ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับส่วนผสม ครัมเพต (crumpets - ทำได้ประมาณ 16-18 อัน แล้วแต่ความหนาและขนาดของวง) - แป้งขนมปัง 2 ถ้วย (230g) - แป้งอเนกประสงค์ 1 2/3 ถ้วย (230g) - ครีมออฟทาร์ทาร์ 3/4 ช้อนชา - ยีสต์ 2 1/4 ช้อนชา - น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา - น้ำอุ่น 2 1/4 ถ้วย - เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา - โซเดียมไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) 1/2 ช้อนชา - นมอุ่น 2/3 ถ้วย ส่วนอุปกรณ์พิเศษที่ต้องใช้ - กะทะก้นแบน ถ้าเป็นเทฟล่อนได้ยิ่งดี - ห่วงทอดไข่ดาว หมายเหตุ ถ้ามีแป้งแค่ชนิดเดียว ก็ใช้ชนิดเดียวได้ครับ ไม่ต้องผสมก็ได้ ถ้าไม่มีครีมออฟทาร์ทาร์ กับเบคกิ้งโซดา ก็น่าจะใช้ผงฟูแทนได้ครับ ถ้าไม่มีห่วงทอดไข่ดาว อาจจะทำเองโดยการตัดกระป๋องนม หรือกระป๋องผลไม้กระป๋องเป็นท่อนๆ ก็น่าจะใช้ได้ (แต่ระวังมันบาดมือด้วยนะครับ) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:27:44

ความคิดเห็นที่ 2 ขั้นแรกเตรียมยีสต์ โดยเอาน้ำตาลทรายไปละลายในน้ำอุ่น 3/4 ถ้วย (อุ่นๆ นะครับ อุ่นประมาณน้ำที่เราอาบเวลาอาบน้ำอุ่น หรืออุ่นประมาณที่เราเอานิ้วจุ่มไปแล้วทนแช่ได้นานๆ) แล้วใส่ยีสต์ลงไป คนให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีจนเป็นฟอง จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:28:25

ความคิดเห็นที่ 3 ในขณะที่รอยีสต์ ร่อนแป้งทั้งหมด + ครีมออฟทาร์ทาร์ เอาใส่ชามใหญ่ไว้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:28:48

ความคิดเห็นที่ 4 พอยีสต์ได้ที่ ฟองจะขึ้นเหมือนโค้ก เหมือนเบียร์เลยครับ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 53 21:29:49 จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:29:12

ความคิดเห็นที่ 5 พอยีสต์ได้ที่ ฟองจะขึ้นเหมือนโค้ก เหมือนเบียร์เลยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:29:58

ความคิดเห็นที่ 6 ดูข้างๆ จะเห็นได้ชัด ว่ายีสต์ทำงานได้ดี ฟองฟอดๆๆ จากนั้นก็เอาไปผสมกับน้ำอุ่นที่เหลือ (เหลืออยู่ 1.5 ถ้วย) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:30:30

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วก็เทผสมลงไปในชามแป้ง แล้วก็ใช้ช้อนไม้ ทัพพี หรือมือนี่แหละครับ คนๆๆๆ แรงๆ ประมาณ 2 นาที ตรงนี้สำคัญ ต้องคนแรงนิดนึงเพื่อให้แป้งเกิดกลูเต็น ครัมเพตที่ได้จะได้เหนียวๆ นุ่มๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:30:50

ความคิดเห็นที่ 8 คนจนแป้งเนียนได้ที่ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:31:11

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วก็เอา wrap พลาสติกปิดไว้ หรือเอาผ้าขนหนูคลุมไว้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:31:32

ความคิดเห็นที่ 10 เอาชามไปวางไว้ในที่อุ่นๆ (ผมใช้วิธีเปิดเตาอบไว้ประมาณครึ่งนาที แล้วปิดเตา แล้วค่อยเอาชามเข้าไปวางในเตา อุ่นสมใจเลยทีเดียว) ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:32:22

ความคิดเห็นที่ 11 เอาแป้งออกมา จะเห็นว่าแป้งจะขยายตัว จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:32:44

ความคิดเห็นที่ 12 เอาเกลือใส่ แล้วก็ใช้ช้อน หรือมือคนแรงๆ ไปอีกประมาณ 1 นาที แล้วเอาแร็ปห่อไว้เหมือนเดิม วางพักไว้ในที่อุ่นๆ อีกประมาณ 15-20 นาที จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:33:10

