ความคิดเห็นที่ 1 ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนเราไหม คือเวลาซื้อของ โดยเฉพาะของสดที่จะต้องแช่แข็ง มักจะลืมเสมอ พอจะไปตลาดทีต้องเปิดดู แต่เวลามันแข็งนะ โอ๊ย...แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร จะเขียนป้ายกำกับไว้ก็...ขี้เกียจ อีกทั้งเอามาละลาย ป้ายเลอะอีก เฮ้อ... วิธีแก้ปัญหาของเราคือการจดใส่สมุด สมุดเล่มนี้จะจดอะไรบ้าง...ก็รายการอาหารในตู้เย็นเล็ก / ตู้เย็นใหญ่ / ตู้แช่ เพื่อกันลืมโดยเฉพาะ บางครั้งนึกเมนูอะไรออก ก็เขียนไว้ว่าเย็นนี้กินอะไร เย็นพรุ่งนี้จะกินอะไร คิดไปถึงวันมะรืนนู่น...ชอบจริงๆนั่งคิดเมนูอาหารเนี่ย... ขอเอาตัวอย่างมาโชว์แค่นี้ อย่างแรกต้องแบ่งก่อน ของสดตู้เย็นช่องธรรมดา ได้แต่จำพวก ผัก/ เต้าหู้ / กุนเชียง บลาๆๆๆๆ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 18:44:24

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อไปเป็น "ปลา" ต้องเขียนไว้ว่า "เก่า" คือซื้ออาทิตย์ก่อน "ใหม่" คือเพิ่งจะซื้อ เพื่อจะดูว่าควรเอาอะไรมาทำก่อนหลัง อันไหนใช้แล้วขีดทิ้งไป หมดไปเป็นอย่างๆ เนื้อปลานี้....อย่างที่บอกคือซื้อทั้งตัว ฉะนั้นจะติดช่วงท้อง ซึ่งไม่มีใครกินหากเอาไปนึ่งหรือผัดหรือทำข้าวต้ม ฉะนั้นทำได้อย่างเดียวคือทอด เนื้อช่วงท้องแล่ออกมา วงเล็บไว้ว่า (ทอด) จะได้รู้ ตะกี้บอกไปว่า "เวลาของสดกลายเป็นน้ำแข็ง" แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แต่เรื่องปลาไม่มีปัญหา เพราะที่บ้านกินเนื้อปลาแล่อยู่ ๒ ชนิด คือปลาเก๋ากับปลากะพง ฉะนั้นแล้ว เวลาจัดใส่ถุง จะเอาหนังสติ๊กสีแดง "ผูกจุก" สำหรับปลากะพง สีเขียวสำหรับ "ปลาเก๋า" แค่นี้ก็เรียบร้อย ^_^ บรรดาปลาเป็นตัวๆ อย่างเช่น จาระเม็ด อินทรีย์(ท่อน) แซลมอน ต่อให้แข็งก็ดูออก ตัดปัญหาไปอีกอย่าง ***วงเล็บนั้นคือจำนวนว่ามีกี่ถุง หรือ ทำได้กี่จาน*** จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 18:48:22

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อไปเป็นรายการ "ช่องแข็ง" ช่องแข็งคือช่องฟรีซในตู้เย็นนั่นเอง ของจะเยอะมโหฬารบานตะไท ชนิดที่ว่าตอนประกาศเคอร์ฟิว ที่บ้านเฉยๆมาก ห่วงแต่ไม่มีไข่ บรรดากุ้งหมูไก่ปลา โอ๊ย...เหลือจะพอจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมไม่กินให้หมดแล้วค่อยซื้อ (สงสัย) ช่องแข็งนี้...จะใส่ของที่หยิบบ่อย บางทีก็ "โยก" เนื้อปลาจากตู้แช่มาใส่บ้าง แต่ส่วนใหญ่มักทำไม่ได้ เพราะช่องแข็งเต็มตลอด มีตั้ง ๕ ชั้น (ไม่นับชั้นวางน้ำแข็ง) ก็เต็มมันทั้ง ๕ ชั้น (สามารถไหม) สิ่งที่เก็บในช่องแข็งได้ จะแบ่งเป็น ชั้นบนคือวางน้ำแข็ง ถาดรองน้ำแข็ง แล้วจะมีที่เหลือพอใส่ "เกี๊ยวน้ำ CP" เรียงได้ ๖ กระป๋องทีเดียว ชั้น ๒ = หมู หมูบด เนื้อสะโพก สันคอ สันนอก สันใน สันอะไรจิปาถะ แพ๊คให้เรียบร้อย สำหรับเอามาละลายเป็นมื้อๆ ไว้ชั้นนี้ เช่นเดียวกับไก่ และกุ้งที่ทุกอาทิตย์จะต้อง "งม" จากตู้แช่มาอย่างละ ๒-๓ ถุง ถุงละ ๑๒-๑๘ ตัว สำหรับกินในแต่ละอาทิตย์ ในตู้แช่อย่าไปพูดถึงมันเลย เหมือนฟาร์มกุ้งย่อมๆเชียวล่ะ... ***กุ้งเวลาแข็งเราแยกออก แต่หมูกับไก่เป็นปัญหา ฉะนั้นใช้วิธีเดียวกับปลา "หนังสติ๊กสีแดงสำหรับหมู"  "สีเขียวสำหรับไก่" เราไม่จำเป็นต้องแยกส่วน เพราะเวลาหั่นใช้เทคนิคส่วนตัว แข็งยังไงก็ดูออกว่าคือส่วนไหน ชั้น ๓ = ตอนนี้ใส่บะจ่าง กีจ่าง แล้วก็เป๋าฮื้อ / ไก่จ๊อ / ลูกชิ้นกุ้ง / เนื้อกุ้งแกะแล้ว ไว้สำหรับไหว้เหล่าม่าในวันเสาร์นี้ ครบรอบวันเสียพอดี ชั้น ๔ และ ๕ = เป็นอะไรที่ไม่อยากมองเลย ให้ตายสิ เพราะไม่รู้มันจะ "โล่ง" เมื่อไหร่ มีตั้งแต่ ปูอัด / สาหร่ายสีเขียวไว้ทำข้าวปั้น / ไข่กุ้ง ไว้ทำข้าวปั้นอีกเช่นกัน / เอ็นหอยเชลล์แห้ง / ปลาเค็ม / ใบปอ (ขนาดใบปอยังต้องแช่แข็งเลย คิดดู) ตรงประตูตู้เย็นเหรอ...มีไว้เก็บเนย เนยมีเยอะมาก ชีสด้วย นานๆกินที แต่ขยันซื้อชะมัด...^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 18:57:30

ความคิดเห็นที่ 4 จากข้างบน ด้านหลัง "หมู" มีวงเล็บไว้ (๑) คือต่อจาน ทำได้ ๑ จาน มีแต่ถุงก็เท่ากับจำนวนจาน เวลาหยิบไปใช้ก็ขีดทิ้งไป จะได้นับง่ายๆ ที่ต้องเขียน ๑ เพราะบางทีมี ๒ คือทำได้สองจานนั่นเอง สำหรับมื้อใหญ่ๆ เช่นมื้อเย็นวันเสาร์อาทิตย์ ทั้งที่จำนวนคนกินก็เท่าเดิม แต่เหมือนเจริญอาหารมั้ง กินไปดูทีวีไป ไม่ต้องรีบทำการบ้าน ประมาณนี้ อันนี้คือรายการของไหว้ จดๆแยกไว้ก่อน จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:00:09

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาช่วย เอ๊ย ชม วิธีจัดคลังแสงค่ะ จากคุณ : okonomi เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:08:03

ความคิดเห็นที่ 6 ***ต่อไป วิธีเคี่ยวกระดูกหมู*** = เมื่อวานนี้ เปรยๆขึ้นมาว่า "พรุ่งนี้จะทำแกงฮังเล" เพราะดูกระทู้ของคุณ Swin แล้วอยากทำ + อยากกิน แต่หม่าม๊าบอกอยากกินแกงป่ามากกว่า (สงสัยไม่เชื่อใจ กลัวทำแกงฮังเลแล้วกินไม่ได้) ๕๕๕ เลยตกลงว่าแกงป่าแล้วกัน หม่าม๊าบอกว่าให้ใส่ไก่ เราบอกใส่กระดูกหมูดีกว่า กระดูกอ่อนยังเหลืออีกเยอะเลย มีตั้ง ๒​ โลแน่ะ ส่วนกระดูกซี่โครงธรรมดา มีตั้ง ๓ โล = สรุปลงตัวที่ "แกงป่าซี่โครงอ่อน" เราก็ถามหม่าม๊าว่าจะเคี่ยวหมูกับพริกแกงเลยไหมจะได้เข้าเนื้อ หม่าม๊าบอกอย่าเลย เคี่ยวกระดูกหมูเปล่าๆก่อน ๒ ชั่วโมง ค่อยใส่พริกแกง ก็ตกลงตามนั้น = พูดถึง "กระดูกหมู" นี้ คนจีน ๑๐๐% อย่างเราจะต้อง "ทำเป็น" อยู่แล้ว เพราะแกงจืดต่างๆ ซุปเครื่องยาจีน ต้องใส่กระดูกหมู แล้วคนจีนถือนักเรื่องน้ำแกงต้อง "ใส" เลยถูกสอนมาแต่ไหนแต่ไร ถึงวิธีทำให้ใส โดยไม่มีคราบติดที่ขอบหม้อให้ต้องขัดจนกล้ามขึ้นด้วย = อันดับแรก "ล้างกระดูก" ให้สะอาด วิธีล้างคือ ให้รองน้ำเต็มอ่าง เทกระดูกลงไปแล้วล้างผ่านก๊อกทีละชิ้น ย้ำว่าทีละชิ้น แล้วลองดูว่าน้ำจะขุ่นมากๆ ที่ต้องทำแบบนี้เพื่อล้างเลือดออกในรอบแรก + ล้างเศษกระดูกจากการสับหมูออกด้วย เวลากินจะได้คล่องๆค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:21:47

