ความคิดเห็นที่ 1 สุดถนนตัดกับ Queen Street เลี้ยวซ้าย เดิมตั้งใจว่าจะเดินไปเก็บภาพตลาดนัดเล็กๆ และย่านชุมนุมคนเล่นหมากฮอสและหมากรุกจีน ที่ด้านซ้ายของ Queen Street ใกล้กับมุมถนนตัดกับ South Bridge Road แต่ไม่ได้มา 6 ปี มีทางด่วนพาดผ่านกลางถนน มองไปกลายเป็นตึกสูงไปเสียแล้ว อีกทั้งช่วงนี้ยังมีการก่อสร้างริมถนน ทำให้ยากต่อการเดิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:58:10

ความคิดเห็นที่ 2 เลยแยกเข้า Amoy Street เลี้ยวซ้ายเข้า Club Street ซึ่งเป็นทางลงเนิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:58:39

ความคิดเห็นที่ 3 ประมาณ 20 เมตรเลี้ยวขวาเข้าซอย Mohamed Ali จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:59:07

ความคิดเห็นที่ 4 ประมาณ 60 เมตรมาออกปากซอยทางด้าน South Bridge Road ฝั่งตรงข้ามคือ Masjid Jamae(Chulia) Masjid Jamae หรือ Masjid Chulia เป็นมัสยิดแห่งแรกของ 3 มัสยิด ซึ่งสร้างโดยมุสลิมทมิฬอินเดีย ที่อพยพมาจากชายฝั่ง  Coromandel  ทางใต้ของอินเดีย เลี้ยงชีพด้วยการเป็นพ่อค้า คนปล่อยเงินกู้และรับแลกเปลี่ยนเงินตรา (เดิมแหล่งรับแลกเปลี่ยนเงินตราโดยชาว Chulia อยู่ที่ Chang Alley ในย่าน Shenton Way ตรงข้าม Clifford Pier ปัจจุบันรื้อสร้างเป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน ซึ่งจะพาเดินผ่านคืนนี้) มัสยิดอีก 2 แห่งที่สร้างโดยชาว Chulia คือ Al-Abrar Mosque and Nagore Durgha ที่ Telok Ayer Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 00:59:36

ความคิดเห็นที่ 5 เลี้ยวซ้ายเข้า South Bridge Road ฝั่งตรงข้ามคือ Pagoda Street ซึ่งตัดผ่านไชน่าทาวน์ไปสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานี China Town ฝั่งซ้ายของ Pagoda Strret คือวัดฮินดู Sri Mariamman Temple ซึ่งเราจะกลับมาชมวันรุ่งขึ้น ด้านซ้ายของ  Sri Mariamman Temple คือ Temple Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:00:08

ความคิดเห็นที่ 6 ร้านขายยาจีนร้านใหญ่บนฝั่งซ้ายของ South Bridge Road มีไข่ต้มใบชาขายฟองละ 80 เซ็นต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:00:36

ความคิดเห็นที่ 7 ข้ามถนนไปฝั่ง Smith Street ถนนอาหารกลางคืนที่พาเพื่อนๆมาทานข้าวเย็นในภาค 2.2 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:01:07

ความคิดเห็นที่ 8 16.28 น.ผ่าน Sago Street หนึ่งในถนนคนเดินของย่านไชน่าทาวน์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:01:35

ความคิดเห็นที่ 9 เพื่อมาที่ Buddha Tooth Relic Temple and Museum (BTRTM) หรือวัดพระทันตธาตุ เป็นอาคารเหนือดิน 4 ชั้น ไม่รวมชั้นลอยและชั้นดาดฟ้า มีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ชั้นแรกเป็นหอฉันและห้องประชุมสัมนา อีก 2 ชั้นเป็นที่จอดรถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:02:05

ความคิดเห็นที่ 10 Buddha Tooth Relic Temple and Museum ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2002 โดยพระ Shi Fazhao เจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของวัด Golden Pagoda Buddhist Temple ที่ Tampines ด้วย ใช้เงินสร้าง US$ 45 ล้าน และทองคำหนัก 270 กก.จากผู้บริจาคกว่า 60,000 คน ที่ร่วมกันสร้างเพื่ออุทิศแด่พระศรีอริยเมตไตร การเข้าชมต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามเสื้อแขนกุด เสื้อเปิดโชว์หลัง มินิสเกิร์ตและกางเกงขาสั้นสูงกว่าหัวเข่า ไม่ต้องถอดรองเท้าเพื่อเข้าชม ห้ามสวมหมวก ห้ามอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามวัตถุอันตราย และแน่นอนห้ามนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้ามาภายในวัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:02:35

