PANTIP.COM : D9616637 T^Tตกงานค่ะ อยากทำอาหารกล่อง15บาท ขายตอนเช้า รบกวนขอคำแนะนำค่ะT^T [การทำอาหาร]

ความคิดเห็นที่ 44

เมื่อก่อนเคยนั่งรถไฟแถวแยกศรีนครินท์ (รถไฟบนดินธรรมดานะครับ) ตอนเช้ามากๆบริเวณสถานีจะมีคนมาตั้งโต๊ะขายอาหาร ขายดีมากๆ เนื่องจากตอนแรกคนจะขายแซนด์วิช นำเต้าหู้ น้ำส้ม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวกล่อง มีหลายเจ้ามากๆ บางเจ้าเลยขายหลายๆอย่างสับเปลี่ยนกันไปแต่ละวัน (แต่จะมีของยืนพื้นอยู่ด้วย) เป็นของที่ทำเสร็จมาจากบ้าน กำไรดี และทำง่าย

ลองดูแบบนี้มั้ยครับ (จากร้านที่เห็นคนซื้อเยอะๆ)

- ยังขายแซนด์วิช + น้ำเต้าหู้แบบเดิม ไม่รู้ว่าคุณทำเป็นชิ้นใหญ่แบบขนมปังหัน 2 หรือเปล่า ลองทำเป็นชิ้นเล็กลงแบบหั่น 4 เหมือนพวกคลับแซนด์วิช แล้วเอามาเรียงใส่ถุง ถุงละ 5-6 ชิ้น ราคาเท่าไรก็คำนวนดู แล้วลองดูว่าน้ำเต้าหู้ของเรามันเข้มข้นมั้ย ถ้าไม่ ก็ลองหาสูตรปรับปรุงดูครับ

- บางคน โดยเฉพาะเด็กๆ อาจชอบน้ำเต้าหู้แบบเย็นนะครับ ลองรอให้น้ำเต้าหู้เย็นแล้วกรอกใส่ขวดพลาสติกแบบที่เขาใส่น้ำส้มคั้นน่ะครับ แล้วหากล่องโฟมพลาสติกใส่น้ำแข็งเอามาแช่ คุณไม่ต้องเสียเวลาทำน้ำเต้าหู้เย็นมากมายเพราะยังไงก็ต้องทำน้ำเต้าหู้อยู่แล้ว

- ลองทำเครื่องดื่มเย็นมั้ยครับ เอาพวกที่ต้นทุนถูกมากๆก็อย่างน้ำเก็กฮวย น้ำดอกอัญชัน น้ำตะไคร้ น้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ น้ำใบเตย แล้วจะกรอกใส่ขวดแบบน้ำเต้าหู้หรือใส่ถุงพลาสติกมัดแช่ไปในถังโฟมด้วย น้ำพวกนี้ต้นทุนต่ำมากๆครับ ต่ำกว่าน้ำเต้าหู้ด้วย เพราะเหมือนจะเสียแค่ค่าแก๊ส น้ำตาล ส่วนพวกสมุนไพรราคาก็ไม่แพง แต่ต้มออกมาทีนึงได้เยอะมากๆ ขายไม่หมดก็ไม่เสียเพราะแช่เย็นเอามาขายเย็นได้อีก แช่ตู้เย็นค้างคืนก็ได้

- ลองทำแฮมเบอร์เกอร์แบบง่ายๆที่ขายตามตลาดนัดดูสิครับ เด็กๆน่าจะชอบ มีขนมปัง ผักกาดหอม มะเขือเทศ แล้วใช้หมูหมักกับหอมใหญ่+ผงปรุงรส เอาไปทอดเป็นแผ่น แบบบ้านๆไม่ต้องใส่ชีส แต่เอาถุงพลาสติกแบบถุงน้ำจิ้มเล็กๆใส่ซอสมะเขือฯกับซอสพริกไว้ให้ลกค้า เสียเวลาแค่ทอดหมูหมักทำใส้ ก็คิดซะว่าเหมือนกับทอดหมูกินข้าวเช้าของเรา ลองทำซักวันละ 10 - 15 อันก่อนก็ได้ เอาเป็นอ็อปชั่นเสริมจากแซนด์วิช อันนี้ก็ทำแป็บเดียว