ความคิดเห็นที่ 13 พอครบเวลา ก็อุ่นนมให้อุ่นๆ แล้วละลายเบคกิ้งโซดาลงไปในนม จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:33:38

ความคิดเห็นที่ 14 ค่อยๆ เทลงไปในแป้ง พร้อมกับคนเบาๆ ให้เข้ากัน แป้งที่ได้ จะข้นๆ ประมาณเวลาทำของชุบแป้งทอด หรือแป้งแพนเค้กครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:34:03

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นก็เตรียมอุปกรณ์สำคัญ นั่นคือห่วงทอดไข่ดาว หรือฝรั่งเรียกว่า muffin ring หรือ crumpet ring ออกมา ยิ่งมีมากยิ่งดี จะได้ทำได้ทีเดียวหลายๆ อัน (แต่กะทะก็ต้องใหญ่ด้วยนะครับ) เอาเนย หรือน้ำมันพืชทาห่วงให้ทั่ว ไม่งั้นตอนถอดห่วงออกจะลำบากครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:34:38

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ ห่วงแบบนี้หาซื้อได้ในห้าง และร้านอุปกรณ์ทำอาหารนะครับ เท่าที่ดูๆ มา โลตัสจะถูกสุด อันละสี่สิบกว่าบาท ห้างอื่นๆ ก็มี เท่าที่เห็นอันละห้าสิบกว่าบาท หรือจะทำเองก็ได้ ถ้าใครมีเครื่องมือช่างหรือทักษะ ก็อาจจะตัดกระป๋องนม กระป๋องผลไม้กระป๋อง หรือกระป๋องทูน่า ให้เป็นห่วงก็ได้ แต่อย่าลืมลบคมให้หมดนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะอันตรายได้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:35:24

ความคิดเห็นที่ 17 ตั้งกระทะให้ร้อน โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อนจนกระทะร้อนจัด (น่าจะประมาณ 3 นาที) จากนั้นเอาห่วงลงไปก่อนอันเดียวครับ เราต้องทดลองแป้งเราก่อน ว่าหนาไป หรือบางไป ถ้าหนา มันจะไม่เกิดรู ถ้าบางไปแป้งจะไหลออกทางใต้ห่วงครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:35:51

ความคิดเห็นที่ 18 ตักแป้งใส่ลงไป ประมาณ 1 ทัพพี หรือประมาณ 1/3 ถ้วย แต่ก็แล้วแต่ขนาดของห่วงนะครับ ลองกะๆ เอา พอแป้งลงไปแล้ว เราจะเห็นฟองเกิดขึ้นเลยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:36:18

ความคิดเห็นที่ 19 สักพัก ฟองจะปุดๆๆๆ ทั่วอัน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:36:46

ความคิดเห็นที่ 20 ทอดต่อไปสักครู่มันจะเริ่มเกิดรูแบบในรูปนะครับ ถ้าไม่เกิดฟองหรือรู แสดงว่าแป้งข้นไป หนาไป เราอาจจะเติมน้ำอุ่นลงไปทีละช้อน อย่าเติมไปเยอะนะครับ เดี๋ยวมันจะบางไป หรือถ้าบางเกินไป แป้งอาจจะไหลออกมาทางก้นห่วง เราก็แก้ได้โดยการเติมแป้งเข้าไปผสมครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:37:36

ความคิดเห็นที่ 21 พอเวลาผ่านไปประมาณ 6-8 นาที (ขึ้นอยู่กับความหนา และความแรงของไฟ) รูจะเกิดเต็มอัน และหน้าครัมเพตจะเริ่มแห้ง เซ็ตตัว จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:38:08

ความคิดเห็นที่ 22 พอหน้าแห้งแล้วเราก็เอาห่วงออก ถ้าห่วงมีที่จับ (แบบที่ผมใช้) ก็เอาออกง่าย ถ้าไม่มี ก็อาจจะใช้ตะเกียบ ใช้ที่คีบ หรือใช้ทัพพีพลาสติกช่วย เอาห่วงออกแล้วก็กลับครัมเพตครับ จะเห็นก้นมันเป็นสีน้ำตาลทองสวยงาม ทอดด้านหน้าของมันไปต่ออีกประมาณ 1 นาทีครับ แล้วก็เอาขึ้น ทดลองทีละอันจนเห็นว่าแป้งได้ที่แล้ว จากนั้นก็ทำทีละเยอะๆ เลยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:39:00