ความคิดเห็นที่ 11 นักรบเทวดาเฝ้าอยู่ทางซ้ายและขวาของทางเข้าวัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:03:02

ความคิดเห็นที่ 12 วัดแห่งนี้ทำพิธีเปิดโดยพระ Shi Kwang Sheng ปะธานสหพันธ์พระพุทธศาสนาแห่งสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2008 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:03:27

ความคิดเห็นที่ 13 วัดแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่ 7.00-19.00 น.ยกเว้นพิพิธภัณฑ์ที่ชั้น 3 ที่เปิดตั้งแต่ 8.00-18.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:04:09

ความคิดเห็นที่ 14 ตารางกิจกรรมของวันนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:04:37

ความคิดเห็นที่ 15 ชั้นล่างแบ่งเป็น 2 ส่วน ด้านหน้าเป็นวิหารใหญ่มีชื่อว่า Universal Wisdom Hall มีที่นั่งสำหรับผู้ที่มาร่วมสวดวัตรเช้าและวัตรเย็น มีแถบผ้ากั้นโดยรอบ ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปบริเวณสำหรับสวดมนต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:05:05

ความคิดเห็นที่ 16 ตรงกลางประดิษฐานรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตร พระพุทธเจ้าแห่งอนาคต เป็นปางประทานอภัย ประทับนั่งอยู่บนบัลลังค์เขาพระสุเมรุหน้าฉากหมู่เมฆอันงดงาม พระวรกายเป็นสีทองอร่าม แกะสลักจากไม้สนจีนจากไต้หวัน พระบาททั้งสองวางอยู่บนฐานแกะสลักเป็นกลีบบัว พระหัตถ์ซ้ายถือเจกัน พระหัตถ์ขวาอยู่ในท่าอภัยมุตรา มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับ พระพุทธรูปในวัดถ้ำโมเกา ที่ตุงหวง ประเทศจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:05:33

ความคิดเห็นที่ 17 ประวัติโดยละเอียดของพระศรีอาริยเมตไตร ตั้งแสดงอยู่ทางด้านซ้ายหลังเก้าอี้แถวสุดท้าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:06:03

ความคิดเห็นที่ 18 Universal Wisdom Hall ยังมีอีกชื้อหนึ่งว่า Hundred Dragons Hall หรือ One Hundred Buddhas Hall จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:06:39

ความคิดเห็นที่ 19 One Hundred Buddhas Hall หรือวิหารพระพุทธเจ้าร้อยพระองค์ เนื่องจากผนังด้านข้างทั้ง 2 ข้างของวิหารพระศรีอาริยเมตไตร มีซุ้มกอประดิษฐานพระพุทธเจ้าพระนามต่างๆข้างละ 50 องค์ ซึ่งมีกล่าวไว้ในพระสูตรในพุทธฝ่ายมหายาน ชื่อ"พระสูตรแห่งพระนามของพระพุทธเจ้าร้อยพระองค์" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:07:05

ความคิดเห็นที่ 20 พระพุทธเจ้าแต่ละองค์แกะสลักจากไม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:07:36

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ละองค์ในซุ้มกอประทับนั่งบนฐานดอกบัว พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างถือสิ่งของแตกต่างกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:08:10

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบซุ้มกอประดับสามด้านด้วยพระพุทธเจ้าองค์เล็กในซุ้มกออีก 15 ซุ้มกอ ทั้งองค์เล็กและองค์ใหญ่มีผู้บริจาคเงินสร้างจนเต็มทั้ง 100 ซุ้มกอ แต่ไม่ทราบว่าแต่ละคนต้องบริจาคเงินเป็นจำนวนเท่าใด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:08:46

ความคิดเห็นที่ 23 ชั้นล่างด้านหลังเป็นโถงเล็ก เป็นวิหารประดิษฐานรูปปั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:09:11

ความคิดเห็นที่ 24 . แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 01:17:03 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 01:10:06 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:09:42

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีค่ะ อาสาม แอบตามมาเที่ยวค่ะ  ก่อนจะไปเชียร์บอลแล้วค่ะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:10:37

