**<<< " การทานอาหารบุฟเฟ่ต์อย่างไรให้อร่อย" >>> **

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า เป็นสมาชิกที่นี้มานาน แต่ไม่ได้ ตอบหรือ โพสอะไรเท่าไหร่
ได้แต่ตามดูข้อมูลที่มีสาระของเพื่อนๆ ให้ห้องก้นครัว

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ชอบไปทานอาหารบุฟเฟ่ต์โรงแรมต่างๆ มามากมาย เลยอยากจะเขียนบทความเกี่ยวกับวิธีการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมและ ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ทั่วๆ ไป

ทุกวันนี้ทุกคนก็เห็นได้ชัดว่า กระแสวัฒนธรรมการทานอาหารบุฟเฟ่ต์มันได้เข้าไปสู่กลุ่มคนรักการทานอาหารตามเมืองใหญ่ๆ ร้านอาหารที่เปิดใหม่ๆ และจะเป็นที่ได้รับความนิยมก็ต้องแบบ บุฟเฟ่ต์ มาเป็น
อันดับต้นๆ ไม่ว่่าจะเป็นร้านอาหารพวกแนวเนื้อย่างเกาหลี (ที่กำลังมาแรง เพราะราคากับอาหารที่ได้ ทุกคนคิดว่ามันคุ้มกับราคาที่จ่ายไป และสามารถสนุกสนานกับกรรมวิธีในการทาน) จนกระทั้งร้านอาหารตามห้างต่างๆ ทั่วไป ต้องปรับกลยุทธ์ ทำบุฟเฟ่ต์ในแบบต่างๆ มาแข่งขันกัน
ไม่ว่าจะแนวชาบู  ปิ้งย่าง หรือแม้แต่สุกี้เจ้าดัง ก็ปรับตัวมาเล่นตลาดบุฟเฟ่ต์ เพื่อตอบกระแสความนิยม

และอีกหนึ่งกระแสการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมก็กำลังแข่งขันกันจัดโปรต่างๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าผู้รักการทานทั้งหลาย ทำให้ทุกคนมีกิจกรรมสนุกสนานกับการเลือกว่า วันนี้ วันนั้นจะนัดรวมก๊วนไปทานที่ไหนกันดี
และยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังคิดอยากตัดสินใจลองทานอาหารบุฟเฟ่ต์ตามที่ต่างๆ แต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ ว่าการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรมกับการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่ร้านอาหารมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร

วันนี้ผมขอนำเสนอวิธีการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรม และตามร้านอาหารทั่วๆ ไป เพื่อเป็นความรู้ในการทานอาหารให้อร่อยและไม่เขอะเขินเวลาต้องไปทานอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์กันนะครับ

เริ่มต้นเปรียบเทียบความแตกต่างของการทานอาหารทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวมานะครับ

1. ระยะเวลาในการทาน อันนี้เป็นข้อแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
- การทานอาหารที่โรงแรมนั้น ก็จะเป็นตามเวลาสากล เช่นมื่้อเที่ยง ก็ตั้งแต่เที่ยงถึงบ่าย 3 มื้อค่ำก็ 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม

- การทานบุฟเฟต์ตามร้านอาหารในห้าง หรือพวกเนื้อย่างต่างๆ ก็จะจำกัดอยู่ที่ 1 ชั่วโมงครึ่ง

2. ประเภทอาหารที่เสริฟ์
- ถ้าไปทานที่โรงแรมก็จะมีตั้งแต่แบบ นานาชาติ หรือ international buffet, อาหารญี่ปุ่น, อาหารอิตาเลี่ยน, อาหารติมซ่ำ, อาหารเกาหลี, หรือแม้แต่อาหารไทยก็มีให้เลือกตามความชอบใจ

