ความคิดเห็นที่ 1 ตื่นหกโมงเช้าตามที่สั่งให้ทางโรงแรมปลุก มองจากหน้าต่างห้องนอน ไม่มีหมอกยามเช้าในแม่น้ำโขง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:12:30

ความคิดเห็นที่ 2 มองไปทางขวามือผ่านแผนกนวดและสปา ของโรงแรมเอราวัณริเวอร์ไซค์ มองเห็นสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ความยาว 1,380 เมตร ข้ามแม่น้ำโขงจากชายแดนติดกับไทยเข้าสู่เมืองปากเซ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:12:55

ความคิดเห็นที่ 3 ลงจากห้องพักมาที่ริมแม่น้ำโขง อากาศเย็นประมาณ 20 องศาเซลเซียส ไม่มีลมแรงเหมือนเมื่อคืน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:13:48

ความคิดเห็นที่ 4 ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรมและคาสิโนที่กำลังก่อสร้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:14:13

ความคิดเห็นที่ 5 ภูมิทัศน์ของโรงแรมเอราวัณริเวอร์ไซด์ด้านที่ติดกับแม่น้ำโขง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:14:31

ความคิดเห็นที่ 6 6.34 น.เดินออกมาที่ทางเข้าโรงแรมบนถนนศาลาเขียว ข้ามถนนไปเดินฝั่งตรงข้าม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:15:06

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ได้ถามว่าทำไมใส่หมวกกันน็อคขึ้นไปบนหลังคาบ้านที่กำลังก่อสร้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:15:26

ความคิดเห็นที่ 8 ตรงข้ามทางเข้าโรงแรมเป็นร้านข้าวแกง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:15:49

ความคิดเห็นที่ 9 ที่อยู่ในหม้อนึ่งคือไข่ข้าวร้อนๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:16:16

ความคิดเห็นที่ 10 ยามเช้ารถราไม่ติดขัด ยานพาหนะยอดนิยมคือ"ลดจัก"หรือรถมอเตอร์ไซค์ เดิมอักษรลาวไม่มีเสียง"ร" แต่ใช้ตัว"ฮ"แทน เช่น เรือน เป็น เฮือน แม้เคยมีการนำมาใช้เพื่อออกเสียงตัว"R"ในภาษาอังกฤษ และเสียง"ร"ในภาษาไทย แต่ถูกยกเลิกเนื่องจากความเป็นชาตินิยมในยุคกองทัพปลดแอก แต่ปัจจุบันมีการนำกลับมาใช้อีก ส่วนรถรับจ้างมีสองแบบ แบบหนึ่งตามในภาพเหมือนที่เชียงคาน คือ รถมอเตอร์ไซด์สองแถว อีกแบบเป็นมอเตอร์ไซด์แบบพ่วงข้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:16:36

ความคิดเห็นที่ 11 ร้านค้าริมถนนเริ่มตั้งร้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:16:56

ความคิดเห็นที่ 12 รวมถึงร้านขายเฝอและกาแฟร้านนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:17:19

ความคิดเห็นที่ 13 พระเณรกลับจากบิณฑบาตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:17:48

ความคิดเห็นที่ 14 มีโรงแรมเล็กๆและสถานบันเทิงอย่างละแห่ง เดินจากโรงแรมมาประมาณ 500 เมตรแล้วเดินกลับ ไม่ได้ถามทางก่อนว่าตลาดสดอยู่แถวไหน ทั้งที่ความจริงแล้วอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:18:10

ความคิดเห็นที่ 15 6.50 น.เดินกลับมาที่โรงแรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:18:30

ความคิดเห็นที่ 16 เพื่อกิ่นเข่าเซ่า(ทานอาหารเช้า)ที่รวมอยู่ในค่าห้อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:19:34

ความคิดเห็นที่ 17 หน้าห้องอาหารที่ชั้นล่าง เป็นสเตชั่นอาหารเวียดนาม แม่ครัวจากประเทศไทย เชียร์ให้ลองชิม"ปาเต๊ะ" อาหารสไตล์เวียดนาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:20:00

ความคิดเห็นที่ 18 หยิบมา 1 จานพร้อมกับข้าวเปียก หรือก๋วยจั๋บญวน ข้าวเปียกใส่หมูยอและหมูสับปั้น อร่อยโดยไม่ต้องปรุงรส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:20:23