- ลองทำขนมง่ายๆครับ เพราะบางทีก็อยากหาขนมไทยๆกินตอนเช้าหรือเอาไว้ใส่บาตรพระ ลองทำวุ้นกะทิหรือวุ้นมะพร้าวอ่อน หรือวุ้นใส่น้ำหวานก็ได้ พวกนี้ก็ทำไว้ก่อนได้ตั้งแต่ตอนดึกได้เลยครับ โดยเฉพาะพวกวุ้นน้ำหวานที่หยอดลถ้วยพลาสติกใสเล็กๆ ทำหลายๆสี แล้วใส่เม็ดแมงลักลงไป (ซึ่งก็แบ่งมาจากเครื่องน้ำเต้าหู้) หรือกล้วยน้ำว้าต้มฝานบางๆใส่มะพร้าวโรยน้ำตาล มันเทศหัวเล็กๆต้มหรือเชื่อม

- หรือบางวันอาจไปรับขนมปังเจ้าอร่อยมาขายก็ได้ พวกขนมปังใส้ไก่ ใส้หมูหยอง ใส้หมูแดง

- สลัดผักทำเป็นกล่องไม่ใหญ่มาก ผมว่าพวกคนทำงานก็ชอบนะ เคยเห็นบางร้านเค้ารับมาเป็นแบบกล่องย่อมๆ ขายแค่ 20 บาท (เราอย่าไปทำแบบแพงที่ขายกัน 30++ เราเอาแบบถูกหน่อยแต่ลดขนาดลง) ลองหาสูตรน้ำสลัดง่ายๆทำดู ผักก็เป็นผักกาดหอม มะเขือเทศ (แต่ตอนนี้แพงไปนิด) แตงกวา ข้าวโพด เผือกต้มหั่นเต๋า แอ็ปเปิ้ล ฯลฯ ซึ่งส่วนประกอบพวกนี้เรามักซื้อมาทำกับข้าวกินเองอยู่แล้ว ก็ลองซื้อมาทำดูก็ได้

- วันไหนไปตลาดแล้วเจอผลไม้ตามฤดูกาลอะไรถูกก็ซื้อมาเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่ง มันแกว แตงโม มะม่วง สับประรด อาจซื้อมาไม่ต้องมาก ซัก 2-3 โล เอาไว้กินเองด้วย แล้วก็ปอกใส่ถุงพลาสติกขายถุงละ 10-15 บาท แล้วทำพริกเกลือใส่ถุงเล็กๆไว้ ตอนแรกอาจจะ 5-6 ถุงก็พอ ถ้าคนชอบมากๆวันต่อๆมาก็ทำเพิ่ม คิดว่าอย่างน้อยขายได้ 5-6 ถุง เราก็ได้กำไรเป็นผลไม้ที่เกินทุนของเราเอง

ที่ผมเห็นร้านที่เค้าขายนะครับ เนื่องจากมีอาหารหลายเจ้าหลากหลาย กับลูกค้าบางทีเบื่อง่าย อย่างพวกเด็กๆเป็นต้น เคยเห็นร้านเค้าตั้งโต๊ะพับแบบแค่ 2 ตัว แล้วก็มีแซนด์วิชประมาณ 20 ชิ้น น้ำสมุนไพรประมาณ 20-30 ขวดหรือถุงแช่ในกล่องโฟม (อาจมีแค่ 2-3 ชนิดต่อวัน) มีวุ้นน้ำหวานประมาณ 10 ถุง มีสลัดผักประมาณ 10-15 กล่อง มีผลไม้ 2-3 อย่างประมาณอีก 10 ถุง (บางถุงเป็นผลไม้รวม) สลับกันไปแล้วแต่ว่าผลไม่ชนิดไหนถูกตอนนั้น แล้วในแต่ละวันอาจมีขนมอื่นๆสลับกันไปเช่น กล้วยต้มคลุกมะพร้าว มันเทศต้ม หรือมันเทศต้มน้ำขิง ถั่วเขียวต้ม พวกนี้ทำง่ายมากๆ แถมต้นทุนไม่แพง