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ okonomi = วิธีจัดไม่ได้ถ่ายมาค่ะ ถ่ายแบบที่จดให้ดู แบ่งรายการยังไง อันนี้เป็นวิธีส่วนตัว ลองทำแล้วได้ผลตรงที่ไม่มีอาหารเหลือเสีย พวกผักเนี่ย บางทีซื้อมาแล้วลืม เน่าไปเลยก็มี ทำแบบนี้แล้วไม่มีเน่าแน่นอนค่ะ เพราะเราจะรู้ว่าเหลืออะไร ควรทำอะไรกินบ้าง อย่างไหนทำก่อนทำหลังด้วยค่ะ ================================== พอล้างกระดูกแล้ว ให้เติมน้ำเปล่า "ท่วม" กระดูก แต่เว้นไว้ "๑นิ้ว" จากขอบหม้อ ที่ให้ทำเช่นนี้เพราะเวลาเคี่ยวจะได้ช้อนฟองและสิ่งสกปรกที่ลอยอยู่ผิวน้ำทิ้งได้ง่ายๆ อีกทั้งเวลาเคี่ยว ตรงผิวน้ำขอบๆหม้อจะแข็ง  ล้างออกยาก พอเคี่ยวเสร็จแล้วเติมน้ำตามที่เราต้องการ ใส่เครื่องต่างๆ ตรงที่แข็งนั้นจะหายไปเพราะน้ำท่วมหมดและละลายไปกับน้ำ เหมือนเวลาล้างกระทะที่ล้างไม่ออก ให้เอาน้ำใส่แล้วต้มให้เดือด ใช้วิธีเดียวกัน จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:25:35

ความคิดเห็นที่ 8 หลักการเคี่ยวกระดูกซี่โครง ประมาณ ๑-๒ กิโล ให้ท่องว่า "ปิด ๑๐ / เปิด ๑๐ / แง้ม ๒ / ปิดทิ้ง" มาดูว่าหมายความว่าไง "ปิด ๑๐" คือ หลังจากเติมน้ำ ใส่เกลือลงไปประมาณ ๑ ช้อนโต๊ะ เรากะโดยเติมเกลือเท่ากับน้ำหนักหมู คือหมู ๑ กิโล เกลือ ๑ ช้อน จากนั้นตั้งไฟ "ปิดคือปิดฝาให้สนิท / ๑๐ คือตั้งไฟแรง ๑๐ นาที" แต่...เตาของแต่ละคนความร้อนความแรงของไฟไม่เท่ากัน ฉะนั้นให้ลองจับเวลาดูค่ะ แล้วปรับให้ตรงกับบ้านตัวเอง "อย่าลืม" ว่าเคี่ยวกระดูกต้องระวัง ถ้าปล่อยให้เดือดนานทั้งยังปิดฝาหม้อ สิ่งที่ตามมาคือ "ฟองล้น เลอะ น้ำขุ่น" พอพ้น ๑๐ นาทีแล้ว เปิดออกมา จะเห็นว่าใกล้เดือดแล้ว ตอนถ่ายรูปต้องหรี่ไฟ ไม่งั้นร้อนมือ... ***จะเห็นว่าสิ่งสกปรก เลือด ลอยขึ้นเต็มเลย*** พวกนี้แหละทำให้น้ำซุปขุ่น จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:29:51

ความคิดเห็นที่ 9 = "เปิด ๑๐ คือเปิดฝาแล้วไฟแรงตลอด มันจะเดือดและขุ่น" อย่าได้กังวลตรงนี้ เราต้องเร่งไฟให้เดือดปุดๆตลอด ๑๐ นาทีเพื่อให้สิ่งสกปรกลอยขึ้นมาให้หมด จะได้ช้อนทีเดียว = อุปกรณ์การช้อนคือ "กระชอน" หน้าตาอย่างนี้ ไว้ช้อนฟ้องโดยเฉพาะ ช่วยได้มากกว่าการใช้ทัพพี เพราะว่าช้อนแต่ฟองและพวกตะกอนจริงๆ แล้วทิ้งใส่ถุงได้เลย ไม่เหมือนทัพพีที่ติดน้ำซุปสุดอร่อยของเราขึ้นมาอย่างน่าเสียดาย = ฟองพวกนี้ช้อนได้เต็มชามข้าวต้มเลยค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:33:06

ความคิดเห็นที่ 10 = ไฟแรง ๑๐ นาทีแล้ว ช้อนหมดแล้ว จะเห็นฟองเล็กๆที่ช้อนไม่ขึ้น อย่าไปยุ่งกับมัน = ดำเนินการต่อไปคือ "แง้ม ๒" หมายถึง ไฟอ่อนสุดเท่าที่ทำได้ แง้มฝานิดๆเป็นเวลา ๒ ชั่วโมง จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:34:32

ความคิดเห็นที่ 11 = ๒ ชั่วโมงผ่านไป สภาพน่าตกใจเล็กน้อย = ขั้นตอนนี้ต้องใช้ "ทัพพี" เพราะเราจะช้อน "มัน" ที่ลอยอยู่ออกให้หมด = ที่จริงแล้ว ไม่อยากใช้ทัพพีเพราะเสียดายน้ำซุป แต่ยังหาอุปกรณ์ในการช้อนแต่มันขึ้นมาไม่ได้ ก็เลยต้องใช้วิธีดั้งเดิมต่อไปค่ะ ^_^ = ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ซี่โครงธรรมดานั้นจะมีสิ่งสกปรกให้ช้อนเยอะสุดๆ เพราะเลือดกับไขกระดูกนั่นเอง ส่วนซี่โครงอ่อน มันจะท่วมมาก ขึ้นอยู่กับคนทำว่า "ชอบ" ช้อนอะไรมากกว่ากัน ก็เลือกซี่โครงนั้น ^_^ = ตอนช้อนเนี่ย ช้อนมันขึ้นมาได้ชามใหญ่ๆเลย คือวางทัพพีบนผิวน้ำ ช้อนไปเรื่อยๆ จะเห็นเองว่าหมดรึยัง เพราะมันจะลอยบนผิวน้ำ ระวังอย่าไปคนแล้วกันค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:38:43

ความคิดเห็นที่ 12 = เราก็ช้อนมันขึ้นมาเรื่อยๆ ร้อนก็ร้อน แต่ก็ทนเพื่อความใสและอร่อย = ได้น้ำซุปใส่แจ๋ว เห็นกระดูกหมู ลองเทียบกับภาพด้านบน ไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:40:10

ความคิดเห็นที่ 13 = พอเสร็จแล้ว ได้กระดูกหมูกับน้ำซุปใสๆอย่างน่าพอใจ ก็ปิดทิ้ง คือปิดฝาสนิทและปิดไฟ...ความร้อนที่ยังระอุอยู่จะช่วยให้กระดูกนุ่มต่ออีกนิด = ของเราปิดไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เตรียมทำ "แกงป่า" = แกงป่า ไม่รู้หรอกว่าเครื่องแกงมีอะไร จริงๆก็มีหนังสือสูตร มี Google แต่ว่า...ขี้เกียจอีกแล้ว เลยไปตลาด บอกแม่ค้าว่าเอาน้ำพริกทำแกงป่า แม่ค้าตักมา ๒ ขีด เราใช้ขีดเดียวพอ เพราะกินเผ็ดจัด... จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:42:30

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาชมคลังแสงค่ะ จากคุณ : ดาวจ๋า (satineesh) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:43:39

ความคิดเห็นที่ 15 = แบ่งพริกแกงออกมาครึ่งหนึ่ง ตักน้ำซุปกระดูกแหละค่ะใส่ลงมา ละลายแล้วเทลงหม้อ = เติมน้ำปลา ๑ ทัพพี น้ำตาล ๑ ช้อนโต๊ะ ***ที่จริงควรใช้น้ำตาลปี๊บ แต่ว่า...หาไม่เจอ*** จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:44:15

ความคิดเห็นที่ 16 สงสัยวันหลังต้องจด แบบนี้มั่งแล้วค่ะ ชอบซื้อของมาใส่ตู้เย็น แล้วลืม คือตู่ ทำร้านอาหาร เวลาซื้อของสำหรับทำทานเองมา ก็ใส่รวมในตู้เย็นใหญ่ในร้าน ก็จะมองไม่เห็น แล้วตัวเอง ก็ขี้ลืม พนักงานก็ไม่กล้าเอาไปทำกับข้าว มาเจออีกที เสียแล้ว จนต้องคอยบอกว่า อันไหน ถ้าเห็นว่าซื้อมาเกิน ๓ วัน ให้มาถาม หรือไม่ ก็ เอาไปทำกับข้าวทานได้เลย เพราะแสดงว่าลืมแล้ว อิอิ จากคุณ : okonomi เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:45:23

ความคิดเห็นที่ 17 ต้องทำแบบนี้มั่งซะแล้วค่ะ ชอบลืมเหมือนคุณตู่เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Lady Cherry เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:48:23

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ ดาวจ๋า (satineesh) = ไม่ได้ถ่ายภาพแบบ "จะๆ" ไว้ค่ะ ไว้ครั้งหน้าไปจ่ายตลาดใหญ่จะไม่ลืมเชียว จริงสิคะ...จดสูตร "ขนมกุยช่าย" ไว้ แต่กะเปลี่ยนไส้เป็นไส้เกี๊ยวซ่าค่ะ ไว้จะเอาการบ้านมาส่งนะคะ ที่เอาสูตรคุณดาวจ๋าเพราะว่าเห็นรูปตอนทอด กรอบได้ใจมากๆเลย ^_^ ====================================== ระหว่างรอกระดูกหมูเคี่ยวไปเรื่อยๆให้ความเผ็ดความหอมเข้าเนื้อ ก็หันมาเตรียมผัก แกงป่าต้องใส่อะไรบ้าง...เราจำเอาว่า "แกงป่า" อะไรเป็นผักๆป่าๆ ยัดๆไปเหอะ แล้วควรยัดแต่ของชอบด้วยนะคะ เลยไม่เห็น "ฟักทอง" เพราะเราไม่ชอบกิน ^_^ วันนี้แกงป่า ใส่ผักแค่ ๖ ชนิด ได้แก่ กะเพรา / พริกไทยสด / ข้าวโพดอ่อน / มะเขือเปราะ / ถั่วพลู / เห็ด (ใจจริงอยากได้เห็ดฟาง แต่ทั้งตลาดปากน้ำ ไม่มีร้านไหนสวย ก็เลยตัดใจ) จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:50:02

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบอ่านวิธีซื้อ วิธีจัดการกับอาหารของคุณจัง ลายมือก็สวยมาก เป็นวิธีการนำเสนอที่ไม่น่าเบื่อ อ่านเพลิน เด็กรุ่นใหม่ เสนอแนะการทำอาหารด้วยเทคนิคแบบคนรุ่นใหม่ น่าสนใจมาก ไม่ทราบว่าบ้านคุณอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของหรืออย่างไร ทำไมจึงเก็บสะสมอาหารมากขนาดนั้น เหมือนเป็นร้านอาหารเลย ป้านิยมการทำอาหารจากวัตถุดิบที่สดๆ จะมีกุ้ง หรือ ไก่ และกระดูกไก่ติดบ้านไว้เพียงเล็กน้อย เพื่อวันไหนฝนตกออกไปจ่ายกับข้าวไม่ได้ จะได้ไม่อดตาย แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือไข่ไก่ ขนมปัง แฮม เนย เบื่อๆไม่อยากทำกับข้าวก็จัดการ เอาเนยมาทาขนมปัง แปะแฮมเข้าไป ทำเป็นแซนวิส เป็นอันจบอาหารเช้าหรือเย็น เรื่องการทำอาหารนี่ต้องยกให้คนจีนเลยนะ เขาพิถีพิถันกับการทำอาหารเรียกว่าเป็นศาตร์กันเลย คุณคงเป็นคนที่ชอบจ่ายกับข้าว และมีความสุขกับการจ่ายกับข้าว ทำกับข้าว อ่านดูแล้วชอบจัง จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:52:11

