรายงานว่า เป็นบันไดเลื่อนแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผิด แต่น่าจะเป็นบันไดเลื่อนแห่งแรกในโรงหนังของประเทศไทยมากกว่า เพราะความจริงแล้ว บันไดเลื่อนแห่งแรกของประเทศไทย คือบันไดเลื่อนเดี่ยวของห้างสรรพสินค้าไดมารู ที่ถนนราชดำริ บริเวณที่เป็น Center Court ของเซ็นทรัลเวิร์ลและห้างสรรพสินค้าอิเซตันในปัจจุบัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:27:32

ความคิดเห็นที่ 28 มีการเก็บกวาดทำทางเดินตรงกลาง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:28:01

ความคิดเห็นที่ 29 จึงถือโอกาสเดินขึ้นไปถ่ายภาพแผ่นปูนปั้นหน้าคนหัวเราะและคนร้องไห้ที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นฝีมือปั้นของชาวฟิลิปปินส์ที่เสียชีวิตแล้ว สื่อถึงภาพยนตร์ที่สามารถเรียกได้ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตาจากผู้ชม เดิมติดตั้งอยู่ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ และเป็นตำนานตั้งแต่ติดตั้งอยู่ที่นั่น เพราะเมื่อครั้งเกิดเพลิงไหม้ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พศ.2536 แผ่นปูนปั้นกลับไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:28:37

ความคิดเห็นที่ 30 แผ่นปูนปั้นนี้ได้นำมาติดตั้งที่โรงภาพยนตร์สยาม ระหว่างที่มีการซ่อมแซมโรงภาพยนตร์ลิโด้ และความอัศจรรย์ก็ได้บังเกิดอีกครั้ง เพราะถึงแม้ว่าแผ่นกระเบื้องรอบแผ่นปูนปั้น จะหลุดร่วงไปเกือบหมด แต่แผ่นกระเบื้องที่ใช้ติดแผ่นปูนปั้น รวมถึงตัวแผ่นปูนปั้นนั้น ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย ความอัศจรรย์นี้ถึงกับทำให้บางคนบอกว่า เลขท้าย 2 ตัวของสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่ 1 มิถุนายนนี้ น่าจะออก 44 ซึ่งเป็นตัวเลขอายุของโรงภาพยนตร์แห่งนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:29:11

ความคิดเห็นที่ 31 ไหนๆก็ขึ้นบันไดมาแล้ว  ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเนียนจังเลย จึงลองเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 แต่ต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะพื้นมีโคลนลื่นสีขาว ที่น่าจะเกิดแผ่นฝ้ายิบซั่มบอร์ดที่ละลายปนกับน้ำดับเพลิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:29:42

ความคิดเห็นที่ 32 พัดลมหน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์สยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:30:14

ความคิดเห็นที่ 33 เลี้ยวขวาที่หัวบันได ซากตู้เย็นและขวดน้ำอัดลมของร้านขายน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:30:45

ความคิดเห็นที่ 34 สภาพชั้น 2 ของร้านค้าที่ถูกเพลิงไหม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:31:29

ความคิดเห็นที่ 35 เก้าอี้ของร้านตัดผมที่ยังอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:32:00

ความคิดเห็นที่ 36 พัดลมที่เสียหายอีกเครื่อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:33:42

ความคิดเห็นที่ 37 ค่อยๆเดินไปทางด้านซ้ายของโรงภาพยนตร์สยามบ้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:34:14

ความคิดเห็นที่ 38 สภาพร้านค้าชั้น 2 ทางฝั่งซ้ายของโรงภาพยนตร์สยามเมื่อมองไปทางสยามสแควร์ซอย 7 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:34:39

ความคิดเห็นที่ 39 สภาพร้านค้าชั้น 2 ทางฝั่งซ้ายของโรงภาพยนตร์สยามเมื่อมองไปทางด้านถนนพระรามที่ 1 ส่วนที่เป็น MK Trendy จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:35:05

ความคิดเห็นที่ 40 กลับมาที่หน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์สยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:35:29

ความคิดเห็นที่ 41 บันไดเลื่อนทางขึ้นฝั่งขวา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:35:55

ความคิดเห็นที่ 42 บันไดเลื่อนทางลงฝั่งซ้าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:36:27

ความคิดเห็นที่ 43 ทั้ง 2 ตัวได้รับความเสียหาย จนไม่น่าจะซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพใช้งานดังเดิมได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:36:56

ความคิดเห็นที่ 44 สภาพความเสียหายที่เกิดกับร้านค้าและส่วนหน้าของโรงภาพยนตร์สยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:37:25

ความคิดเห็นที่ 45 ทั้งทางด้านขวา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:37:57

ความคิดเห็นที่ 46 และด้านซ้าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:38:28

ความคิดเห็นที่ 47 โต๊ะเก้าอี้ที่เสียหายหน้าทางเข้าโรงภาพยนตร์สยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:38:59

