ความคิดเห็นที่ 1 ถือว่าเป็นภาษี สำหรับ ผู้บริโภค ค่ะ ซื่งเป็นรายได้หลักของประเทศ มากกว่า ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อีกนะคะ จากคุณ : 234 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:10:03 A:1.46.32.194 X: TicketID:288777

ความคิดเห็นที่ 2 ขึ้นอยู่กับร้านค้าครับว่าจะผลักภาระการเสียภาษีให้กับลูกค้าหรือเขาจะเสียเอง บางแห่งบังคับค่าทิปอีก 10%ต่างหาก  ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจระหว่างผู้ซื้อและ ผู้ขาย  ถ้าไม่เป็นที่พอใจก็ไม่ต้องเข้าร้านนั้นอีก  เดี๋ยวเขาก็เลิกกิจการไปเอง จากคุณ : คนหลักสอง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:15:18

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าภาษีผู้บริโถค  จะเเปลว่า ถ้าเราทานข้าวบ้าน ส่วนนี้ไม่ต้องจ่ายยยย จากคุณ : เจ๊ใหญ่ลานนา เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:48:32

ความคิดเห็นที่ 4 คนขายอาหาร ก็ต้องเสีย ภาษีเหมือนกับเรานี่แหละครับ ส่วนใหญ่จะบวก กับค่าอาหารเลย แล้วค่อยคิดแยก ให้เราเห็นตอนเช็คบิล ครับ จากคุณ : หมูบิน58 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 10:49:09

ความคิดเห็นที่ 5 บางทีติดป้ายราคาเท่านี้ แต่บิลมาราคานึง มีพวกภาษี ในป้ายเท่าขี้ตาหมาอยู่มุมล่างสุด จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:03:40

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าไม่อยากจ่ายภาษี VAT  ให้กับร้านอาหาร ไปเดินตลาดสด ตลาดนัด ซื้อของสด ผัก เนื้อ มาทำเอง ไม่ต้องจ่าย VAT แน่ๆ จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:09:12

ความคิดเห็นที่ 7 vat ก็คือภาษีมูลค่าเพิ่ม การเอาของสด ผัก เนื้อ ข้าวที่ไม่เสียภาษี มาปรุงให้อร่อย ขายแพงขึ้น มูลค่าที่เพิ่มต้องเสียภาษีค่ะ แต่มันจะรวมอยู่ในค่าอาหารเลย พอเปิดใบกำกับภาษี จึงจะถูกแยกออกให้เห็นค่ะ จากคุณ : FFAS เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:17:42

ความคิดเห็นที่ 8 ภาษีที่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเสีย มันไม่ใช่มีแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานะ จากคุณ : iamfine_thanks เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:34:49

ความคิดเห็นที่ 9 พูดง่ายๆคือผลักภาระให้ผู้บริโภคน่ะล่ะครับ จากคุณ : ปิติกับเจ้าแก่ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:35:53

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าพูดกันตามระบบจริงๆ ไม่ว่าคุณจะซื้อวัตถุดิบมาปรุงกินเอง หรือไปกินที่ภัตตาคาร คุณก็ต้องจ่าย VAT ทั้งนั้นแหละ เพียงแต่เวลาซื้อของที่เป็นวัตถุดิบ ความจริง VAT มันก็ฝังๆอยู่ในราคานั่นแหละ เพียงแต่เขาไม่ได้แยกออกมาให้เห็นแค่นั้น จากคุณ : Jammer เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 11:38:46

ความคิดเห็นที่ 11 พลเมืองไทย "ที่ดี" ทุกคนมีหน้าทีเสียภาษีครับ ไม่ใช่การผลักภาระ ผู้บริโภคปลายทางต้องรับผิดชอบภาษี ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนแวต สามารถเคลมแวตซื้อคืนได้ จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 12:19:24

ความคิดเห็นที่ 12 ต่างประเทศร้านอาหาร fast food อะไรก็ตามที่มีคนทำอาหารให้ต้องเสียภาษีคะ  tip ต่างหาก จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 12:25:17

ความคิดเห็นที่ 13 เข้าใจว่า ธุรกิจใดก็ตามที่มียอดขายเกิน 1.8ล้าน/ปี (ก่อนคิดกำไร) จะต้องเข้าระบบVAT(ภาษีซื้อ,ขาย) จากคุณ : F-MISSILE เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 13:03:51

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นภาษีที่สามารถ"ผลักภาระ"ตามกฎหมายได้ครับ เช่นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีศุลกากร จากคุณ : Kp เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 14:07:34 A:58.9.176.125 X: TicketID:218689

