เมื่อแม่ครัวเกิดท้องขึ้นมา ในขณะที่ร้านกำลังลงตัวพอดี
|
|
ยาวหน่อยนะครับ ถ้าไม่อยากอ่านเยอะไปอ่านที่ส่วนภาค 2 ด้านล่างได้เลยครับ
ภาค 1 อารัมภบท
ถือเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ของคนที่ทำร้านอาหารนะครับ ต้องเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องคนมามากบ้างน้อยบ้าง แล้วถ้าสู้กับปัญหาไปเรื่อยๆสักพักก็จะได้ทีมที่ลงตัวแบบผม ทั้งเรื่องการแบ่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ และเวลาการทำงาน
ร้านอาหารไหนที่ทั้งเรื่องการตลาด และเรื่องคนลงตัวได้เร็วก็ถือว่าโชคดีไปครับ แต่ส่วนใหญ่สำหรับร้านเปิดใหม่ ขนาดไม่ใหญ่มาก ย่อมต้องอาศัยระยะเวลาทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้มีทุนมากมายอะไร สิ่งที่คิดไว้หลายๆอย่างก็ไม่สามารถทำได้พร้อมกันทั้งหมด
ร้านผมก็เปิดบริการมาพอสมควร ถึงจะใช้ระบบคิดเงินแบบรายวัน (ไม่มาวันไหน ก็ไม่ได้ค่าแรงวันนั้น) ก็ยังมีปัญหาเรื่องลูกจ้างมาสาย ขาดงานโดยไม่แจ้งล่วงหน้า อู้งาน ซึ่งประสบการณ์ของคนงานที่อยากจะแบ่งปันก็คือ เวลาคนงานอ้างเรื่องหยุดงานจะมีสาเหตุหลักๆมา 3 อย่าง
1. แม่ป่วย 2. ลูกป่วย 3. ไม่สบาย 4. กลับบ้านต่างจังหวัด เพราะ
..
จะจริงหรือไม่จริงก็ยากที่จะพิสูจน์ ใบรับรองแพทย์ใครๆก็หาได้ เหตุผลที่ยกตัวอย่างข้างต้นล้วนเกี่ยวกับมนุษยธรรม ถ้าผมไม่อนุญาตก็จะดูเป็นคนใจดำ ถ้าผมอนุญาตในเหตุผลดังกล่าว แล้วพนักงานอื่นอ้างเหตุผลเดียวกันเพื่อขอลา ผมก็ต้องให้ไปเช่นกัน เพราะไม่อยากเกิดกรณี 2 มาตรฐานอีก มันเป็นเรื่องของการบริหารทรัพย์กรบุคคลที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
คนงานขาดไป 1 คน เราก็ต้องยิ่งเหนื่อยขึ้น ถ้าเขาบอกล่วงหน้าสัก 2-3วันก็คงเตรียมตัวรับมือไหว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่ลากระทันหันครับ ทำให้ผมไม่ค่อยกล้านัดเจอเพื่อนฝูงมากนัก เพราะกลัวว่าถ้าเหตุฉุกเฉินสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ลูกจ้างที่ไม่รับผิดชอบ ก็จะหาช่องทางลาป่วยบ่อยๆ มาสาย ทำท่าเป็นไม่สบาย(ล่วงหน้า) หากพรุ่งนี้จะแกล้งทำเป็นลาป่วย
วิธีแก้ปัญหาของผมก็ต้องใช้ความอดทนอย่างเดียวครับ ผมไม่เชื่อว่าการตั้งกฎหักเงินเดือนจะเป็นทางออกที่ถูกต้อง ถ้าจะมาทำงานก็ต้องมาด้วยความเต็มใจ พนักงานมีกันอยู่แค่ไม่กี่คน เห็นหน้ากันทุกวัน อยู่กันเหมือนครอบครัว
