ความคิดเห็นที่ 1 เอ่อ............ ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ แต่เราก็ว่ารัฐเค้าก็ทำใช้ได้นะ  ไม่ได้เหมือนหลอกชาวบ้าน แต่ทุกสินค้าพอจะขึ้นราคาของขาดตลอดแหละค่ะ  มันอยู่ที่จิตสำนึกของผู้ประกอบการมากกว่า จากคุณ : noonoon เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 23:56:32

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้ประกอบการที่ว่า ก็เป้นพวกของรัฐทั้งนั้นแหละครับ หุหุ แก้ปัญหาแบบนี้ อย่าแก้ดีกว่า หุหุ......... จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 01:14:29

ความคิดเห็นที่ 3 ไร้ฝีมือ จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 09:15:19

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่อยากจะโยงการเมืองเท่าไรนะครับ แต่การจะออกมาตรการอะไรแบบนี้ ภาครัฐควรจะมีวิธีรองรับปัญหากักตุนที่จะเกิดขึ้น กรมการค้าภายในออกตรวจบ้างหรือเปล่า ? ปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านตาดำๆ ช่วยหันมามองก่อนเถอะ อภิมหาโปรเจค เอาไว้ทีหลัง ลองท่านนายกไปเดินตามท้องถนน เจอแม่ค้าไก่ทอดละก็ ระวังตัวไว้นะครับ จากคุณ : realp** เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 09:57:36

ความคิดเห็นที่ 5 เราเรียนหนังสือกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าเกลือทะเลมีประโยชน์ เพราะมีไอโอดีน ตามธรรมชาติ  คนโบราณที่เค้าเดินทางค้าขาย ก็ขนเอาเกลือทะเลไปขายให้ กับผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากทะเล แล้วไม่มีเกลือทะเลกิน ปัจจุบันแทบจะหาเกลือทะเลจากท้องตลาดไม่ได้ เพราะนักการเมืองบางท่าน มีผลประโยชน์แฝงกับเกลือสินเธาน์ ออกมาตรการบ้า ๆ บอ ๆ กำหนดมาตรฐาน ให้เกลือที่จำหน่ายในท้องตลาดต้องมีไอโอดีนในอัตราที่สูงกว่าเกลือทะเลมี ตัวเกลือสินเธาน์มันไม่มีไอโอดีนก็จัดการเติมให้มีอัตราตามที่มาตรฐานกำหนด แค่นี้ก็กีดกันเกลือทะเลออกจากตลาดได้ แค่ทำแพ็คเกจให้สวย ๆ ก็ขายได้ แพง ๆ แล้ว มิหนำซ้ำไอ้เจ้าเกลือสินเธาน์นี่ มันเป็น by product ของเค้าซะอีก ต้นทุนไม่ต้องพูดถึง  หุหุหุ..... กลิ่นตุตุดีชะมัด เมื่อน้ำมันขาดตลาด มันเป็นเรื่องของวิกฤตจากภัยธรรมชาต ไม่ได้เกิดขึ้นทุก ปีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็เข้าฤดูกาลใหม่แล้ว เมื่อรัฐบาลรู้ว่าซัพพลายน้อย ก็นำเข้า มาเพื่อรักษาสมดุลย์ได้ แต่ดันประกาศขึ้นราคาก่อน แล้วค่อยนำเข้ามา ไอ้พวก ที่นำเข้ามาก็กักตุนต่ออีกรอบ ทำให้ตลาดมันขาดแคลน ปั่นป่วนเล่น ทีนี้ราคา ก็พุ่งเอาพุ่งเอา แล้วประชาชนตาดำ ๆ อย่างเรา ๆ จะทำกันยังไง คุยกับแม่ค้าพ่อขายแล้วยิ่งปวดหัว ของแพงขึ้นทุกอย่าง ช่วงข้าวขึ้นราคา หมูขึ้น ราคา  ราคาข้าวแกงก็ปรับขึ้นทีละ 5-10 บาท อีรอบนี้จะปรับขึ้นกันไปอีกกี่ เปอร์เซ้นต์  ยุคนี้ข้าวยากหมากแพงเหมือนเกิดสงครามเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 54 10:22:55 จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:21:11

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบนี้ กลับไปเป็นฝ่ายค้านตามเดิมเถอะครับ อุตส่าห์เอาใจช่วย นึกว่าแน่ เพราะจบจากอังกฤษมาทั้งนายกฯและ รมว.คลัง ประชาธิปัตย์นี่ไร้ฝีมือบริหารบ้านเมืองจริงๆ.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:44:09

ความคิดเห็นที่ 7 อยากโหวตจังค่ะ แต่ไม่โยงการเมืองว่า   ฝ่ายไหนได้มั้ยคะ อยากให้เขารับรู้บ้างว่า    ประชาชนก็รู้ว่ามันเป็นอย่างไร จากคุณ : นาโนจัง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:12:16

ความคิดเห็นที่ 8 ล่าสุดวันนี้ร้านข้าวแกงที่ผมซื้อแกงประจำจากถุงล่ะ 20 บาท ขอขึ้นเป็น 25 บาท แล้วครับบอกสู้ไม่ไหว น้ำมันขึ้นขวดล่ะ 15 บาท กะทิขึ้นโลล่ะ 10 บาท เฮ้อเห็นผลทันตาไม่ต้องรอชาติหน้าเลย จากคุณ : hamich เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:17:26