- ร้านอาหารบุฟเฟต์ตามห้างก็มีหลายประเภทไม่แพ้กัน แต่ความหลากหลายอาจจะน้อยกว่า

3. การบริการ
- การบริการตามโรงแรมส่วนใหญ่ เราจะไม่ค่อยได้ยินเรื่องการบริการที่ไม่ได้มาตราฐานสักเท่าไหร่ เพราะการรักษาคุณภาพในเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ

- ตามร้านอาหารบุฟเฟต์ทั่วๆไปเราคงจะได้ยินจนชินหู และก็ยังมีให้่เห็นเรื่อยๆ สำหรับการบริการ ที่หวยจะไปออกที่ใคร ก็ทำให้เกิดข้อพิพาษมาหลายต่อหลายคดี

ดังนั้นการทานอาหารประเภทบุฟเฟต์นั้น มีกฎกติกาที่เป็นหลักปฏิบัติที่เป็นสากล(ที่เพื่อนๆ บางกลุ่มอาจจะยังไม่รู้กัน) ดั้งนั้นผมขอแบ่งเป็นข้่อๆ ดังนี้เลย

1. การตักอาหารมารับประทาน คนส่วนใหญ่คิดว่าการทานบุฟเฟต์นั้นก็ต้องทานให้ได้มากที่สุดให้ได้มากกว่าเงินที่ตัวเองจ่ายหรือให้คุ้มกับเงินที่เสียไป

ดังนั้นกรณีนี้ คนประเภทนี้จะไม่ได้คำนึงเท่าไหร่เรื่องของคุณภาพ แต่จะเน้นเรื่องปริมาณ และบางครั้งลืมประมาณตนไปทำให้อาหารเหลือค้างไว้บนโต๊ะจนมากเกิน ทำให้ร้านอาหารส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะออกกฏการปรับค่าอาหารเมื่อทานไม่หมด ซึ่งส่วนนี้ก็ช่วยได้บางส่วนเท่านั้น

ก็ยังมีคนทานเหลือและพยายามซ่อนอาหารไว้ จนน่าเกลียด แต่ถ้าไปทานตามโรงแรม คุณก็สามารถเหลือได้ และไม่มีใครมาว่าคุณ (แต่ลับหลังแล้วอาจจะโดนได้)

ดั้งนั้นการทานที่ถูกต้องแล้วควรจะตักมาแค่พอทาน และเมื่อหมดก็สามารถไปเติมได้ใหม่ แต่ถ้าอาหารที่อยากไปทานเพิ่มเติมหมด คุณสามารถขอการบริการจากทางบริกรในกรณีที่อยากได้อาหารชนิดนั้นเพิ่มเติม

(แต่คนส่วนนึงไม่กล้าแจ้งพนักงาน เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่หน้าที่ตัวเขาที่ต้องแจ้ง พนักงานนั้นๆ จำเป็นต้องรู้หน้าที่และจัดให้มันครบตามที่ควร) ส่วนนี้อาจจะต้องแยกระดับของราคาอาหารด้วย ถ้าเป็นราคาสูงข้อที่อาหารขาดในไลน์ไม่ค่อยจะพบ แต่ถ้าหมดแล้ว พนักงานจะรีบเติมให้เร็วที่สุด

ถ้าเป็นราคาไม่สูงมาก ก็อาจจะเกิดกรณีหมดจริงๆ ไม่มีมาเติมให้ ก็ทำให้ขุ่นเคืองอารมณ์ไปตามๆ กัน (อันนี้เราสามารถเลือกได้ว่าเราอยากจะทานแบบไหน) เราควรคิดถึงว่าเราเองก็อยากทานอาหารประเภทที่โปรดปรานมากๆ แต่ลืมคำนึงไปว่าคนอื่นๆ

ก็อาจจะชอบอาหารประเภทเดียวกับเรา และถ้าเกิดกรณีเราตักมาเยอะเกินไป และทานเหลือ คนอื่นๆ ก็อดทาน อันนี้ก็เป็นข้่อที่เราต้องให้ความสำคัญมากเหมือนกัน การแบ่งปันและเคารพคนอื่นๆ ที่มาใช้ห้องอาหารร่วมกัน (ส่วนตัวเจอบ่อยไม่ว่าจะห้องอาหารระดับสูง หรือระดับปานกลาง)

