วันนี้ขออนุญาต Review การทำน้ำจิ้มสุกี้ยากี้ ให้เพื่อนๆ เอาสูตรไปใช้กันค่ะน้ำจิ้มสุกี้อันนี้ ไม่แน่ใจว่า เป็นกวางตุ้ง หรือเสฉวน (ไม่รู้อ่ะค่ะ)รู้แต่ว่า บ้านเราทำน้ำจิ้มแบบนี้กินเอง มาตั้งแต่เด็กๆ และมันอร่อยกว่า แบบตามร้าน หรือ MK อ่ะค่ะ (แบบนั้น เหมือนใช้ซอสพริกทำเลย)ส่วนตัวเราเอง ทำไม่เก่งหรอกค่ะ (--") แต่คนที่ทำได้เจ๋งสุดๆ คือพี่สาวเราวันอาทิตย์ที่ผ่านมา บ้านเราทำสุกี้ยากี้กินเอง พอพี่สาวทำน้ำจิ้มสุกี้ ก็เลยถือโอกาส เก็บเกี่ยวข้อมูล มาฝากเพื่อนๆ ค่ะไปเริ่มกันเลยค่ะ
ส่วนผสม สำคัญเต้าหู้ยี้ ค่ะ เลือกเจ้าที่อร่อยๆ นะคะสำหรับบ้านเรา มักจะไปซื้อที่ ตลาดดอนหวายค่ะร้านที่เข้าไปทางตลาดเก่าริมน้ำ เดินเข้าไปในสุด ก่อนถึงร้านเป็ดนายหนับอยู่ขวามือ ตรงข้ามกับร้านขายแหนมเนือง และติดกับร้านขายขนมจีนน้ำยาค่ะกล่องนี้ 65 บาท เปิดข้างใน มี 11 ก้อนค่ะงานนี้ พวกเราใส่หมดเลยค่ะปล. แต่การเลือกใช้เต้าหู้ เลือกแบบทื่ไม่เค็มนะคะ ถ้าเค็ม น้ำจิ้มจะเค็มเสียรส
ส่วนผสมสำคัญ ต่อไปกระเทียมดองเอาแบบอร่อยๆนะคะ ขอน้ำกระเทียมดองมาเยอะๆเราจะใช้น้ำกระเทียมดองเป็นตัวชูรสหวานหอมสำหรับบ้านเราซื้อมาทั้งไห จากตลาดคลองสวน 100 ปีค่ะโห ส่วนผสมแต่ละอย่าง มาคนละทิศเลยเนาะ ถ้าซื้อแบบแบ่งขาย ก็ขอน้ำกระเทียมดองเค้าเยอะๆ ละกันนะคะ
ส่วนผสมต่อไปกระเทียม (สด) เราใช้กระเทียมสด และ เนื้อของกระเทียมดองกระเทียมสด จะใช้แต่งรสให้จัดจ้านส่วนเนื้อกระเทียมดอง เราจะใช้สำหรับทำให้น้ำของน้ำจิ้ม ข้นขึ้นค่ะใช้กระเทียมสดแบบกระเทียมไทย หรือกระเทียมหัวใหญ่ก็ได้ค่ะ
ส่วนผสมอื่นๆ ก็มี1. พริกขี้หนูสวน เพื่อให้ความเผ็ด2. น้ำตาลทราย เพื่อแต่งรสหวาน3. น้ำส้มสายชู สำหรับแต่งรสเปรี้ยว4. น้ำมันหอย นิดหน่อย สำหรับแต่งรส5. น้ำมันถั่วเหลือง สำหรับความสวยงาม6. ผักชี เอาไว้โรยหน้าอื่นๆ งาขาวคั่ว ใส่หรือไม่ใส่ ตามชอบค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 53 19:04:37
แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 53 19:04:37
เตรียม ของ สด และผักรอ เลยครับ อิอิ
เอาโถปั่นอาหาร มาเตรียมไว้ใส่พริกขี้หนู, กระเทียมสด, น้ำกระเทียมดอง, น้ำส้มสายชู, น้ำตาลเติมน้ำมันหอย นิดหน่อย ซัก 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปในโถปั่น
อันนี้รู้สึกว่าน้ำกระเทียมดองน้อยไปก็ตักเติมลงไปอีก
รู้สึกว่า น้ำจะน้อยเกินไป จะทำให้ปั่นยากหรือกะดูแล้ว จะหวานน้อยไปก็ตักน้ำกระเทียมดอง ลงไปอีกกะเอาตามชอบ
อ้าว ทำไมมันซ้ำล่ะเนี่ย........................................แล้วก็แกะเอาเนื้อกระเทียมดอง ใส่ลงไปแกะเอาส่วนกลีบกระเทียมดองนะคะ เปลือก กะก้าน ไม่เอาจ้ะเนื้อกระเทียมดองที่เราใส่ไป จะทำให้เนื้อของน้ำจิ้ม ข้นขึ้น