ความคิดเห็นที่ 9 น้ำมันขึ้นเร็วมากกกกกกกกกกค่ะ และขึ้นทีหลายบาท  เดือดร้อนเหมือนกันค่ะ เราทำขายเหมือนทำกินเอง แต่ขายราคาเท่าปกติทั่วไป 25 บาท คนยังบ่นว่าแพงเลย ต่อแล้วต่ออีก เซ็ง... พึ่งจะรู้ก็เมื่อมาขายกับข้าวเนี่ยแหล่ะค่ะ ว่าเค้าต่อราคากับข้าวกันด้วย -*-... จากคุณ : noon_naka เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:39:44

ความคิดเห็นที่ 10 มาช่วยโหวตค่ะ จากคุณ : ซูชิ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 12:02:31

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีปัญญาก็เลยไปปล้นเขามา..  ได้เป็นก็ทำให้รู้ว่า ไม่มีปัญญาจริงๆ เก่งแต่ปาก ..ตั้งแต่หัวยังหาง.. งานไม่มีกระดิก..  แบ่งกันลงตัวเมื่อไหร่ ..งานเร่งอย่างกับจรวด ออกมาห่วยยังกับนรก.. จากคุณ : nai_aoum เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 12:10:27

ความคิดเห็นที่ 12 เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ป้าขายไก่ทอดตรงข้ามบ้านต้องหยุดขาย ขายแต่ส้มตำเพราะไม่มีน้ำมันจะทอดขาย บ้านอยู่บางบอนค่ะน้ำตาลในซุปเปอร์ไม่มีให้ซื้อถ้าใครบ้านอยู่ใกล้กัน บอกทีนะคะว่าซื้อที่ไหนได้บ้างเพราะไปห้างทีไรหมดทุกที น้ำตาลตลาดมันก็น่าจะมีขายค่ะแต่เม็ดผลึกใหญ่สีขุ่นๆละลายยากทำขนมแล้วลำบาก แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็คงต้องไปหาซื้อแบบนั้นมาใช้แล้วเสียเวลามาปั่นเอา ตรุษจีนว่าจะทำปุยฝ้ายขายเลยสองจิตสองใจขอไปหาซื้อน้ำตาลก่อน    ส่วนน้ำมันพืชสมัยก่อนจะหยิบกี่โหลกี่ขวดก็หยิบกันไปก็ซื้อกันไป เดี๋ยวนี้ห้างมีบังคับให้พนักงานมายืนคุมตรงแผนก ว่าหยิบได้คนล่ะขวดเท่านั้นแบ่งๆให้คนอื่นซื้อบ้างครับ เอ่อประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ้างไหม เราเกิดมาจำความได้ 20กว่าปีไม่เคยได้รับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้ ก็เพิ่งเห็นนี่ล่ะ มีเงินในมือแต่ซื้อของที่จะใช้ไม่ได้ เวรกรรมจริงๆ พ่อรัฐบาลไข่กิโล จากคุณ : patty babeby เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:25:51

ความคิดเห็นที่ 13 แปะข่าว ถ้ามีการห้ามกักตุนจะดีมากอ่ะ เห็นเค้าบอกว่ามีของ แต่ไม่ยอมเอามาขาย ... หน.ทีม ศก.เพื่อไทย แนะรัฐออกกฎกระทรวงห้ามกักตุนน้ำมันปาล์ม http:ager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000005206 นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เสนอวิธีแก้ไขปัญหา กรณีน้ำมันปาล์มขึ้นราคาในขณะนี้ต่อรัฐบาล โดยขอให้มีการออกกฎกระทรวงห้ามกักตุนสินค้าน้ำมันปาล์ม และสินค้าอื่นๆ ที่จะมีการกักตุนตามมา โดยให้แจ้งสต๊อกจำนวนสินค้าที่มีอยู่ หากเกินกว่าจำนวนที่กำหนดจะมีความผิดตามกฎหมาย หรือหากไม่แจ้งก็จะมีความผิดเช่นกัน รวมทั้งให้รางวัลนำจับแก่ผู้ที่ทราบเบาะแสการกักตุน รวมถึงขอให้มีการเปิดนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ อาทิ จากประเทศมาเลเซียด้วย อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันปาล์ม จะลดลงตามราคาตลาดโลก แต่ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่ทำตามข้อเสนอของตน กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ หรือกองทุนเก็งกำไร ก็จะทำการกักตุนสินค้าอื่นๆ ต่อไป ทั้งที่ไม่ได้ขาดแคลน ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีความเดือดร้อนอย่างมาก และยังอาจเป็นชนวนให้เกิดการขึ้นราคาสินค้าต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทำให้สร้างปัญหาเงินเฟ้อโดยการผูกขาดตัดตอนอีกด้วย จากคุณ : goopa เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 14:12:18

ความคิดเห็นที่ 14 อยากด่าค่ะ แต่กลัวโดนยึดอมยิ้ม ^^ เด๊่ยวยิ้มไม่สวยยยยยยยยยยยยยย จากคุณ : Tokyo Tower & Forever Love เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 16:04:58