ความคิดเห็นที่ 19 ปาเต๊ะ คืออาหารเวียดนามที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส ใช้ขนมปังฝรั่งเศสหรือที่คนลาวเรียกว่าข้าวจี่ ผ่ากลาง ทาตับบด ใส่มะละกอดิบ แครอท แตงกวาและต้นหอม ปะหน้าด้วยหมูยอหั่นเส้น โรยพริกไทยเล็กน้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:20:44

ความคิดเห็นที่ 20 หน้าตาคล้ายกับขเมินที่เคนทานที่ปอยเปต "เที่ยวไปกินไป @ ปอยเปต" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/11/D7168373/D7168373.html ปาเต๊ะจานนี้อร่อยจนต้องไปหยิบเพิ่มมาอีกจาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:21:08

ความคิดเห็นที่ 21 บุฟเฟท์อาหารเช้าของที่นี่ไม่มีอาหารฝรั่งพวกไส้กรอก แต่เน้นอาหารไทยและเวียดนาม เช่นยำข้าวทอดที่รสจัดมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:21:31

ความคิดเห็นที่ 22 กุนเชียงทอดรสหอม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:21:54

ความคิดเห็นที่ 23 เปาะเปี๊ยะญวน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:22:18

ความคิดเห็นที่ 24 ไข่เจียวใส่ต้นหอมและแครอท แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 14:59:10 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:23:14

ความคิดเห็นที่ 25 ไข่กระทะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:23:39

ความคิดเห็นที่ 26 . แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 53 02:24:08 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:23:53

ความคิดเห็นที่ 27 มารอคร้า ทันรายงานสดด้วย จากคุณ : sadud_431 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:24:19

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ทานผลไม้ซึ่งมีทั้งหมากฮุ่ง(มะละกอ) หมากนัด(สับปะรด) หมากโม(แตงโม)และแคนตาลู้ป แต่ปิดท้ายด้วยกาแฟ 2 ถ้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:24:47

ความคิดเห็นที่ 29 sadud_431 ...มาทันข้าวเช้าพอดีครับ แบ่งปาเต๊ะให้หนึ่งจาน .................................................................... ทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วกลับขึ้นห้องทำธุระ 9.08 น.ลงมานั่งรอที่ล็อบบี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:26:09

ความคิดเห็นที่ 30 สัญญานไวไฟแรง เชื่อมต่อเช็คเมล์และอ่านกระทู้ในพันทิป ถ้าไม่ได้เอาโน้ทบุ๊คมา หน้าห้องอาหารมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรีสามเครื่อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:26:35

ความคิดเห็นที่ 31 9.30 น.ออกจากโรงแรม น้องชายแฟนแวะเอาของฝากไปให้เสี่ย ป.ที่ร้าน ข้างร้านมีชาวบ้านตากรากบัว โอ้โลม(แปลว่าสนทนา)เมียเสี่ย ป.ได้ความว่าเอาไว้ทำขนม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:27:57

ความคิดเห็นที่ 32 จากนั้นขับพาชมในเมืองหนึ่งรอบ ผ่านโรงแรมที่ปกติพักเวลามาทำธุระที่ปากเซ ค่าห้องคืนละ 700 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:28:24

ความคิดเห็นที่ 33 น้องชายแฟนแวะแลกเงินกีบที่ทะมาคาม(ธนาคาร)พวงสวรรค์ เอ๊ย ! ธนาคารพงศ์สวรรค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:28:47

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนผ่านแดนมีเอสเอ็มเอสจากบริษัทมือถือแจ้งว่า 1 บาทไทยแลกได้ 263 กีบ แต่ที่ธนาคารแลกได้ 267 กีบ จำง่ายๆคร่าวๆโดยประมาณคือ 1,000 กีบเท่ากับ 4 บาท การมาเที่ยวเองแม้ว่าสามารถใช้เงินไทยที่เมืองปากเซ แต่ก็ควรแลกเงินกีบไว้บ้าง เพื่อไม่ให้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งต้องจ่ายค่าผ่านทางและค่าเข้าชมสถานที่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:30:40

ความคิดเห็นที่ 35 หน้าธนาคารมีแผงขายล็อตเตอรี่ ตรงข้ามธนาคารเป็นมูลนิธิจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:31:00

ความคิดเห็นที่ 36 เยื้องกับธนาคารเป็นอาคารเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าใบชาและการกาแฟลาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:31:19

ความคิดเห็นที่ 37 10.00 น.ออกจากธนาคาร ขับเข้าถนนหมายเลข 13 ใต้( No.13 South Road) ผ่านสนามกีฬาเมืองปากเซ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:31:43