ความคิดเห็นที่ 15 ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็น... 1. ภาษีที่เก็บจากผู้บริโภคคนสุดท้าย (ซื้อมาแล้วทานเลย ไม่แปรรูปอีกแล้ว หรือรับบริการ)... 2. ภาษีที่เก็บจากการบริโภค (กิน) หรือรับบริการ ในประเทศครับ เป็นหลัก... (มีเก็บจากกรณีอื่นๆ ด้วยซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับประเด็นนี้) ดังนั้นถ้าผู้ขายเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ซื้ออย่างเรามีภาระต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยผู้ขายจะเป็นผู้นำส่งครับ เพื่อเป็นหลักฐานว่าผู้ขายได้นำส่ง เราจึงสามารถขอรับใบกำกับภาษี (อย่างถูกต้อง) ได้ และถ้าผู้ขายไม่ให้ก็จะมีความผิดครับ ส่วนบางครั้งที่เราไปทานอาหาร ซื้อของ หรือรับบริการแล้วไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งๆ ผู้ขายหรือให้บริการเป็น ผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพราะเค้าได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปในราคาขายเรียบร้อยแล้ว... (ไม่เชื่อลองนำใบเสร็จ ที่ได้มาดูนะครับ) แต่อย่างไรก็ตามผู้ขายก็มีสิทธิที่จะไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปในราคาขาย ซึ่งในกรณีเช่นนี้ "ควร" แจ้งให้ผู้บริโภคได้ทราบก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ... ส่วนประเด็นเรื่องการผลักภาระภาษีนั้น เท่าที่ผมมีความรู้ผมเข้าใจว่า เราไม่สามารถผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้ผู้อื่นได้นะครับ... (ถ้าผิดก็ขอโทษด้วยครับ) จากคุณ : KornaGo เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 15:25:07

ความคิดเห็นที่ 16 สรุปง่าย ๆ ครับ ถ้าราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าบริการ (ทิป) ไปแล้ว จะทำให้ราคาอาหารดูสูงกว่าคู่แข่ง อาจจะทำให้ลูกค้าเลือกที่จะไม่เข้าร้าน แต่ถ้าถอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ถอดค่าบริการ จะทำให้ราคาดูเหมือนถูกลง แต่ตอนจ่ายก็จ่ายเท่าเดิม (พร้อมมีเศษสตางค์ที่พร้อมจะปัดเศษขึ้น) สำหรับเรื่องภาษี ตัวนี้เป็นหน้าที่ครับ แต่ทิปนี่สิ บริการก็ไม่ดี ไม่ค่อยอยากจ่ายส่วนนี้เลย จากคุณ : I^^ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 15:37:35

ความคิดเห็นที่ 17 VAT ผมเข้าใจได้ แต่ที่สงสัยคือบางร้านพนักงานบริการเฮงซวย หรือบางร้าน แทบจะ sself service ทำไมเราต้องจ่ายค่า service charge ตั้ง 10 % จากคุณ : +One Side Love+ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 15:54:34

ความคิดเห็นที่ 18 เพราะเป็นกฎเกณฑ์ของทางร้านครับ เค้าระบุว่า service charged ไม่ใช่ good-service charged จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 17:39:08

ความคิดเห็นที่ 19 VAT นี่ มันไม่ใช่การผลักภาระนะครับ VAT = Value added tax ภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้านค้าซื้อวัตถุดิบมา ก็ต้องจ่าย VAT ครับ เวลาขายคนซื้อก็ต้องจ่าย VAT คงมีคำถามว่าแล้วมัน มูลค่าเพิ่มอย่างไร จะอธิบายดังนี้ครับ ร้านฟิจิ ขาย ปลาดิบจานล่ะ 300 บาท Vat 21 บาท อันนี้คนซื้อจ่าย ร้านฟิจิ ซื้อปลาดิบจาก supplier มา 100 บาท (ชิ้นที่ขายให้ท่านน่ะ) จ่าย Vat 7 บาท ร้านฟิจิ เก็บท่านไป 21 บาท  ก็ต้องนำส่งสรรพากร 21 บาท แต่ สามารถอ้างได้ว่า ซื้อปลาดิบมา เสีย Vat 7 บาทไปแล้ว ดังนั้น ร้านฟิจิ จะเสียเงินสดให้สรรพากร 14 บาท ตอนสิ้นเดือนนั้นๆ ส่วน supplier หากซื้อปลาดิบชิ้น นั้นจากพ่อค้าในตลาด โลล่ะ 70 บาทไม่มี Vat supplier จะต้อง จ่าย Vat 7 บาท ตอนสิ้นเดือนให้กับ สรรพากร ครับ ก็คือใครทำให้สินค้ามีมูลค่าเพิ่มได้มากเมื่อเทียบกับต้นทุน ก็ต้องจ่าย VAT มาก ดังนั้นคุณยิ่งกินแพงมาก หรูมาก ก็ยิ่งเสียภาษี VAT มาก และผมดูจากวิธีการเก็บภาษีแล้ว เข้าใจว่า เจตนาการเก็บคือเก็บจากผู้ที่ไม่สามารถสร้างรายได้้จากสินค้านั้นๆ อีกแล้ว ซึ่งก็คือผู้บริโภคครับ ดังนั้น มันไม่ใช่ภาษีที่ถูกผลักภาระหรอกครับ มันเป็นภาษีที่ตั้งใจเก็บจาก end user หรือผู้ที่ไม่สามารถทำ ให้สินค้านั้นๆ มีมูลค่าเพิ่มได้อีกแล้ว จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 18:31:20