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าแม่ค้ามีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจริงๆนะ น้ำมันพืชที่เขาซื้อมาเก็บไว้ก่อนหน้านี้ ก็ควรขายในราคาเท่าเดิมนั่นแหล่ะ แต่เห็นหลายๆร้านโชห่วย ขนเอาน้ำมันปาล์มน้ำมันพืชที่ซื้อมาเก็บไว้ก่อนหน้าที่มันจะขาดตลาด มาขึ้นราคากับสนุกทีเดียว จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 16:28:19

ความคิดเห็นที่ 16 พ่อค้า แม่ค้าคนไทยสมัยก่อน ไม่มีนิสัย เอารัดเอาเปรียบ ฉวยโอกาสกับผู้บริโภคแบบนี้ ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากคนชาติไหน สมัยโบราณไทยเคยให้คนเชื้อชาติที่เคร่งศาสนา ดูแลการค้าให้ก็อยู่ในกรอบดี แต่พอเปลี่ยนมือมาให้คนชาติไร้ศาสนาคุม กลับกลายเป็นว่าคนค้าขายเป็นพวกหน้าเลือดใจคดไปหมด น่าสงสารประเทศเหลือเกิน จากคุณ : pink cocktail เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 19:09:00

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้กระแสความตื่นตระหนกเรื่องน้ำมันปาล์มขาดแคลนกระจายไปทุกหย่อมหญ้าแล้วครับ จากที่พ่อค้า กับผู้ผลิตเป็นคนกักตุน ตอนนี้กลายเป็นว่า แม้แต่ผู้บริโภคเอง ก็เริ่มกักตุนกันเองแล้วครับ สินค้าจึงยิ่งขาดตลาด สังเกตจากการไปเดินห้างค้าปลีกแถวบ้าน เวลาน้ำมันพืชลงที ชาวบ้านทั่วไปรีบมาหยิบจับจองกันใหญ่ บางรายใช้วิธีเดินเวียนเอากันเลย อันนี้น่ากลัวยิ่งกว่ารายใหญ่กักตุนอีกครับ เพราะสินค้าจะหายไปหมดภายในพริบตา จากคุณ : potojae เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 19:57:22

ความคิดเห็นที่ 18 ที่จริงเราต้องอนุญาตให้นำเข้าปาล์มจากมาเลย์ ตามการค้าเสรี อาเซี่ยน หลายปีแล้ว แต่ก็ยืดมาถึงปีนี้ ซึ่งไทยต้องถูกปรับด้วย แต่ราคาน้ำมันปามดิบที่มาเลย์ก็ไม่ได้ถูกกว่าเท่าไร  ถ้ารวมค่าขนส่ง อะไรต่อมิอะไร กราฟราคาน้ำมันปามดิบที่มาเลย์ ทำราคาสูงสุดรอบสองปี จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 21:20:15

ความคิดเห็นที่ 19 ราคาผลปาล์ม ดิบ จาก สองเดือนก่อนอยู่ที่ 4-7 บาท ตอนนี้ 8-11 บาท ท่าน ผบห ประเทศ คงมีสวนปาล์มเยอะ เลยเพลิน กับเงินเข้ากระเป๋า จากคุณ : Pigfarm เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 21:24:04

ความคิดเห็นที่ 20 เก่งอย่างเดียวของรบ.นี่ คือกู้ๆๆๆๆ หาเงินไม่เป็น ซ้ำเติมประชาชน งานนี้คนที่รวยคือโรงงานผลิต พ่อค้า มีแต่รวยกับรวย ประชาชนมีแต่ตายกับตาย พอขึ้นราคาปุ๊บ น้ำมันพืชมาวางขายปั๊บทันที หมายความว่าอย่างไรครับ พี่น้อง จากคุณ : เสือเพิก ชุมแพ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 21:46:55

ความคิดเห็นที่ 21 วันก่อน...กล้วยแขกปากซอย  6  ชิ้น 10 บาท วันนี้....ป้าแกปิดป้ายบอกเลยว่า  "  4  ชิ้น  10  บาท " ทุกทีเราซื้อ 20 บาท  วันนี้เลยต้องซื้อ 30 บาท ทุกที..ร้อน..กรอบ...อร่อย....  วันนี้...เหมือนทอดไว้แต่เช้า...เพิ่งขายตอนเย็น...ไม่อร่อยเลย ตั้งแต่พรุ่งนี้...เราจะหยุดกินกล้วยแขก...ชั่วคราว... สงสารประชาชนไทย.....สงสารประเทศไทย จากคุณ : กาปอมซ่า เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 22:06:22

ความคิดเห็นที่ 22 เบื่อนโยบายที่ออกมาโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน เป็นไงครับ ผลจากนโยบายงี่เง่าของพวกท่านน่ะ วันนี้เห็นผลแล้ว จากคุณ : นางสเตนเลส เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 22:38:39

ความคิดเห็นที่ 23 จะยุคไหนสมัยไหน ประเทศไทยก็เคยมีของขาดตลาดเหมือนกัน ก็ไม่เห็นยุคของใครจะแก้ไขอะไรได้ เพราะเวลาสินค้าตัวไหนจะขึ้นราคา ของมันก็ขาดตลาดทุกที เป็นตั้งแต่เรายังเด็กจนโต เปลี่ยนนายกกี่คนๆก็เป็นแบบนี้ตลอด จากคุณ : 999 เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 23:22:04 A:61.90.6.17 X: TicketID:297050

