ความคิดเห็นที่ 1 Krups รุ่น XP4020 @~ 9,000.- - กำลังไฟ 1200 วัตต์ แรงดัน 15 บาร์ - สามารถทำกาแฟ Espresso , Cappuccino , Americano - ระบบ Thermoblock System - Procrema System ได้รสของกาแฟ นุ่มนวล และหอมกรุ่น - แท้งก์น้ำจุน้ำได้ 1.25 L. พร้อมที่เก็บฟิลเตอร์กรองกาแฟในตัวเครื่อง - สามารถทำกาแฟเอสเพรสโซ่ติดต่อกันได้มากถึง 10 ถ้วย - ฟิลเตอร์กรองกาแฟ สามารถใช้ได้ทั้งกาแฟบด และกาแฟ POD สำเร็จรูป - สามารถอุ่นแก้วกาแฟพร้อมถาดรองรับน้ำหยด จากคุณ : coif เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 22:35:36

ความคิดเห็นที่ 2 ลองซื้อพวก Moka  หรือ เฟรนเพลส    มาลองชงก่อนมั้ยครับ  ว่าเราชอบกาแฟจริงๆมั้ย  แล้ว  เราเบื่อมั้ยถ้าต้องชงกาแฟด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากสักหน่อย  ...... บางคนซื้อครื่องชงมา  ชงกินได้ไม่กี่ถ้วยก็เก็บเข้ากรุ หรือ  ขายทอดตลาดแล้วครับ  ........... เพราะขี้เกียจชงกาแฟด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยาก  และอะไรๆอีกจิปาถะ การดูแลรักษาหลังชง   ทำความสะอาด  นูนนี่   ไหนจะเครื่องบดอีก  ซื้อเครื่องไม่ดี  บดได้หยาบ  รสชาติแย่   รมณ์เสียอีก  ^ ^   เครื่องชงกาแฟ  มันชงกาแฟได้หมดครับ  ในระดับราคาแบบนี้ เครื่องเล็กๆยี้ห้อไหนชงออกมาไม่ต่างกันครับ   ไม่ว่าจะ Krups  Bruno  Elex ฯ  ....... สเปกเหมือนๆๆกัน  แต่ต่างที่ราคา   จริงๆอย่าไปเชื่อสเปกมากนัก  อย่างเช่น   ชงติดต่อได้มากกี่ถ้วยๆๆ  ลองเอามาชงจริงๆสิครับ  น้ำกาแฟ็เหมือนๆน้ำล้างจาน   แรงดันนี่ยิ่งโดนหลอกกันมาเยอ่ะ   15 บาร์  17 บาร์  16 บาร์   เหมือนๆกันครับ   เพราะเวลาชงจริงๆมันไม่ถึงหรอก     และพวกเรื่องฟองครีม่าอะไรพวกนี้   ของเทียมทั้งนั้นครับ  ตัวสร้างฟองมีทุกยี้ห้อในระดับนี้  ^ ^   ถ้าเอาแบบชงกาแฟทานชิวๆ    ตัวที่   จขกท  เลือกมา   เอาตัวไหนก็ได้ครับเหมือนๆกัน   ชอบตัวไหนจัดไปเลย   กาแฟร้อนก็รับได้ครับรสชาติไม่แย่อะไร  แต่บดอย่าให้ละเอียดมากเครื่องจะพัง   บดใส่แล้วอย่าแทมป์กดแรงๆ   เอาแค่พอหน้าเรียบนิดหน่ยอย่าไปออกน้ำหนัก   แต่ถ้าชงเย็นความเข้มข้นไม่ค่อยพอ    ต้องหาโรบัสต้ามาใช้ผสมครับ   ขอให้อร่อย  .....  ^ ^ จากคุณ : Dek Chan เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 23:38:20