ไม่ต้องกลัวว่ามีหลายๆอย่างแล้วมันจะมั่วหรือไม่น่ากินนะครับ มันอยู่ที่เราจัดโต๊ะ ลองเอาจานใหญ่ๆหรือถาดใบย่อมๆใส่อาหารประเภทเดียวกัน ถ้ามีของ 5 อย่างก็แยกเป็น 5 ถาด อาหารก็จะไม่มั่ว ดูสะอาดน่ากินและหลากหลาย คนกินจะได้มีตัวเลือกมากๆ เพราะว่าจะให้กินแซนด์วิชบ่อยๆก็เบื่อ (ดีไม่ดีบางบ้านซื้อขนมปังฟาร์มเฮ้ามากินกับแยมหรือทำแซนด์วิชง่ายๆกินก่อนออกมาจากบ้านแล้ว) ข้าวไข่เจียวอาจดูน่ากินก็จริง แต่ไม่กี่วันมันก็เบื่อ และทำกินเองที่บ้านก็ได้ไม่กี่นาที ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็จริงๆแล้วไม่ได้ถูกนะครับ ลองดูว่าข้าวเหนียวห้าบาทนิดเดียว หมูไม้ละ 5 บาท 20 บาทได้หมู 3 ไม้ข้าวหนึ่งห่อ (สำหรับผมแล้วเป็นคนที่มองว่ามหูปิ้งเป็นของแพงนะ) ต้นทุนหมูแพงมากๆด้วย จะได้กำไรจากหมูปิ้งต้องเป็นร้านที่ขายมากๆจริงๆ ถึงจะได้ทุน อีกอย่างคือเวลาปิ้ง ถ้าบ้านใกล้กับร้านข้างๆหรือบ้านอื่นๆ มีปัญหาเรื่องควัน-กลิ่น กันมามากต่อมากแล้วครับ

ไม่รู้นะ ที่ผมเห็นตามสถานีรถไฟ หรือตามตลาดตอนเช้าๆที่มีคนเยอะๆ หลายๆร้านเริ่มทำแบบที่ผมบอกคือหาอะไรมาขายหลายๆอย่าง เป็นของที่ต้นทุนต่ำ ทำเตรียมไว้ได้ตั้งแต่กลางคืนหรือใช้เวลาไม่มาก แล้วเอามาวางบนโต๊ะแบกเป็นถาดๆไป อย่างละนิดละหน่อย เห็นขายดีทุกร้านครับ ซึ่งมักเป็นอาหารพื้นๆ แต่เนื่องจากหลากหลาย เปลี่ยนวันละนิดละหน่อยมันไม่เบื่อ กินได้เรื่อยๆ

ถ้าจะขายอาหารแบบเดียวหมายความว่าอาหารที่คุณทำจะต้องอร่อยเทพ คนเลยกินได้ทุกวัน เช่นเป็นโจ๊ก ต้มเลือดหมู น้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ หรืออะไรก็ตาม ที่คนกินแล้วไม่เบื่อ แต่ถ้าฝีมือธรรมดา ไม่มีเวลาเตรียมหรือคนช่วยมาก ลองทำแบบที่ผมบอกครับ เพราะว่าเตรียมง่าย ไม่ต้องมีฝีมือมาก ต้นทุนถูก

ที่ผมคิดแบบนี้พอดีพี่สาวทำอยู่ด้วยครับ พี่สาวสุขภาพไม่ดีเลยกลับไปอยู่ ตจว กับพ่อแม่ เป็นแค่ตำบลเล็กๆ เยื้องๆหน้าบ้านมีร้านก๋วยเตี๋ยวขายอยู่ตอนกลางคืน พอดีที่บ้านมีสวนแล้วก็มีผลไม้ทยอยออกมาเรื่อยๆครั้งละนิดละหน่อย พอพ่อกลับมาบ้านก็เอาผลไม้จากสวนออกมาด้วย (ผมเลยบอกให้คูรดูว่าผลไม้อะไรถูกเวลาไปตลาด) บางวันมีฝรั่ง 5-6 ลูก ชมพู่ถุงนึง มะม่วงอีก 5-6 ลูก พี่สาวผมก็ปอกแล้วก็เอาใส่ถุง ถุงละ 10-15 บาท วันนึงก็แค่ประมาณ 10-20 ถุง แล้วแต่ว่าวันนั้นพ่อมีอะไรติดมาจากไร่ แล้วก็ทำวุ้นน้ำหวานอีกประมาณ 10 ถุง หรือบางวันถ้าไปเจอข้าโพดถูกก็ซื้อมา 5-6 โล เอามาต้มแบ่งใส่ถุงขายถุงละ 20 บาท วันไหนขยันหน่อยก็ทำขนมง่ายๆพวกปุยฝ้าย กล้วยต้มคลุกมะพร้าว ข้าวโพดคลุก เสร็จแล้วก็เอาใส่ถุง ที่สำคัญคือใส่ถุงให้ดูสะอาด (ใส่ถุงพลาสติกธรรมดานี่หละ แต่อย่าใส่ให้มันเลอะ) แล้วเรียงใส่ถาด ไม่ได้ขายเองด้วย เอาไปฝากร้านก๋วยเตี๋ยวขาย ไม่กี่ชั่วโมงขายหมดเกลี้ยง ได้วันนึงหลายร้อยเหมือนกัน ตอนนี้พี่สาวเลยไม่ต้องทำงานประจำ แค่ทำของพวกนี้ขายก็อยู่ได้สบายๆ