ความคิดเห็นที่ 23 ทำครั้งละ 4 อันไปเลย (อันบนซ้ายนั่นไม่ใช่แป้งรั่วออกทางก้นนะครับ ผมตักแป้งแล้วเทหกเอง) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:39:27

ความคิดเห็นที่ 24 ฟองจะค่อยๆ ขึ้น ทีนี้เนื่องจากเราใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ไฟมันจะร้อนมากตรงกลาง ทำให้ตรงกลางจะสุกไวกว่า ดังนั้นพอแป้งมันเริ่มเซ็ตตัว เราอาจจะหมุนห่วงให้มันสุกเท่าๆ กันได้ครับ เวลาในการทอดคือ 6-8 นาที พอหน้าเริ่มแห้ง ก็เอาห่วงออกแล้วกลับด้านทอดอีกประมาณ 1-2 นาทีครับ ที่สำคัญ ทาเนย หรือน้ำมันพืชที่ห่วงทุกรอบที่ทำนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวแป้งจะติดห่วง เอาออกยาก จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:39:59

ความคิดเห็นที่ 25 นี่ครับ เสร็จแล้วหน้าตาเป็นแบบนี้ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:40:25

ความคิดเห็นที่ 26 รูพรุนนี่แหละคือเอกลักษณ์สำคัญของครัมเพต จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:40:44

ความคิดเห็นที่ 27 ปริมาณของสูตรนี้จะทำได้ประมาณ 16-18 อันครับ แล้วแต่ว่าทำหนาหรือบาง หรือห่วงใหญ่แค่ไหน จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:41:02

ความคิดเห็นที่ 28 ทำเสร็จแล้วจะเอามากินตอนร้อนๆ ก็ได้เลยครับ หรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้ได้นานหลายสัปดาห์ อายุน่าจะพอๆ กับขนมปัง (ไม่เคยเก็บได้นานเกิน 4-5 วันซะทีครับ กินหมดก่อนตลอด) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:41:56

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าเก็บใส่ตู้เย็นไว้ เวลาจะกิน ก็เอาออกมาใส่ที่ปิ้งขนมปัง หรืออุ่นด้วยไมโครเวฟได้เลยครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:42:20

ความคิดเห็นที่ 30 มาถึงส่วนสำคัญที่สุด นั่นคือตอนจะกินครัมเพตครับ ครัมเพตนี่โดยทั่วไปแล้ว คนอังกฤษเค้าจะเอาไว้กินกับเนยครับ ซึ่งมันก็เข้ากันจริงๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:42:40

ความคิดเห็นที่ 31 น่ากินจังเลยค่ะ  รสชาติออกเค็มหรือหวานคะ จากคุณ : Schnuggy ชนุ๊กกี้ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:42:59

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนที่ครัมเพตยังร้อนๆ เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ หรือเพิ่งปิ้งในที่ปิ้งขนมปังใหม่ๆ ก็เอาเนยทาลงไปให้ละลาย ทาเข้าไปเลยครับ เยอะๆ เลยยิ่งอร่อย จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:43:25

ความคิดเห็นที่ 33 คุณชนุ๊กกี้ --- รสชาติจะออกจืดๆ หน่อยครับ คล้าย English muffin เค็มปะแหล่มๆ เหมาะกับเอาไว้กินกับเนย หรือพวกแยมครับ ------------------------------------------------ เนยจะละลายแล้วเข้าไปอยู่ในรูพรุนของครัมเพตครับ แล้วครัมเพตมันจะชุ่มเนยมากๆๆๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:45:33

ความคิดเห็นที่ 34 ดูกันชัดๆ ครับ เนยมันจะลงไปอยู่ในรู ถ้าใครชอบขนมปังเนยสด หรือชอบกินขนมที่ใส่เนยอย่างผมล่ะก็ ครัมเพตทาเนยนี่สวรรค์แท้ๆ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:46:03