ความคิดเห็นที่ 24 .....(-_-")....  กระทบทั่วทุกหัวระแหง ต้องกินทุกวัน ที่กระทรวงพาณิชย์  เห็นรัฐมนตรีท่านตั้งที่ปรึกษามารวมหัวช่วยกันตั้งหลายท่าน วันๆทำอะไรกันบ้างหนอ????  สงสัยจริงๆ         จากคุณ : หน้าต่างไร้กลอน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 23:27:02

ความคิดเห็นที่ 25 #23 เห็นด้วยเลยค่ะ ตั้งแต่เด็ก เวลาสินค้าขึ้นราคาทีไร ไข่ น้ำมัน น้ำตาล ข้าว ฯลฯ สินค้าก็จะขาดตลาดทุกที ขนาดร้านโชห่วย รายย่อยๆ บางรายเก็บสินค้าไว้ไม่ยอมชาย เพื่อจะนำมาขายตอนราคาสูงๆ รัฐบาลต้องมีมาตรการมารองรับค่ะ  ถ้าใช้วิธีโดยตรงไม่ได้ คงต้องอาศัยกลไกตลาด หนังที่เคยดู ทางการเป็นฝ่ายกักตุนไว้ก่อน  เวลาขึ้นราคาถ้ามีพ่อค้ากักตุน ก็ค่อยๆ ปล่อยสินค้าที่ซื้อไว้ออกมา ราคาถูกกว่า เดี๋ยวกลไกราคา ดีแมนด์ ซัพไพล์ ก็จะสมดุลเอง หวังว่าคงไม่ถึงขนาดต้องมีบัตรโควต้านะคะ  สินค้าปโภค บริโภคที่ต้องใช้ทุกวัน กระทบเป็นลูกโซ่จริงๆ จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 23:29:28

ความคิดเห็นที่ 26 ตัวเลข นั้น ตัวเลข นี่ สวย แต่คนค้าขาย จะตายเอา จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 23:47:22

ความคิดเห็นที่ 27 ใครก็ได้ ไปเปิดซีรี่ย์เรื่องมหาราชินีสามแผ่นดิน ตอนที่ 38 ให้ท่านๆทั้งหลายดูที ในเรื่องราชินีซอนต๊อกแก้ปัญหาพ่อค้าและนักการเมืองกักตุนสินค้า ด้วยการปล่อยอาหารในท้องพระคลังออกมาขายราคามาตรฐาน อดทนรอจนพวกพ่อค้าหน้าเลือดทนไม่ไหวต่อความเสี่ยง สุดท้ายก็เริ่มทยอยขายสินค้าออกมาในราคามาตรฐานให้แก่ชาวบ้าน โดยที่ตนเองขาดทุน หลังจากนั้นพระราชินีก็มาเฉลยว่าเป็นแผนของพระนางเอง เริ่ดมากกกกกก ดูแล้วให้อารมณ์สะท้อนถึงบ้านเมืองของเรายิ่งนัก จากคุณ : balahala เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 23:57:11

ความคิดเห็นที่ 28 #27 ให้กิฟต์ เพราะเรื่องเดียวกันเลยค่ะ แต่กลัวว่าถ้าทำจริงๆ ก็เกรงว่าจะมีกลุ่มที่ขัดผลประโยขน์ ฝ่ายต้องการโจมตีหาว่ารัฐแทรกแซงกลไกของตลาดนะสิคะ อยากให้เห็นความยากลำบากของคนทั่วไป ที่มีรายได้ไม่สูงนักให้มากๆ ค่ะ คนฐานะดียังไม่เดือดร้อนเท่าไหร่   สงสัยน้ำมันแพง จะต้องเปลี่ยนหรือหาวิธีทำน้ำมันหมูใช้เองแล้วมั๊งคะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 00:33:33 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 00:28:37 จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 00:24:54

ความคิดเห็นที่ 29 งงตาแตกตอนน้ำมันขึ้นราคา จากฟังข่าวบอกว่าโลตัสไม่ยอมขาย เอิ่ม...นะ ก็เห็นสวนปาล์มแถวๆบ้านก็ตัดกันนี่นานะ ปกติก็สต็อคเอาไว้มิใช่เหรอ แล้วไหงไปตรวจสอบอีกที กลับมีน้อยกว่า มันแบบหลายเท่าตัว งงๆ โอ้ย...ฟังข่าวแล้วงงๆ แบบว่ามันเป็นเรื่องระดับเชิงลึก จะให้มีการนำเข้าให้ได้ แล้วปาล์มมิได้ตัดได้ตลอดทั้งปีเร๊อะ งงอ่ะ -*- สุดท้ายลำบากก็ประชาชนถ้วนหน้าทั่วไทย เหอะๆ ของก็ขึ้นตามกันอีก เฮ้อ.....อยากรู้จริงแล้วสุดท้ายเงินมันไปอยู่ที่ใครเนี่ย 55 จากคุณ : เกิดจากความรัก เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 01:29:37