ความคิดเห็นที่ 48 ตู้กระจกที่ใช้เป็นที่ติดภาพตัวอย่างหนังที่ "Coming Soon" และ "โปรแกรมหน้า" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:39:37

ความคิดเห็นที่ 49 สภาพของห้องรอหนังเข้าซึ่งเป็นห้องปรับอากาศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:40:08

ความคิดเห็นที่ 50 พิจารณาจากสภาพของห้องรอหนังเข้าแล้ว น่าจะปลอดภัยพอที่เดินเข้าไปด้านใน แม้ว่าจะไม่ได้ดูหนังที่นี่มาเกือบ 30 ปี แต่ภาพที่เห็นตรงหน้า ก็ทำให้ระลึกถึงวันคืนเก่าๆกับโรงหนังแห่งนี้ทันที จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:40:39

ความคิดเห็นที่ 51 โครงเหล็กหลังคาที่พังลงมา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:41:16

ความคิดเห็นที่ 52 เก้าอี้ยังคงเป็นรูปทรงเดิมเหมือนเมื่อ 44 ปีที่แล้ว ในขณะที่เก้าอี้ในโรงหนังก่อนหน้านั้นสูงประมาณไหล่ แต่เก้าอี้ของที่นี่เป็นเก้าอี้แบบแรกที่ผนักพิงสูงถึงศรีษะ และการที่โรงหนังออกแบบให้เป็นแบบลาดลงชั้นเดียว ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 หลังโรงหนังกรุงเกษม ทำให้มองไม่เห็นศรีษะของคนที่นั่งหน้า ที่บางครั้งเอียงซ้ายเอียงขวาทำให้เสียอรรถรสในการดูหนัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:41:47

ความคิดเห็นที่ 53 กำแพงด้านที่เคยเป็นจอฉายหนัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:42:27

ความคิดเห็นที่ 54 คนดูหนังในช่วงต้นของสมัยนั้น รู้สึกแปลกๆกับจอฉายหนัง ซึ่งปกติจะยกพื้นสูง มีพื้นที่ให้จัดแสดงดนตรี หรือสัมภาษณ์ดาราก่อนหนังฉาย แต่จอฉายหนังของที่นี่อยู่เกือบติดพื้น เพราะที่นั่งเป็นแบบลาดลง ซึ่งทำให้เก้าอี้แถวหน้าอยู่ใกล้กับจอมากขึ้น เวลาดูหนังระบบฟิล์ม 70 มม.หรือระบบ Cinema Scope ถ้านั่งใกล้จอจะเมื่อยคอน่าดู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:43:59

ความคิดเห็นที่ 55 แถวที่นั่งดูหนังทั้งมากับครอบครัวหรือมาคนเดียวเป็นประจำ น่าจะเป็นแถว G จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:44:40

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นแถวหน้าทางเดินยืดแข้งยืดขาได้สบาย เป็นชั้นที่ค่าตั๋วแพงที่สุดคือ 40 บาทในสมัยนั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:45:16

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าตั๋วแถวนั้นเต็ม ก็จะนั่งแถวหลังของชั้น 30 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:45:49

ความคิดเห็นที่ 58 เพราะไม่มีคนเอาเข่าดันพนักพิงหัวให้เสียอารมณ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:46:23

ความคิดเห็นที่ 59 แล้วคุณล่ะ เคยนั่งดูหนังกันตรงไหนบ้าง ? จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:47:00

ความคิดเห็นที่ 60 สภาพของห้องฉาย ที่ยังมีฟิล์มบางส่วนหลงเหลือจากเพลิงไหม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:47:34

ความคิดเห็นที่ 61 ท่อแอร์ที่พังถล่มลงมา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:48:02

ความคิดเห็นที่ 62 ออกมาที่ห้องรอหนังเข้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:48:33

ความคิดเห็นที่ 63 ห้องน้ำชายทางด้านขวาเมื่อเดินเข้ามาในโรงหนัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:48:59

ความคิดเห็นที่ 64 น่าจะเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:49:22

ความคิดเห็นที่ 65 โถปัสสาวะชาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:49:54

ความคิดเห็นที่ 66 ห้องส้วมชาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:50:23

ความคิดเห็นที่ 67 ถ้าเดินเข้าในห้องรอหนังเข้า ด้านซ้ายคือห้องขายขนมและเครื่องดื่ม เป็นส่วนที่ขายข้าวโพดคั่ว แฮมเบอร์เกอร์ คอร์นด็อกและไอศครีมเกลียวใส่โคน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:50:56

ความคิดเห็นที่ 68 ติดกันเป็นห้องน้ำหญิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:51:31

ความคิดเห็นที่ 69 ออกมานอกโรงหนัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:52:04

ความคิดเห็นที่ 70 ลงบันไดมาที่ชั้นล่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:52:37

ความคิดเห็นที่ 71 หยุดดูรูปปูนปั้นหน้าคนหัวเราะและคนร้องไห้ ที่กึ่งกลางบันไดเดินขึ้นชั้น 2 อีกครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:53:03