ถ้าใครทำนิสัยแบบนี้ก็ต้องปล่อยไปก่อน รอเก็บรายละเอียด มาสายกี่ครั้ง ลาไปกี่ครั้ง ผมจะเรียกคุยเพื่อตักเตือน 3 ครั้ง
ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็มีคำเดียว You are fired ผมคงต้องให้คุณออก ถ้าเขาอ้างเหตุผลว่าเขามาทำงานไม่ได้เพราะป่วยจริงๆ ผมก็จะเอาข้อมูลที่เก็บมาย้อนเขาให้สะอึกว่า ภายในกี่เดือน คุณมาสายกี่ครั้ง แล้วคุณลางานกี่ครั้ง แสดงว่าสภาพร่างกายคุณคงไม่เหมาะกับงานครัวจริงๆ ผมก็คงต้องรับคนใหม่
.มีอะไรจะพูดอีกไหมครับ
การไล่ออกเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากครับ ให้เลือกได้ก็คงไม่อยากทำ ผมก็ได้แต่ใช้วิธีพูดด้วยเหตุด้วยผล มีหลักฐาน ให้เขายอมรับด้วยตัวเขาเอง จะได้ไม่มีอะไรติดใจค้างคาใจกัน
ภาค 2 จุดที่ต้องตัดสินใจ
แต่ผมกำลังจะก้าวข้ามไปสู่ปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อนนะครับ หลังจากที่คนลงตัวความรับผิดชอบดี ความเหนื่อยก็อยู่ตัวแล้ว กลับเจอปัญหาว่า แม่ครัวคนหนึ่งกำลังตั้งท้องอยู่ โดยที่เธอยังไม่ได้บอกผม แต่คนอื่นมาแอบบอก เพราะอาการมันชัดเจนมาก
ทีนี้งานในครัวมันเป็นงานที่หนักหน่อย และที่ร้านผมก็มีงานครัวตำแหน่งเดียว ก็หมุนกันทำครัวและเป็นเด็กเสริฟวิ่งเข้าวิ่งออก ผมกับแม่จะดูงานหน้าร้านเป็นส่วนใหญ่
ถ้าถึงเวลาที่อาการเธอหนักกว่านี้ ท้องแก่กว่านี้ มันจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเข้ามามากมายในเร็วๆนี้ครับ
1. คนงานกำลังลงตัวพอดี ถ้าแม่ครัวหยุดไป 1 คน จะทำให้คนที่เหลืองานเพิ่มขึ้นพอสมควร
2. ผมเปลี่ยนหน้าที่ให้เขาทำงานอื่นไม่ได้ เพราะแคชเชียร์กับเรื่องเงินเป็นงานของผม ถ้าเธอมานั่งทำ ผมก็คงต้องไปเป็นเด็กเสริฟ์ หรือทำงานในครัวแทน
3. ถ้าผมให้ลาตามกฎหมายสูงสุดคือ 4 เดือน (ไม่แน่ใจ) มันก็จะเป็นภาระที่หนักมากสำหรับผม เพราะพูดตรงๆว่าแม่ครัวก็สามารถหางานใหม่ไปด้วยได้
4. ถ้าถึงช่วงที่เธอทำงานไม่ไหว ไม่ว่าผมจะจ้างออก หรือให้ลาก็ตาม ผมก็ต้องรับคนงานมาเพิ่มอยู่ดี ถ้าเธอกลับเข้ามาทำงาน ก็ไม่มีตำแหน่งว่างให้อีก (จากโครงสร้างรายจ่ายเงินเดือน)
เลยอยากปรึกษาทุกคนในนี้ว่าวิธีที่ดีที่สุด ที่จะแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นนี้ได้ ควรจะทำอย่างไรดี ผมคิดว่าอีกไม่นานแม่ครัวก็ต้องเดินเข้ามาบอกผมตรงๆแล้วล่ะ ช่วงนี้เข้าห้องน้ำบ่อยเหลือเกิน ขอบคุณมากครับ
จากคุณ |
:
assuming
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ส.ค. 53 00:21:44
|
|
|
|