ความคิดเห็นที่ 26 เด็กใหม่ตามไปด้วยคนค่ะ จากคุณ : ไก่ (Schnuggy ชนุ๊กกี้) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:12:15

ความคิดเห็นที่ 27 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:13:25

ความคิดเห็นที่ 28 นู๋ยู้ฮู้ ...เชียร์ให้สเปนแพ้ 555 ไก่ (Schnuggy ชนุ๊กกี้)...ไม่มีปูแก้ผ้าให้นะจ๊ะ ........................................................................... กำแพงซ้ายขวาของวิหารแบ่งออกเป็นข้างละ 4 ช่อง แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 01:15:45 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:15:16

ความคิดเห็นที่ 29 แต่ละช่องแทนแต่ละปีนักษัตร เช่นช่องนี้แทนปีมะเมีย แต่ละช่องมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่ประทับนั่งบนฐานแตกต่างกัน เพื่อพิทักษ์ผู้ที่เกิดในปีนักษัตรนั้น คติความเชื่อของศาสนาพุทธในญี่ปุ่น กำหนดให้มีพระโพธิสัตว์พิทักษ์ปีนักษัตร โดยมีทั้งสิ้น 8 พระองค์ ผู้ที่สวดภาวนาต่อพระโพธิสัตว์ที่พิทักษ์นักษัตรปีเกิดด้วยความศรัทธา ย่อมมีสติปัญญาดี ประสบความสำเร็จในธุรกิจหน้าที่การงาน และมีชีวิตครอบครัวที่ราบรื่น ของปีมะเมียเป็นพระโพธิสัตว์ Maha-Sthama-Prapta พระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์มีองครักษ์แตกต่างกัน ตัวเลข S$ 88.00 คือค่าสวดพิทักษ์ดวงชะตาประจำปี หรือที่บ้านเราเรียกว่า"พะเก่ง" S$ 88.00 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,100 บาท ในขณะที่วัดเล่งเน่ยยี่คิดคนละ 200 บาท มูลนิธิปอเต๊กตึ๊งคิดคนละตั้งแต่ 15-75 บาทแล้วแต่ว่าจะให้สวดคุ้มครองอะไรบ้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:16:19

ความคิดเห็นที่ 30 Samantabadra พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์ปีนักษัตรมะโรงและมะเส็ง ประทับนั่งบนช้างนอนสีขาว กำแพงด้านหลังพระโพธิสัตว์ ประดับด้วยรูปปั้นพระโพธิสัตว์ Cintamani Cakra องค์เล็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:17:55

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าต้องการมีชื่อบนพระโพธิสัตว์ Cintamani Cakra องค์เล็ก ต้องบริจาคเงิน S$ 3,000 (72,000 บาท) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:18:26

ความคิดเห็นที่ 32 พระโพธิสัตว์ทั้ง 8 พระองค์ประกอบไปด้วย 1 Avalokitesvara ประทับนั่งบนดอกบัว-พิทักษ์นักษัตรปีชวด 2 Akasagarbha ประทับนั่งบนดอกบัว-พิทักษ์นักษัตรปีฉลูและปีขาล 3 Manjushri ประทับนั่งบนหลังสิงห์หมอบ-พิทักษ์นักษัตรปีเถาะ 4 Samantabadra ประทับนั่งบนช้างนอนสีขาว-พิทักษ์นักษัตรปีมะโรงและปีมะเส็ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:19:14

ความคิดเห็นที่ 33 5 Vairocana ประทับนั่งบนดอกบัว-พิทักษ์นักษัตรปีมะแมและปีวอก 6 Acala ประทับนั่งบนฐานสี่เหลี่ยม-พิทักษ์นักษัตรปีระกา 7 Amitabha ประทับนั่งบนดอกบัว-พิทักษ์นักษัตรปีจอและปีกุน 8 Maha-Sthama-Prapta ประทับนั่งบนดอกบัว-พิทักษ์นักษัตรปีมะเมีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:19:47

ความคิดเห็นที่ 34 พิพิธภัณฑ์ที่ชั้น 3 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:20:20

ความคิดเห็นที่ 35 อาสาม.. ใจร้าย อิอิ พรุ่งนี้จะมาตามต่อจนจบค่ะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:20:20

