ความคิดเห็นที่ 1 พระเอกในงานนี้มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเลยก็คือ Syrup นั่นเอง ในสูตรการทำ Toffee และ Caramel จะส่วนผสมประกอบของ Syrup เพราะส่วนผสมพวกนี้จะช่วยป้องกันการเกิด Crystallization หรือภาษาชาวบ้านเรียนว่า “ตกผลึก” หรือ “ตกทราย” ซึ่งจะทำให้เนื้อ Toffee และ Caramel นั้นหยาบ ไม่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ขนมมีความ Moist และ Chewy ด้วย พอดีมีคนบอกว่ามิตรผลออก Syrup ตัวใหม่ออกมา เป็น Medium Invert Sugar (Sucrose 50% + Fructose Syrup 25% + Glucose Syrup 25%) ซึ่งก็จะช่วยป้องกันการตกผลึกในเนื้อขนมได้ หาซื้อได้ง่าย และก็ราคา 180ml. = 29 บาทก็ไม่แพงนัก เมื่อเทียบกับ Corn Syrup ที่เป็นของนำเข้าจากต่างประเทศ มีกลิ่นของอ้อยด้วยนะถือว่าช่วยทำให้คาราเมลมีกลิ่นที่ดีขึ้นเป็นของแถมละกัน.... จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:53:09

ความคิดเห็นที่ 2 อีกชิ้นก็คือ Thermometer เพราะการทำขนมที่ใช้น้ำตาลเป็นหลักนั้นมีความอ่อนไหวเรื่องอุณหภูมิมากทีเดียว ถ้าอุณหภูมิต่ำไปมันก็จะไม่แข็ง ไม่อยู่เป็นทรง ถ้ามากไปก็แข็งเกินหรือไหม้จนรสชาติเสีย ที่สำคัญคือเราไม่สามารถดูว่า ขนมคาราเมลนี้จะได้ที่หรือไม่จากการสังเกต “สี” (เพราะมันมีสีเข้มของน้ำตาลทรายแดงอยู่แล้ว) จะใช้แบบปกติหรือแบบดิจิตอลก็ได้ครับ หรือถ้าไม่มีจริงๆ ปูเป้ก็พอจะมีวิธีที่จะแก้ปัญหานี้ได้ ติดตามชมในวิธีทำละกันครับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:53:42

ความคิดเห็นที่ 3 จดส่วนผสมกันได้เลย "Ingredients" น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม น้ำตาลทรายแดง 90 กรัม วิปปิ้งครีม 500 มิลลิลิตร เนยสดจืด 60 กรัม - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - มิตรผล ไซรัป 250 มิลลิลิตร - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ถั่ววอลนัทอบ สับหยาบ 150 กรัม กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ กลือหยิบมือ "Equipments" หม้อใบใหญ่ ๆ (เพราะคาราเมลเวลาเดือดเป็นฟอง มันจะขึ้นมาสูงจนล้นหม้อได้ง่าย) ถาดอบขนาด 20 x 20 เซนติเมตร (โดยประมาณ) บุอลูมิเนียมฟลอยด์และกระดาษรองอบชนิดเคลือบซิลิโคน จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:54:28

ความคิดเห็นที่ 4 1. เริ่มต้นด้วยการอบถั่วรอไว้ พักให้เย็น และเตรียมวัตถุดิบให้ครบ อ่านวิธีทำให้เข้าใจก่อนครับ 2. ใส่น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม + น้ำตาลทรายแดง 90 กรัม + วิปปิ้งครีม 500 มิลลิลิตร + เนยสดจืด 60 กรัม ลงไปในหม้อใบใหญ่ ยกขึ้นตั้งไฟแรง คนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ส่วนผสมของครีมและน้ำตาลจะได้เข้ากัน จนเริ่มเดือด จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:54:52