ความคิดเห็นที่ 3      เข้ามาเอาใจช่วย คุณ imct (จขกท.)         เห็นด้วย   กับคห.2 (คุณDek Chan) ฮับ     Moka pot หรือ French press ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยอ่อนๆ     ใช้ไปแล้ว ถ้ายังอยากได้ เครื่องชง espresso   ค่อยหาซื้อทีหลัง     ตัวเก่าเอาไว้สำรองเวลาเครื่องชงมีปัญหา หรือ ตอนอยาก เปลี่ยนอารมณ์การดื่ม     ก่อนซื้อเครื่องชง ผมใช้วิธี พกเมล็ดกาแฟตัวที่ผมชอบ ไปลอง บด/ชง  หลังจากลองมาแล้ว  โดยส่วนตัว แทบจะไม่พบความแตกต่าง (ในเครื่องระดับใกล้เคียงกัน)     ส่วนที่เหลือประกอบการตัดสินใจ ก็มีในเรื่องของ ราคา กับ บริการหลังการขาย (แต่อันดับแรกเฉพาะผม เลือกจากรูปร่าง หน้าตา และวัสดุที่ใช้-วิธีนี้ไม่แนะนำฮับ - เป็นความชอบส่วนบุคคล)      เสียดายว่าไม่ได้พกเครื่องบดของตัวเองไปด้วย  เวลาลองเครื่องชงแต่ละตัว ใช้เครื่องบดของที่ร้าน       ตัวเลือกที่ 2 ของคุณ imct ผมใช้มา อีกสิบกว่าวันจะครบปี ยังชงได้ปกติ  ชงดื่มเองภายในบ้าน วันละ 6-8 ถ้วย ยังใช้งานได้ตามสภาพ  ซื้อตอนนั้น ราคายังไม่ถึง 6,000 บาท เลยนะ      หลังชงกาแฟทุกครั้งผมล้างFilter แล้ว เปิดชงBasket เปล่า เพื่อล้างหัวชงและFilter ป้องกัน หัวชงกับ Filter ตัน วิธีนี้อาจทำให้เครื่องชงมีอายุการใช้งานสั้นลง แต่ส่วนตัว ผมว่า ดีกว่า เครื่องชงใช้ไม่ได้ เวลา อยากดื่ม      ปัจจุบันยังไม่เคยใช้ผงทำความสะอาดเพื่อล้างหัวชงกับFilter เลย ระยะเวลาในการใช้งานเครื่องนี้ ยังไม่มากพอ เลยสรุปไม่ได้ว่าทนทานแค่ไหน      ถ้าต้องการเป่าฟองนม ผมถอดยางหุ้มหัวเป่าออก วิธีนี้ เป่าฟองนมได้ง่ายกว่าเยอะ ล้างทำความสะอาดหัวเป่าฟองนมก็ง่าย ส่วนหัวยางหุ้ม ตอนนี้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยใช้เลยตั้งแต่ซื้อมาแล้วพบว่า  ถอดเจ้าตัวนี้ออก แล้วใช้งานได้ง่ายกว่า     การตั้งเครื่องชง ที่มีถังพักน้ำ เป็น พลาสติก ใส ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน  หลีกเลี่ยง ในส่วนของถังพักน้ำ อย่าให้ โดนแสงแดด โดยตรง ป้องกัน ปัญหา ภายในถังพักน้ำ เป็นเมือกตะไคร่        ถ้ามีงบประมาณเหลือพอ: แนะนำว่าให้ ซื้อเครื่องบด ไว้ใช้ซักตัว  บดครั้งละให้พอชง 1 ถ้วย ( ไม่ควรบดไว้คราวละมากๆ )  คราวนี้คุณ Imct จะได้ พบ ประสบการณ์ใหม่ แตกต่าง กันอย่างสัมผัส ได้ ทั้ง รส และ กลิ่น  ผมเองเคย สงสัยอยู่นานในเรื่องนี้ เวลาอ่านมาเจอคำแนะนำ ให้หาเครื่องมาบด และชง 1 ครั้งต่อ ถ้วย   ปัจจุบัน ซาบซึ้ง และ ขอบคุณทุกท่าน ที่แนะนำ    ลองด้วยตัวเองเท่านั้น  ถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง        วิธีนี้ ใช้ได้ดีกับการชง(น่าจะ) ทุกประเภท  French press ให้เพื่อนๆ ไปหมดแล้ว ไม่ทันได้เอามาลอง  Moka pot กับ Drip และ Espresso นี้ เห็นความต่างได้ชัดเจน                  ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟฮับ                ปล. เล่าจากประสบการณ์ของผู้ใช้ แบบ Home-Used นะครับ             ชงเอง  /  ดื่มเอง  สนุกกว่า และ ได้ ดื่มด่ำ กับฝีมือตัวเอง            ออกนอกบ้าน ก็ ยังสนุกกับการ ตามล่า หาร้าน และ เมล็ดกาแฟตัวใหม่ๆ  ที่เรายังไม่เคยชิม        จากคุณ : หมูแฮมแดดเดียวเที่ยวชิมกาแฟ (panas155) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 09:57:55