ความคิดเห็นที่ 36 นู๋ยู้ฮู้...บ๊ายบาย ............................................................................................. ทุกชั้นเมื่อออกจากลิฟท์ จะมีจอแอลซ๊ดีบอกให้ทราบว่าแต่ละชั้นมีอะไรบ้าง เริ่มจากชั้นใต้ดินชั้นแรก เป็นหอฉันและห้องประชุมสัมนา ชั้นใต้ดินชั้นที่ 2 และ 3 เป็นที่จอดรถ ชั้น 1 คือวิหารพระศรีอริยเมตไตรและวิหารพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ชั้นลอย เป็นหอไตร พิพิธภัณฑ์พระสงค์ผู้มีชื่อเสียงและห้องตั้งป้ายบรรพบุรุษ ชั้น 2 เป็นที่ตั้งของ Manjushri Hall - Aranya Gallery จัดแสดงภาพวาด ลายมือ รูปปั้น และเป็นที่จัดเก็บ Maha-pranjna-paramita Sutra บนชั้นนี้ยังมีร้านน้ำชาชื่อ Lotus Heart Tea House จำหน่ายน้ำชาและอาหารเจ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:21:30

ความคิดเห็นที่ 37 ชั้น 3 เป็นพิพิธภัณฑ์และห้องจัดแสดงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ชั้น 4 เป็นที่เก็บพระทันตธาตุ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:22:06

ความคิดเห็นที่ 38 โดยตั้งอยู่ในครอบแก้วในห้องกระจก ไม่สามารถเข้าไปชมใกล้ๆได้ ห้องนี้จะมีพระประจำเพื่อทำพิธีสวดมนต์ให้กับผู้ที่มากราบพระทันตธาตุ ห้องนี้ห้ามถ่ายภาพ ห้องนี้รวมถึงบริเวณทั้งหมดภายในวัด มีกล้องวงจรปิดคอยดูความเคลื่อนไหวของคนที่เข้ามาในวัด ปล.ภาพจากเว็บไซต์ของทางวัด http://www.btrts.org.sg/Index_Eng.html อนึ่ง มีข้อถกเถียงกันว่าพระทันตธาตุ ที่อ้างว่าได้มาจากวัด Bandula ในพม่านั้น น่าจะเป็นฟันกรามสัตว์มากกว่า เนื่องจากมีความยาวถึง 7.5 ซม. ซึ่งยาวเกินกว่าสรีระของมนุษย์ พระทันตธาตุ ที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของจริงมีเพียง 2 องค์ คือที่ Kandy ประเทศศรีลังกา และที่วัดหลิงก่วง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน บทความเกี่ยวกับการพิสูจน์พระทันตะธาตุของสิงคโปร์นั้น สามารถอ่านได้ที่ http://www.buddhistchannel.tv/index.php?id=57,4519,0,0,1,0 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:22:43

ความคิดเห็นที่ 39 ชั้นดาดฟ้าเป็นสวนกล้วยไม้ และระฆังหมุนสวดมนต์ ไม่มีเวลาเดินชมส่วนอื่นๆ เนื่องจาก Christine โทรฯมานัดเจอทานข้าวเย็นตอน 1 ทุ่ม ที่ Raffle City Shopping Mall จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:23:21

ความคิดเห็นที่ 40 ลงลิฟท์ลงมาที่ชั้น 1 เดินออกหลังวัดผ่านทางประตูของวิหารพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ที่ทางเข้าวัดด้านหลัง มีรูปปั้นของ Kulikah ในรูปพญานาคหรือมังกรพันดาบ ซึ่งเป็นภาคหนึ่งของพระ Acala ในพุทธศาสนาแบบวชิรญาน ซึ่งเป็นผู้ทำลายความหลง และปกป้องพระพุทธศาสนา แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 01:25:20 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:24:14

ความคิดเห็นที่ 41 17.45 น.ออกจากวัดพระทันตธาตุทางด้านหลังวัด หลังวัดเป็นลานกว้าง ฝั่งตรงข้ามคือ Chinatown Complex ชั้นล่างเป็นตลาดสดที่จะพาไปชมพรุ่งนี้เช้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:26:07

ความคิดเห็นที่ 42 Buddha Tooth Relic Temple and Museum เมื่อมองจาก Chinatown Complex จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:26:36

ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อยืนที่ Chinatown Complex ทางซ้ายมือมีประตูออกไป Sago Street ขวามือของทางออก เป็นแหล่งชุมนุมคนรักหมากกระดานซึ่งมีทั้งหมากรุกจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:27:08

ความคิดเห็นที่ 44 และหมากฮอส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:27:37