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ okonomi และ คุณ Lady Cherry = เหมือนแม่บ้านทุกคนจะขี้ลืมค่ะ แต่ว่าจดแบบนี้ จะต้องอย่าลืมขีดออกนะคะ ต้องมีวินัยนิดๆเหมือนกัน ไม่งั้นก็เปล่าประโยชน์ค่ะ เวลาจะจ่ายตลาดต้องเปิดตู้เย็นนับว่าอะไรเหลือเท่าไหร่อยู่ดี ที่จริงแล้ว การเป็นแม่บ้านไม่ง่าย ดูจากหม่าม๊าเนี่ย เวลาซื้อของ เราเห็นต้องจำให้ได้ว่าน้ำมัน น้ำปลา ซอสต่างๆนานา บรรดาสบู่ แชมพู เยอะแยะมากมายว่าเหลือเท่าไหร่ ใกล้หมดรึยัง เรามาจัดการแต่พวกของสด ของแช่แข็งค่ะ เลยต้องใช้วิธีนี้ เพราะจะเปิดตู้เย็นนั่งนับไม่ไหว เปิดนานๆเปลืองไฟ แล้วน้ำแข็งละลาย ของเสียหมดค่ะ ^_^ ================================== มะเขือเปราะ ชอบกินแบบนิ่มๆค่ะ อร่อยดี จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:53:32

ความคิดเห็นที่ 21   คลังแสงอลังการงานสร้างมากค่ะ   ที่บ้านอยู่กันกี่คนคะนี่ ของกินเยอะมากๆ จากคุณ : ชาติสยาม เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:54:04

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบกินแกงป่าเนื้อ  ของร้านแกงป่า  แถวๆ  ศรีย่าน--ราชวัตร เลยแวะมาดู เผื่อจดไว้ทำกินเองมั้ง จากคุณ : LoveBox เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 19:56:39

ความคิดเห็นที่ 23 จัด สรร ไว้ซะพร้อมใช้เลยครับ ชอบใจ"เครื่องมือช้อนฟองกระดูก"จังครับ จากคุณ : ภักษาภิรมย์ เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:05:05

ความคิดเห็นที่ 24   อยากทำแกงป่าอยู่เลย แต่เบื่อไก่   มาเจอะพอดี  เสร็จดิฉันซิคะ   กิ๋บเก๋ คะ ไปละเตรียมเลย จากคุณ : aammttaa (coat armor) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:06:36

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบคุณป้าค่ะ = ที่บ้านไม่ไกลจากตลาดค่ะ ห่างจากปากน้ำไม่น่าจะเกิน ๓ กิโลด้วยซ้ำ แต่ "โรคชอบเผื่อเหลือเผื่อขาด" เป็นมาตั้งแต่รุ่นอาม่า อากง หม่าม๊า ปาป๊า จนถึงลูกหลานอย่างเราๆ" ขอเล่าอย่างย่อๆว่า ตอนอายุ ๑๒ จะตามอาม่าไปตลาด ทั้งที่ไม่มีอะไรน่าไปนะคะ ตลาดกล้วยน้ำไท ถ้าใครรู้จักจะบอกว่าไม่มีอะไเลย ผักน้อยมาก ตลาดเล็กสุด มีแต่ร้านขายหมูเท่านั้นที่มีหมูสดๆ เพราะส่งร้านอาหาร อาม่าจะซื้อเฉพาะสันนอกอย่างเดียวครั้งละ ๖ กิโลกรัม คนขายนึกว่าบ้านเป็นร้านอาหาร ที่จริงแล้วเปล่าเลย อาม่าซื้อตุนไว้ กลัวหลานอด ทั้งที่มีหลานแค่ ๔ คน พออาม่าซื้อกลับมา อาม่าจะหั่นสำหรับทำหนึ่งมื้อ เราก็ช่วยเก็บใส่ถุง วิธีเก็บของเหล่านี้ สืบทอดมาจากอาม่าและหม่าม๊าทั้งสิ้น แต่เรื่องจดเนี่ย เพิ่งคิดได้ไม่นานมานี้ค่ะ เพราะบอกหม่าม๊าว่าต่อไปนี้จะซื้อของสดเอง อยากจัดสรรดูว่าควรทำยังไงค่ะ ส่วนตัวแล้ว...อยากให้ตู้เย็นโล่งๆ ตู้แช่ไม่ต้องมีก็ได้ แล้วไปตลาดทุกวัน อยากทำเหมือนคุณป้าที่ไปซื้อของสด เพราะของสดต่อให้เก็บดีอย่างไร เอามาแช่แข็ง ความอร่อยจะหายไปส่วนหนึ่งจริงๆ นิสัยชอบเดินตลาด หรือไปห้างต้องเข้าแผนกซุปเปอร์ดูของสด เครื่องปรุงแปลกๆ เป็นมาแต่ไหนแต่ไรค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโต ไปห้างจะเข้าร้านหนังสือกับซุปเปอร์ มีบ้างที่ซื้อพวกเสื้อผ้า แต่น้อยครั้ง เครื่องสำอาง ก็คือหมดแล้วไปซื้อ จะบ่อยคือยาทาเล็บค่ะ...มี ๒ มือ รวมกับน้องสาวเป็น ๔ มือ แต่ยาทาเล็บ ๒๐ ขวดเข้าไปแล้ว ^_^ รู้สึกเปลืองจัง... ใครๆก็ว่าตลาดปากน้ำสกปรก เฉอะแฉะ ซึ่งก็จริง แต่ของสดและถูก เรายอมเลอะ เพราะขาเลอะ กางเกงเลอะ ซักได้ แต่ซื้อของแพง เงินออกจากกระเป๋าแล้ว เอากลับมาไม่ได้นะคะ นอกจากว่าไม่สะดวก ไม่ว่างจริงๆ ก็พึ่งฟู้ดแลนด์ค่ะ ป.ล. ขอบคุณคุณป้าที่ชมลายมือ ลายมือนี้ได้มาจาก "คุณครูรัตนา" คุณครูสมัยอนุบาล ๓ ท่านจะเขียนด้วยดินสอบางๆแล้วให้เด็กนักเรียนเขียนตาม เราก็ชอบสิคะ รู้สึกว่าคุณครูลายมือสวยจัง อยากเขียนให้ได้บ้าง ก็เลยฝึกๆจนได้อย่างนี้ค่ะ (แต่จริงๆลายมือคุณครูสวยกว่านี้เยอะ เหมือนตัวพิมพ์เลย) เรื่องลายมือคงมีส่วนจากพันธุกรรม เพราะใครเห็นจะบอกว่าลายมือคล้ายหม่าม๊า บางคนบอกว่าคล้ายอาโกว (ป้า) เลยไม่รู้ว่าลายมือเราเหมือนทางแม่หรือทางพ่อกันแน่ ^_^ =================================== ***เอามาโชว์ "กะละมังเศษผัก" ที่บ้านเวลาหั่นผัก ผลไม้ พวกเปลือก เศษต่างๆ จะทิ้งใส่กะละมังสีชมพูหวานแหววใบนี้ แล้วเอาไป "ลงหลุม"​ คือหลุมที่สนาม พูดว่า "ลงหลุม" จริงๆไม่ได้เป็นหลุม เพราะเป็นพูนจนเหมือน "จอมปลวก" น้อยๆแล้วค่ะ ***เป็นการลดโลกร้อนทางหนึ่ง และเศษผักพวกนี้ ทิ้งขยะก็เหม็นเปล่าๆ จะมีแต่เศษผักผลไม้เท่านั้น เปลือกไข่ไม่เอาเพราะมีแมลงตอม จะตัดใจทิ้งขยะ ส่วนเศษอาหาร  "ไม่มี" เพราะที่บ้านไม่มีใครกินข้าวเหลือ จะมีก็แต่เศษกระดูก ก้างปลา หางกุ้ง ก็ทิ้งขยะเช่นกัน แต่วิธีทิ้ง ให้ใส่ถุงเล็กๆที่จะวางไว้ข้างอ่างล้างจาน ทุกคืนจะมัดแล้วหย่อนใส่ถุงขยะ แล้วรวมถุงขยะไปทิ้งลงถังหน้าบ้าน รอหมู่บ้านมาเก็บค่ะ ^_^ ***อยากให้ลองทำดู เพราะจะช่วยให้ถังขยะใหญ่ไม่เหม็นอีกต่อไป...ฟันธง*** จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:10:39

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ ชาติสยาม = เห็นชื่อล๊อคอินแล้วคิดถึง "พระเอกจากละครดงผู้ดี" เลยค่ะ ที่ถามว่าบ้านอยู่กันกี่คนนั้น อยู่กัน ๗ คนค่ะ แล้วรายการนี้เป็นเพียง "ส่วนหนึ่ง" ในตู้แช่มีอีกเยอะเลย อยากเคลียร์ให้หมดเร็วๆค่ะ คุณ LoveBox = เป็นที่น่าแปลกค่ะเพราะเพิ่งนึกได้ว่าไม่เคยสั่ง "แกงป่า" เลยไม่ว่าไปกินอาหารร้านไหน ทำไมเป็นแบบนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ไว้ต้องไปลองร้านที่คุณ Love บอกบ้างแล้ว แต่ว่าไม่กินเนื้อ สั่งเป็นไก่แทนคงได้นะคะ ^_^ คุณ ภักษาภิรมย์ = เครื่องมือช้อนฟองหาซื้อได้ตามห้างค่ะ รู้สึกอันนี้ป๊าจะซื้อมาจากสิงคโปร์นานหลายปีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้มีขายเยอะค่ะ ราคาถูก แต่ประโยชน์คุ้มค่า นอกจากช้อนฟองแล้ว ยังช้อนพวกเศษแป้งจากการทอดอาหารได้นะคะ เพราะถ้าทอดหลายๆรอบโดยไม่ช้อน แป้งไหม้ๆจะติดแล้วดูไม่สวยงามค่ะ คุณ aammttaa (coat armor) = ลองทำดูนะคะ แกงป่ากระดูกหมูก็อร่อยอีกแบบค่ะ แต่ไก่ก็อร่อยนะคะ ============================ หลังจากล้างผักเสร็จแล้ว หั่นเตรียมไว้อย่างนี้ค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:16:03