ความคิดเห็นที่ 4      เข้ามาเอาใจช่วย คุณ imct (จขกท.)         เห็นด้วย   กับคห.2 (คุณDek Chan) ฮับ     Moka pot หรือ French press ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยอ่อนๆ     ใช้ไปแล้ว ถ้ายังอยากได้ เครื่องชง espresso   ค่อยหาซื้อทีหลัง     ตัวเก่าเอาไว้สำรองเวลาเครื่องชงมีปัญหา หรือ ตอนอยาก เปลี่ยนอารมณ์การดื่ม     ก่อนซื้อเครื่องชง ผมใช้วิธี พกเมล็ดกาแฟตัวที่ผมชอบ ไปลอง บด/ชง  หลังจากลองมาแล้ว  โดยส่วนตัว แทบจะไม่พบความแตกต่าง (ในเครื่องระดับใกล้เคียงกัน)     ส่วนที่เหลือประกอบการตัดสินใจ ก็มีในเรื่องของ ราคา กับ บริการหลังการขาย (แต่อันดับแรกเฉพาะผม เลือกจากรูปร่าง หน้าตา และวัสดุที่ใช้-วิธีนี้ไม่แนะนำฮับ - เป็นความชอบส่วนบุคคล)      เสียดายว่าไม่ได้พกเครื่องบดของตัวเองไปด้วย  เวลาลองเครื่องชงแต่ละตัว ใช้เครื่องบดของที่ร้าน       ตัวเลือกที่ 2 ของคุณ imct ผมใช้มา อีกสิบกว่าวันจะครบปี ยังชงได้ปกติ  ชงดื่มเองภายในบ้าน วันละ 6-8 ถ้วย ยังใช้งานได้ตามสภาพ  ซื้อตอนนั้น ราคายังไม่ถึง 6,000 บาท เลยนะ      หลังชงกาแฟทุกครั้งผมล้างFilter แล้ว เปิดชงBasket เปล่า เพื่อล้างหัวชงและFilter ป้องกัน หัวชงกับ Filter ตัน วิธีนี้อาจทำให้เครื่องชงมีอายุการใช้งานสั้นลง แต่ส่วนตัว ผมว่า ดีกว่า เครื่องชงใช้ไม่ได้ เวลา อยากดื่ม      ปัจจุบันยังไม่เคยใช้ผงทำความสะอาดเพื่อล้างหัวชงกับFilter เลย ระยะเวลาในการใช้งานเครื่องนี้ ยังไม่มากพอ เลยสรุปไม่ได้ว่าทนทานแค่ไหน      ถ้าต้องการเป่าฟองนม ผมถอดยางหุ้มหัวเป่าออก วิธีนี้ เป่าฟองนมได้ง่ายกว่าเยอะ ล้างทำความสะอาดหัวเป่าฟองนมก็ง่าย ส่วนหัวยางหุ้ม ตอนนี้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยใช้เลยตั้งแต่ซื้อมาแล้วพบว่า  ถอดเจ้าตัวนี้ออก แล้วใช้งานได้ง่ายกว่า     การตั้งเครื่องชง ที่มีถังพักน้ำ เป็น พลาสติก ใส ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน  หลีกเลี่ยง ในส่วนของถังพักน้ำ อย่าให้ โดนแสงแดด โดยตรง ป้องกัน ปัญหา ภายในถังพักน้ำ เป็นเมือกตะไคร่        ถ้ามีงบประมาณเหลือพอ: แนะนำว่าให้ ซื้อเครื่องบด ไว้ใช้ซักตัว  บดครั้งละให้พอชง 1 ถ้วย ( ไม่ควรบดไว้คราวละมากๆ )  คราวนี้คุณ Imct จะได้ พบ ประสบการณ์ใหม่ แตกต่าง กันอย่างสัมผัส ได้ ทั้ง รส และ กลิ่น  ผมเองเคย สงสัยอยู่นานในเรื่องนี้ เวลาอ่านมาเจอคำแนะนำ ให้หาเครื่องมาบด และชง 1 ครั้งต่อ ถ้วย   ปัจจุบัน ซาบซึ้ง และ ขอบคุณทุกท่าน ที่แนะนำ    ลองด้วยตัวเองเท่านั้น  ถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง        วิธีนี้ ใช้ได้ดีกับการชง(น่าจะ) ทุกประเภท  French press ให้เพื่อนๆ ไปหมดแล้ว ไม่ทันได้เอามาลอง  Moka pot กับ Drip และ Espresso นี้ เห็นความต่างได้ชัดเจน                  ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟฮับ                ปล. เล่าจากประสบการณ์ของผู้ใช้ แบบ Home-Used นะครับ             ชงเอง  /  ดื่มเอง  สนุกกว่า และ ได้ ดื่มด่ำ กับฝีมือตัวเอง            ออกนอกบ้าน ก็ ยังสนุกกับการ ตามล่า หาร้าน และ เมล็ดกาแฟตัวใหม่ๆ  ที่เรายังไม่เคยชิม        จากคุณ : หมูแฮมแดดเดียวเที่ยวชิมกาแฟ (panas155) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 09:59:15

