ความคิดเห็นที่ 1 เราเคยบอกว่ามันเป็นยาแผนโบราณ เพราะเราเอามาทาตอนยุงกัด จากคุณ : mollxa เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 03:10:58

ความคิดเห็นที่ 2 ปูนแดง = red lime ทำจากปูนขาว ขมิ้นผงกับเกลือ ใบมะขามและน้ำ ปูนขาว (Hydrated lime) องค์ประกอบทางเคมีส่วนใหญ่ของปูนขาว เป็นแคลเซียมไฮดรอกไซด์ : Ca(OH)2 ได้จากการเผาหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต) โดยใช้ความร้อนสูง จะได้เป็นปูนสุก (แคลเซียมออกไซด์, CaO, lime) เมื่อเย็นตัวลงแล้วพรมน้ำให้ชุ่ม ปูนสุกจะทําปฏิกิริยากับน้ำได้เป็น แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ส่วนที่เป็นผงแห้งได้เป็น ปูนขาว และส่วนที่เป็นสารแขวนลอยคือ น้ำปูนไลม์ค่ะ สรุปว่าปูนแดง ประกอบด้วย แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ขมิ้น เกลือ จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 07:37:30

ความคิดเห็นที่ 3 มันคือปูนขาว(lime)ซึ่งทำมาจากหินปูนหรือเปลือกหอยเผาจนได้ปูนสุก แล้วเอาปูนสุกบดผสมกับน้ำและขมิ้น(Turmeric)ก็จะได้ปูนแดง มีผลช่วยในการรักษาพิษแมลงกัดต่อย จากคุณ : cura เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 07:45:33

ความคิดเห็นที่ 4 ชื่อวิทยาศาสตร์   Ca(OH)2 แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ปูนกินกับหมากได้จากการเผาเปลือกหอยจนร้อนจัด สามารถบดเป็นฝุ่นละเอียดสีขาว แล้วเอาไปผสมกับขมิ้น จะให้สีส้มหรือเรียกเป็นสีเฉพาะว่าสีปูน วิธีการทำปูนแดงแบบใช้ในบ้าน ส่วนผสมในการทำปูนแดง 1. เปลือกหอยแครง 2. เตาไฟ (ใช้เตาถ่านนะ) 3. โอ่งมังกรใบเล็กหรือกระป๋องนมก็ได้ (หาฝามาปิดด้วยนะ) วิธีการทำ 1. เปลือหอยแครงที่กินเสร็จแล้ว แช่น้ำทิ้งไว้ 3-4 อาทิตย์ จากนั้นนำมาขัดเอาเนื้อหอยที่ติดอยู่ข้างในออก และขัดเปลือกด้านนอกให้สะอาด 2. ตั้งเตาไฟให้ร้อนใส่ถ่านเยอะๆ นำเปลือกหอยที่ล้างสะอาดแล้วโยนเข้าเตาไฟ เผาให้เปลือกกลายเป็นสีขาวขุ่นๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาพอสมควร 3. นำโอ่งมังกรเล็กๆ ที่เตรียมไว้ ใส่น้ำประมาณ 1/2 ลิตร (กะประมาณว่าน้ำต้องน้อยกว่าครึ่งนึงของเปลือกหอยที่เผา ถ้าปูนข้นเกินเติมน้ำได้ แต่ถ้าน้ำเยอะเละไปไม่ดีค่ะ) 4. นำเปลือกหอยที่เผาได้ที่ทิ้งลงไปในภาชนะที่ใส่น้ำไว้แล้ว จากนั้นนำไม้มาคนๆ เปลือกหอยที่กรอบได้ที่เมื่อโดนน้ำก็จะแตกละเอียดกลายเป็นปูนในที่สุดคนจนให้มีลักษณะเหนียวๆเหมือนแป้งเปียก 5. ถ้าอยากให้ปูนแดงก็ไม่ยาก ใส่น้ำขมิ้นลงไป คนๆ ให้เข้ากัน ได้แล้วปูนแดงไว้กินหมาก หรือ ใครจะเอาไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นก็ได้ เช่นทำบวชฟักทอง ก็เอาฟักทองหั่นแช่น้ำปูนใสไว้ก่อน จะทำให้ฟักทองไม่เละเวลาทำขนม แต่อันที่จริงปูนแดง หรือไม่แดงก็มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อเหมือนกันนะ แต่น้ำขมิ้นที่ใส่ให้แดงน่ะ เพราะบางคนเค้าชอบให้ปูนแดงๆ เวลากินหมากสีจะได้แดงๆ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:13:32 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:03:38 จากคุณ : Ironwood เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 08:00:53