ความคิดเห็นที่ 27 มะเขือเปราะ = ต้องหั่นแล้วแช่ในน้ำผสมเกลือ จะได้ไม่ดำค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:16:46

ความคิดเห็นที่ 28 = เตรียมผักเสร็จแล้ว ยังขาด "กะเพรา" หม่าม๊าบอกไม่ต้องซื้อ ให้ตัดที่ปลูกไว้มาใช้ให้หมด มันจะได้แตกใหม่ = พามาดูต้นกะเพรา อันนี้ไม่ได้ปลูกเอง เพราะปลูกไม่เคยได้ เลยไปสั่งร้านต้นไม้ให้ช่วยเพาะให้หน่อย เพาะจน "กินได้" ร้านโทรมาบอกให้ไปเอา คุณลุงกับคุณป้าน่ารักมากๆ เราสั่งโหระพาหนึ่งกระถาง กระเพาะหนึ่งกระถาง ได้มาอย่างนี้เลย ตัดกินไปหลายรอบแล้วค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:19:07

ความคิดเห็นที่ 29 ชม "โหระพา" บ้าง อันนี้ตัดไปกินแล้ว ยังงกได้อีก เอากิ่งมาปักๆๆๆ เห็นที่ในกระถางเหลือ ไม่ค่อยดูดำดูดีมัน หม่าม๊าบ้าง น้องบ้าง ป๊าบ้าง รดน้ำให้ จนมันเริ่มออกใบมาให้ชื่นใจ...(ชื่นใจตรงไหน ไม่ได้ทำเองสักกะอย่าง) ๕๕๕ โหระพาเป็นผักที่ชอบมากจริงๆ กลางวันคิดอะไรไม่ออก เอามาคลุกๆ ใส่ผักสลัด ผักกาดหอม หอมแดงซอย ผักชีฝรั่ง (ถ้ามี) หมูสับรวน ราดน้ำจิ้มปั่นเอง (กระเทียม ผักชี รากผักชี พริกขี้หนูนิดๆ หอมแดง) ผสมมะนาว น้ำปลานิดเดียว (ไม่ชอบเค็ม) คลุกๆ เรียกว่า "สลัดเวียดนาม" เพราะผักเหมือนผักแกล้มแหนมเนืองค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:22:42

ความคิดเห็นที่ 30 ตัดกะเพรามาหมดต้น ล้างน้ำให้สะอาด ถึงจะปลูกเองแต่มันมีฝุ่นนะเออ ล้างสะอาดแล้ว เด็ดไว้ค่ะ สำหรับเรา แกงป่าไม่ใส่กะเพรา เหมือนไม่ใช่แกงป่า...^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:24:18

ความคิดเห็นที่ 31 สุดยอดเคล็ดวิชา โชคดี วันนี้เข้ามาดูทัน รอชมต่อนะครับ จากคุณ : พ่อครัวเถื่อน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:24:24

ความคิดเห็นที่ 32 พอเด็ดเสร็จ กลับไปที่หม้อแกงดีกว่า วิธีทำอาหารกินเองของเราจะแปลกคือ ไม่ใส่ผักตามสูตร ใส่ตามใจฉัน อยากกินอะไรนิ่มๆใส่ก่อน อะไรกรอบๆใส่ทีหลัง บางคนชอบมะเขือเปราะกรอบๆ ใส่ตอนหลัง เราชอบนิ่มๆ ต้องรีบใส่ แต่ถึงอย่างนั้น ยังต้อง "เรียงลำดับ" ถ้าใส่มะเขือพร้อมข้าวโพด มะเขือจะเละจนไม่น่ากิน (เคยลองแล้ว) เลยใส่ข้าวโพดกับถั่วพลูก่อนค่ะ พริกไทยสดก็ใส่นะคะ แต่ว่ามันจมหายไปไหนไม่รู้... จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:26:10

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ต้องรอเดือด ขืนรอเดือดทีละขั้น มีหวัง...หิวจนเป็นลมก่อนค่ะ ทำอาหารนั้น กะๆเอาก็ได้ ระหว่างเรารอให้ข้าวโพดและถั่วได้ที่ ก็หันไปเจียวไข่ ตอนแรกกะจะทำแกงป่าอย่างเดียว เพราะไดเอทกันอยู่ (ทั้งบ้าน) แต่หม่าม๊าถามทำอย่างเดียวเหรอ เราบอกใช่ คิดไม่ออกว่าจะทำกับข้าวอะไรอีก เพราะแกงป่ามันครบหมด ทั้งน้ำแกง หมู ผัก (จริงไหม) หม่าม๊าบอกเจียวไข่สิ ก็เลยพักไปตอกไข่ ตีๆๆๆๆ จำได้ฟูๆน่ากิน จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:28:58

ความคิดเห็นที่ 34 คลังแสงเยอะมากกกกก อยู่กันกี่คนเนี่ยะ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:30:22

ความคิดเห็นที่ 35 ตีไข่เสร็จก็ใส่มะเขือ...(ภาพด้านบน) จากนั้นใส่เห็ดตามลงไป ชอบเห็ดนิ่มๆพอๆกะมะเขือค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:30:53

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ ทนายอ้วน = ที่บ้านอยู่กัน ๗ คนค่ะ คลังแสงนี้ยังไม่หมด ถ้าเอาลิสต์ในตู้แช่มาลงจะเยอะกว่านี้ค่ะ มันเยอะจริงจังจนน่ากลัว...^_^ =========================== สุดท้ายใส่ใบกะเพรา ไม่ได้ถ่ายมาเพราะแบตใกล้หมด กลัวไม่ได้ถ่ายภาพแบบเต็มๆค่ะ เลยเอามาฝากดีกว่า = อันนี้แบบเต็มๆ...แกงป่ากระดูกอ่อน แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 20:36:29 จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:35:33

ความคิดเห็นที่ 37 = ลองมุมนี้กันบ้าง... จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:37:04

ความคิดเห็นที่ 38 = ไข่เจียว ขอบคุณหม่าม๊าที่บอกให้ทำ เพราะมันช่างเข้ากันเหลือหลาย ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:37:43

ความคิดเห็นที่ 39 = รูปนี้น้องชายมาเห็น ถามว่า "ทำไมไม่เลื่อนกล้องขึ้นหน่อย จะได้เห็นชามแกง" = เราก็ "เอ่อ...จริงด้วย" ยอมรับว่าฝีมือการถ่ายรูปสู้น้องๆไม่ได้เลย แต่ละคนเนี่ย...สงสัยจริงว่าไปแอบเรียนกันตอนไหน ทั้งที่ไม่ได้เรียนกันเลย แต่ทำไมถ่ายสวยจัง เราต้องพยายามต่อไป = น้องบอกให้เอากล้องตัวใหญ่ไปใช้สิ (หมายถึงกล้อง nikon D70 หรือ 80 เนี่ยแหละ) เราบอกไม่เอา ใช้ไม่เป็น ขอพึ่งกล้องจิ๋ว Canon A720 สุดกิ๊กก๊อก (ถ้าเทียบกับกล้องใหญ่) ต่อไป...๕๕๕ = อีกอย่างที่ไม่ใช้กล้องใหญ่ เพราะถ่ายภาพอาหาร ตอนทำเสร็จไม่เท่าไหร่ แต่ตอน "กำลังทำ" ไอน้ำมันเอย เสี่ยงหลุดมือเอย ไม่คุ้มค่ะ...เอากล้องเล็กๆแหละดี คล่องมือดี แต่ยังไง กล้องเล็กถ่ายเสร็จก็อย่าลืมเช็ดๆถูๆ ทำความสะอาดมันหน่อย เดี๋ยวมันจะ "น้อยใจ" แล้วอยู่กับเราไม่นานนะคะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:41:37

ความคิดเห็นที่ 40 ปิดท้ายด้วยภาพนี้แล้วกันค่ะ จะไปดู "หวานใจกับนายจอมหยิ่ง" แล้ว...แต่ยังจะนั่งอยู่หน้าจอ คอยกด Refresh ตอบเม้นท์ค่ะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:43:32

ความคิดเห็นที่ 41 ดาวจ๋ามารอแกงที่ทำเสร็จพอดีค่ะ ... ดาวจ๋าอ่านชื่อล็อกอินคุณkeethaya ทีไร .. ใจก็นึกถึงนักเขียน นิยาย ทุกครั้งไปสิน่า. จากคุณ : ดาวจ๋า (satineesh) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:57:08

ความคิดเห็นที่ 42 อยากจัดคลังแสงแบบนี้บ้างจัง แต่...ทำไม่ได้ เพราะที่บ้าน คนจัดคลังแสง เป็นคุณสีมา ถ้ามีจดแบบนี้ ก็ดีเนอะ  ไม่มีรายการ หมูล้านปี เป็นแน่แท้ ปล.อยู่เมืองไทย ตลาดอยู่ไม่ไกล ทำไมตุนอาหารเยอะจัง จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 20:59:14

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับเคล็บลับการต้มน้ำซุปกระดูกหมู เราชอบหมักกระดูกหมูด้วยกระเทียมพริกไทยก่อนค่ะ ชอบมากเลยกระดูกหมูหมักต้มจืดเนี่ย ซดน้ำแล้วมันหอมมั่กๆ น้ำซุปเลยไม่ใสซ้ากที ที่บ้านเราครอบครัวเล็ก เวลาซื้อกับข้าว เราชอบตุนไว้ไม่เกิน 2 วันค่ะ และจะคิดเมนูอาหารที่จะทำก่อนซื้อของ ถ้าของในตู้เย็นไม่หมด จะไม่ซื้อใหม่เด็ดขาด เอาที่มีมาทำก่อน... แกงป่ากระดูกหมูอ่อน น่ากินม๊ากมาก มาเพิ่มข้อความ *ที่ดอกไม้กำแพงขึ้น เพราะว่าพรุ่งนี้วันพระมังคะ* แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 53 21:01:03 จากคุณ : ไอ้แล่ด เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:00:23

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ ดาวจ๋า (satineesh) = มาทันเวลาแกงเสร็จค่ะ ทันเป๊ะๆจริงๆ ^_^ แต่ว่า ขวัญเขียนนิยายนะคะ แต่ตอนสะกดล๊อคอินเนี่ย เหมือนจะสะกดผิด เพราะ "คีตยา" น่าจะสะกดว่า Keetaya รึเปล่า ไม่ต้องมีตัว H ***ว่าแต่ คุณดาวจ๋าหมายถึงนักเขียนนิยายท่านอื่นรึเปล่าคะ เพราะมีคนทักเหมือนกันว่านามปากกาคล้ายๆของคนอื่นหลายคนอยู่ โดนเข้าใจผิดประจำค่ะ*** จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:02:17