ความคิดเห็นที่ 5      เข้ามาเอาใจช่วย คุณ imct (จขกท.)         เห็นด้วย   กับคห.2 (คุณDek Chan) ฮับ     Moka pot หรือ French press ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยอ่อนๆ     ใช้ไปแล้ว ถ้ายังอยากได้ เครื่องชง espresso   ค่อยหาซื้อทีหลัง     ตัวเก่าเอาไว้สำรองเวลาเครื่องชงมีปัญหา หรือ ตอนอยาก เปลี่ยนอารมณ์การดื่ม     ก่อนซื้อเครื่องชง ผมใช้วิธี พกเมล็ดกาแฟตัวที่ผมชอบ ไปลอง บด/ชง  หลังจากลองมาแล้ว  โดยส่วนตัว แทบจะไม่พบความแตกต่าง (ในเครื่องระดับใกล้เคียงกัน)     ส่วนที่เหลือประกอบการตัดสินใจ ก็มีในเรื่องของ ราคา กับ บริการหลังการขาย (แต่อันดับแรกเฉพาะผม เลือกจากรูปร่าง หน้าตา และวัสดุที่ใช้-วิธีนี้ไม่แนะนำฮับ - เป็นความชอบส่วนบุคคล)      เสียดายว่าไม่ได้พกเครื่องบดของตัวเองไปด้วย  เวลาลองเครื่องชงแต่ละตัว ใช้เครื่องบดของที่ร้าน       ตัวเลือกที่ 2 ของคุณ imct ผมใช้มา อีกสิบกว่าวันจะครบปี ยังชงได้ปกติ  ชงดื่มเองภายในบ้าน วันละ 6-8 ถ้วย ยังใช้งานได้ตามสภาพ  ซื้อตอนนั้น ราคายังไม่ถึง 6,000 บาท เลยนะ      หลังชงกาแฟทุกครั้งผมล้างFilter แล้ว เปิดชงBasket เปล่า เพื่อล้างหัวชงและFilter ป้องกัน หัวชงกับ Filter ตัน วิธีนี้อาจทำให้เครื่องชงมีอายุการใช้งานสั้นลง แต่ส่วนตัว ผมว่า ดีกว่า เครื่องชงใช้ไม่ได้ เวลา อยากดื่ม      ปัจจุบันยังไม่เคยใช้ผงทำความสะอาดเพื่อล้างหัวชงกับFilter เลย ระยะเวลาในการใช้งานเครื่องนี้ ยังไม่มากพอ เลยสรุปไม่ได้ว่าทนทานแค่ไหน      ถ้าต้องการเป่าฟองนม ผมถอดยางหุ้มหัวเป่าออก วิธีนี้ เป่าฟองนมได้ง่ายกว่าเยอะ ล้างทำความสะอาดหัวเป่าฟองนมก็ง่าย ส่วนหัวยางหุ้ม ตอนนี้เอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยใช้เลยตั้งแต่ซื้อมาแล้วพบว่า  ถอดเจ้าตัวนี้ออก แล้วใช้งานได้ง่ายกว่า     การตั้งเครื่องชง ที่มีถังพักน้ำ เป็น พลาสติก ใส ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน  หลีกเลี่ยง ในส่วนของถังพักน้ำ อย่าให้ โดนแสงแดด โดยตรง ป้องกัน ปัญหา ภายในถังพักน้ำ เป็นเมือกตะไคร่        ถ้ามีงบประมาณเหลือพอ: แนะนำว่าให้ ซื้อเครื่องบด ไว้ใช้ซักตัว  บดครั้งละให้พอชง 1 ถ้วย ( ไม่ควรบดไว้คราวละมากๆ )  คราวนี้คุณ Imct จะได้ พบ ประสบการณ์ใหม่ แตกต่าง กันอย่างสัมผัส ได้ ทั้ง รส และ กลิ่น  ผมเองเคย สงสัยอยู่นานในเรื่องนี้ เวลาอ่านมาเจอคำแนะนำ ให้หาเครื่องมาบด และชง 1 ครั้งต่อ ถ้วย   ปัจจุบัน ซาบซึ้ง และ ขอบคุณทุกท่าน ที่แนะนำ    ลองด้วยตัวเองเท่านั้น  ถึงจะรู้ว่าเป็นยังไง        วิธีนี้ ใช้ได้ดีกับการชง(น่าจะ) ทุกประเภท  French press ให้เพื่อนๆ ไปหมดแล้ว ไม่ทันได้เอามาลอง  Moka pot กับ Drip และ Espresso นี้ เห็นความต่างได้ชัดเจน                  ขอให้มีความสุขกับการดื่มกาแฟฮับ                ปล. เล่าจากประสบการณ์ของผู้ใช้ แบบ Home-Used นะครับ             ชงเอง  /  ดื่มเอง  สนุกกว่า และ ได้ ดื่มด่ำ กับฝีมือตัวเอง            ออกนอกบ้าน ก็ ยังสนุกกับการ ตามล่า หาร้าน และ เมล็ดกาแฟตัวใหม่ๆ  ที่เรายังไม่เคยชิม        จากคุณ : หมูแฮมแดดเดียวเที่ยวชิมกาแฟ (panas155) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 09:59:39