แล้วก็ตามด้วย เต้าหู้ยี้ตอนนี้ เราใส่ลงไปก่อน 6 ก้อนพร้อมใส่น้ำแดงๆ ลงไปด้วยกะเอาพอสีสวยงามที่สำคัญ ระวัง ถ้าเต้าหู้ยี้ของคุณเค็ม ก็อย่าใส่เยอะ
โถปั่นของเราจะมีสภาพ ดังนี้จ้ะ
เอาไปตั้ง เตรียมตัวเจอปั่น
เริ่มปั่นกันเลยเร็วมาก เร็วน้อย ตามสบายอย่าให้แน่นจนปั่นไม่ได้ก็แล้วกันถ้าแน่นเกินไป (แห้ง) ก็เติมน้ำกระเทียมดองอย่าหวงน้ำกระเทียมดอง อร่อยตรงนี้แหละ
ปั่นจนเริ่มเข้ากัน จะมองเห็นว่า สีเริ่มอ่อนลง เนื้อจะออกเนียนๆอย่าปั่นจนแหลกเกินไป ให้มีเนื้อๆเวลาจิ้ม จะได้ติดกับชิ้นเนื้อ ได้รสสัมผัสค่ะกลายเป็นสีชมพูแล้วค่ะ
แล้วก็เอามาเทลงหม้อพักไว้แต่สำหรับเรา เราว่าสีมันอ่อนไปหน่อยอ่ะอยากให้มันแดงกว่านี้ก็เอาเต้าหู้ยี้ที่เหลือ กับน้ำแดงๆที่เหลือใส่โถปั่น
แล้วปั่นเต้าหู้ยี้อีกรอบให้มีน้ำแดงๆ ข้นๆ
วันนี้ เงียบๆ เนอะ สมาชิกคงกลับบ้านกันหมดแล้ว......................................................เอาเต้าหู้ยี้ที่ปั่นเพิ่มเพื่อให้สีแดงเข้มขึ้นเทผสมกับชุดแรกที่ปั่นเอาไว้แล้ว
คนผสมให้เข้ากันสีจะเข้มขึ้น ดังใจอยากได้แดงกว่านี้ ก็คงไม่ได้แล้วล่ะเต้าหู้ยี้เราหมดกล่องแล้ว 55
ใจจ้า
เอาหม้อขึ้นตั้งไฟค่ะที่ต้องตั้งไฟ ต้องการให้สุก และจะได้เก็บไว้ได้ค่ะ
ระหว่างนี้ ก็ลองชิมรสชาติดูค่ะถ้าต้องการหวาน เติมน้ำตาลทรายลงไปต้องการเปรี้ยว ให้เติมน้ำส้มสายชูค่ะ
ขณะตั้งไฟอย่าเปิดไฟแรงนะจ๊ะ (หมายความว่า เปิดไฟอ่อนๆ จ้ะ)และพยายามคอยมนุษย์ (คน) เสมอเด๋วก้นหม้อจะไหม้ค่ะ
ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว - หวานค่ะส่วนรสเผ็ด จริงๆ ตอนแรกอย่าใส่พริกเยอะเพราะเผ็ดแล้วแก้ไม่ได้ดังนั้น หากไม่เผ็ด จะปั่นพริกใส่เพิ่ม หรือจะสับพริกขี้หนูเอาไว้เติมขณะรับประทานก็ได้ ตามแต่จะสะดวกค่ะดังนั้น ระวังเรื่องเผ็ด และเรื่องเค็ม (ส่วนใหญ่เค็มจากเต้าหู้ยี้) เอาไว้ก่อนทำอ่อนๆ กลางๆ เอาไว้ เราปรุงเพิ่มได้ค่ะเริ่มจะเดือดแล้วค่ะ
ทำเป็นหม้อเลยคงเก็บไว้ทานได้บ่อย ๆ
ทีนี้ เราอยากให้น้ำจิ้มเรา ออกเงาๆ สวยงามอ่ะค่ะก็เติม น้ำมันพืชลงไป สำหรับบ้านเรา จะเติมน้ำมันถั่วเหลือง ค่ะ ส่วนท่านใด จะใส่น้ำมันอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพ เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันข้าวโพด ก็ตามแต่แต่เราเคยลองน้ำมันมะกอก แล้วกลิ่นมันแย่อ่ะ พอมาตีกับกลิ่นเต้าหู้ยี้แล้ว ไม่ไหวจะเคลียร์ ก็เลยเอาแค่เพื่อให้เงาๆ พอเติมน้ำมันซัก 1-2 ช้อนโต๊ะ นะคะ
น่าหม่ำมากๆ ขอบคุณมากสำหรับสูตรค่ะ