ความคิดเห็นที่ 30 ดีนะผมกินน้ำมันมะกอกเหอะ ๆ แต่ว่านะ ตอนก่อนมันจะขึ้นราคาเนี้ย ตามห้างทำไมน้ำมันเกลี้ยงเลยครับ ทั้ง ๆ ที่ไม่ให้ซื้อเกินคนละ 1 ขวด (ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะขึ้นราคา ไปเดินห้าง อ้าว น้ำมันหายหมดทั้งแถบ) ที่ดอกบัวเนี้ยแหละ หุหุ จากคุณ : tanakornnay (tanakornnay) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 07:27:00

ความคิดเห็นที่ 31 ช่วงน้ำตาลทราย ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พยายามมองแง่ดีสุดๆ แล้ว รัฐ คงอยากให้คนไทยไร้พุง ไม่อ้วน ไม่กินน้ำมัน มั๊ง จากคุณ : แถ ไปด้วย (montes) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 08:09:29

ความคิดเห็นที่ 32 อยากขึ้นขึ้นไปฉันไม่ว่าแต่ทำไมมีสินค้ามาขาย รู้ไหมเดือดร้อนมากๆ หาซื้อก็ลำบาก จากคุณ : ~ P r i C h ~ เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 09:09:03

ความคิดเห็นที่ 33 โลตัสที่อำเภอของเรา ให้ซื้อได้จำกัดจำนวนก็จริง แต่พนักงานซอยบิลให้ค่ะ ไม่ต้องเดินวน วันก่อนไปซื้อของ โมโหจริงๆ โดนบอกให้ไปช่องอื่น เพราะช่องนี้ต้องซอยบินให้ลูกค้าซื้อน้ำมัน ประมาณ 1 รถเข็นอ่ะ จากคุณ : We R OyOy เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 09:39:47

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนนี้กลายเป็นน้ำมันถั่วหายไปจากตลาด เราขายสลัดผัก ต้องใช้น้ำมันถั่ว ถ้าไปห้างไหน แล้วมี เรากลายเป็นคนต้องเดินวนอยู่นั่นแหละ เพราะวันหนึ่งเราใช้ประมาณ 1 ลัง ถ้าเราไม่มีน้ำมัน เราต้องหยุดขายของ เพราะใช้น้ำมันทานตะวัน หรือรำข้าว ทำให้เราต้นทุนสูงขึ้นไปอีก อยากจะบอกรัฐว่า จะขึ้นก็ขึ้นไปเลย ยี่ปั๊ว ซาปั๊วเค้า จะได้ปล่อยสินค้าออกมา ประชาชนเดินดินจะได้ไม่ลำบากมาก สงสารประชาชนเถอะค่ะ จากคุณ : saladgirl เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 11:38:51

ความคิดเห็นที่ 35 ข้าวของแพงขึ้น  ทำอะไรไม่เป็นเลยน่ะนะ   พูดเก่ง โปรเจ็คเยอะ   ผักชีโรยหน้าไปวันๆ   ไปไหนก็ไปเถอะไป๊   ยิ่งอยู่ประชาชนก็ยิ่งเดือดร้อน จากคุณ : ปุ้ม หญิง เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 11:57:56

ความคิดเห็นที่ 36 สำหรับคุณๆ ให้เลือกระหว่าง ไม่โกงกินออกนอกหน้า แต่บริหาร ปท.เหลว อืดช้า พา ศก.ดิ่งเหว ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วทุกชนชั้น กับ โกงกินเข้าพวกพ้องบ้าง แต่บริหารรุ่ง ศก.ดี ประชาชนพอมีเงินจับจ่าย คุณจะเลือกรัฐบาลแบบไหน ... ในอนาคต จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 12:24:35

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องน้ำมันปาล์มแพง ผมเห็นใจทั้งสองฝ่ายนะครับ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอีกอย่างผมสงสารบ้านผมเองด้วย สวนปาล์มพังย่อยยับจากน้ำท่วมครั้งแล้วครั้งเล่า พื้นที่ภาคใต้เป็นแหล่งปาล์มที่ใหญ่ที่สุด ตอนนี้ปาล์มโดนน้ำท่วมไปแน่ๆเลย 60% ครับ พ่อค้าเค้ารู้ล่วงหน้ามาเป็นเดือนๆแล้วครับ เค้าเลยกักสินค้าไว้ บ้านผมสงขลาและตรังก็เป็น บ้านผมตอนนี้ปาล์มขาดตลาดมาก ราคาผลผลิตก็เลยต้องสูงขึ้นครับ ตอนนี้ผมจะทำอะไรยังต้องคิดหนักๆเลย ทั้งปาล์ม ยางพารา เละหมดครับ ถ้ารัฐขึ้นราคาให้ดีต่อเกษตรกร แต่ผู้บริโภคอย่างคุณๆ และรวมถึงผมด้วยก็จะได้รับผลกระทบ แต่หากลองย้อนกลับไปนำเข้าปาล์มจากมาเลฯล่ะครับ มีค่าไม่ต่างกัน ราคาห่างกันสองบาทเห็นจะได้ แล้วจะนำเข้าทำไม ช่วยเกษตรกรไม่ดีกว่าเหรอครับ นำเข้ามาเท่ากับฆ่าเกษตรกรกันชัดๆ ตอนนี้ชาวไร่ชาวสวนก็จนมากพอแล้ว สงสารเถอะครับ ส่วนเรื่องนำเข้าน้ำมันถั่วผมว่าไม่น่าจะสนับสนุนครับ เพราะถั่วบ้านเราไม่ได้ปลูก นำเข้ามาราคาก็พอๆกัน เอาเป็นว่า ต้องเข้าใจกันนะครับเรื่องแบบนี้ ปัญหาภัยธรรมชาติมันเกิดขึ้นมาแล้ว ยังไงเสียสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากเสียว่ารอเวลาเกษตรกรลืมตาอ้าปากก่อน ขอบคุณครับ จากคุณ : 4Cus เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 12:25:24