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีค่ะอาสาม มาตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยค่ะ ^^ จากคุณ : saren เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:29:06

ความคิดเห็นที่ 46 ที่บ้านเราก็มีแหล่งชุมนุมคนรักหมากกระดานเช่นกัน เช่น ริมถนนเพชรบุรีขาออกทางด้านซ้าย ก่อนขึ้นสะพานลอยข้ามแยกราชเทวี ซึ่งเล่นหมากรุกไทยและหมากฮอส อีกที่คือในตรอกหัวเม็ด ข้างร้านห้างขายยาตราใบห่อ ตรงข้ามร้านเจ้ากรมเป๋อ ถนนจักรวรรดิ์ แต่เป็นหมากสกา กฏของการดูหมากกระดานก็คือ"จงดูแต่ตา อย่าทำตัวเป็นเซียน ยืนดูเงียบๆ อย่าเสนอแนะจะโดนไล่" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:29:34

ความคิดเห็นที่ 47 saren ...ตอนท้ายจะยิ่งกว่านี้อีกครับ ............................................................................................ เดินออก Sago Street แล้วเลี้ยวซ้าย สุด  Sago Street เลี้ยวขวาเข้า Trengganu Street ผ่านแยก Smith Street ที่แผงขายอาหารเปิดขายแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:31:21

ความคิดเห็นที่ 48 เดินตรงไป ข้าม Smith Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:32:39

ความคิดเห็นที่ 49 แวะหยุดดูการวาดภาพในขวดยานัตถ์ ที่บอกว่า"ใน" เพราะใช้พู่กันจุ่มสี แล้วสอดเข้าไปภายในขวดยานัตถ์เพื่อวาดภาพ นอกจากขายขวดยานัตถ์แล้ว ยังรับทำตราประทับด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:33:16

ความคิดเห็นที่ 50 เดินข้าม Temple Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:33:46

ความคิดเห็นที่ 51 ตรงแยก Temple Street มองไปทางซ้ายจะเห็นศูนย์การค้า People's Park Complex (เจินจูฝาง) บน Eu Tong Sen Road ซึ่งขนานกับ North Bridge Road แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 01:34:39 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:34:17

ความคิดเห็นที่ 52 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:35:39

ความคิดเห็นที่ 53 สุดถนนเชื่อม Sago Street, Smith Street และ Temple Street คือ Pagoda Street ตึกแถวในย่านไชน่าทาวน์ได้รับการทาสีอย่างสวยงาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:36:13

ความคิดเห็นที่ 54 เลี้ยวซ้ายเข้า Pagoda Street มองเห็นทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานี China Town (ม่วง NE 4) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:36:40

ความคิดเห็นที่ 55 อาชีพที่น่าจะเป็นเพียงอาชีพเดียว ที่อนุญาตให้เข็นรถขายได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:37:10

ความคิดเห็นที่ 56 อาชีพที่ว่าก็คือรถเข็นขายขนมปังห่อไอศรีม ซึ่งต่างจากบ้านเราที่ใช้ขนมปังท่อนยาวหั่นผ่ากลาง แต่ที่สิงคโปร์ ใช้แผ่นขนมปังปอนด์แผ่นใหญ่วางบนแผ่นพลาสติก ตักไอศครีมตามรสที่เลือกวางบนแผ่นขนมปัง บีบเข้าหากันส่งให้ลูกค้า ราคาขายคือ S$ 1.00 เท่ากันทุกเจ้า ถ้าจำกันได้ เคยให้ชมภาพรถขายไอศครีมแบบนี้ บนทางเท้าของ Orchard Road ในภาค 1 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:38:00

ความคิดเห็นที่ 57 สถานีรถไฟฟ้า MRT สถานี China Town ฝั่ง Pagoda Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:38:33

ความคิดเห็นที่ 58 ขึ้นบันไดข้ามถนนเหนือทางขึ้นลงสถานี China Town มองลงมาทางขวามือ เป็นร้านขายเสื้อจากประตูน้ำ ยืนยันว่ามาจากประตูน้ำเพราะซื้อมาฝาก Antoni ตัวละ 150 บาท ส่วนทางซ้ายมือของบันได คือ Lucky Plaza Chinatown ที่ขนานกับ North Bridge Road จนถึง Temple Street จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:39:03