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ หมู (ตัว) อ้วน = ตลาดใกล้บ้านค่ะ ห่างไปไม่เกิน ๓ กิโล / โลตัส ศรีนครินทร์เนี่ย ตรงข้ามบ้านเลยค่ะ / ฟู้ดแลนด์ อยู่ก่อนถึงไม่เกิน ๕ กิโล / สี่แยก ขับรถไปจิ๊ดเดียวถึง มีตลาดด้วย แต่เล็กค่ะ ที่พูดมานี้คือ...มันเป็นนิสัยจริงๆ ไอ้การตุนของเนี่ย แก้ไม่หาย...แล้วเมื่อวาน ทำน้ำแกงฟัก มี "กระดูกซุปค้างปี" เห็นวันเดือนปีแล้วอึ้ง 9/9/09 ค้างเกือบปี คุณ ไอ้แล่ด = จริงด้วยค่ะ พรุ่งนี้วันพระ คราวนี้พระไทยกับพระจีนตรงกันอีกแล้ว "หมายถึง ชิวอิก จับโหงว" ที่บ้านดูแต่วันพระจีน เพราะต้องไหว้เจ้า ไม่ค่อยดูวันพระไทย นอกจากว่าจะไปตักบาตร ค่อยดูว่าตรงกับวันพระรึเปล่า ไม่งั้นจะต้องเลื่อน เพราะว่าพระไม่ออกมาบิณฑบาตรค่ะ (รู้สึกจะใช่นะคะ เพราะเคยตรงกับวันพระ ไม่เจอพระเลย ทั้งที่ไปเวลาเดิมด้วย) ส่วนที่ว่า...ของไม่หมดไม่ซื้อ ส่วนใหญ่ผักจะหมดค่ะ เลยต้องซื้อ แล้วเวลาซ์ื้อ จะมีสถานการณ์แบบว่า "อุ๊ย หมูสวยจัง หมูสามชั้นไม่มันเลย หายากนะเนี่ย" "อุ๊ย ปลาสดจัง ถูกด้วย" "อุ๊ย..." มากมาย เลยเกิดภาพอย่างที่เห็นค่ะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:18:24

ความคิดเห็นที่ 46 อยู่ ม.นันทวัน รึเปล่าคร๊า จากคุณ : inthemoon เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:35:12

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ inthemoon = ใช่แล้วค่ะ นันทวัน​ ศรีนครินทร์ เอ...รู้ได้ยังไงคะ หรือว่าอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:37:26

ความคิดเห็นที่ 48 ทึ่งมาก ๆ กับการวางแผนในการซื้อของ และ แช่ของ ต้องเข้ามาเรียนรู้บ่อย ๆ แล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลย ขอบอกว่าเป็นเด็กปากน้ำเหมือนกันเลย จากคุณ : นู๋ชื่อก๋วยเตี๋ยว เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:42:15

ความคิดเห็นที่ 49 ( ^ o ^  ) ละเอียด จริงๆๆ ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ฮับ.. จากคุณ : Juicy Pu เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 21:59:17

ความคิดเห็นที่ 50 ย้อนกลับมารอชื่นชมแกงป่ากระดูกหมูค่ะ ไม่ผิดหวังเลย สีสันน่ารับประทานและต้องอร่อยแน่ๆ คุณแม่คุณแนะนำถูกต้องแล้วค่ะ แกงป่าต้องทานกับไข่เจียว หรือ ปลาสลิด เข้ากันที่สุด พูดแล้วก็อยากทานขึ้นมาทันที ป้าก็เพิ่งมาปลื้มแกงป่าเมื่อไม่นานมานี้ เพราะไปได้ทานจากกุ๊กร้านอาหารไทย เขาทำมาให้เพื่อน แล้วเพื่อนเขาแบ่งมาให้ป้าได้ทาน ติดใจฝีมือการปรุงแกงป่าของเขามาก เขาใส่กะทิไปนิดหน่อยให้น้ำข้นๆ บางคนอาจจะไม่ชอบที่มีกะทิ แต่ป้าชอบ รสจะออกหวานนิดๆจากกะทิ นึกแล้วว่า คุณต้องไม่ธรรมดา ที่แท้เป็นนักเขียนนี่เอง สำนวนถึงได้นุ่มนวนชวนอ่าน ป้าชอบอ่านนิตยสาร สกุลไทย อ่านมาสิบๆปีไม่มีเบื่อ สำนวนนักเขียนในนั้นหลายคนเขียนได้ดีมาก เมื่อมีแกงป่าแล้ว ป้าขอส่ง ของหวานมาทานหลังอาหาร เพิ่งทำเสร็จเมื่อเย็นนี้ค่ะ คุณสามีเขาชอบทานวุ้นมะพร้าว อุตส่าห์ลงทุนไปหาใบเตยมาต้มเอง กลิ่นใบเตยหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:04:21

ความคิดเห็นที่ 51 สวัสดีค่ะ น้องขวัญ พี่มาทันไหมเนี่ย อย่าบอกนะกินแกงป่าหมดแล้ว.... จากคุณ : KowneawMooping@Moobambam เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:10:42

ความคิดเห็นที่ 52 แกงป่า ..ไม่ได้กินมานานมากแล้วเหมือนกัน ..เตี่ยชอบกินแกงป่าปลาทราย..แต่เตี่ยก็ไปสวรรค์ได้หลายปีแล้ว จากคุณ : ตั้งเพ็กเง็ก เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:40:49

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ นู๋ชื่อก๋วยเตี๋ยว = ยินดีที่ได้รู้จักค่า ปากน้ำมีแต่ของกินอร่อยๆ ได้พบเพื่อนอีกคนหนึ่งแล้ว... คุณ  Juicy Pu = เราไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ สั่งสมเอาจากที่ผู้ใหญ่สอนมา แล้วก็ประยุกต์์ให้เหมาะกับตัวเองเพราะว่าเรา "เนี้ยบ" ไม่เท่าอาม่ากับหม่าม๊าหรอกค่ะ ยังห่างชั้นอีกเยอะเลย ^_^ คุณ​ ป้าพนอจัน = ขอบคุณสำหรับวุ้นค่ะคุณป้า กำลังคิดอยากทำอยู่เชียว จะทำวุ้นใส่เม็ดแมงลัก สูตรไดเอท แต่ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยว่างพอที่จะทำของหวานค่ะ เพราะวันเสาร์ที่ ๓ ต้องไหว้เหล่าม่า เลยยุ่งหน่อย คุณป้าอยู่ญี่ปุ่นใช่ไหมค้า อย่างนี้คุณป้าคงทำเมนูอาหารญี่ปุ่นเป็นหลายอย่างแน่ๆ ไว้ต้องขอสูตรค่ะ แต่ว่า "แกงป่าใส่กะทิเล็กน้อย" น่าสนใจจังค่ะ คราวหน้าจะลองทำบ้าง แต่ว่า ต้องใส่กะทิตอนไหนคะ ระหว่างเคี่ยวกระดูกรึเปล่าคะ? มันน่าจะหอมนิดๆ มันหน่อยๆแน่ๆเลยค่ะ เรื่อง "หนังสือนิยาย" ผลงานของตัวเองยังไม่ถึงขั้นหรอกค่ะคุณป้า ยังห่างไกลจากนักเขียนชั้นครูอีกเยอะทีเดียว แต่ว่าชอบอ่านงานของท่านๆเหล่านั้น (ทมยันตี / โสภาค / ว.วินิจฉัยและแก้วเก้า / กฤษณา) อย่างที่ผ่านมา ปีก่อนเพิ่งได้ "ราตรีประดับดาว" ชอบมากๆเลยค่ะ สองฝั่งคลองก็ชอบ ทั้งที่เนื้อเรื่องเรียบๆเรื่อยๆ แต่กินใจ ร่วมลุ้นไปกับตัวละครโดยไม่รู้ตัวค่ะ...แล้วคุณป้าชอบเรื่องอะไรหรือของใครเป็นพิเศษคะ เผื่อว่ายังไม่เคยอ่านจะได้อ่านตามบ้างค่ะ... พี่ข้าวเหนียว = ยังมาทันค่ะ ทำแกงไว้หม้อใหญ่เลย พรุ่งนี้จะกินแต่เช้าด้วย ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:44:23

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ keethaya ป้าได้เคยทำแกงป่า แบบไม่ใส่กะทิ ทำออกมารู้สึกว่ายังขาดอะไรไป ไม่อร่อยเหมือนที่กุ๊กคนนั้นเขาทำ ก็เลยสอบถามไปที่เพื่อนว่า เขาเป็นกุ๊กอยู่ที่ไหน แล้วตามไปพบกับเขา เขาปลื้มใจมากที่ป้าชอบแกงป่าของเขา เขาก็เลยบอกว่า เขาใส่กะทิไปนิดหน่อยตอนผัดเครื่องแกง หรือเป็นเพราะรสมือเขาด้วยก็เป็นได้ เพราะเพื่อนการันตีให้ว่า หนุ่มกุ๊กคนนี้ทำอะไรก็อร่อย ผู้หญิงสู้ไม่ได้ ป้าชอบคุยกับพ่อครัว ไม่ว่าไปทานอาหารที่ไหน ถ้าอาหารนั้นอร่อยถูกปาก จะขอพบคุยกับพ่อครัว เพื่อเป็นกำลังใจให้เขา จนได้เคล็ดลับการทำอาหารหลายอย่างมา ทั้งๆที่อยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้ทำอาหารเอง จะฝากท้องกับร้านเสียมากกว่า พูดถึงเรื่องนักเขียน ป้ามีนักเขียนในดวงใจก็คือ แก้วเก้า ป้าคิดว่า ท่านสุดยอดแล้วละ อ่านได้ทุกเรื่องของท่าน สองฝั่งคลองป้าอ่านสองรอบ ชอบมาก นักเขียนรุ่นใหม่อีกท่านที่ชอบ ก็คือ ...ตอนนี้นึกชื่อไม่ออก เดี๋ยวพรุ่งนี้มาบอก แต่เป็นนักเขียนรุ่นใหม่แต่ไม่เก่า จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:20:40