ความคิดเห็นที่ 38 นั่นสิ ทำไมด่าแต่รัฐ ไม่ด่าพวกกักตุน หรือเหมาซื้อเยอะๆไปขายต่อแพงๆมั่งล่ะคะ จากคุณ : เร่ร่อน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 12:52:52

ความคิดเห็นที่ 39 ขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม.....อีกเก้าบาท มาทายกันดีกว่าว่า....พวก"ปชป." ตุนเงินทุนไว้เลือกตั้งคราวหน้า....กี่ล้าน???? จากคุณ : noklekkaa (papagearna) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 14:38:48

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อเช้าซื้อน้ำมันปาร์มขวดละ55บาท กะทิกล่องก็ขาดตลาดเมื่อเช้าซื้อกล่องละ24บาท                       แพงมากๆ จากคุณ : พลพิณ (พลพิณ) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 14:49:40

ความคิดเห็นที่ 41 ผมไปห้างเพื่อซื้อน้ำมัน แม่เจ้าหมดยกแผงเลย เวลาทำกับข้าว ต้องทนกินอาหารประเภท นึ่ง ต้ม ไปก่อน จากคุณ : ทำไมจัง เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 15:00:20

ความคิดเห็นที่ 42 กิฟต์หมดแต่กลางเดือนกันเลยทีเดียว - -; จากคุณ : amaerst เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 16:03:53

ความคิดเห็นที่ 43 นี่อาจจะเป็นนโยบายซ้อนแผนของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการแก้ปัญหาโรคอ้วนที่มีมากขึ้นในกลุ่มคนไทย และต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น โดยการลดการบริโภคน้ำมัน และอาหารจำพวกทอด - -" จริงๆ แล้วกลไกการปรับราคา น่าจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะคะ อาจจะเนื่องมาจากรัฐบาลพยายาม subsidize ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ทำไม่ไหวแล้ว จงต้องปล่อยให้ราคาลอยตัวแบบนี้ ส่งผลกระทบกันทั่วหน้า อีกประการหนึ่งที่เราเห็นว่าเป็นปัญหาเลยนะ คือมันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียแหละ เรื่องของการให้สัญญาณว่าจะขึ้นราคาสินค้า ข้อดีคือ ทำให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นราคา ถ้าเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นก็คือ ประชาชนจะเกิดการออมเพื่อช่วยเหลือตัวเองในอนาคต นี้ถือว่าเป็นข้อดีในการส่งสัญญาณการขึ้นราคาสินค้า่ แต่ส่วนเสีย และเป็นส่วนที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ส่วนนี้คือทำให้เกิดการกักตุนสินค้า ในความคิดของเรา ผู้กักตุนสินค้าสามารถแบ่งได้เป็นสามกลุ่ม 1) กลุ่มแรก ถ้ามองในแง่ลบผู้กักตุนอาจจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อาจจะเป็นบุคคลในกลุ่มการเมืองที่ได้รับผลประโยชน์จากการขึ้นราคาสินค้า นักการเมืองย่อมรักษาผลประโยชน์ของตนมากกว่าอยู่แล้ว ถ้ามองกันแบบมนุษย์ทั่วๆ ไปที่อย่างไรตนเองก็ต้องมาก่อน 2) ผู้กักตุนอีกกลุ่มอาจจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มประชาชนที่รัฐบาลต้องการซื้อใจ หากใช้ไม้แข็งเข้าไปปราบปราม อาจจะทำให้เสียฐานเสียง ส่งผลต่ออนาคตทางการเมือง (แต่ดันลืมผลเสียและอนาคตของประเทศ) 3) ผู้กักตุนกลุ่มที่สาม จะเป็นกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ซื้อสินค้าเพื่อการบริโภคอย่างเดียว จะเกิดกักตุน เพื่อทำให้ตนเองไม่้ต้องจ่ายแพงในอนาคต สามกลุ่มที่กล่าวมานั้น หากภาครัฐมีการจัดการที่ดี จะทำให้เกิด shortage supply เพียงช่วงสั้นๆ แต่หากจัดการไม่ดี ไม่กล้าจัดการ มันจะส่งปัญหาระยะยาว คำแนะนำง่ายๆ นะคะ (พูดเหมือนง่ายแหละ แต่ทำยาก จุดนี้เราก็เข้าใจ) ประชาชนคงต้องแก้ปัญหาในระดับครัวเรือนไปก่อน ลดการบริโภคลง หากทำได้ในระดับหนึ่งแล้ว กลไกตลาดจะหรับตัวของมันเอง supply อาจจะสามารถ restore ตัวมันเองกลับมาได้ และอาจจะทำให้ราคาสินค้าลดลงได้ในระดับหนึ่ง แต่คงไม่สามารถลดลงไปเท่ากับระดับเดิมได้แล้วนะคะ เป็นผู้บริหารประเทศนี้ยาก แต่เป็นผู้บริหารประเทศ"ที่ดี"นี้ยากกว่ามากๆ ขอให้ประเทศเราผ่านวิกฤตต่างๆ ไปได้ด้วยดีนะคะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 16:48:45 จากคุณ : Paradise Slice and double shot เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 16:44:55