ความคิดเห็นที่ 35 อาจจะกินโดยทาแค่เนยแค่นั้น หรือ... จะเอาน้ำผึ้งราดตาม (ซ้าย) หรือทาแยม (ขวา) ก็ได้ครับ นอกจากนี้ หลังจากทาเนยแล้ว อาจจะตามด้วย นมข้นหวาน เนยถั่ว นูเทล่า น้ำเชื่อมรสต่างๆ ช็อคโกแลตซ้อส ฯลฯ ได้ทั้งนั้น หรือจะกินแบบคาว โดยเอาชีสวาง ตามด้วยแฮม ไข่ดาวก็ได้ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:46:26

ความคิดเห็นที่ 36 โดยประวัติของครัมเพตแล้ว สมัยก่อนคนอังกฤษเค้าจะกินคู่กับชาร้อน แต่ของผม เพื่อให้สมชื่อ ก็นี่เลยครับ มัตฉะลาเต้ (ชาเขียวใส่นม) จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:47:13

ความคิดเห็นที่ 37 บิออกให้ดูเนื้อของครัมเพตครับ มันจะเหนียวๆ นุ่มๆ มีรูพรุน ย้ำว่าอร่อยมาก และทำง่ายมากครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:47:37

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณที่ติดตามครับ enjoy your คลำเป็ด... จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 21:48:13

ความคิดเห็นที่ 39 Hmm.. Yummy.. Ps. Your oven is so clean. :) จากคุณ : troy เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:13:53

ความคิดเห็นที่ 40 อืม! น่ากินดีเนอะ จากคุณ : ตบหัวแล้วอย่าลูบหลัง เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:19:46 A:125.24.37.124 X: TicketID:189367

ความคิดเห็นที่ 41 บิแล้วดูเหมือนขนมถังแตก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:29:42

ความคิดเห็นที่ 42 ครัมเพตเอาไปอุ่นในที่ปิ้งขนมปังได้เหรอคะ  ไม่เหนียวติดตะแกรงข้างในนะคะ ได้สูตรได้วิธีทำชัดเจนแจ่มแจ้งแบบนี้  คงต้องทำบ้าง  ติดว่าต้องซื้อห่วงกลมๆนั่นก่อนค่ะ จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:31:29

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนอยู่ ออส ได้มีโอกาสไปทำงาน โรงงานทำอาหาร ทำไอ้ตัวนี้เป็นอาชีพหลักเลย แต่ดันไม่รู้จักว่ามันคืออะไร ถามเชพ เชพ บอก แพนเค๊ก หาตั้งนานว่ามันคืออะไร ขอบคุณ จขกท มากครับ ในที่สุดผมก็หายสงสัยซะที 555 จากคุณ : aui2222 (aui2222) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:41:20

ความคิดเห็นที่ 44 คิดเหมือนอาสามค่ะ ว่า คล้ายขนมถังแตก จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:49:12

ความคิดเห็นที่ 45 #39 คุณ troy มันเป็นเตาใหม่น่ะครับ ใช้มายังไม่ถึงครึ่งปีเอง ใช้อบขนมมาไม่เกิน 20 ครั้ง เลยยังดูใหม่อยู่เลย #40 คุณตบหัวแล้วอย่าลูบหลัง ขอบคุณครับ #41 คุณ laser จะว่าคล้ายก็คล้ายถังแตกครับ แต่เนื้อมันจะต่างกันอยู่เหมือนกันครับ #42 คุณป้าอ้วนฯ เอาใส่ที่ปิ้งขนมปังได้ครับ ไม่ติดแน่นอน แต่ปัญหาคือมันเล็กกว่าขนมปัง เวลาเอาออกจากเครื่องปิ้ง อาจจะยากนิดนึง ต้องเอาตะเกียบคีบออก หรือไม่ก็เอาอะไรช่วยเขี่ยออกมาครับ จริงๆ แล้วถ้าไม่มีห่วงทอดไข่ ป้าอ้วนฯ อาจจะใช้พวกพิมพ์คุ้กกี้ที่เป็นโลหะก็ได้ครับ หรือจริงๆ แล้วไม่ใช้ห่วงเลยก็ได้ครับ ตักใส่ไปบนกะทะเลย แผ่นมันจะบางหน่อย และหน้าตาไม่ดีเท่า แต่ก็กินได้อร่อยครับ (จริงๆ แล้วถ้าไม่ใส่ห่วง เทไปเลย ในบางที่จะเรียกว่า pikelet ครับ) #43 คุณ aui2222 ฝรั่งบางคนก็เรียกว่า pancake ครับ เพราะมันคล้ายกับ Scottish pancake (บางคนเรียก pikelet) และวิธีการทำมันก็คล้ายกันครับ #44 คุณหมู (ตัว) อ้วน หน้าตาคล้ายถังแตกจริงครับ แต่เนื้อต่างกันอยู่พอสมควร ครัมเพตจะเหนียวกว่า ขนมถังแตกใช้แป้งข้าวเจ้า กับกะทิ ส่วนครัมเพตจะเป็นแป้งขนมปังกับนมสดครับ นอกนั้นก็คล้ายกันครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 22:59:20