ความคิดเห็นที่ 55 คุณป้าขา...ขอบคุณสำหรับสูตรค่ะ ตะกี้มีส่งหลังไมค์ไปให้คุณป้าด้วย ^_^ หนูก็สงสัยอยู่อย่าง...ทำไมกุ๊กถึงเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง คิดเอาเองว่าผู้ชายมีอารมณ์ที่มั่นคงกว่ารึเปล่าคะ ผู้หญิงเนี่ย บางทีขึ้นๆลงๆ ทำให้อาหารรสชาติไม่แน่นอน (มีส่วนนะคะ เวลาหงุดหงิด ต่อให้ชั่งตวงวัดเป๊ะๆก็ไม่อร่อย) ไม่งั้นคงไม่มีคำที่บอกว่าอาหารอร่อย คนทำต้อง "ใส่ใจ" ลงไปด้วย...^_^ หนูอยากคุยกับพ่อครัวเช่นกันค่ะคุณป้า แต่ไม่กล้า โดยเฉพาะกับพ่อครัวไทย เพราะกลัวเขาไม่ยอมบอกสูตร ๕๕๕ งานของ "แก้วเก้า" ที่ชอบมากคือ "ทางเทวดา" ค่ะ พระเอกไม่หล่อเลย แต่เป็นคนดีจัง ตลกด้วย อ่านแล้วฮา นี่หนังสือก็วางอยู่ใกล้ๆค่ะเพราะหยิบมาอ่านบ่อย เป็นคนชอบอ่านซ้ำๆซากๆ อย่าง "ค่าของคน" (ทมยันตี) มีติดไว้ที่ "หัวเตียง" เรียกว่าอ่านทุกอาทิตย์ อ่านจนจำได้ทุกบทสนทนาแล้วค่ะ ^_^ เสน่ห์งานของอาจารย์ (ว.วินิจฉัย) สำหรับหนู คิดว่าตัวละครสมจริง อย่างป้าของทับทิมในเรื่องสองฝั่งคลอง ดูเป็นคนจริงๆ หม่าม๊ายังบอกค่ะว่าคนจริงๆต้องแบบนี้แหละ ไม่ใช่ดีสุดๆร้ายสุดๆ แต่มีดีมีร้ายปนๆกันไป ตามเหตุผลและความเป็นไปของตัวละครนั้นๆ หม่าม๊ายังบอกให้ศีกษาไว้ ถ้ารักจะเขียนนิยาย แต่หนูก็รู้ว่าตัวเองยังห่างไกล ก็พยายามต่อไป การทำอาหารกับการเขียนนิยาย...เหมือนกันที่ต้องการเวลาและการฝึกฝนจนชำนาญค่ะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:38:32

ความคิดเห็นที่ 56 คุณ ตั้งเพ็กเง็ก = ทักขึ้นมาว่าแกงป่าปลาทราย เลยนึกได้ว่าแกงป่าใส่ปลาด้วยก็เหมาะ พูดถึงแกงป่าดันนึกแต่ไก่ แล้วปรับมาลองใส่กระดูกหมูแทน ถ้ามีโอกาส ไม่เบื่อซะก่อน ต้องลองปลาบ้างแล้วค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 23:49:38

ความคิดเห็นที่ 57 คุณขวัญคะ คนที่นี่ (ประเทศเยอรมันีค่ะ) ที่มีพื้นที่อยู่บ้าง คือพวกที่อยู่ในหมู่บ้าน มีบ้านเดี่ยวน่ะค่ะ เขาจะเอาไม้มาทำกล่อง 4 เหลี่ยมที่มุมใดมุมหนึ่งบนพื้นว่างๆ  กล่องที่ว่านี้คือ ให้คุณขวัญลองนึกถึงการเอาไม้ไอติมมาต่อกันขึ้นไปให้เป็นกล่อง 4 เหลี่ยม ที่ไม่มีพื้นและไม่มีฝาปิดนะคะ ด้าน 4 ด้านก็ไม่จำเป็นต้องปิดทึบสนิทค่ะ ให้โล่งๆอากาศเข้าไปได้บ้าง กล่องที่ว่านั้น จะใหญ่พอควรและสูงประมาณเกินเมตรจะสูงสักเมตรครึ่งก็ได้ค่ะ ด้านกว้างและยาวก็เกินเมตรจนถึง 2 เมตรก็ได้  ชาวบ้านก็เอาขยะจำพวกเศษพืช ผัก เป็นขยะสดนะคะ ถ้าผ่านการหุงต้มมาแล้วไม่เอาใส่ค่ะ เปลือกไข่หรือแม้แต่รังใส่ไข่สดก็ได้ ใส่ๆรวมๆกันไปจนเต็มค่ะ) กล่องใหญ่ๆนี่ 2 ปียังไม่เต็มนะคะ) แล้วก็ปล่อยไว้โดยไม่ต้องปิดด้านบนนะคะ ปล่อยไว้เฉยๆเลย สร้างกล่องอีกกล่องหนึ่งติดๆกัน สร้างแค่ 3 ด้านก็ได้ค่ะ อีกด้านก็อาศัยกล่องเดิมเหมือนบ้านทาวน์เฮ้าส์เลยค่ะ ทีนี้ก็เริ่มใส่เศษผัก อ้อ กากกาแฟ กากชาหรือแม้แต่กระดาษใช้ในครัวก็ได้นะคะ แต่กระดาษใช้ในครัวต้องไม่เปื้อนพวกเนื้อสัตว์นะคะ พอกล่องที่สองจะเต็ม ก็ลองดูกล่องแรกค่ะ ถ้าใช้เวลากล่องละ 2-3 ปีจะปรากฏว่า กล่องแรกกลายเป็นดินไปหมดแล้วค่ะ เขาก็จะเอาตะแกรงขนาดใหญ่มากๆค่ะ อย่างเล็กๆก็กว้างหรือยาวครึ่งวาเลยละ แล้วก็เอาดินในกล่องแรกมาร่อนผ่านตะแกรงที่ว่านี้ค่ะ แล้วเอาดินนี้ไปโปรยๆๆในสวนได้เลยค่ะ พอกล่อง 2 เต็มก็ปล่อยทิ้งไว้อีก แล้วทิ้งขยะในกล่องหนึ่งเลยค่ะ บางบ้านเขาทำ 3 กล่องเลยค่ะ (พูดกล่อง กล่อง ไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าอะไรดี) ทำหมุนเวียนกันไป คนที่นี่เขาแยกขยะกันอย่างเคร่งครัดน่าชมเชยมากๆเลยค่ะ จากคุณ : Regenbogen ^_^ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 00:55:24

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นระบบจัดคลังแสงแล้วอายจังค่ะ คุณเป็นระเบียบดีจริง จากคุณ : Schnuggy ชนุ๊กกี้ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 01:06:11

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ Regenbogen ^_^ = ขอขอบคุณมากๆค่ะ ไว้จะลองเสนอไอเดียกับป๊านะคะ คนที่อยู่ต่างประเทศจะเน้นการแยกขยะ สังเกตจากหลายๆรายการที่ดูค่ะ น่าชื่นชมจริง คนไทย "บางคน" ชอบทำตามฝรั่ง แต่ไม่รู้จักเอาสิ่งดีๆของเขามาใช้ น่าเสียดาย... ที่บ้าน...หลุมที่ว่านี้ แต่ก่อนปลูกดอกอะไรสักอย่าง (ลืมไปแล้ว) ทีนี้เปลี่ยนจะลงผลไม้ (อะไรสักอย่าง) แต่เหมือนจะไม่รอด เลยเอาเศษขยะไปใส่ แรกๆที่ป๊าเริ่มทำ ก็บอกให้เราแยกเศษผัก ก็ลืมทุกที โกยลงถังขยะตามความเคยชิน แต่พอทำๆไปก็ชินค่ะ ทำให้เห็นว่าถ้าเราฝึกตัวเอง มันก็ชินได้นะ ใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ หลุมผักนี้ เป็นหลุมตื้นๆ แต่ก่อนนี้ที่ตัดหญ้าเอง จะเอาหญ้ามาโปะไว้ด้วยค่ะ ยิ่งหน้าฝน แป๊บเดียวหลุมก็ยุบเรียบแล้ว แต่หลังๆช่างมาตัดหญ้าแต่งสวนที่บ้าน ช่างจะเอาหญ้ากับใบไม้แห้งๆไป ป๊าบอกไม่ต้องขน โยนลงหลุมนี่แหละ เดี๋ยวมันก็ยุบ มันก็ยุบจริงๆด้วย ที่คุณ Regenbogen ^_^ ว่ามา ทำแบบกล่องจะดูเรียบร้อย น่ารัก และสวยเก๋ ถ้าออกแบบดีๆ จะใช้แต่งสวนได้ด้วยซ้ำ ^_^ แต่ว่าที่บ้านยังไม่เคยลองเอาดินไปใส่ต้นไม้ค่ะ เพราะใส่ผักลงเรื่อยๆไม่เคยพัก มันก็ยุบลงไปเรื่อยๆแล้วหายไปไหนหมดไม่รู้ บางทีเวลาฝนตกมันอาจจะชะดินไปตรงสนามก็ได้ค่ะ แต่หญ้าก็ไม่ตาย งอกงามดี (ดีเกินไปด้วยซ้ำ)  ต้องเรียกช่างมาตัดบ่อยๆ ๕๕๕ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 01:06:33

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาชื่นชมทุกอย่างที่เขียนมาให้ชมค่ะ เห็นด้วยกับการจัดการขยะที่จะกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ของคุณRegenbogen (ชื่อภาษาไทยใช้คำว่ารุ้งหรือเปล่าคะ?) ที่บ้านก็ใช้แบบนี้ ดินในสวนเลยร่วนไม่ต้องซื้อปุ๋ย จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 02:24:42

ความคิดเห็นที่ 61 "ทุกอย่าง" สุดยอดไปเลยค่ะ จากคุณ : น้องเสือน้อย เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 03:23:01

ความคิดเห็นที่ 62 คุณขวัญคะ พี่เคยไปเห็นที่บ้านคุณน้าของสามีค่ะ เขามีกล่องแบบที่ว่า แล้วเขาเอาเม็ดดอกทานตะวันไปโรยตรงข้างๆกล่องค่ะ ปรากฏว่า ดอกทานตะวันเขาสูงมากๆ สูงกว่าหลังคาบ้านอีกค่ะ แสดงว่าการที่พืชผักสดที่ทิ้งๆไป เปลี่ยนเป็นปุ๋ยอย่างดีเลยค่ะ คนที่นี่เขาถึงเอาส่วนที่กลายเป็นดินไปโรยบางๆบนพื้นหญ้าในสวนเขาเลยค่ะ เสียดายที่ไม่มีรูปมาให้คุณขวัญดู ตอนที่อยู่บ้านเก่ากล่องจะสวยกว่าบ้านปัจจุบันค่ะ (บ้านของคุณพ่อของสามีพี่ค่ะ) ตอนนี้พี่อยู่อาพาร์ทเม้นท์ในเมืองเล็กๆ ทางเทศบาลเขาจะมาเก็บขยะ Bio พวกนี้เองค่ะ บ้านแถวๆนี้ไม่มีบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่มากๆเหมือนพวกที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆหรอกค่ะ ทางเทศบาลก็เลยเอาขยะพวกนี้ไปจัดการให้ บอลจบแล้ว พี่ขอไปนอนก่อนนะคะ วันนี้ทำงานเหนื่อยมากๆค่ะ แหะๆ จากคุณ : Regenbogen ^_^ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 03:33:07