ความคิดเห็นที่ 38 ถึงสามแยกบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 16E เลี้ยวขวาไปทางหลวงหมายเลข 13 ผ่านด่านเก็บเงินของรัฐบาลลาว ที่ให้สัมปทานกับผู้ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด จ่ายเงินค่าผ่านทาง 5,000 กีบ รถโดยสารวิ่งระหว่างเมืองเป็นรถขนาดเล็ก เป็นรถพัดลม 20 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:32:04

ความคิดเห็นที่ 39 ผ่านคอนพะเพ็งรีสอร์ทแอนด์กอล์ฟคลับที่หลัก(กม.)175 เลยไปประมาณหนึ่งกิโลฯ ทางขวามือมีป้ายทางเข้าคอนพะเพ็ง 11.48 น.ถึงคอนพะเพ็ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:32:30

ความคิดเห็นที่ 40 จ่ายค่าเข้าชมคอนพะเพ็งสำหรับคนต่างชาติคนละ 20,000 กีบ ค่าจอดรถ 10,000 กีบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:32:50

ความคิดเห็นที่ 41 พอจอดรถมีช่างภาพมาล้อมหน้าล้อมหลังเสนอบริการถ่ายภาพ ค่ารูป 8x10 นิ้ว ใบละ 80 บาท ปฏิเสธก็ยังเดินตื๊อ จนต้องชูกล้องให้เห็นว่า มีกล้องมาเองจึงยอมถอย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:33:13

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีค่ะ อาสาม ตามไปเที่ยวต่อก่อนจะไปนอนค่ะ พรุ่งนี้จะมาดูจนจบค่ะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:33:58

ความคิดเห็นที่ 43 นู๋ยู้ฮู้ ...ฝันดีนะจ๊ะ .............................................................. โต๊ะสนุ้กเกอร์ติดกับลานจอดรถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:39:41

ความคิดเห็นที่ 44 ป้ายบอกทางไปห้องน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:40:01

ความคิดเห็นที่ 45 ข้างร้านขายเสื้อผ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:40:33

ความคิดเห็นที่ 46 ค่าบริการคนละ 1,000 กีบ ถ้าไม่มีเงินกีบต้องจ่ายเป็นเงินไทย 5 บาท ขาดทุนบาทกว่าๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:40:54

ความคิดเห็นที่ 47 จากลานจอดรถเลี้ยวขวาไปตามทางเดิน ซ้ายมือเป็นกลุ่มร้านอาหารขนาดใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:42:22

ความคิดเห็นที่ 48 เจ้าลิงน้อยตัวนี้ถูกล่ามอยู่ที่หน้าร้านอาหารร้านแรก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:42:42

ความคิดเห็นที่ 49 ขวามือเป็นแผงขายของพื้นเมือง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:43:02

ความคิดเห็นที่ 50 มีทั้งปลากะแตบหรือปลากะเตแห้ง บ้านเราน่าจะเป็นปลากะแยงหรือปลาแขยง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:43:28

ความคิดเห็นที่ 51 เขียดตากแห้งทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:43:51

ความคิดเห็นที่ 52 เปลือกไม้กำลังเสือโคร่ง ใบไม้ สำหรับดองเหล้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:44:17

ความคิดเห็นที่ 53 รากปลาไหลเผือกหรือพญานาคราช เป็นไม้มงคลที่หายากและเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:44:41

ความคิดเห็นที่ 54 น้ำตาลตาลจากต้นตาล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:45:04

ความคิดเห็นที่ 55 มีทั้งแบบเป็นก้อนใหญ่และก้อนเล็กห่อด้วยใบจาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:45:25

ความคิดเห็นที่ 56 กล้วยลาวและข้าวโพดปิ้ง น่าทานแต่ไม่กล้าซื้อ เพราะคนเดินผ่านทีฝุ่นทางเดินก็กระจาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:45:54

ความคิดเห็นที่ 57 หนังกวางตากแห้งพวงละ 40 บาท เอาไปทอดแบบแคปหมู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:46:22

ความคิดเห็นที่ 58 เดินเข้าสู่โซนขายเสื้อผ้าและของที่ระลึก ตั้งแต่เข้าเมืองปากเซ ป้ายที่เห็นมากที่สุดคือป้ายเบยลาว(อ่านว่าเบียร์ลาว) และป้ายบริษัทมือถือ tico จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:46:49

ความคิดเห็นที่ 59 เสื้อคอกลมตัวละ 60-70 บาท เนื้อผ้าไม่ค่อยดี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:47:14

ความคิดเห็นที่ 60 แวะร้านขายเครื่องเงิน(เทียม) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:47:39