ความคิดเห็นที่ 46 น่าทานค่ะ จากคุณ : เป็นที่ยินดีดุจพระอาทิตย์ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 23:02:18

ความคิดเห็นที่ 47 คุณชาเขียว  เยี่ยมจริง ๆ ค่ะ ทำสด ๆ เอง  ดูน่าทานมาก เพิ่งรู้ว่าวิธีทำเค้าทำกันอย่างนี้นี่เอง  เป็นเพราะใส่ยีสต์ด้วยถึงได้มีรูพรุน ๆ แต่ต้องขอสารภาพว่าคงซื้อต่อไปอ่ะค่ะ (คงไม่ว่ากันนะ)  เพราะมันหาซื้อได้ง่ายอ่ะค่ะ   ภาพสวยด้วยอ่ะค่ะ  ชัดเจนทุกขั้นตอนเลย จากคุณ : Amber n the Gang เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 23:53:53

ความคิดเห็นที่ 48 เทพมว๊ากกกกกก จากคุณ : L-Nets เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 53 23:56:28

ความคิดเห็นที่ 49 ทำง่ายดีจังค่ะ น่าลอง ยิ่งชอบอะไรที่ชุ่มเนยแบบนี้อยู่แล้ว น่าทานดีค่ะ จากคุณ : ย่าน้องวิน เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 00:19:30

ความคิดเห็นที่ 50 wow ไม่เคยรู้จักเลยครับ น่าลองจัง จากคุณ : blame me เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 00:28:23

ความคิดเห็นที่ 51 ตามมา....คลำเป็ด ปูลู ขอบอกว่า เข้ามาเพราะคำนี้โดยแท้ >>> คลำเป็ด จากคุณ : เจ้าปลาทอง เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 02:28:28

ความคิดเห็นที่ 52 ฮ่าๆๆๆ เข้ามาเพราะชื่อแท้ๆเชียว อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 05:47:48

ความคิดเห็นที่ 53 คลำเป็ด.... ฮึ เดี๋ยวจะทำคลำห่าน... .............................. ดูรูปทีแรก นึกว่า อิดลี่ ของอินเดียใต้ 555 หน้าตาคล้ายกัน แต่รสชาติคนละเรื่องเลยค่ะ ิต้องลองทำแหะ ตอนราดน้ำเชื่อมน่ากินเมิ่กมาก ก ก ก จากคุณ : noo-uan เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 08:06:01

ความคิดเห็นที่ 54 ขยันจังเรยค่ะ เราหยุดสี่วันรวดทำขนมวันเดียวเอง ที่เหลือ กิน นอน ดูทีวี นั่งเล่นเน็ต up face 555 เปิดเวปดูเพื่อนๆ up ขนม จาได้ลงไปทำบ้างหง่ะ อิอิ จากคุณ : ข้าวหลามดำ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 10:00:46

ความคิดเห็นที่ 55 น่ากินมากกกกกกกกกก ยิ่งตอนเนยละลาย.. จากคุณ : wisky_soda_cola (Wisky_soda_cola) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 12:42:11