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านกระทู้นี้แล้วมีความสุขจริงๆ  ยังมีคนที่คล้ายๆกับเราในเรื่องการ"กักตุน"อยู่ด้วย มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายจริงๆนะคะ ด้วยความที่เราโตมากับแม่ที่ก็ชอบตุนแบบนี้ ตู้เย็นที่บ้านไม่เคยโล่ง ต้องมีของแน่นอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่บางทีก็กินไม่ทัน  ทุกๆสองอาทิตย์ต้องคอยล้างตู้เย็นแบบเก็บของทิ้งเป็นประจำ เมื่อเราออกจากบ้านมามีครอบครัวของตัวเอง นิสัยนี้ ก็ติดมาด้วย -_-' ระบบการจัดการคลังแสงของคุณจขกทน่าทึ่งมาก ลายมือก็สวยมากๆ ถ่ายรูปก็สวยจังค่ะ เราไม่เคยจด ไม่เคยนั่งคิดเมนูล่วงหน้าเลยว่าอยากจะทำอะไรกิน  ได้แต่ว่าพออะไรขาดก็จดเอาไว้ แล้วพอไปตลาดก็ซื้ิอมา"ตุน"ไว้อีก  แต่ก็ไม่ได้มากเกินไป ก็เช่นมี หมู เนื้อ ไก่ อย่างละสองแพคเป็นต้น  ถ้าซื้อแพคใหญ่มา ก็เอามาแยกใส่ถุงซิปล็อคเล็ก ถ้าเป็นเนื้อดีๆ เช่นสำหรับทำเสต็ก ก็เอา freezer paper มาห่อทีละชิ้นกัน freezer burn  ถ้าเป็นหมูสับก็แยกใส่กล่องพลาสติกเล็กๆที่จะพอทำแต่ละมื้อ แล้วทุกอย่างที่แยกห่อไว้ ก็เอา permanent marker เขียนไว้ว่าเป็นเนื้ออะไร ซื้อมาวันที่เท่าไหร่  เนื่องจากไม่ได้ซื้อมากมาย ครอบครัวเล็กสามคนพ่อแม่ลูกก็เลยพอจะจำได้ว่ามีอะไรบ้าง  นึกว่าวันนี้จะทำ ไก่ ก็ดูถุงไก่ว่าอันไหนเก่าสุดก็ใช้อันนั้นก่อน เวลาต้มซี่โครง ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับเรื่องไฟนะคะ  เราก็ใช้ช้อนตะแกรงแบบนี้เหมือนกันเวลาช้อนฟองทิ้งค่ะ ชอบมากต้องมีประมาณ 3 อันติดบ้าน กลัวมันพังแล้วหาซื้อไม่ได้ อิอิ... จากคุณ : Pina Colada เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 03:59:56

ความคิดเห็นที่ 64 ...  เป็นตัวอย่างที่ดี    ทั้งสำหรับแม่ครัวมือใหม่และพ่อครัวมือเก่า แต่ไม่ค่อยมีระเบียบนักครับผม ... จากคุณ : OverEat เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 06:19:38

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีค่ะ คุณ แม่อ๊บ (obst) / น้องเสือน้อย / คุณ OverEat (พี่ชายกาง) = ขอบคุณที่แวะมาชมค่ะ พี่ Regenbogen ^_^ = ถ้าเกิดว่าได้ทำกล่องที่ว่าจริงๆนะคะ จะเอาเมล็ดผักสวนครัวไปโรยรอบๆค่ะ คงงอกงามดี ที่เยอรมันก็มีการแยกขยะเวลาเก็บให้ด้วย ดีจัง แต่ที่นี่ (หมู่บ้าน) เวลามาเก็บขยะ จะเห็นเขาแยกพวกขวด ของรีไซเคิลค่ะ ที่บ้านจะทิ้งพวกขวดแยกต่างหาก กระดาษ พลาสติกจะแยกไว้แล้วส่งขายที่ร้านแถวๆบ้านค่ะ รอบก่อนขายได้ตังค์ได้ ๖๐๐ กว่าแน่ะ เพราะมีกระดาษหนังสือพิมพ์ด้วย แล้วพวกชีทของเรากับของน้องตั้งกองพะเนิน ปิดเทอมทีหนึ่งก็เคลียร์กันทีหนึ่ง ดีที่เรียนจบแล้ว ต่อไปไม่ต้องเคลียร์อีก เพราะขี้เกียจมาก ต้องนั่งแยกทีละแผ่นว่ากระดาษใช้แล้วครบ ๒ หน้าถึงเอาไปทิ้ง พูดถึงการใช้ของให้คุ้มค่า = มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ทุกเทอมจะรวบรวมชีทแล้วเอาเครื่องตัดมาตัดตรงขอบกระดาษ เวลาปรินท์พวก power point ไปเรียน จะมีขอบกระดาษโล่งๆ (บางวิชาไม่ต้องจดอะไร) เหลือทั้ง ๔ ด้าน ด้านละ ๑-๒ นิ้วค่ะ คุณเธอจะใช้เครื่องตัด ตัดออกมาแล้วเย็บมุมเล็กๆไว้ เป็นสมุดจดพกในกระเป๋า ชอบไอเดียมากๆ ที่ได้เห็นเพราะเคยยืมชีทมาเรียน (ขี้เกียจปรินท์เอง ๕๕) ก็งงว่าทำไมกระดาษมันแหว่งๆ นึกว่ากระดาษไซส์พิเศษ เพราะตัดได้เนี้ยบสุดๆ ก็เลยทำบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักไม่ได้ทำ เพราะวิชาเรียนต้องจดตลอด จดจนไม่มีที่ ต้องเอาโพสอิทมาแปะแล้วจดต่อค่ะ ^_^ พวกกระดาษแผ่นเล็กๆนี้ อย่าได้ประมาทมันเชียว เพราะจะชอบจดรายการซื้อของ แผ่นจะยาวๆ จดเป็นลิสต์ๆไปไม่เปลืองที่ แต่ก่อนที่ไม่ได้ทำจะจดใส่ "ใบเสร็จ" ทางด้านหลัง เพราะมีใบเสร็จเก็บในกระเป๋าตังค์ตลอด จดเสร็จก็ "ยัด" กลับที่เดิม เวลาซื้อของก็ควักมาดู ไม่งั้นลืมค่ะว่าต้องซื้ออะไรบ้าง ====================================== คุณ Pina Colada = จะว่า "ตุน" อาหารไม่ดีรึเปล่า มันก็ไม่เชิงนะคะ อย่างที่บ้าน จะไม่ตุนหรือเก็บของที่ปรุงเสร็จแล้วไว้นานค่ะ ถ้ามื้อเย็นเหลือ มื้อเช้าต้องหมด อาม่าบอกว่ากินของค้างข้ามวันจะทำให้มีลมในท้อง ไม่ดี...แต่ของสดเนี่ย ในเมื่อรักที่จะตุน ต้องเก็บให้เป็น เพื่อให้คงรสชาติ สี กลิ่น ความสดไว้ เคยลองใช้  permanent marker เหมือนกันค่ะ พอเข้าตู้แช่ เจ้าหมึกมันแข็งหลุดออกมา งงจริง ส่วน freezer paper หน้าตาเป็นยังไงคะ ไม่เคยเห็น แล้วหาซื้อได้ที่ไหนคะ ไว้จะหามาใช้บ้าง...^_^ อุปกรณ์ในครัวก็สำคัญค่ะ ที่เราจะขาดไม่ได้คือ "ที่บีบมะนาว" แต่ของที่มีซื้อไว้นานแล้ว มันยังใหม่และดีอยู่ เพียงแต่อยากได้สำรอง ยังว่าวันสองวันนี้จะไปดูที่เซ็นทรัลค่ะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 06:43:04

ความคิดเห็นที่ 66 น่าชื่นชมมากครับ...ทั้งระบบการจัดการ-บริหารและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ลายมือสวยมาก อ่านเพลินเลยทีเดียว จากคุณ : บ้านเรามีภูเขาอยู่หน้าบ้าน เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 07:58:06

ความคิดเห็นที่ 67 น่ากินมากเลยค่ะ  ขอบคุณค่ะสำหรับวิธีต้มกระดูกหมู เดี๋ยวจะลองเอาไปทำดูค่ะ จากคุณ : PiN.VE เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 08:45:09

ความคิดเห็นที่ 68 ตื่นมาพร้อมกับความหิว เจอกระทู้นี้เข้าไปท้องร้องเลยคะ น้ำซุปใส๊....ใส ต้องใช้ความอดทนเหมือนกันนะคะทำอาหารแต่ล่ะอย่าง แต่เมื่อทุกอย่างออกมาดีและอร่อย ก็ทำให้เราชื่นใจหายเหนื่อยได้ ^^ ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับดีๆคู่ครัวนะคะ จากคุณ : เอ้ (auLP) เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 09:45:42

ความคิดเห็นที่ 69 เข้ามาชื่นชมและขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่มีประโยชน์  น้ำซุปใสน่าซดจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : CK@fort. เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 11:08:46