ความคิดเห็นที่ 59 ข้ามสะพานลอยคนข้ามถนนความกว้างประมาณ 10 เมตร ทีประดับด้วยซุ้มและกระถางดอกไม้ มีคลองพาดผ่านตรงกลาง จากกึ่งกลางสะพาน ทางขวามือของคลอง คือ North Bridge Road เดินไปอีก 2 แยกจะไป Hong kong Street ที่พาเพื่อนๆไปซื้อผลไม้แห้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:39:44

ความคิดเห็นที่ 60 ทางซ้ายมือของคลองคือ Eu Tong Sen Road ตึกใหญ่ตรงหัวมุมตัดกับ Upper Cross Street คือ People's Park Center จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:40:28

ความคิดเห็นที่ 61 ลงสะพานมาคือทางขึ้นลงสถานี MRT China Town ฝั่ง People's Park Complex จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:41:11

ความคิดเห็นที่ 62 มองตรงไปคือ ลานด้านข้างของ People's Park Complex ซึ่งเป็นที่ตั้งของ People's Park Food Center จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:41:50

ความคิดเห็นที่ 63 อาคาร 3 ชั้นของศูนย์อาหาร มีการปรับปรุงให้ดูสว่างและทันสมัยขึ้น ชั้นล่างยังคงเป็นศูนย์อาหาร ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 เป็นร้านขายและรับตัดเสื้อผ้าเหมือนเดิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:42:19

ความคิดเห็นที่ 64 แวะศูนย์อาหารเพื่อดูว่า ร้านต้มเครื่องในหมูในกระทะทองเหลืองใบใหญ่ ที่น้ำแกงเป็นสีแดงยังอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าไม่อยู่แล้ว ศูนย์อาหารแห่งนี้ สามารถกล่าวได้ว่า เป็นศูนย์อาหารแห่งแรกที่มีน้ำแข็งเปล่าขาย เพราะคนไทยสั่งกันมากจนต้องมีให้บริการ และกลายเป็นเรื่องทั่วไปในสิงคโปร์ ที่สั่งน้ำขวดจะมีน้ำแข็งให้ 1 แก้ว นอกจากนี้ยังมีพริกน้ำส้มบริการคนไทย ซึ่งตอนหลังดัดแปลงเป็นพริกชี้ฟ้าราดซีอิ๊ว คนขายหลายคนยังพูดไทยได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:42:51

ความคิดเห็นที่ 65 ด้านขวาของลาน คือห้างสรรพสินค้า OG ที่มีสาขาที่ Bugis ก่อนข้ามไป Sim Lim Square แหล่งสินค้าไอทีด้วย สมัยก่อนชอบขึ้นไปทานอาหารชุด ที่ Cafeteria บนชั้น 3 ของห้าง แต่เมื่อปี 2004 ไม่เห็นแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:43:24

ความคิดเห็นที่ 66 เดินเข้าไปในศูนย์การค้าของ People's Park Complex นี่คือศูนย์การค้าสุดฮิตของคนไทยในสมัยก่อน ทัวร์ทุกทัวร์ต้องพาลูกทัวร์มาช้อปปิ้งที่นี่ เดินที่นี่เจอแต่คนไทย แม้แต่วันนี้ก็ยังเจอคนไทย สมัยก่อนศูนย์การค้าแห่งนี้รุ่งเรืองมาก ถึงขนาดร้านค้าทุกร้านพูดภาษาไทยได้ คนไทยเอาเงินมาละลายที่นี่กันมาก จนรัฐบาลสิงคโปร์ต้องเอาใจ อนุญาตให้จอดรถทัวร์ริมคลองทางด้านขวาของ Eu Tong Sen Road ได้ มีตำรวจดูแลความปลอดภัย กฏหมายสิงคโปร์ถ้าไม่ข้ามถนนบนสะพานลอยหรือทางม้าลายจะถูกปรับ แต่สำหรับบริเวณนี้ ถ้าบอกว่าเป็นคนไทยตำรวจไม่ปรับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:44:43

ความคิดเห็นที่ 67 แวะ First Emporium & Supermarket ที่มุมชั้น 1 เป็นร้านที่แวะทุกครั้งที่มา People's Park และเคยพาแฟนมาซื้อ Apricot แห้งที่นี่เมื่อปี 2004 ถ้าไม่สามารถไปร้านที่ Hong Kong Street ร้านนี้ถูกที่สุด คือแพ็คละครึ่งกิโลฯ S$ 4.90 (Hong Kong Street S$ 7.50/กก.) ในขณะที่ซุ้มขายผลไม้แห้งที่ทางเข้าข้างลาน People's Park ขาย S$ 2.20/1 ขีด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:45:21