ความคิดเห็นที่ 5 น้ำปูนใสทำมาจากปูนแดงหรือปูนขาว ที่กินกับหมาก มาละลายในน้ำแล้วตั้งทิ้งให้ตกตะกอน กรองเอาแต่น้ำใสมาใช้ ปูนขาวก็คือ CaO จะละลายน้ำใจปริมาณน้อยมาก กลายเป็น สารละลาย Ca(OH)2 เป็นที่รู้กันในแวดวงวิทยาศาสตร์ ว่า น้ำปูนใสเอาไว้ทดสอบก๊าซ CO2 หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไฟซด์ได้ โดยผ่านก๋าซต้องสงสัยลงไปในน้ำปูนใส ถ้าน้ำปูนใสขุ่น ก๊าซนั้นก็คือ ก๊าซ CO2 . ดังนั้นถ้าตั้งน้ำปูนใสไว้ให้สัมผัสอากาศ น้ำปูนใสจะขุ่น เพราะในอากาศมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ด้วย ทีนี้เมื่อเราเอาน้ำปูนใสมาแช่ผัก ผลไม้ น้ำปูนใสจะทำปฏิกิริยากับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ตกค้างในท่อลำเลียงของผัก ผลไม้ กลายเป็นหินปูนจิ๋วๆ ทำให้เวลากิน เรารู้สึกว่ากรอบ ส่วนการเก็บ เมื่อกวนปูนกับน้ำจนละลาย แตะสัมผัมจะลื่นมีฤทธิ์เป็นด่าง ปิดปากภาชนะไว้ ปล่อยให้กากตกตะกอน แล้วค่อยๆรินน้ำใสๆ ใส่ขวดหรือภาชนะ ปิดฝาและติดป้ายไว้ ว่าน้ำปูนใส สามารถเก็บไว้ได้นาน หลายเดือน  . เพิ่มเติมอีกหน่อย ปูนขาว หรือ ภาษาเยอรมัน เรียกว่า Kalkwasser หรือภาษาอังกฤษ เรียก Lime มีชื่อทางเคมีว่าแคลเซี่ยมไฮดรอกไซด์ Calcium hydroxide - Ca (OH)2 เป็นผลผลิตจากการนำเอาหินปูนมาเผาได้ Calcium oxide (CaO)จากนั้นพรมน้ำลงไปขณะร้อนๆ Calcium oxide (CaO) รวมกับน้ำจะได้ Ca (OH)2 ความบริสุทธิ์ของสารที่ได้นี้ ขึ้นอยู่กับแหล่งหินปูนที่นำมาผลิตด้วย โดยมากมักมี Mg Sr ผสมอยู่ ถ้าหากมี Magnesium (Mg) ผสมอยู่มากจะเรียกหินปูนนั้นว่า Dolomite - CaMg (CO3)2 . ที่จริงแล้วน้ำปูนใส ที่เราใช้ทำขนมนั้น ก็เป็นสารตัวเดียวกันนั่นเอง จากคุณ : Ironwood เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 08:31:03

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนเด็ก เวลายุงกัดมักจะเอาปูนแดงทา จากคุณ : phongp เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 10:05:52

ความคิดเห็นที่ 7 ได้คำตอบแล้วเย้ๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Oh!_Bo_BaBy เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 53 03:18:30