ความคิดเห็นที่ 61 ประมาณ 150 เมตรจากลานจอดรถ ถึงป้ายคอนพะเพ็ง ไข่มุกแม่น้ำของ(โขง) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:48:04

ความคิดเห็นที่ 62 ป้ายแสดงเกาะแก่งของคอนพะเพ็งในแม่น้ำโขง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:48:28

ความคิดเห็นที่ 63 เดินขึ้นศาลาชมวิวเพื่อชมน้ำตกคอนพะเพ็ง หรือ ตาด(น้ำตก)คอน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:48:51

ความคิดเห็นที่ 64 หรือน้ำตกไนแองการ่าแห่งเอเซีย เป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของลาวใต้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:49:20

ความคิดเห็นที่ 65 ลักษณะเป็นเกาะแก่งขนาดใหญ่หลายแห่งขวางลำน้ำโขง ทำให้เกิดกระแสน้ำตกรุนแรง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:49:45

ความคิดเห็นที่ 66 เรือจึงไม่สามารถแล่นผ่านได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:50:06

ความคิดเห็นที่ 67 ช่างภาพแถวนั้นบอกว่า เคยมีฝรั่งสามคนพยายามพายเรือแคนูผ่านคอนพะเพ็ง ผลก็คือตายหนึ่งบาดเจ็บสอง วันที่ไปดูมีเรือค้างอยู่บนยอดแก่งหินตรงกลาง ไม่ใช่เรือแคนูของฝรั่ง แต่เป็นเรือประมงของชาวบ้าน ต้องรอจนถึงฤดูน้ำหลากจึงจะหลุดออกมา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:50:35

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้ามาในฤดูน้ำหลากน้ำโขงขึ้นสูง ความสวยงามจะด้อยกว่านี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:50:57

ความคิดเห็นที่ 69 ทางด้านขวาสุดของศาลาขมวิว มีทางเดินอ้อมลงไปด้านล่างได้ ถ้ามาคนเดียวคงลงไปเก็บภาพน้ำตกใกล้ๆที่ด้านล่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:51:17

ความคิดเห็นที่ 70 จุดชมวิวที่ยืนชมอยู่นี้อยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำโขง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:51:42

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วยเลยค่ะ จากคุณ : Abb Porjai เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:51:56

ความคิดเห็นที่ 72 เป็นจุดเดียวที่สามารถชมน้ำตกคอนพะเพ็งได้กว่า 180 องศา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:53:07

ความคิดเห็นที่ 73 Abb Porjai ...ขอบคุณที่ติดตามครับ .................................................................................................. 12.55 น.เดินกลับไปที่จอดรถตามทางเดินที่ไม่ผ่านร้านค้าและร้านอาหาร ผ่านเรือนรับรองผู้ปกครองแขวง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:54:07

ความคิดเห็นที่ 74 แต่สาวๆฉีกตัวไปเดินดูของ...อีกแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:54:58

ความคิดเห็นที่ 75 ซื้อสร้อยคอไปฝากแฟนสองเส้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:55:25

ความคิดเห็นที่ 76 ระหว่างเดินกลับไปที่รถ สวนกับคณะทัวร์คนไทยกลุ่มใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:55:52

ความคิดเห็นที่ 77 ที่เดินทางมาด้วยรถโดยสารขนาดใหญ่จากฝั่งไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:56:20

ความคิดเห็นที่ 78 น้องชายแฟนโทรฯถามเสี่ย ป.ถึงร้านอาหารนอกคอนพะเพ็ง ได้รับคำตอบว่ารอบนอกไม่มีร้านอาหารที่ใช้ได้ จึงต้องเดินเข้าไปด้านในสุดอีกครั้ง เพื่อทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหาร น.มะไลพอน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:56:49

ความคิดเห็นที่ 79 แดดร้อน เลือกนั่งในร้านแต่ติดทางเดิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:57:14

ความคิดเห็นที่ 80 ร้านนี้เป็นร้านที่วิวดีที่สุด เพราะมองเห็นส่วนหนึ่งของคอนพะเพ็ง มีโต๊ะนั่งริมโขงด้วย ถ้าเป็นตอนเย็น นั่งจิบเบียร์ชมน้ำตกคงเพลินน่าดู จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:58:40

ความคิดเห็นที่ 81 ร้านนี้เป็นอีกร้านหนึ่งที่มีคณะทัวร์จองอาหารเที่ยงไว้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:59:08