ความคิดเห็นที่ 44 ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องที่เกี่ยวข้องเล็กน้อยนะครับ คงไม่ว่ากัน - การที่น้ำมันถั่วหายไปจากตลาดแน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นการกักตุนของยี่ปั๊วครับ แต่ส่วนนี้ไม่ใช่ทั้งหมด การกักตุนที่มีปริมาณสูงเหมือนกันคือการที่พอชาวบ้านเห็นปาล์มขึ้น ก็เลยรีบซื้อน้ำมันถั่วไว้มากกว่าที่เคยซื้อ เช่นเคยใช้เดือนละขวด แต่งวดนี้ซื้อเก็บไว้เลย 4 ขวด ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นกระทันหันจนเกินกำลังการผลิตของโรงงานครับ แต่แน่นอนว่าอีกสองสามเดือนข้างหน้ายอดขายก็จะตกลงอย่างฮวบฮาบ เพราะไม่มีการซื้อเพิ่มเนื่องจากถึงซื้อไปเก็บไว้ก็จริง แต่ปริมาณการกินก็ยังเท่าเดิม ดังนั้นหลายๆบ้านจะไม่ต้องซื้อน้ำมันถั่วเหลืองอีก 2-3 เดือนครับ - เคยมีคนถามผมว่าทำไมโรงงานผลิตน้ำมันถั่วเหลืองไม่ผลิตออกมามากๆเพื่อให้มีของขาย พราะราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกไม่ได้สูงขึ้นเหมือนปาล์ม เรื่องนี้ก็ต้องตอบว่าจริงๆแล้วรายได้หลักของโรงงานผลิตน้ำมันถั่วเหลืองในเมืองไทยก็คือการขายกากถั่วเหลืองเป็นอาหารสัตว์ครับ เพราะการผลิตน้ำมัน 1 ตัน จะได้กากถั่วประมาณ 4 ตัน ซึ่งบอกได้เลยว่าถึงตลาดน้ำมันจะต้องการของมากแค่ไหน แต่ตลาดกากถั่วเหลืองยังขายได้เท่าเดิม ดังนั้นไม่ใช่ว่าโรงงานจะแกล้งผลิตน้ำมันน้อยลงเพื่อรอราคาขึ้นครับ แต่มันผลิตไม่ได้จริงๆ เพราะไม่รู้จะเอากากไปเก็บไว้ที่ไหนครับ - โรงงานน้ำมันถั่วเหลืองถูกเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในเข้ามาตรวจสอบแบบไม่มีการแจ้งล่วงหน้าถึงสามครั้งในรอบสิบสองวัน ซึ่งแต่ละครั้งก็ทำการเช็ค Stock อย่างละเอียดยิบ แต่ผลที่พบคือ ของที่อยู่ในโกดังเป็นของผลิตใหม่ไม่เกิน 7 วันทั้งนั้นครับ เนื่องจากผลิตเท่าไหร่ก็จ่ายของออกขายทั้งหมด ก็เลยกลับไปแบบไม่ได้อะไร - ที่มีข่าวก่อนหน้าว่าน้ำมันปาล์มบางโรงงานกักตุนไว้ถึง 1 ล้านขวด อันนี้ขอแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมครับ กลัวคนจะเข้าใจผิดไปกับการตีข่าวครับ ต้องขอบอกว่าน้ำมัน 1 ลิตรจำนวน 1 ล้านขวดนี่ไม่ถือว่ามากเลยครับ ยกตัวอย่างโรงงานน้ำมันถั่วเหลืองซึ่งผลิตได้น้อยกว่าน้ำมันปาล์มให้ดูแบบนี้ครับ กำลังผลิตคร่าวๆของน้ำมันถั่วเหลืองขนาด 1 ลิตรอยู่ที่วันละ 2 แสนกว่าขวด ยอดขายออกก็อยู่ที่วันละเกือบๆแสนแปดหมื่นขวด ดังนั้นการมีสินค้าคงคลังเพื่อให้สามารถจ่ายได้เพียง 5-6 วันถือว่าเป็นหลักการจัดการคลังตามปรกติอยู่แล้วครับ ไม่ถือว่าเยอะแต่อย่างใด เพียงแต่พอตีข่าวลงไปปุ๊บ ชาวบ้านเห็นว่า 1 ล้านขวดเลยทำให้โรงงานกลายเป็นผู้ร้ายไปทันทีครับ (ไม่ได้บอกว่าโรงงานในข่าวผิดหรือไม่นะครับ อยากรู้ต้องดูที่วันผลิตครับ เช่นถ้ามี 1 ล้านขวดแต่ดันเป็นของผลิตเดือน 7 แบบนี้ก็สมควรโดนด่าครับ) - เรื่องปี๊บกับถุงและน้ำมันขนาดอื่นๆหายไปจากตลาดก็เป็นแบบนี้ครับ แน่นอนว่าราคาของพวกนั้นไม่มีการจำกัด แต่ทางโรงงานก็ไม่ได้เน้นผลิตขนาดเหล่านั้นไปขายราคาแพงๆเอากำไรแน่นอนครับ เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้ผลิตไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้แบบกระทันหันแบบนั้น เพราะมันไม่ใช่ขนาดที่ผลิตเป็นหลักเหมือน 1 ลิตร ยกตัวอย่างง่ายๆว่า ยอดผลิตของน้ำมันปี๊บเดือนนี้ 10 วันแรก เพิ่มขึ้นจากยอดเฉลี่ยของยอดปรกติประมาณ 15-20% เท่านั้น ในขณะที่น้ำมันขนาด 1 ลิตรมียอดผลิตเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาปรกติถึง 40% ซึ่งเป็น Max Capacity ของเครื่องแล้วครับ (ไม่ได้บอกว่าไม่อยากขายปี๊บซึ่งกำไรดีนะครับ แต่ขีดจำกัดมันทีแค่นี้จริงๆ) - สุดท้ายนี้อยากเตือนครับว่าอย่าแตกตื่นไปซื้อมากักตุนกันมากมายครับ เอาแค่เดือนสองเดือนพอ เพราะไม่เกินปลายมีนา สถานการณ์น่าจะกลับสู่ปรกติ และอาจจะถึงขั้นน้ำมันล้นตลาดจนอาจต้องกลับมากดราคาสู้กันอีกรอบครับ ดังนั้นซื้อแค่พอใช้ช่วงนี้ดีกว่าครับ ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายถึงทุกโรงงานนะครับ เป็นเฉพาะโรงงานที่ผมเข้าถึงข้อมูลได้ครับ จากคุณ : Spinnecker เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 17:29:31