ความคิดเห็นที่ 68 18.40 น.ขึ้นรถไฟฟ้า MRT ที่สถานี  China Town (ม่วง NE 4) ฝั่ง People's Park Plaza เปลี่ยนรถที่สถานี"ตัวเหม่ยเกอ/พ่อหล่อลากดิน" หรือ Dhoby Ghuat (ม่วง NE 6/แดง NS 24) ต่อสายสีแดงไปลงที่สถานี City Hall เดินออกทางด้าน Raffles City Shopping Center นัดกับ Christine ที่หน้าห้างสรรพสินค้าโรบินสันที่ชั้น 1 ชั้นอาหารอยู่ที่ชั้น 3 ของศูนย์การค้า Christine ชวนทานพาสต้า แต่คำตอบที่ได้ก็คือ "I come to Singapore for local food, not international" ผ่านร้านอาหารไทย Thai Express Bistro อยากเดินเข้าไปถามว่าเจ้าของเป็นคนไทยหรือเปล่า ถึงได้เอาพระพุทธรูปยืนปางอภัย มาตั้งที่หน้าร้าน 2 องค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:46:04

ความคิดเห็นที่ 69 เดินเข้าศูนย์อาหาร วันนี้ขอลองร้าน Mr.Prata จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:46:48

ความคิดเห็นที่ 70 Mutton Murtabak  S$ 5.00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:47:17

ความคิดเห็นที่ 71 มาพร้อมน้ำราดสีแดง 1 ถ้วย ไม่เผ็ดแต่ออกเปรี้ยวนิดๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:48:46

ความคิดเห็นที่ 72 หน้าตาของมันก็คือมะตะบะเนื้อแกะนั่นเอง เพราะ Murtabak มุสลิมมบางประเทศเรียกว่า Martabak และ Mutabbaq ไส้ในเป็นส่วนผสมของ เนื้อแกะสับคลุกกับกระเทียม ไข่ไก่และหัวหอม ห่อด้วยแป้งโรตีแล้วนำไปทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:49:22

ความคิดเห็นที่ 73 ทานกับ Papadum หรือข้าวเกรียบแขก 1 ห่อ 80 เซ็นต์ ที่ทำจากแป้งถั่ว Lentil ถั่ว Chicpea หรือข้าว ผสมเกลือและน้ำมันถั่ว เติมเครื่องเทศเช่น พริก ขมิ้น กระเทียมหรือพริกไทยดำ นวดแล้วตัดเป็นชิ้นรีดจนแบนแล้วนำไปตากแดด เมื่อจะทานนำไปทอดหรือย่างบนเปลวไฟ หรืออบด้วยเตาอบหรือเตาไมโครเวฟ จิ้มซอสหรือทานกับแกงก็ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:49:52

ความคิดเห็นที่ 74 ราดซอสแกงแดง ไม่อร่อยเท่ามะตะบะของมุสลิมชาวไทยแถวบ้าน ที่ขายชิ้นละ 25 บาท นอกจากเนื้อแกะแล้วยังมีเนื้อไก่ ปลาทูน่าและปลาซาร์ดีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:50:32

ความคิดเห็นที่ 75 เครื่องดื่มเป็น Hot Tea Tarik หรือชาชักร้อน หอมแต่หวานไปนิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:51:00

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่อิ่มก็เลยเดินดูว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง รายการนี้น่าสนใจตรงตัวหนังสือจีนนี่แหละ Dao Xiao Mian (เตาเซียวเมี่ยน) แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 16:08:23 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:51:35

ความคิดเห็นที่ 77 เตาเซียวเมี่ยนหรือหมี่ปาดมีด คืออาหารที่ต้องใช้ฝีมือในการทำเป็นอย่างมาก โดยเริ่มจากนวดแป้งหมี่เป็นก้อนยาวประมาณ 12 นิ้ว แต่แทนที่จะม้วนแล้วแกว่งจนเป็นเส้น พ่อครัวกลับวางก้อนแป้งหมี่บนถาดยาว แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 16:12:08 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:52:07