ความคิดเห็นที่ 6   ขอภัย จขกท. และทุกท่านครับ     คห.4- คห.5 ข้อความซ้ำ    รบกวนท่านผู้รู้แนะนำวิธีการแก้ไขด้วยครับ จากคุณ : หมูแฮมแดดเดียวเที่ยวชิมกาแฟ (panas155) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:00:47

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าชอบทานกาแฟจริงๆและซื้อทานเป็นประจำอยู่แล้วแนะนำให้ซื้อเครื่องแบบ fully automatic ไปเลยครับ ราคาปกติก็สองหมื่นบาทปลายๆแต่ถ้าช่วงลดราคาก็เหลือหมื่นปลายๆหรือสองต้นๆ กาแฟจากเครื่อง fully automatic จะอร่อยมากเพราะเป็น "perfect shot" ทุกครั้งครับ (คนชงที่ร้านกาแฟพวก starbucks ยังทำไม่ได้ทุกครั้ง) และการใช้งานก็แค่กดปุ่มแล้วเครื่องก็ทำให้ทุกอย่างตั้งแต่บด อัด ต้มน้ำ จนไหลมาใส่ถ้วย เราแค่คอยเติมเมล็ดกาแฟเท่านั้น การทำความสะอาดก็ง่ายแค่ทิ้งกากกาแฟกับล้างถาดน้ำนิดหน่อย เครื่องแบบนี้เป็นที่นิยมมากในยุโรปและอเมริกา ^ ^ แล้วคุณจะทานกาแฟจากร้านทั่วไปไม่ได้เพราะมันอร่อยสู้จากเครื่องที่บ้านไม่ได้ ^ ^ จากคุณ : bee+++ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:09:41

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้ผมใช้ Expobar Markus Mini Control 2G +LCD display ชงได้หอมดีครับ  รอร้านตกแต่งเสร็จ จะยกไปวางเลยครับ จากคุณ : bionext เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:10:55

ความคิดเห็นที่ 9 คำว่า  " เพอร์เฟกช๊อต "  มันไมได้ง่ายขนาดเครื่องชงอัตโนมัติจะทำได้หรอกนะครับ    ศึกษาดูดีๆอย่างจริงจังครับ   ^ ^ จากคุณ : Dek Chan เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:33:32

ความคิดเห็นที่ 10 ผมซื้อ Bruno ตัวสี่พันกว่ามาใช้ก็โอเคครับอาจจะไม่หอมขนาดเครื่องเป็นแสน แต่ก็รับได้ตามราคาครับ ส่วนพี่เขยใช้ Krups อยู่ก็ไม่ต่างกันมากครับ แต่ราคาต่างกันเป็นเท่าตัว จากคุณ : poonsak_w เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:48:31

ความคิดเห็นที่ 11 ไปเอามาจากไหนครับ เครื่องฟูลลี่ออโต้เมติกทำเพอเฟคชอตได้ทุกครั้ง แล้วทำไมต้องไปพาดพึงสตาบัคเค้าด้วยอ่ะครับ ว่าบาลิสต้าเค้ายังทำไม่ได้ทุกครั้ง อันนี้ผมไม่ได้เป็นอะไรกะสตาร์บักนะครับ แต่เห็นบ่อยๆ อย่างลาเต้อาร์ต ก็มีคนมาบอกว่าสตาร์บักทำไม่ได้ ตอนนี้สตาร์บักก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องฟูลลี่ออโตเมติกแล้วในรูปแบบที่เปนคอมเมอร์เชียล ผมก็ยังไม่เชื่อว่ามันจะทำได้ดีกว่า la marzocco ของเดิมได้ แต่มันก็เป็นการลดค่าเทรนนิ่งและค่าความสูญเสียกาแฟที่บดทิ้งบดขว้างและการทำช๊อตที่ไม่ได้เวลาที่กำหนดแล้วต้องทิ้งไปได้มากทีเดียวเครื่องตัวใหม่ที่เค้าเอามาแทนเครื่องเดิมก็ราคาเกินครึ่งล้านไปเยอะ ตอนนี้เป็นยุคสองของฟูลลี่ออโต้ของสตาร์บักเค้าแล้วครับ  สตาร์บักเค้ายังดีนะครับ ถึงเป็นเครื่องแมนนวลแบบเดิม เวลาการไหลไม่ได้เค้ายังทำให้ใหม่ทุกครั้ง ส่วยเรื่องเครื่องฟูลลี่ออโตเมติกตามบ้าน มันทำได้แต่กาแฟแบบ under extraction ให้เราได้ดื่มกินกันครับ กรุณาทำความเข้าใจ และสร้างทัศนคติใหม่ด้วยครับจะให้มาเทียบกับเครื่องตามร้านที่เค้าตั้งใจกันคงยาก หรือจะเอาไปเทียบกับสตาร์บักเค้าก็เหมือนเอามิร่าไปเทียบกับ รถยุโรปแหละครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : ด.ช. เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 11:50:55