ความคิดเห็นที่ 82 เจ้าของร้านเป็นคนไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 02:59:36

ความคิดเห็นที่ 83 รายการอาหารและราคา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:00:03

ความคิดเห็นที่ 84 ยังไม่มีโอกาสสั่งเบียร์ลาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:00:28

ความคิดเห็นที่ 85 เนื่องจากทัวร์ใกล้ลง จึงสั่งอาหารที่ง่ายที่สุดคือข้าวหมูทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:00:57

ความคิดเห็นที่ 86 แต่ก็นานมากจนออกไปเดินเล่นหน้าร้าน เบียร์ล้านซ้างหรือเบียร์ล้านช้าง เบียร์ยี่ห้อนี้น่าจะเป็นเบียร์ยี่ห้อใหม่ ได้ยินว่ากลุ่มเบียร์ช้างมีการลงทุนหลายอย่างในลาว แต่ไม่แน่ใจว่านี่คือธุรกิจหนึ่งของกลุ่มเบียร์ช้างหรือไม่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:01:27

ความคิดเห็นที่ 87 กลุ่มช่างภาพออกันอยู่ที่สะพานข้ามไปศาลาชมวิว รอคณะทัวร์ที่ทานข้าวเสร็จ อากาศไม่เย็นแล้ว แต่แดดแรงขนาดต้องกางร่มให้ศาลพระภูมิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:02:49

ความคิดเห็นที่ 88 ขนาดสั่งอาหารที่ทำง่ายที่สุด ผ่านไป 32 นาทีจึงได้ข้าวหมูทอดจานละ 80 บาทกันคนละจาน ข้าวเจ้าของลาวเม็ดสั้นและใส มองเผินๆนึกว่าข้าวเหนียว แถมยังเหนียวนิดๆแต่หอมอร่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:03:33

ความคิดเห็นที่ 89 ออกจากร้านอาหารน้องชายแฟนแวะซื้อน้ำตาลตาล พวงละ 10 แท่งหนัก 4.3 กก.ราคา 200 บาท ตอนหลังลูกน้องบอกว่าถ้าซื้อที่ดอนโขงแค่ร้อยเดียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:03:58

ความคิดเห็นที่ 90 แม่ค้าเชียร์ให้ซื้อเปลือกไม้กำลังเสือโคร่ง และเหล้าดอง แต่ไม่สนใจซื้อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:04:25

ความคิดเห็นที่ 91 ถึงด่านเก็บเงินเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 100 เมตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:04:49

ความคิดเห็นที่ 92 เพื่อไปดูต้นมณีโคตรหรือต้นชี้ตายปลายชี้เป็น ซึ่งขึ้นอยู่บนเกาะหนึ่งของคอนพะเพ็งกลางแม่น้ำโขง เป็นต้นไม้ไม่มีใบ มีต้นไม้อีกสองต้นบังอยู่ ยอดแตกออกเป็นสามกิ่งโค้งลงคล้ายงวงช้าง แต่ละกิ่งชี้ไปทางประเทศไทย กัมพูชาและไทย เชื่อกันว่ากิ่งที่ชี้ไปประเทศใดงอกงามกว่า ประเทศนั้นก็จะเจริญกว่าอีกสองประเทศ เชื่อกันว่าเป็นต้นไม้จากแดนสวรรค์ที่มีต้นเดียวในโลก ใครที่ได้ทานผลของต้นมณีโคตรจะมีชีวิตยืนยาว แต่ด้วยความเชี่ยวของกระแสน้ำ จึงยังไม่มีใครข้ามไปเด็ดได้ ต้นมณีโคตรมีความเกี่ยวข้องกับมหากาพย์รามเกียรต์ โดยมีสองตำนาน ตำนานหนึ่งหนุมานใช้กิ่งชี้เป็นชุบชีวิตทหารของพระราม ทำให้รบชนะทศกัณฐ์ อีกตำนานหนึ่งเกี่ยวข้องกับการกำเนิดของหนุมาน ที่พระรามและนางแก้วแพงศรี หลงกินผลจากกิ่งต้นมณีโคตรทางทิศใต้ จนกลายร่างเป็นลิงเผือก และสมสู่กันจนเกิดเป็นหนุมาน อ่านรายละเอียดของตำนานรามเกียรต์ได้ที่ : http://gotoknow.org/blog/mikau/232497 ต้นมณีโคตรคงเป็นเพศเมีย เพราะตรงจุดชมต้นมณีโคตร มีศาลเจ้าแม่มณีโคตรคอนพะเพ็งตั้งอยู่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 03:05:26