ดีเดย์ 1 ก.พ.ห้ามส่งออกผักไปอียู
|
|
กรมวิชาการเกษตร ประกาศมาตรการห้ามส่งออกผักไปยัง 27 ประเทศในสหภาพยุโรปชั่วคราว เริ่ม 1 ก.พ.นี้ หลังอียูตรวจพบศัตรูพืชในผักถึงขั้นเตรียมออกมาตรการห้ามนำเข้าผักไทย คาดกระทบรายได้จากการส่งออกผักกว่า 738 ล้านบาท พร้อมแนะผู้ผลิตและผู้ส่งออกเร่งปรับปรุงระบบควบคุมการผลิต และระบบควบคุมความปลอดภัยสารตกค้าง เชื้อจุลินทรีย์และสุขอนามัยพืช
นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ ประเทศไทยจะงดการส่งออกผักไปยัง 27 ประเทศในสหภาพยุโรป(อียู)ชั่วคราว หลังจากที่อียูได้ตรวจพบศัตรูพืชกักกันในพืชผักผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จนทำให้อียู.เตรียมออกมาตรการห้ามนำเข้าพืชผักบางชนิดของไทย ซึ่งผลการเจรจาระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับหน่วยงาน Health and Consumer(DG-SANCO) ของอียู. ได้ข้อสรุปว่า หากไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัยพืชในสินค้าพืชผักจำนวน 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า 2. พริก 3. มะระจีน มะระขี้นก 4. มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือม่วง มะเขือขาว มะเขือขื่น และ5. ผักชีฝรั่ง ทางอียู.จำเป็นต้องออกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย เนื่องจากพืชเหล่านี้เป็นพืชควบคุม และศัตรูพืชที่ตรวจพบเป็นศัตรูพืชกักกันของอียู. ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตรจะออกประกาศชะลอการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชผักทั้ง 5 กลุ่มที่จะส่งออกไปยังอียู. เพื่อไม่ให้ส่งออกผักที่เป็นปัญหาชั่วคราว และในระหว่างนี้หากพบการลักลอบส่งออก หรือลักลอบซุกซ่อนสอดไส้สินค้าพืชควบคุม ก็จะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
สำหรับมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกพืชผักทั้ง 5 กลุ่มนี้กว่าปีละ 738 ล้านบาท (เดือนละ 50 ล้านบาท หรือประมาณผักส่งออก 2,700 ตันต่อเดือน) หรืออาจรุนแรงถึงขั้นสูญเสียตลาดส่งออก
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า การที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าวได้เร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับผลการปรับปรุงระบบควบคุมการผลิตของผู้ผลิตและผู้ส่งออก จึงกำชับให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออก ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด และเร่งปรับปรุงระบบควบคุมด้านความปลอดภัยทั้งด้านสารตกค้าง เชื้อจุลินทรีย์ และสุขอนามัยพืช เนื่องจากมาตรการของอียู.ที่กักสุ่มตรวจสารตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์ในสินค้าพืชผัก เช่น ถั่วฝักยาว มะเขือ คะน้า กะเพรา โหระพา ผักชีไทย และสะระแหน่ อาจยกระดับความรุนแรงเป็นห้ามนำเข้าได้หากยังพบปัญหาต่อเนื่อง สำหรับศัตรูพืชที่มีการตรวจพบ ประกอบด้วย แมลงหวี่ขาว หนอนชอนใบ แมลงวันผลไม้ และเพลี้ยไฟ พร้อมแนะนำให้เกษตรกรเลือกใช้เทคโนโลยีป้องกัน หรือสารเคมีที่ไม่เป็นอันตราย หรือ ใช้วิธีกางมุ้งปลูกผัก ซึ่งกรมวิชาการเกษตรจะเข้าให้ความช่วยเหลือ
ขณะที่การช่วยเหลือเบื้องต้นกับกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกผักส่งออกนั้น จะมีการประสานไปยังเกษตรจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาตลาดใหม่ให้กับเกษตรกร 1,000 กว่าแปลงที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 ม.ค. 54 กรมวิชาการเกษตรจะเรียกประชุมผู้ส่งออก 40 บริษัท,ผู้แทนเกษตรกร,ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ ตัวแทนผู้ขนส่งสินค้า ทั้งหมดมาทำความเข้าใจปัญหาดังกล่าว และร่วมกันวางแผนแก้ปัญหาเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด
จากคุณ |
:
JACQUETTE
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ม.ค. 54 23:04:37
|
|
|
|