ความคิดเห็นที่ 1 จากประสบการณ์ที่ทำกินเองประจำนะครับ ความเปรี้ยวขึ้นกับเวลาที่ใช้บ่ม yogurt และอุณหภูมิของนมขณะที่ผสมกับหัวเชื้อ ถ้านมเย็นก็จะทำให้เชื้อใช้เวลานานกว่าจะเปลี่ยนเป็นนมเปรี้ยว สถานที่ที่บ่ม ถ้าเย็นก็ใช้เวลานานกว่าจะเปรี้ยว ความข้นขึ้นกับชนิดของนมที่ทำ กลุ่ม low fat ทำออกมาจะข้นน้อยกว่านมจืดปกติ ถ้าอยากให้ข้น เคยเติมหัวนมที่ใช้ทำไอศครีมลงไป ก็ได้ผลดี รู้ได้ไงว่า yogurt ที่ทำไม่เสีย ? โดยส่วนตัวไม่เคยทำจนเสียนะครับ ผมว่ากลิ่นบูด กับกลิ่นนมเปรี้ยวเป็นคนละกลิ่นกันนะครับ ถ้ากลัวเรื่องเสีย ควรเน้นเรื่องความสะอาด ภาชนะควรนึ่งก่อน นมที่ใช้ก่อนจะผสมหัวเชื้อก็ควรอุ่นให้เดือดเล็กน้อยแล้วรอให้เย็น เวลาน้ามากิน ควรทำความสะอาดช้อน (ผมใช้แช่น้ำร้อนจากไมโครเวฟ)ที่จะตักก่อน ทานได้อย่างปลอดภัยไหม ถ้าทำเอง ทำกินมาหลายเดือนแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ เป็นอะไรที่ทำง่ายและประหยัดเงินดี นม 2 ลิตร กินได้เกือบ 2 อาทิตย์ ผมกินเป็นอาหารเช้าประจำ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 53 00:13:08 จากคุณ : morpae เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:03:08

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าทำเองแล้วไม่มีรสเปรี้ยวนี่แปลกมาก ควรหมักนมกับหัวเชื้ออย่างน้อย 1 อาทิตย์ ... มันเปรี้ยวแล้วนะ เท่าที่เราเคยทำอ่า ใส่นมผงขาดมันเนยลงไปช่วยก็ได้นะคะ + เนยนิดหน่อยด้วย เคยใส่แบบข้างบน ตอนทำไอติมโยเกิร์ตแล้ว มันได้โยเกิร์ตที่ข้นจับเป็นตัวดี กินอร่อยยมากๆ จากคุณ : MissisipySuperLadie เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:39:45

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ทำออกมาแล้วรสชาติไม่เหมือนกันเลย เพราะการหมักโยเกิร์ตขึ้นอยู่กับ -อุณหภูมิ ที่คุณทำได้ควบคุมอุณหภูมิหรือเปล่า หรือปล่อยไปตามอุณหภูมิในช่วงเวลานั้นๆ -ชนิดของเชื้อที่ใช้ทำโยเกิร์ต -จำนวนของเชื้อที่ใช้ทำโยเกิร์ต -เวลาที่จะเติมเชื้อแต่ละชนิดลงไป -นมที่นำมาใช้ทำโยเกิร์ต ถ้าคุณควบคุมตัวแปรเหล่านี้ได้  โยเกิร์ตก็จะได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ถ้าให้ตอบว่าแบบไหนทานแล้วไม่เป็นอันตราย  ก็จะตอบว่าแบบที่มีกลิ่นและรสชาติของโยเกิร์ต และใช้เวลาหมักน้อยที่สุด น่าจะปลอดภัยที่สุด จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 23:53:20

ความคิดเห็นที่ 4 กำลังลองทำเหมือนกันค่ะ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรคะว่า  โยเกิร์ตเก็บได้นานเท่าไหร่  เมื่อไหร่ที่ทานไม่ได้แล้ว จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:14:02