ความคิดเห็นที่ 5 3. หลังจากส่วนผสมเดือดก็ใส่ “มิตรผล ไซรัป” ลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมตกผลึก หลังจากนั้นลดไฟลงเหลือแค่ปานกลาง การลดความร้อนและค่อยๆ เคี่ยวน้ำตาลไปเรื่อยๆ จะทำให้รสชาติขนมดีกว่าการเคี่ยวไฟแรง 4. พอเห็นว่าตัวคาราเมลเริ่มงวด ลักษณะฟองที่เกิดขึ้นเริ่มแสดงถึงความหนืด ให้เริ่มวัดอุณหภูมิได้เลย ถ้าขึ้นถึง 115 องศาเซลเซียส ก็ให้จับตาดูอย่างใกล้ชิดครับ เพราะหลังจุดนี้ไปอุณหภูมิจะขึ้นค่อนข้างไว ละสายตาไปอาจทำให้คาราเมลไหม้ได้ จุดที่ตำราบอกไว้คือ 120 องศาเซลเซียส แต่ส่วนผสมคิดว่าประเทศไทยอากาศร้อนมาก ต้มถึง 120 องศาอาจจะน้อยไปนิดนึง ให้สูงกว่านั้นอีกสักนิดหน่อย สัก 125 น่าจะทำให้ตัวขนมเซ็ทตัวได้ Firm กว่าในอากาศบ้านเรา พอถึงอุณหภูมิที่ต้องการแล้ว เราก็ต้องเช็คด้วยว่าความแข็งของขนมนั้นได้ตรงตามที่ต้องการหรือยัง ด้วยการตักคาราเมลเล็กน้อย หยดลงไปในถ้วยน้ำที่ใส่น้ำแข็งจนเย็นจัด เพื่อเช็คดูว่าเมื่อขนมเย็นแล้วจะมีความแข็งประมาณไหน แบบที่เห็นในรูปครับ ถ้าคิดว่าโอเคแล้วก็ผ่านไปขั้นต่อไปเลย จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:56:05

ความคิดเห็นที่ 6 5. ผสมถั่ว + กลิ่นวานิลลา + เกลือลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย สาเหตุที่ต้องใส่กลิ่นวานิลลาลงไปทีหลังก็เพราะว่าถ้าใส่แต่แรก ความร้อนจะทำให้กลิ่นระเหยไปหมด ส่วนการใส่เกลือลงไปทีหลังเพราะถ้าใส่ลงไปต้มตั้งแต่แรก มันจะไปทำปฏิกิริยากับน้ำตาล ทำให้เนื้อขนมเหนียวและ Sticky 6. ผสมให้เข้ากัน เทลงพิมพ์ให้ได้ความหนาที่ต้องการ 7. พักเอาไว้จนเย็นก่อน ถ้าอากาศร้อนมากให้เอาเข้าตู้เย็นให้เซ็ทตัวมากขึ้นเล็กน้อยก่อนเอามาตัด จะตัดได้ง่ายขึ้น จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:57:28

ความคิดเห็นที่ 7 8. ใช้มีด Chef Knife อันใหญ่ ๆ ทาเนยหรือน้ำมันเพื่อไม่ให้คารามลติดมีด หั่นให้ได้ขนาดตามต้องการ (ปูเป้ทำหนาไปหน่อยแฮะ... คราวหน้าต้องกะให้ดีกว่านี้) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:57:52

ความคิดเห็นที่ 8 นำมาใส่กระทงกระดาษสวยๆ ก็ดูดีมิใช่น้อย ถ้าจะแพ็คใส่กล่องก็อย่าลืมคลุมหน้าด้วยกระดาษไขก่อน มิฉะนั้นมันจะเยิ่มติดกล่องหมด จริงๆ ตอนแรกกะว่าจะชูบช็อคโกแลตบางๆ ด้วย แต่อากาศร้อนตับแตกขนาดนี้ช็อคโกแลตคงไม่อาจรอดได้ แถมชื้นอีก Tempering มาก็ไม่สวยอยู่ดี ครั้งจะใช้ Chocolate Compound มันก็หนืดไป เคลือบแล้วหนาเตอะดูไม่สวยเลย เอาแบบโล้นๆ ไปก่อนละกัน คาราเมลสามารถแต่งกลิ่นหรือเปลี่ยนชนิดของถั่วได้ตามจินตนาการจะบรรเจิดเลยนะครับ ใครสนใจก็ลองเอาไปทำดูเวลาว่างๆ หากมีเคล็ดลับอะไรก็มาแชร์กันได้นะครับ จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 17:58:49

ความคิดเห็นที่ 9 ***Tip*** การทำงานกับน้ำตาลหรือคาราเมลต้องใช้ความระมัดระวังเรื่องความร้อนมาก เพราะน้ำตาลที่เดือดมีความร้อนสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส และความหนืดของน้ำตาลก็ทำให้มันล้างออกไปได้ช้าหากกระเด็นโดนผิว ควรจะมีอ่างน้ำ + น้ำแข็งใกล้มือเอาไว้ เผื่อเกิดอุบัติเหตุคาราเมลเดือดกระเด็นใส่ ก็รีบแช่มือลงในอ่างน้ำ + น้ำแข็งทันทีครับ ด้วยความห่วงใย / PuPe_so_Sweet จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:03:05

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีกลิ่นวนิลา  ไม่ใส่ได้หรือไม่คะ ถ้าเป็นเราคงใช้มะม่วงหิมะพานต์แทน เพราะว่าหาวอลนัทไม่ได้ ขนมนี้น่าสนมาก  เพิ่มน้ำหนักตัวกันไป  ดูท่าทางน่าหม่ำมากๆ เห็นแล้ว กรี๊ดเลย  ต้องลองทำตามให้ได้  คิคิ จากคุณ : 2แบ๊ว (boonnote) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:12:44