ที่สำคัญนะครับ เวลาไปตลาด พวกตลาดนัดตลาดสด ลองดูว่าแม่ค้าเค้าขายอะไร มีอะไรที่ต้นทุนไม่สูงแต่กินได้เรื่อยๆขายได้บ้าง เจออะไรถูกลองคิดดูว่าเราจะเอามาประยุกต์ขายได้อย่างไร อย่างพี่สาวผม บางวันพ่อไม่ได้เข้าสวน ไม่มีผลไม้ พี่สาวก็ขี้เกียจทำขนม เลยไปซื้อพวกขนมขาไก่ ขนมปังปิ๊บ คุกกี้ปิ๊บ แล้วเอามาแยกใส่ถุงขายแก้ขัดไปก่อน มันก็ขายได้อะครับ (ซึ่งตอนแรกผมบอกพี่ว่าไม่น่ามีคนกินพวกขนมพื้นๆ แต่พี่บอกว่าถ้าเอามาขายสลับ คนไม่ได้เห็นทุกวันก้อยากกินอะ) ผมว่าคงเหมือนกับแม่ค้าขายกับข้าวใส่ถุงที่คุณบอกว่าขายได้ทุกวัน มันเป็นเพราะว่าเค้ามีกับข้าวหลากหลาย เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ลูกค้าเลยไม่เบื่ออะครับ

ที่สำคัญอีกอย่างคือ เวลาขายของไม่ต้องอายใคร ร้านป้าข้างๆไม่พอใจก็อย่าไปสน เพราะเราขายหน้าบ้านเรา ทุกคนมีสิทธิที่จะรวย แต่ก็อย่าไปมีปากเสียงกับแก พยายามผูกมิตรไว้ดีกว่า วันไหนทำขนมอะไรที่มีมากก็อาจแบ่งให้แกลองชิมถุงสองถุงเป็นการผูกน้ำใจ หรือไม่ก็แกล้งไปซื้อของแกแล้วชมอร่อย อาจชมอาหารแกต่อหน้าลูกค้าคนอื่นๆดังๆให้แกได้ยินก็ได้ แกจะได้หน้าบาน หายหงุดหิด แล้วอาจมาญาติดีกับเรา เวลามีปัญหาอะไรจะได้ช่วยกันได้ยามค้าขายหรือเจ็บป่วย เวลาลูกค้ามาก็พูดคุยอย่าไปอายหรือเงียบๆ เพราะจะทำให้ลูกค้ากลัว (มีร้านนึงอาหารอร่อยมากแต่แม่ค้านิ่งมากๆ ผมกับเพื่อนๆเลยไม่ชอบเข้า) จะซื้อแค่ชิ้นเดียวก็ต้องพูดด้วยดีๆ เพราะวันอื่นอาจมาซื้ออีกก็ได้ เวลาเค้าเลือกขนมก็พูดเชิญชวนไป มีนู่นมีนี่นะ หรือถามไปว่าที่ขายอยู่อร่อยมั้ย แพงไปมั้ย น้องเรียนที่ไหน เรียนอยู่ชั้นไหน บ้านอยู่ไหน พี่ทำงานที่ไหน อุ๊ย...ลูกสาวพี่หน้าตาน่ารักจัง มีอะไรก็ชวนคุยไปครับ ลูกค้าจะได้อยากมาอุดหนุน (แต่ก็อย่าไปถามแบบล้วงลึกนะ เดี๋ยวลูกค้ากลัวเตลิดเหมือนกัน) ถ้าลูกค้าติด สะสมทุนได้ ที่บ้านมีที่ทางสะดวก อนาคตลองขยับขยายเปิดร้านขายของชำไปเลย ร้านอาจไม่เท่แบบ 7-11 แต่รายได้ดีนะครับ บางทีเห็นร้านเล็กๆ แต่รายได้ไม่แพ้เซเว่นเลย

จากคุณ : ที่บ้านก็ขายเหมือนกัน

เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 53 12:16:53 A:109.246.5.90 X: TicketID:141052