ความคิดเห็นที่ 5 รบกวนถามเพิ่มค่ะ  มีคนบอกว่าให้เก็บyoghurt ที่ทำแต่ละครั้งเป็นหัวเชื้อครั้งต่อๆไป   อย่างนี้จะไม่เสียหรอคะ  เพราะหัวเชื้อครั้งต่อๆไป ก็เกินวันหมดอายุของนมที่ใช้แล้ว จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:23:33

ความคิดเห็นที่ 6 - คุณ MissisipySuperLadie ทำไมหมักนานนักหละครับ ผมหมัก 12 ชั่วโมงเอง ผสมนมกับหัวเชื้อเสร็จ ใส่ไว้ในเตาอบที่อยู่ใต้เตาแก๊ส เอาผ้าคลุม ครบกำหนด ก็เปรี้ยวกำลังดีแล้ว - คุณ knottie ถ้าตามความคิดผม yogurt ที่ทานไม่ได้แล้วนั้น น่าจะมีลักษณะดังนี้ มีกลิ่นบูด มีราขึ้น เนื้อกับน้ำแยกกัน มีสีที่เปลี่ยนไปเช่นเหลืองมากกว่าปกติ แต่ก็อย่างที่บอกครับ ผมทำกินทีละ 2 อาทิตย์ (กินบ้าง ไม่กินบ้าง) ก็ยังไม่เห็นลักษณะอย่างว่าเลย ส่วนเรื่องเสียหรือไม่เสีย นั้นจากที่ผมศึกษามา จุลินทรีย์ที่อยู่ในนมเปรี้ยวคือจุลินทรีย์ lactobacillus ซึ่งปกติก็พบในทางเดินอาหารของเราอยู่แล้ว เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มาก ในทางการแพทย์สามารถนำมาใช้รักษา ภาวะท้องเสียและโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค เพราะ เจ้า lactobacillus นี้สามารถทำลายจุลินทรีย์และเชื้อราบางชนิดได้ เพราะฉะนั้นในหัวเชื้อ yogurt ที่มี lactobacillus อยู่นี่ไม่น่าจะมีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อทางเดินอาหารชนิดอื่นได้ เมื่อใส่ลงในนมที่อยู่ในภาชนะที่มีการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้องจึงมักไม่เกิดภาวะท้องเสียขึ้น จะเห็นว่า อายุของ yogurt ที่ผ่านขบวนการพาสเจอร์ไรซ์ จะนานกว่านมพาสเจอร์ไรซ์ น่าจะจากเหตุนี้ แหล่งข้อมูลอ้างอิง ---> http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/natural/790.html แฟนผมขอแบ่งไปทาหน้าด้วย บอกว่ากันหน้าแห้งได้ดี แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 53 01:03:11 จากคุณ : morpae เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 00:59:11

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะคุณmorpae มาเป็น evidence base กันเลยทีเดียว ตอนนี้กำลังใช้ Bifidobacterium Bifidum  อยู่ค่ะ  ไม่แน่ใจว่าจะออกมาเหมือนLactobacillusหรือเปล่านะคะ   ^____^ จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 01:56:53

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ knottie ไม่ทราบว่าใช้ Bifidobacterium จากไหนครับ ใช่ แอคทีเวียหรือเปล่า ผมก็โดนแฟนถามเหมือนกันว่าถ้าเอา แอคทีเวีย เป็นหัวเชื้อ จะได้ bifido แทน lactobacillus หรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าทำแบบวิธีที่ทำอยู่นี้ bifido มันจะเจริญดีหรือเปล่า พอดีไม่ได้จบ food science ต้องขอผู้รู้ช่วยตอบแล้วครับ จากคุณ : morpae เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 02:32:13

