 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ต้นจันสามารถขึ้นได้ในสภาพดินเกือบทุกชนิดแต่ดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตควรเป็นดินร่วนปนทรายที่มีอินทรียวัตถุสูง เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้นโดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคใต้และภาคตะวันออกของไทย ต้องการปริมาณน้ำฝนปีละ 2,000 - 2,500 มิลลิเมตร สามารถขึ้นได้ในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 900 เมตร
การปลูก
นิยมขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ปกติมักจะปลูกต้นตัวผู้และต้นตัวเมียในอัตราส่วน 1 : 10 เพราะต้นตัวผู้จะปลูกไว้เพื่อผสมเกสรเท่านั้น ส่วนต้นตัวเมียที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ การปลูกใช้ระยะระหว่างต้นและระหว่างแถวประมาณ 6 x 7.5 เมตร พันธุ์จันที่ดีเป็นพันธุ์จากอินโดนีเซีย ซึ่งลูกจันจะมีผลยาวรี กลิ่นหอมแรง รกหรือดอกจันมีขนาดใหญ่ เนื้อหนา และกลิ่นหอมแรงกว่าพันธุ์ไทย
การดูแลรักษา
ในระยะแรกของการปลูกต้นจันต้องการร่มเงาเพื่อการเจริญเติบโตมาก จึงควรปลูกพืชอื่นแซมให้ร่มเงาด้วย เช่น ต้นกล้วย เป็นต้น และต้องหมั่นคอยกำจัดวัชพืชรวมทั้งคอยปลูกซ่อมต้นที่ตายไป สำหรับโรคและแมลงศัตรูพืชมีไม่มากนักจึงไม่เป็นปัญหาสำคัญ
การเก็บเกี่ยวและผลผลิต
ต้นจันหลังจากปลูกไปแล้วสามารถให้ผลผลิตตั้งแต่ปีที่ 6 เป็นต้นไป ผลจะเริ่มแก่ภายหลังจากที่ดอกบานแล้วประมาณ 6 - 9 เดือน ผลแก่จะเริ่มแตกปริออกเป็นสองส่วน ต้นจันสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1,500 - 2,000 ผลต่อต้น ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จะนำมาแยกเป็นลูกจันและดอกจัน
ดอกจัน คือ ส่วนของรกหุ้มเมล็ด มีลักษณะคล้ายร่างแห มีสีแดงสด และรัดติดแน่นอยู่กับเมล็ด ซึ่งต้องลอกออกและนำมาบีบด้วยมือหรือไม้เล็กๆให้แบน ต้องระวังอย่าให้แตกหรือหัก จากนั้นก็นำไปตากแดดประมาณ 2 - 4 ชั่วโมง ก็จะแห้งสนิทหรืออาจจะทำให้แห้งด้วยความร้อนก็ได้ แต่ต้องระวังอย่าให้ควันไฟถูกดอกจันโดยตรงเพราะจะทำให้คุณภาพลดลง ลูกจัน คือ ส่วนของเมล็ดที่มีเปลือกแข็งสีน้ำตาล รูปร่างยาวรี เมื่อลอกเอารกหรือดอกจันออกแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท และควรหมั่นกลับลูกจันให้แห้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเน่าเสียและเชื้อรา เมื่อแห้งดีแล้วจะมีน้ำหนักลดลงประมาณร้อยละ 25
ขอบคุณที่มาจาก http://share.psu.ac.th/blog/marky-answer/14307
จากคุณ |
:
2แบ๊ว (boonnote)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ส.ค. 53 19:54:27
|
|
|
|
 |