ความคิดเห็นที่ 70 อิอิ ตุนของสดเหมือนกันค่ะ  ของแห้งก็ตุนค่ะ เห็ดหอมแห้ง กุ้งแห้ง บะหมี่สำเร็จรูป น้ำผลไม้ เส้นหมี่ สปาเก็ตตี้ น้ำพริกแกง กะทิกระป๋อง ผักกระป๋อง (หน่อไม้ เห็ด มะเขือเทศ....) ฯลฯ  เมื่อตอนต้นปีพายุหิมะกระหน่ำออกจากบ้านไม่ได้หลายวัน ไม่ได้กลัวอดตายเลยค่ะ แค่ไปตุนนมสดมาให้ลูกสามสี่แกลลอน ไข่ แล้วก็ขนมปังไว้เท่านั้นเอง นอกนั้นอยู่ในช่องแข็งพอกินได้นานเป็นอาทิตย์ๆ ปกติจะจ่ายกับข้าวทุกๆสองอาทิตย์เป็นส่วนมาก  แล้วก็พวกอาหารเอเชียนจะไปซื้อราวๆทุกๆสองเดือน มันไกลน่ะค่ะ   หน้าตา freezer paper ตามลิ้งก์นี้นะคะ http://www.reynoldspkg.com/reynoldskitchens/en/product.asp?prod_id=1798 ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่เมืองไทยมีไหม ใช้ถุงพลาสติกหรือกระดาษไขก็คงได้เหมือนกัน เราใช้่กระดาษแบบนี้เพราะว่าถูกกว่าใช้เป็นถุงน่ะค่ะ ที่อเมริกามีขายทั่วไป ถ้าเป็นถุง ก็ใช้เป็น freezer bag http://www.ziploc.com/Products/Pages/FreezerBagsSmartZipSeal.aspx หรือแบบ double guard คือถุงสองชั้น ชั้นในจะแนบติดกับตัวเนื้อที่เราแช่แข็งเลย http://www.ziploc.com/Products/Pages/DoubleGuardFreezerBags.aspx?SizeName=Gallon หรือรุ่นใหม่ที่เขาออกมา ก็ทำหลักการคล้ายๆกับ foodsaver อันโด่งดังนะคะ http://www.foodsaver.com/Index.aspx คือมีที่ดูดอากาศออกน่ะค่ะ http://www.ziploc.com/Products/Pages/VacuumFreezerSystem.aspx?SizeName=Starter Kit ขอโทษด้วยที่เวลาตอบ จะชอบมีลิ้งก์ไปโน่นนี่เยอะแยะ คือขี้เกียจไปก๊อปรูปเขามาค่ะ ผิดมารยาทด้วย กดลิ้งก์ไปดูเองง่ายกว่า เวลาเอา permanent marker เขียน สีก็ไม่เคยหลุดเวลาแช่แข็งนะคะ แต่ส่วนมากจะเขียนบนตรงที่เขาให้เขียนสีขาวๆบนถุงซิปล็อค มันติดทนกว่าบนพลาสติกใสๆละมั้งนะ ที่บีบมะนาว เป็นยังไงคะ น่าสนใจ ปกติก็ชอบซื้อมะนาวมาถุงใหญ่ๆเหมือนกัน  เสร็จแล้วถ้าทานไม่ทัน ก็บีบออกมาใส่ถาดน้ำแข็ง แกะเก็บไว้เป็นก้อนๆในช่องแช่แข็ง บีบที ก็เมื่อยมือไปทั้งวันเลย   ที่บ้านที่เมืองไทยเคยใช้แบบเป็นมือบีบ มันจะมีรสเปลือกมะนาวขมๆออกมา หรือว่าเป็นแบบเครื่องคั้นน้ำส้มที่เป็นโดมหมุนๆข้างบน? ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Pina Colada เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 12:00:16

ความคิดเห็นที่ 71 คุณแม่อ๊บ (obst) คะ - Regenbogen แปลเป็นไทยว่า สายรุ้ง ถูกต้องค่ะ คุณขวัญคะ - ที่นี่การเก็บขยะทุกประเภทเขาจะกำหนดล่วงหน้าเลยค่ะ ว่าวันไหนจะเก็บประเภทไหน จดล่วงหน้าลงปฏิทินได้เลยค่ะ แต่ขวดแก้วต้องเอาไปทิ้งเองที่ กลาสคอนเทนเนอร์ แต่จะต้องแยกสีทิ้งด้วยนะคะ สีเขียว-สีฟ้า-สีน้ำตาล-สีขาว ต้องทิ้งให้ถูกตู้ค่ะ นอกจากนั้นยังไม่สามารถเอาไปทิ้งได้ทุกเวลานะคะ ส่วนมากบ่ายๆและวันอาทิตย์และวันหยุดห้ามทิ้งเพราะเป็นเวลาที่ต้องการความสงบค่ะ แหะๆ อ้อ อีกอย่างค่ะ พวกถ่ายไฟฉ่าย ก็ต้องเอาไปทิ้งเองค่ะ ส่วนใหญ่ตามห้างร้านจะมีที่ทิ้งไว้ให้โดยเฉพาะเลยค่ะ พวกนี้ต้องระวังเพราะมีสารเคมีเยอะ จากคุณ : Regenbogen ^_^ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 16:32:03

ความคิดเห็นที่ 72 จัดระเบียบได้เก่งมากครับ อาหารน่าทานมากครับ จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 18:39:26

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ บ้านเรามีภูเขาอยู่หน้าบ้าน = ขอบคุณที่แวะมาชมค่ะ ^_^ ลายมือสวยเพราะคุณครู หม่าม๊า จับมือเขียนมาแต่เด็กค่า คุณ PiN.VE = ลองเอาไปทำดูนะคะ แต่ว่าตอน ๑๐ นาทีแรกระวังค่ะ ไฟแต่ละบ้านแรงไม่เท่ากัน ถ้าไฟที่บ้านแรงมาก ผ่านไป ๕ นาทีให้เปิดฝาเลยค่ะ แล้วจับเวลาดูว่านานแค่ไหนถึงเดือดค่ะ คุณ เอ้ (auLP) = ไม่เป็นไรค่ะ เอาเคล็ดลับมาบอกกัน น้ำซุปใสต้องใจเย็น การทำอาหารคาว ส่วนตัวคิดว่าอาศัยความใจเย็นน้อยกว่าพวกขนมและของหวาน โดยเฉพาะขนมฝรั่งต่างๆ ต้องรอให้แป้งขึ้น อะไรต่อมิอะไร เห็นเพื่อนๆในนี้ทำกันก็ทึ่งค่ะ เพราะตัวเองไม่สามารถสุดๆเลย คุณ CK@fort. = ไม่เป็นไรค่า มีอะไรดีๆก็เอามาแบ่งปันกันค่ะ ^_^ คุณ Pina Colada = อูย ขอบคุณค่าที่แปะลิงค์ไว้ให้ เดี๋ยวจะทยอยดู คิดว่าในเมืองไทยคงหาได้ตามห้างใหญ่ๆ ไว้จะลองหาดูค่ะ แล้วปากกา สงสัยเพราะว่าเขียนไว้ตรงถุงพลาสติกแน่เลย มันเลยแข็งและละลายเป็นน้ำค่ะ เลยเลิกเขียน ใช้เทคนิคอย่างที่บอกไว้น่ะค่ะ...สำหรับที่ "บีบมะนาว" เป็นแบบวางมะนาวที่หั่นครึ่งแล้วกดค่ะ น้ำจะออกมา แต่ถามว่าขมไหม ไม่รู้สึกขมนะคะ ทั้งที่บีบจนเปลือกแตกด้วยซ้ำ ยังคิดว่าดีซะอีก น้ำมันตรงผิวจะได้ออกมา คุ้มดี  ^_^ ไว้วันไหนทำยำ ต้มยำ จะถ่ายรูปมาให้ชมค่ะ พี่ Regenbogen ^_^ = การเก็บขยะแบบนี้ดีจังค่ะ ของหมู่บ้านเนี่ย ยังกำหนดแน่นอนไม่ได้ว่ามาวันไหน แต่หนึ่งสัปดาห์จะมา ๒-๓ ครั้ง แล้วเคยเห็นในรายการ ไม่แน่ใจว่าประเทศอะไร เขาเอาขวดสีๆไปหั่น ทำเป็นกำไล ต่างหู โมบาย โคมไฟ โดยหั่นแล้วอบฆ่าเชื้อ ตะไบขอบที่คมๆให้มนแล้วนะคะ เป็นไอเดียที่เก๋มากและสวยมากค่ะ ไม่บอกไม่รู้จริงๆว่าคือขวดแก้วนะคะเนี่ย ว่าแต่...ทำไมต้องแยกสีขวดด้วยคะ หรือว่าเวลาหลอมสีจะออกมาด้วย ทำให้สีไม่สวย...อันนี้เดาเอา ^_^ คุณ samsam = ขอบคุณค่ะ การจัดระเบียบช่วยให้ไม่มีของเหลือและเสีย หรือว่าเก็บนานจนหมดอร่อยค่ะ ^_^ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 19:10:08

ความคิดเห็นที่ 74 แหะๆ ไม่ทราบจริงค่ะ เขาให้แยกก็แยกกันไป จากคุณ : Regenbogen ^_^ เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 19:56:39

ความคิดเห็นที่ 75 มิเป็นไรค่าพี่ Regenbogen ^_^ = แค่เท่าที่บอกมาก็ได้ความรู้เยอะแล้วค่ะ อยากทำกล่องใส่ขยะสดไว้ทำปุ๋ยจังค่ะ จากคุณ : keethaya เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 20:00:42

ความคิดเห็นที่ 76 คุณขวัญ ตะลึงเลยค่ะ น่าชื่นชมการจัดการในการซื้อของ ปล  ลายมือสวยจังเลยค่ะ  แกงป่าก็น่ากินสุดๆ(^-^) จากคุณ : kintub เขียนเมื่อ : 26 มิ.ย. 53 20:21:21

ความคิดเห็นที่ 77 ดิฉันใช้ถุงพลาสติคสำหรับเเช่ช่องเเข็งโดยเฉพาะเหมือนกัน มันจะพิมพ์สีขาวไว้ให้เขียนอะไร เเต่ถ้าเป็นกล่องธรรดา ลองใช้กระดาษกาวดูค่ะ เรียกว่ากระดาษกาวหนังไก่หรือเปล่าไม่เเน่ใจ ที่ออกสีเหลืองๆน่ะค่ะ สำหรับเอาไว้เเปะเวลาทาสีผนัง เเล้วไม่ต้องการให้สีไปเปื้อนกรอบประตูหน้าต่างน่ะค่ะ เขียนลงไปบนม้วนกระดาษกาวก่อน ดิฉันเขียนชื่อของข้างใน น้ำหนัก เเละวันเดือนปีที่บรรจุ (ถ้าเป็นถุงพลาสติคที่ว่า ดิฉันเขียนวันหมดอายุด้วย เพราะตู้เเช่เเข็งของดิฉันจะเเช่ของเเต่ละชนิดได้อายุนานไม่เท่ากัน) เเล้วถึง จะตัดออกไปเเปะที่ถุงพลาสติคค่ะ มันก็ไม่ลอกนะคะ จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 05:08:54

ความคิดเห็นที่ 78 อยากให้รางวัลจขกท.เป็นที่บีบมะนาวจากเยอรมันจังค่ะ เรื่องการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารที่คุณสายรุ้งว่ามา รอเดี๋ยวนะ จะถ่ายรูปมาให้ดู ตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านค่ะ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 16:34:46

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : หมาดำปราณบุรี เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 17:07:01