2. การเคารพเกียรติซึ่งกันและกัน เพราะว่าการเดินไปตักทานอาหาร เมื่อเวลาเราตักอยู่ และมีคนอื่นๆ รอเราเพื่อที่อยากจะเข้าไปตักทานบ้าง เราควรจะรีบจัดการส่วนของเราให้เรียบร้อยและ เปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้มาตักบ้าง

( เจอกับตัวมาเยอะ คนประเภทเลือกเขี่ยๆช้า เพื่อจะเอาแต่ของดีๆ ในอาหารไปทาน แล้วคนข้างหลังรอที่จะตัก ก็ไม่สนใจและเหลือแต่เศษๆ มันทำให้เขาต้องรอ เพื่อให้บริกรไปจัดการมาเติมให้ใหม่ ซึ่งใช้เวลา และบางครั้งความอยากทานอาหารนั้นๆ อาจจะหมดไปแล้ว )

3. การถ่ายรูปอาหาร สามารถทำได้ แต่ไม่ควรไปทำให้บุคคลอื่นๆ เกิดความรำคาญ ซึ่งก็เกิดกรณีมีปัญหาตามมาได้ เพราะอาจจะเกิดเรื่องราว กระทบกระทั่งตามมา ( ร้านอาหารในโรงแรมบางที่ถึงไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ )

ขอเสนอทริกส่วนตัวที่เวลาทานอาหารบุฟเฟ่ต์ ที่ใช้มาเป็นประจำ

ถ้าเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ผมจะเดินไปตักขนมมาไว้เป็นอย่างแรก เพราะตอนนั้น จะไม่มีใครสนใจเลย เราจะได้เป็นคนแรกที่ได้เห็นความสมบูรณ์ของขนมที่เราอยากทาน

(เพราะการมาตักทีหลัง มันอาจจะเละหรือหมดจากไลน์ไปแล้ว ทำให้เรารู้สึกเสียอารมณ์ได้)

ให้บริกรแนะนำอาหารในไลน์ว่ามีตัวไหนหน้าสนใจ ( บริกรทุกท่านเต็มใจและอยากจะบริการเราอย่างเต็มที่ ดังนั้นเราจะได้ทานอาหารนั้นๆเป็นพิเศษ และได้ความรู้ของอาหารประเภทนั้นๆ เพิ่มเติม เพราะว่าบริกรจะมีการอธิบายด้วยว่านำอาหารอะไรมาให้เราทาน )

เลือกทานอาหารที่เราชอบ และตักมาในปริมาณที่พอดีทาน เพราะเราสามารถเพิ่มเติมได้ทีหลัง และ การทานอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาตินั้นมีอาหารที่หลากหลาย ผมแนะนำว่าการทานอาหารให้อร่อยคือการชิม

เพราะเราจะได้ทานอาหารที่หลากหลายและไม่อิ่มจนเกินไป ไม่ต้องมานั่งทรมานกันทีหลัง และโรคอ้วนก็ถามหาเอาง่ายๆ (อันนี้สำคัญมากๆ )

สุดท้ายนี้บทความของผมคงจะทำให้เพื่อนๆ ห้องก้นครัวได้ประโยชน์ในการทานอาหารครั้ง ต่อๆไป ไม่มากก็น้อย

และอยากให้ทานอาหารให้อร่อยๆ กันทุกๆ คนครับ แต่อย่าลืมว่าเราอยากทานให้อร่อย เราก็ต้องรู้จักเคารพคนอื่นที่มาใช้บริการเหมือนกันนะครับ

จากคุณ	: Diselse
เขียนเมื่อ	: 1 ส.ค. 53 18:14:00