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วเราได้อะไรจากการเสียภาษี  เวลาร้านอาหารมีปัญหา ไม่เห็นภาษีที่เราจ่ายไปมาช่วยอะไรเราได้เลย  ต้องเข้ามาตั้งกระทู้ในนี้ถึงจะยอมรับผิดชอบ บางรายก็ไม่สนใจด้วย จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 18:42:53

ความคิดเห็นที่ 21 ภาษีส่งรัฐ นำมาพัฒนาประเทศครับ ยากตรงไหนเรื่องภาษีช่วยชาติเนี่ย คือจะไม่เสียภาษีใช่มั้ยถึงจะพอใจ จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 20:09:29

ความคิดเห็นที่ 22 ที่จริงถ้าเก็บจากผู้ซื้อคนสุดท้ายแบบที่เป็นอยู่นี่ควรจะเรียกว่า comsumer tax มากกว่าครับ ถ้า value added tax คนที่ได้มูลค่าเพิ่ม(คนที่ผลิตสินค้ามาขาย) ต้องเป็นคนจ่ายครับ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 20:11:00

ความคิดเห็นที่ 23 VAT เป็นภาษีทางอ้อม โดยหลักการแล้ว เก็บจากผู้ประกอบการ แต่กฎหมายอนุญาตให้เก็บจากผู้บริโภคได้ (ผลักภาระได้) เจตนาต้องการเก็บจากการบริโภคนั่นเอง บริโภคยิ่งมาก ยิ่งเสียภาษีมาก ต่างกับภาษีทางตรง (ภาษีเงินได้) ที่เก็บจากเงินได้สุทธิหรือกำไรสุทธิ ใครมีรายได้มาก ก็เสียภาษีมาก ภาษีทั้งสองประเภท ก็นำไปพัฒนาประเทศครับ แค่เราเกิดมา ก็มีต้นทุนแล้วครับ คุณอยู่ในบ้านก็ใช้พื้นที่ของประเทศ เดินออกจากบ้านก็ใช้พื้นที่ฟุตบาท ทิ้งขยะก็ใช้บริการของรัฐ เดินเล่นสวนลุมฯ ก็ใช้งบของ กทม. ฯลฯ ดังนั้น การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคนที่เข้าเงื่อนไข จากคุณ : ยืม login แฟนมาตอบ (กาแฟขม) เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 22:52:55

ความคิดเห็นที่ 24 แนะนำให้ไปศึกษาระบบภาษีใหม่นะครับเพราะคุณเข้าใจผิดมากๆ รายได้ภาษีของประเทศไทยส่วนใหญ่มาจาก Vat ทั้งนั้น ภาษีเงินได้บุคคลที่คุณเสียเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น สินค้าส่วนใหญ่แล้วมี Vat ทั้งนั้น ร้านอาหารถือเป็นธุรกิจบริการก็มี Vat ครับ แต่ถ้าซื้อของสดตามตลาด หรือ แม้แต่ในซุปเปอร์ ไม่มี Vat ครับ ได้รับการยกเว้น เพราะฉะนั้นไม่อยากเสีย Vat ซื้อของสดไปทำเองที่บ้านครับ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 53 23:28:17 จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 23:27:43