ความคิดเห็นที่ 9 Bifidobacterium Bifidum เท่าที่ไปหามาก็เป็นprobiotic คล้ายๆ Lactobacillus หน่ะค่ะ   กำลังลองทำอยู่ว่าวิธีที่ทำแบบLactobacillus จะใช้ได้กับ Bifidobacterium Bifidum  หรือเปล่า อยากให้คนที่มีความรู้เรื่องfood science มาตอบเหมือนกันค่ะ เราคุยกันผิดห้องเปล่าคะเนียะ  .... อิอิ จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 02:39:57

ความคิดเห็นที่ 10 ระหว่างรอ ผมเลยไปค้นกระทู้เก่าได้อันนี้ครับ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2009/05/D7845241/D7845241.html http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/11/D7257665/D7257665.html กับอีกที่ http://www.activia.co.th/deliciouse.php สรุปว่าน่าจะใช้ได้นะครับ จากคุณ : morpae เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 02:59:50

ความคิดเห็นที่ 11 โยเกิร์ตทั้วไป ใช้เชื้อจุลินทรีย์ 2 ชนิด เวลาทำเองก็จะเป็นการต่อเชื้อ ใช่มั้ยคะ อัตราส่วนของจุลินทรีย์ทั้งสองจะเปลี่ยนไปเนื่องจากอัตราการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน ดังนั้นรสชาติและรสสัมผัสจะต่างไป อีกประการหนึ่งหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม (มันเป็นการค้าและผลประโยชน์) จะใช้ได้ไม่มากครั้ง แล้วรง.ก็ต้องซื้อหัวเชื้อใหม่ แล้วคุณจขกท. เอาเชื้อที่เค้าใช้แล้วมาต่อเองก็จะต่อได้ไม่กี่ครั้งค่ะ ก็ไม่อร่อยแล้วล่ะ ถ้าอยากได้แบบถาวรไม่ถูกวางยาก็คัดแยกเชื้อเองค่ะ แบบที่ในต่างประเทศเค้าส่งผ่านหัวเชื้อกันเป็นมรดกไงคะ แต่วิธีง่ายๆก็ซื้อโยเกิร์ตถ้วยใหม่มาทำก็หมดปัญหา จากคุณ : simiach เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 06:27:24

ความคิดเห็นที่ 12 ของผมถ้าเวลาทำไม่เปลี่ยนยี่ห้อของนมและโยเกริตที่ใช้รสชาติก้อจะเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนนมและโยเกริตไปเป็นยี่ห้ออื่นหละ เพี้ยนทุกทีเหลวไปบ้าง ของผมใช้นม เมจิโกลด์กับโยเกริตของโยลิดา จะแจ่มที่สุด ผมใส่นมผงด้วยครับ แล้วเก็บได้นานครับ 2อาทิตย์ขึ้นไป แต่ยั่งที่คห.ข้างบนบอก วิธีฆ่าเชื้อก้อสำคัญครับ แต่ดูว่าเสียยังไม่เคย เจอครับ เพราะประมาณไม่ถึง3อาทิตย์ก้อหมดครับ จากคุณ : หมูแดง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 19:31:28 A:124.120.7.210 X: TicketID:189700

ความคิดเห็นที่ 13 คห. 10 hahah คิดว่าตาไม่เพี้ยน ข้างกล่องเขียนชื่อเชื้อผิดด้วย ชื่อ Lactobacillus delbrueckii subsp. bulgaricus ต้องเป็นเดลบลูคีไอ ไม่ใช่ เดลบลูคีโอ สำหรับ Bifidobacterium animalis จะมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในช่วงประมาณ 37-45 oC เป็น Mesophilic bacteria เหมือนกับ Lactobacillus sp. ดังนั้นเลี้ยงแบบเดียวกันได้ค่ะ มีคำถามเรื่องเชื้อ ถามมาได้นะคะ เราเรียน Dairy Science มาโดยตรง จากคุณ : n0nglek เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 22:15:41