ความคิดเห็นที่ 11 หน้าตาน่าอร่อยดีจัง จากคุณ : Honey And Clover เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:13:33

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ใส่กลิ่นก็ได้ครับ ก็จะได้กลิ่นของคาราเมลล้วนๆ เลย :) กลิ่นส่วนหนึ่งจะหอมจากน้ำตาลทรายแดง และน้ำเชื่อมที่ใส่ลงไปน่ะครับ  โปรตีนในนมเวลามัน Caramelize เป็นน้ำตาลก็จะหอมแล้วก็มีรสชาติเฉพาะตัวอีกเหมือนกัน จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:14:06

ความคิดเห็นที่ 13 มาอีกแล้วมีหนุ่มทำขนมน่ากินมาก จากคุณ : sun_ice เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:19:57

ความคิดเห็นที่ 14 อ้าว เฮ้ย นึกว่าใคร  ไม่ไปลงเรือแล้วหรอเพื่อน จากคุณ : ~Just Relax~ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 18:31:19

ความคิดเห็นที่ 15 ชะตาชีวิตพลิกผัน ให้มาทำด้านความงามแทนน่ะ :P แต่ก็มีความสุขดี เป็นอีกสายนึงที่รัก (ได้ออกหนังสือด้วย) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 19:05:16

ความคิดเห็นที่ 16 ท่าทางเพื่อนเราจะรวยใหญ่แล้วนะเนี่ย ออกหนังสือเองด้วย ยินดีด้วยนะ จากคุณ : ~Just Relax~ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 19:13:44

ความคิดเห็นที่ 17 คุณปูเป้เก่งหลายอย่างจังค่ะ  เรียน OHAP แบบพี่ป้อด้วยหรอคะ ^^ แอบไปอ่านตอนรีวิวเครื่องสำอางอยู่นะคะ ปล. ชอบกินคาราเมลอะ สงสัยต้องลอกหน่อยแล้วค่ะ ส่วนคาราเมลที่จุ่มน้ำเย็น อันนี้มันจะอยู่เป็น soft ball หรือออกแข็งคะ จะได้กะถูก จากคุณ : =เด็กเอ๋ยเด็กดี= เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 19:55:18

ความคิดเห็นที่ 18 Hard ball ครับ :) จากคุณ : PuPe_so_Sweet เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 20:29:09

ความคิดเห็นที่ 19   คุณปู้เป้มาเล่นห้องก้นครัวด้วย ดีใจจัง ตามอ่านมาจากห้องแป้งค่ะจนปัจจุบันหน้าใสแล้วขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้เราเลยมาขลุกอยู่ก้นครัว หน้างามแล้ว ต้องบริหารเสนห์ปลายจวักต่อ  ขนมน่ากินมากถ้าไม่งดนําตาลอยู่ละก็มีเฮแน่นอน แวะมาบ่อยๆนะคะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 53 22:04:32 จากคุณ : Tistimoni เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 22:03:42

ความคิดเห็นที่ 20 กรี๊ดดดดดด คนดังห้องแป้งมาลงครัวหรือนี่ ใช้เบนแซคคู่กับAHAได้ไหมคะ??? อ้าวววว ผิดห้องงงงง คริๆ ขนมน่ากินดีค่ะ จากคุณ : นักเลงบึงกุ่ม เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 53 22:21:47

ความคิดเห็นที่ 21 อยากทำมานานแล้ว  แต่ก่อนเพื่อนทำอร่อยมาก แต่ไม่เคยสนใจ เฮ้อ ที่นี้ได้สูตรและวิธีการทำแล้ว ต้องลอง ๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 00:54:16

ความคิดเห็นที่ 22 ออกมาน่ากินมากมายเลยค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 02:07:26

ความคิดเห็นที่ 23 น่ากินมาก คนทำก็น่ารัก จากคุณ : ^-^หมูหยองกระป๋อง^-^ เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 53 22:03:14

ความคิดเห็นที่ 24 น่ากินครับน่ากิน จากคุณ : kittscake เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 53 17:24:07

ความคิดเห็นที่ 25   น่าทานมากๆครับ ว่าแต่ น้ำเชื่อมของมิตรผลซื้อได้ที่ไหน ราคาเท่าไหร่อะคะ อยากได้บ้างค่ะ พอดี เป็นคนชอบทำน้ำปั่นต่างๆบ่อยแต่ ทำน้ำเชื่อมเก็บไว้ทีไร รสชาติเพี้ยนทุกทีเลยคิดว่า เจ้าตัวนี้น่าจะช่วยได้ค่ะ รบกวนขอข้อมูลด้วยนะค่ะ จากคุณ : Spada เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 12:33:28 A:58.8.131.208 X: TicketID:268287