คุณ ขนุนเนื้อ : พอดีวันอาทิตย์ วันครอบครัว คนเยอะน่ะค่ะ แถมกินน้ำจิ้มกันเปลืองจริงๆ ใส่กันไม่ยั้ง ก็ต้องเผื่อหน่อย แต่ปกติ บ้านเราจะมีใส่กระปุกไว้ในตู้เย็นเสมอ บางทีเบื่อๆ ก็เอาผัก วุ้นเส้น มาผัดทำสุกี้แห้งกินกันค่ะ...................................................................ทีนี้ พอเราใส่น้ำมันลงไปมันจะออกมาเยี่ยงนี้แหละค่ะ
คนจนน้ำมันเข้ากันแล้วก็ตั้งไฟต่อค่ะอย่าลืมนะคะ เปิดไฟอ่อน และ คอย คน ไว้ด้วย เด๋วก้นหม้อไหม้
ซอยผักชี รอไว้ค่ะ
น่าจะใส่น้ำมันงาแทนน้ำมันพืชนะครับ หอมเลยล่ะ
คุณ กลัวที่หนาย คะ เราไม่ชอบกลิ่นน้ำมันงาน่ะค่ะ ที่บ้านก็เป็นเหมือนกัน..............................พอน้ำจิ้มเดือดดีแล้ว ย้ำว่าตั้งไฟให้เดือดดีๆ เลยนะคะก็โรยผักชีลงไปแล้วปิดไฟ
สูตรแจ๋วครับ ^^
ถ้าใครอยากใส่งา ด้วยก็เอางาขาว ไปคั่ว แล้วโรยพร้อมผักชีได้เลยเสร็จแล้วก็คนให้เข้ากันค่ะ เอาลงจากเตา ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เก็บใส่กระปุกหรือขวดที่มีฝาปิดสนิท แช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นานค่ะถ้าไม่แช่ตู้เย็น จะเสียค่ะเสร็จแล้วค่ะลองทำกันดูนะคะ เราพยายามอธิบายละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะหากมีใครสงสัย ก็ถามมาได้นะคะส่วนลองทำแล้ว ออกมาเป็นอย่างไร ก็รบกวนเล่าให้ฟังบ้างนะคะขอบคุณที่ให้โอกาสนะคะ
น่าทานมากกกเลยค่ะ สีเหมือนน้ำจิ้มของ เปาเปา ที่ขายในร้านเจ้เล้งเลยเดี๋ยวไว้ต้องลองทำมั่ง เพราะไม่ค่อยชอบน้ำจิ้มแบบซอสพริกเหมือนกันค่ะ
สูตรดีมากครับรับรองอร่อยแน่ถ้าลองใช้พริกแดง หรือพริกเหลือง สีจะสวยขึ้นน้ำมันงา เติมนิด ได้รสชาดความเป็นจีนแถมรากผักชี นิดหน่อย อร่อยเหาะถ้ามีกุ้งแห้งปั่นลงไปด้วยนะ สุดยอด
น่าทานมากค่ะ ขอบคุณสำหรับสูตรนะคะ ต้องลองทำบ้างซะแล้ววว
น่าทาน จัง ขอบคุณค่ะ ปรกติเราจะซื้อพันท้ายติดบ้านไว้ตลอด คิดไรไม่ออกก็สุกี้น้ำบ้างแห้งบ้างตามเรื่อง
ทำคล้ายบ้านเราเลยค่ะแต่ของเราใส่ถั่วตัดลงไปด้วยค่ะ
ขอโทษนะคะนึกว่ามันไม่ขึ้นเลยกดไปหลายทีขอโทษด้วยค่ะ
สูตรเดียวกันเลยกับที่บ้านค่ะ มาช่วยยืนยันความอร่อย
ขอลอกนะคะ ชอบทานสุกี้มากค่ะ แต่ขอโรยงาด้วยดีกว่า ไม่ทราบว่าสูตรนี้มันเผ็ดมาไหมค่ะ ท่าทางจะหอมเต้าหู้ยี้น่าดูเลย หิวดีแท้
ทำเยอะมาก ทานเมื่อไรหมดอ่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกท่านเลยค่ะ
ผมก็ว่าใส่น้ำมันงาสักนิดก็ดีนะ กลิ่นมันเป็นน้ำจิ้มสุกี้มาก ๆวันก่อนซื้อน้ำมันงาบีบเย็นมาใช้ถึงรู้ว่าน้ำมันงาบีบเย็นนี่ไม่มีกลิ่นเลยน้ำมันงาของจีนที่หอมเตะจมูกสงสัยจะเติมกลิ่น หรือไม่ก็งาคนละพันธุ์กับของไทยนะครับ