ความคิดเห็นที่ 14 ง๊า อ่านไปอ่านมา เลยลืมคำถามของเจ้าของกระทู้ การทำโยเกิร์ตทานเอง ก็มีความเสี่ยงค่ะ เพราะเวลาที่เราเติมหัวเชื้อโยเกิร์ตลงไปในนม อาจจะมีการบนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการต่อเชื้อ ควรทำแบบ aseptic คือทำแบบปลอดเชื้อ เอาช้อนไปจุมแอลกอฮอล์ 95% แล้วลนไฟก่อน รอให้ไฟดับ ช้อนไม่ร้อนมาก แล้วจึงใข้ตักโยเกิร์ตจากถ้วยที่เพิ่งเปิด มาเติมในนมที่ต้มจนน้ำเดือดและรอจนอุ่นพอแล้ว (ไม่ร้อนเกินไป) โดยไม่ได้วางเปิดฝาทิ้งไว้ค่ะ แล้วบ่มในหม้อเลย ไม่ต้องถ่ายย้ายภาชนะ อันนี้พอจะป้องกันการปนเปื้อนได้ระดับนึงนะคะ แต่ก็ไม่มีอะไร 100% ค่ะ ส่วนใหญ่การปนเปื้อนมักจะเป็นเชื้อจุลินทรีย์ประจำถิ่น ซึ่งมักจะเป็นตัวที่ทำให้อาหารเน่าเสีย ไม่ได้ก่อโรค แต่จุลินทรีย์ที่ปกติไม่ก่อโรค แต่ถ้ารับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ๆ (เพราะว่าผ่านการบ่มขยายเชื้อ) ก็ไม่ควรทานค่ะ เพราะมันก็อาจจะทำให้เราท้องเสีย หรือป่วยจริง ๆ ก็ได้ ถ้าบ่มโยเกิร์ตออกมาแล้วไม่เปรี้ยว อันนี้ไม่ปกติค่ะ เพราะการทำงานของ lactic acid bacteria ที่ใช้บ่มโยเกิร์ต จะผลิตกรดแลคติก ที่ให้รสเปรี้ยวนะคะ โยเกิร์ตที่ดี ต้องไม่มีกลิ่นรสและสีผิดปกติ ถ้าผิดปกติก็อย่าเสี่ยงทานนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 53 22:31:37 จากคุณ : n0nglek เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 22:29:32

ความคิดเห็นที่ 15 ลองใช้Bifidobacterium Bifidum  แทนLactobacillus ค่ะ  ก็ใช้ได้เหมือนกัน  แต่มีน้ำหนืด ใส ลอยอยู่ส่วนบนและด้านข้างของภาชนะด้วยค่ะ  รสชาติเปรียวนิดๆ ปกติแล้วเนื้อYoghurt จะเนียนขนาดไหนหรอคะ จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 01:03:34

ความคิดเห็นที่ 16 ขออนุญาตถาม คุณ nOnglek ว่า สรุปแล้วในท้องตลาด ถ้าต้องการ yogurt ที่มี bifidobacterium ก็ต้องใช้ activia มาเป็นหัวเชื้อใช่ไหมครับ ถ้าใช้ยี่ห้ออื่นจะไม่มี ถูกต้องไหมครับ จากคุณ : morpae เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 01:07:05

ความคิดเห็นที่ 17 มาปาดช่วยตอบก่อน   เท่าที่เห็นก็มีDutchie Bio อีกยี่ห้อนะคะ   รบกวนถามคุณ  nOnglek เพิ่มว่า ระหว่าง Bifidobacterium Vs  Lactobacillus จะทำให้Yoghurt แตกต่างกันอย่างไรคะ จากคุณ : knottie เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 01:16:59

ความคิดเห็นที่ 18 ที่ฟินแลนด์ มีแอคทีเวีย ขายด้วยคะ วิซื้อ โยเกิร์ต รสธรรมชาติมากิน ท้องเสียกลางดึก เพราะกินแบบรสธรรมชาติไม่ได้คะ กินได้แต่แบบผสมผลไม้คะ จากคุณ : virung เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 15:56:15