ความคิดเห็นที่ 72 สภาพร้านค้าใต้โรงหนังสยาม ที่ถ้าจำไม่ผิดเคยเป็นสยามคาเฟททีเรีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:53:33

ความคิดเห็นที่ 73 เจอคนฉีกตั๋วของโรงภาพยนตร์สยามที่หน้าโรงภาพยนตร์สยาม แต่ไม่ได้สัมภาษณ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:54:02

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้ายังล้อมรั้วไม่เสร็จก็น่าจะมีคนแวะเวียนมาดูกันอีกมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:54:32

ความคิดเห็นที่ 75 แต่คงต้องรีบหน่อย เพราะคนงานกำลังเริ่มติดตั้งเสารั้วแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:55:05

ความคิดเห็นที่ 76 ขึ้นบันไดรถไฟฟ้าสถานีบีทีเอสสยาม ระหว่างการเก็บภาพในโรงภาพยนต์สยาม ได้ยินเสียงบรรเลงเศร้าๆจากเอ้อหู ครั้งแรกนึกว่าใครเปิดแผ่นไว้อาลัยให้กับโรงภาพยนต์แห่งนี้ ที่แท้เป็นฝีมือการบรรเลงเพลงด้วยเอ้อหู หรือซอจีนจากอาเฮียคนนี้นี่เอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:55:33

ความคิดเห็นที่ 77 ยังคงมีคนหลั่งไหลมาเขียนคำไว้อาลัย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:56:43

ความคิดเห็นที่ 78 รวมถึงคนที่มาดูความเสียหายและถ่ายภาพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:57:15

ความคิดเห็นที่ 79 MK Trendy จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:57:47

ความคิดเห็นที่ 80 แผงลอยเริ่มกลับมาตั้งร้านแต่ยังมีไม่มาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:58:19

ความคิดเห็นที่ 81 ข้ามไปฝั่งสยามพาราก้อนซึ่งเปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 25 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:58:53

ความคิดเห็นที่ 82 โทรฯชวนเพื่อนไปทานข้าว แต่วันนี้เพื่อนไม่เข้าสาขานี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:59:26

ความคิดเห็นที่ 83 เดินเข้าสถานีรถไฟฟ้าสยาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 01:59:53

ความคิดเห็นที่ 84 ได้เวลาเที่ยวช่วยชาติกันอีกแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:00:29

ความคิดเห็นที่ 85 แท็กซี่กลับเข้ามารับผู้โดยสารหน้าห้างสยามพาราก้อนเช่นเดิม โดยมีรถ 3 ล้อตุ๊กๆแอบเนียนเข้ามารับผู้โดยสาร ทั้งๆที่มีป้ายห้าม คงเนื่องจากมีเหลือบบางคน พานักท่องเที่ยวฝรั่งไปฟันค่าน้ำ ตามร้านจิวเวลรี่และร้านตัดเสื้อผ้าบางแห่งที่เปิดหลอกนักท่องเที่ยว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:00:59

ความคิดเห็นที่ 86 ความจริงเมื่ออำนวยความสะดวกให้เข้ามารับผู้โดยสารแล้ว ก็ไม่ควรเกี่ยงเส้นทาง แต่เท่าที่เป็นอยู่ตั้งแต่แรกก็คือ ต้องมีเจ้าหน้าที่ถือโทรโข่งประกาศเส้นทางที่ลูกค้าจะไป และรอจนกว่ามีคันไหนยอมไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:01:23

ความคิดเห็นที่ 87 โชคดีที่ไม่มีการเผาสยามพาราก้อน มิเช่นนั้นอาจต้องมีการทุบตู้ปลาบางตู้เพื่อดับเพลิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:01:54

ความคิดเห็นที่ 88 15.50 น.ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสกลับบ้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:02:26

ความคิดเห็นที่ 89 ที่ต้องกลับก็เพราะ กางเกงของนักข่าวจากสำนักข่าวเนียนจังเลย เปื้อนสนิมจากการลอดข้ามโครงเหล็กในโรงหนังสยาม รวมถึงขาและรองเท้าที่เปื้อนโคลนจากฝ้ายิบซั่มบอร์ด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:03:01

ความคิดเห็นที่ 90 วันพฤหัสฯที่ 27 ผ่านสยามสแควร์อีกครั้งเพื่อไปสยามพาราก้อน รั้วปิดล้อมโรงภาพยนตร์สยามหมดแล้ว คนสูงวัยที่คงเคยมาดูหนังที่นี่ หยุดยืนดูด้วยความเศร้าใจ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:03:31

ความคิดเห็นที่ 91 วันเสาร์ที่ 29-5-10 กลับมาที่สยามสแควร์อีกครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:03:56

ความคิดเห็นที่ 92 แผงลอยตั้งร้านกันเต็ม 2 ข้างของทางเท้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:04:28

ความคิดเห็นที่ 93 "อาสามพาพวกหนูไปทานข้าวด้วยสิคะ" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 53 02:05:11