ความคิดเห็นที่ 78 จากนั้นถือถาดก้อนแป้งหมี่ด้วยมือขวาวางทาบกับหน้าอก ใช้มือซ้ายหยิบแผ่นโลหะสีเงินวาว ที่ด้านหนึ่งลับจนคมเหมือนใบมีด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:52:42

ความคิดเห็นที่ 79 จากนั้นจรดปลายมีดลงบนก้อนแป้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:53:26

ความคิดเห็นที่ 80 แล้วปาดเส้นหมี่ออกมาจากก้อนแป้งทีละเส้น ลงในกระทะใบใหญ่ที่ต้มน้ำจนเดือด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:54:06

ความคิดเห็นที่ 81 จากนั้นต้มเส้นจนสุกแล้วตักใส่ชาม มีซี่โครงหมู เนื้อไก่และเนื้อวัวให้เลือก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:55:41

ความคิดเห็นที่ 82 เลือกเนื้อวัว มาในชามใหญ่มากพร้อม Sambal Chili 1 ถ้วยเล็ก ชามนี้ S$ 5.80 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:56:18

ความคิดเห็นที่ 83 โรยหน้าด้วยปลาซิวทอดกรอบและหอมเจียว ใส่พริกไทยเล็กน้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:56:50

ความคิดเห็นที่ 84 ใส่ดอกไม้จีน ผักกวางตุ้งแคระและเห็ดหูหนูดำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:57:28

ความคิดเห็นที่ 85 เนื้อพะโล้เปื่อยกำลังดี เส้นหนาและเหนียวเล็กน้อย ชามนี้ทานเส้นไม่หมดเพราะปาดเส้นหนา จึงเมื่อยกรามและรู้สึกเลี่ยนน้ำแกง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:58:13

ความคิดเห็นที่ 86 โอยยยยย  น่ากินน่ะ จากคุณ : Schnuggy ชนุ๊กกี้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:58:47

ความคิดเห็นที่ 87 20.35 น.แยกกับ Christine เพื่อไปต่อ ออกจาก Raffle City Shopping Center ทางด้านสถานีรถไฟฟ้า City Hall เลี้ยวซ้ายไปตาม Stamford Road มองเห็นโบสถ์ St. Andrew's Cathedral อยู่ฝั่งตรงข้าม ข้ามไฟแดงมาที่ St. Andrew's Road ที่ขนานกับลาน Padang ผ่านโบสถ์ St. Andrew's Cathedral ผ่านตึก City Hall และอาคารศาลสูงเก่า ที่ปัจจุบันใช้เป็น National Art Gallery จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 01:59:05

ความคิดเห็นที่ 88 Schnuggy ชนุ๊กกี้...สู้ปูผัดผงกะหรี่ไม่ได้หรอก .............................................................................. สุดถนนเลี้ยวซ้ายเข้า Connaught Drive ผ่านด้านหลังของ Singapore Cricket Club ข้ามถนนมาที่ Victoria Memorial Hall หน้าตึกมีรูปปั้นยืนกอดอกของ Sir Stamford Raffles จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 02:00:51

ความคิดเห็นที่ 89 เดินตามทางเล็กๆผ่านสวนหย่อมไปทางซ้ายของรูปปั้น มองไปทางซ้ายมือคือ Anderson ฺBridge ข้ามแม่น้ำสิงคโปร์ สะพานโครงสร้างเหล็กที่คล้ายกับสะพานนี้ ยังมีอีกแห่งที่ North Bridge Road ชื่อ Elgin Bridge จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 02:02:48

ความคิดเห็นที่ 90 เดินไปริมแม่น้ำสิงคโปร์ มีหนุ่มสาวนั่งจู๋จี๋กันมากมาย อีกแห่งที่มีหนุ่มสาวนั่งจู๋จี๋กันมากมาย คือที่อดีต Elizabeth's Walk ที่ปัจจุบันกลายเป็น Esplnade หยุดตั้งกล้องที่หน้า Asian Civiliization Museum ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 02:05:17 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 02:03:35

ความคิดเห็นที่ 91 เพื่อเก็บภาพ Fullerton Hotel หนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในสิงคโปร์ อีกหนึ่งคือ Raffles Hotel จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 02:04:30

ความคิดเห็นที่ 92 อาคารของ Fullerton Hotel เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่สร้างเมื่อปี 1928 เดิมใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์กลาง ปรับปรุงเป็นโรงแรมโดย Sino Land (Hong Kong) Company Ltd เมื่อปี 1997 ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2000 และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2001 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 02:07:09