ความคิดเห็นที่ 25 เพิ่มเติม 24 ส่วนภาษีรายได้บุคคลธรรมดา รู้หรือไม่ว่าจำนวนคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีมีเท่าไหร่ แค่ล้านกว่าคน จากประชากรหกสิบกว่าล้านคน คิดดูละกันว่าคนล้านกว่าคนเลี้ยงคนหกสิบล้านคน แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาประเทศ (ไม่ได้บอกว่าภาษีมาจากทางนี้ทางเดียวนะ) จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 12:53:36

ความคิดเห็นที่ 26 ผู้ประกอบการ ถ้าจะเก็บ VAT แยก ก็ช่วยออกบิล VAT ให้ด้วยนะคะโดยที่ลูกค้าไม่ต้องร้องขอ  จะได้มั่นใจว่าคุณเอาเงินส่วนนั้นส่งเข้ารัฐจริง ไม่ใช่หมกเม็ดเป็นกำไรของตัวเองอีกยอด   จริงๆลูกค้าก็ควรจะเรียกบิลแวทด้วยนะ ถ้ามาเก็บแวทเราต่างหาก จากคุณ : Queen of hearts เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 14:34:58

ความคิดเห็นที่ 27 แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 14:37:07 จากคุณ : Queen of hearts เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 14:36:28

ความคิดเห็นที่ 28 26 เครื่องคิดเงินเครื่องใหญ่ ๆ เป็นอุปกรณ์ป้องกันการโกงครับ การขอบิลแวต เป็นเรื่องของ "คนซื้อ" ถ้าคนซื้อไม่รักษาสิทธิ์ตัวเอง ก็ช่วยไม่ได้ครับ ไม่ต้องคุยเรื่องแวตก็ได้ คุณไปซื้อของที่พันทิบ คุณจะไม่ขอบิลเค้าเลยหรือ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 21:08:40 จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 21:07:03

ความคิดเห็นที่ 29 28 คนมากินอาหาร เอาไปเทียบกับคนซื้อของที่พันทิปได้ไงเนี่ย คนมากิน ส่วนใหญ่จ่ายตังค์ก็ไม่ค่อยเอาใบเสร็จอยู่แล้ว นอกจากพวกเอาไปเบิกได้ ซึ่งก็ไม่เยอะเท่าไหร่  ส่วนของที่พันทิปหรือร้านทั่วไปนี่ ถ้าขอบิลแวท บวกเพิ่มทุกที (ไม่เข้าใจ) ถึงบอกไงว่า ร้านควรจะให้โดยที่ลูกค้าไม่ต้องขอ  เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ว่าแวทที่เก็บน่ะไปเสียภาษีจริง เพราะในพันทิปก็เคยมีกรณีมาแล้วนี่ ร้านเค้กชื่อดัง (มากๆ) ลูกค้าจ่ายค่าอาหารรวมแวทแล้วเกือบไม่ได้ใบเสร็จเพราะร้านไม่ออกให้ ? จากคุณ : Queen of hearts เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 17:35:20

ความคิดเห็นที่ 30 ก็ไม่ขอเอง แล้วไปโทษร้านได้ยังไง ขอเค้าก็ให้ และใบเสร็จอย่างย่อที่ได้รับมา ก็เป็นบิลป้องกันการโกงอยู่แล้ว ไม่งั้นรัฐจะยอมให้ร้านค้าออกบิลแค่นั้นหรือ ลองคิดดูสิ จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 02:46:52

ความคิดเห็นที่ 31 ร้านค้าที่ต้องขึ้นทะเบียน VAT ส่วนมากจะใช้เครื่องคิดเงิน ซึ่งจะออกใบเสร็จอย่างย่อจากเครื่องไปเรียกเก็บกับลูกค้าทุกรายนะคะ แต่ลูกค้าอาจไม่ได้สังเกตตรงนั้น ร้านค้าส่วนมากจะรับภาระ VAT ไว้เอง (หรือในความคิดลูกค้าก็คือรวม VAT ไว้ในอาหารแล้ว) แต่เห็นใจเค้าเถอะค่ะ เพราะเวลาซื้อของจากตลาดมาไม่มี VAT เพราะเป็นสินค้าเกษตรได้รับยกเว้น แต่เวลาได้เงินจากลูกค้ามาต้องหัก 7% ส่งรัฐทุกเดือน คิดกำไรขาดทุนเสร็จโดนหักอีก 30% ภาษีนิติบุคคล เอาเงินที่เหลือกำไรฝากเข้าธนาคารโดนอีก 15% แต่เราก็ต้องช่วยชาติค่ะ จากคุณ : ผู้ประกอบการ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 53 13:53:35 A:125.24.99.187 X: TicketID:294928