ความคิดเห็นที่ 56 ปรบมือให้ดังๆๆๆๆ เลยค่ะ English muffin เนี่ย ของโปรดเลยค่ะ อาหารประจำบ้าน ปรกติ ที่ ซื้อมา จะหนา เค้าจะผ่าแบ่งครึ่งตรงกลาง ย่าง ทาเนย โรยน้ำตาล (ซัน อน โต้)  ของญี่ปุ่นเป็นประจำ จนเรียกว่า ลูกเต้า แทบไม่รู้จักวิธีทานแบบอื่น .... (นานๆก็ ประกบ คันทรี่ ซ้อสเสจทานซักที) แต่ ... ไม่เคยคิดจะทำเลยค่ะ ดูแล้วน่าทำ จะลองดูค่ะ ขอบคุณมากกกก ..... ค่ะ   จากคุณ : nijja เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 15:29:54

ความคิดเห็นที่ 57 น่ากินจังเลยค่ะ เห็นแล้วอยากคลำเป็ดบ้าง อิอิ รสชาติมันประมาณไหนคะ จากคุณ : แบ๊น แบน เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 20:51:14

ความคิดเห็นที่ 58 #46 คุณเป็นที่ยินดีดุจพระอาทิตย์ ขอบคุณครับ #47 คุณ Amber n the Gang ถ้าเมืองไทยมีขายไม่แพง ผมก็คงซื้อกินเอาเหมือนกันครับ ที่อังกฤษ นิวซีแลนด์นี่หาซื้อง่ายพอๆ กับขนมปังเลย #48 คุณ L-Nets รอบนี้เข้ามาช้านะครับนี่ #49, #50 คุณย่าน้องวิน และคุณ blame me ถ้าลองทำเมื่อไหร่ ตั้งกระทู้บอกกันด้วยนะครับ #51, #52 คุณเจ้าปลาทอง และคุณทนายอ้วน ฮั่นแน่ มีคนหลงกลมุขเป็ดผมด้วย ฮี่ๆ #53 พี่หนูอ้วน ลองทำเลย ทำให้มะอึดกับเฮม่ากับซะมีพี่กิน รับรองติดใจแน่ๆ #54 คุณข้าวหลามดำ ไม่ขยันหรอกครับ ผมก็กะว่าจะหาเวลาทำขนมให้ได้อาทิตย์ละครั้งนี่แหละ อย่างน้อยๆ คนที่บ้านก็ชอบกัน #55 คุณ wisky_soda_cola ยิ่งทาเนยมาก ยิ่งอร่อยครับ #56 คุณ nijja จริงๆ แล้วครัมเพตกะอิงลิชมัฟฟินนี่ก็ต่างกันพอควรนะครับ ผมวางแผนไว้แล้วว่า เดี๋ยวพอมีเวลาจะทำอิงลิชมัฟฟิน + ซอสเซจ + ชีส + ไข่ ทำแบบแมคมัฟฟินดู ถ้าทำเมื่อไหร่จะมาตั้งกระทู้อีกครับ #57 คุณ แบ๊น แบน รสชาติค่อนข้างจืดครับ หวานนิด เค็มหน่อยๆ แต่เนื้อมันจะเหนียวๆ นุ่มๆ ลองนึกถึงขนมครกสีเขียวๆ ที่ขายที่สยามอ่ะครับ (เค้าเรียกว่าอะไรหว่า) มันจะหยุ่นๆ เหนียวๆ ประมาณนั้น แต่ไม่หวานเท่า อ่อ และก็มีกลิ่นยีสต์ครับ จากคุณ : ชาเขียว เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 21:55:46

ความคิดเห็นที่ 59 คริ คริ ... อ่านหนังสือไม่แตก .... ค่า ... หน้าแตกแทน ... ย้อนกลับไปอ่านใหม่ ... เข้าใจไปว่า นี่คือ อิงลิชมัฟฟิน เวอชั่นครัมเปต ... ซะอีก .... แฮ่ อย่างไรก็ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : nijja เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 00:12:50

ความคิดเห็นที่ 60 แม่ผมชอบกินมาก เคยมีขายที่วิลล่า นิชดาธานี อยู่ในตู้แช่แข็ง ไม่ค่อยมีคนซื้อ พักนี้เลยหายไป อีกที่่ก็ มาร์คฯ ที่ฮ่องกง แช่จนแข็งเหมือนกัน ไม่ค่อยน่ากินเหมือนของจขกท. จากคุณ : BrabusK4 เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 53 17:12:10

ความคิดเห็นที่ 61 น่าทานมากเลยค่ะ จากคุณ : babbbirdbird เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 00:02:44