ความคิดเห็นที่ 12 whatever ครับพี่ ^ ^ จากคุณ : bee+++ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 12:00:46

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าอยู่ที่การชงนะครับ ถ้าไม่พูดถึงเครื่องคอมเมอร์เชี่ยล ราคาระดับ 6000-20000 บาท ที่ไม่ใช่ออโต้เมติก ก็สามารถชงกาแฟกินที่บ้านได้เองอย่างค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้อยู่ที่การเลือกเมล็ดกาแฟ การบด การชง และสูตรของแต่ละคน coffee lover จะต้องรักในรสกาแฟ กินกาแฟหลายๆร้านจนคุ้นเคยก่อน  ถึงจะมาเลือกเครื่องชง และศึกษาวิธีการชง กาแฟสดชงเอง กาแฟบดพร้อมชง หรือกาแฟชนิดละลายทันที มันก็มีข้อดีข้อด้อยของมันต่างกันออกไป อยู่ที่ว่า จขกท รักกาแฟขนาดไหนครับ ถ้าชอบการดื่ม แต่ไม่ชอบยุ่งยากในการชง การหาเมล็ดกาแฟมาบด  ก็ซื้อออโต้เมติกเถอะครับ ถ้าชอบซื้อของ เดินดู เดินชิมไปทั่ว เป็นคนชอบทดลองอะไรใหม่ๆ แล้วรักกาแฟจริงๆละก็ ซื้อเครื่องชงแบบแมนนวล จะได้ความรู้สึกที่ดีกว่า ในการชงกาแฟออกมาสัก 1 แก้วครับ แต่ถ้า แค่อยากจะลองดู ไม่กะจะใช้จริงจัง ผมว่าอย่าซื้อเลยครับ มันไม่คุ้ม ตอนแรกที่ผมซื้อมาลองชงเอง ก็เพราะมีโครงการจะเปิดร้านกาแฟ เลยต้องเอาเครื่องแมนนวลราคาถูกๆมาลองหัดชงซะก่อน ตอนนี้ก็ชงกินทุกวัน ถือว่าคุ้มแล้วครับ ก็ขอให้ จขกท ตัดสินใจให้ดีละกันนะครับ หรือหลังไมค์มาถามผมก็ได้ว่าจะใช้เครื่องอะไรแบบไหน จากคุณ : bionext เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 53 12:21:33

ความคิดเห็นที่ 14 ลองเครื่อง CR-1000  ของ Fagor ก็ใช้ได้นะ ถึงจะมีแรงดันแค่ 5 Bar แต่รสชาดที่ได้ผมว่าคุ้มกับราคาไม่ถึง 3000 หาเมล็ดกาแฟดีๆสักหน่อยผมว่าก็ไม่น้อยหน้าเครื่องระดับแพงๆหรอก จากคุณ : CHONTHEWAY เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 08:32:23