ความคิดเห็นที่ 45 เพิ่มอีกนิดครับ - น้ำมันปาล์มในตลาดโลกเค้าขาดเพราะหลายสาเหตุครับ ทั้งผลผลิตตกต่ำ ทั้งราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ทั้งช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูผลิต - น้ำมันปาล์มทั้งหมดที่ผลิตในโลกเรา 80% เป็นการผลิตจากมาเลย์ และอินโด ครับ ส่วนไทยถึงจะบอกว่าเป็นที่ 3 ของโลก แต่มีส่วนแบ่งแค่ไม่ถึง 10% ครับ ดังนั้นการผันผวนน่าจะเกิดจากภายนอกเป็นหลัก - ปัจจุบันน้ำมันถั่วเหลืองยังขายได้ในราคาเดิมเพราะถั่วที่ซื้อเข้ามาจากต่างประเทศยังเป็นราคาเดิมอยู่ ทำให้ยังพอมีกำไร แต่ถ้าหมดแล้ว ถั่วที่ซื้อเข้ามาใหม่ด้วยราคาปัจจุบันจะขายแล้วขายทุนแน่นอนครับถ้าราคาน้ำมันยังไม่ขึ้น ดังนั้นภายในเดือนนี้กระทรวงน่าจะต้องตัดสินใจว่าจะให้นเมนถั่วขึ้นตามหรือจะยอมให้ของขาดตลาด เพราะถ้าโรงงานซื้อถั่วมาผลิตแล้วขาดทุน โรงงานคงเลือกที่จะไม่ซื้อ หรือซื้อแต่ถั่วที่ราคาถูกๆมาใช้ซึ่งทำให้มีถั่วผลิตน้อยลง จากคุณ : Spinnecker เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 17:37:49

ความคิดเห็นที่ 46 แนวโน้มยังสูงขึ้นเรื่อยๆครับ จากคุณ : Spinnecker เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 17:46:24

ความคิดเห็นที่ 47 เพิ่งกลับจากโลตัส ตกในใจกับป้าย จำกัดครอบครัวละ 1 ขวด บ้าไปแล้ว คนแย่งซื้อยังกับอะไรไม่รู้ ชีวิต ต้องเป็นแบบนี้อีกนานไหม จากคุณ : จอสี เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 18:38:33

ความคิดเห็นที่ 48 ตั้งแต่เข้ามาบริหาร เปนแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว บริหารแบบนี้ ออกเหอะ อายแทน จากคุณ : ดูจากหน้าตาแล้วผู้ชายแย่งกัน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 20:49:01

ความคิดเห็นที่ 49 เอาเงินที่ขึ้นเงินเดือน สส. มาตรึงราคาแทนได้มั๊ยอ่ะ จากคุณ : Konba_naruK เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 20:52:28

ความคิดเห็นที่ 50 รัฐชุดนี้เก่งนะครับ เก่งตรงปากนี่แหละ เซ็ง......... จากคุณ : thttam13 เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 22:03:31

ความคิดเห็นที่ 51 วันนั้นไปซื้อน้ำมันปาล์มปี๊บให้คนรู้จัก มี ลุงกับป้าคู่หนึ่ง เข็นรถเข็นใหญ่ๆ ของ makro มาสองคัน เค้ายกปี๊บน้ำมันปาล์มใส่รถเป็นว่าเล่นเลยครับ เต็มหนึ่งคันไม่พอ คันที่สองก็มีของเยอะแล้ว ก็พยายามจัดพื้นที่ใส่ปี๊บน้ำมันปาล์มไปอีก ผมเลยถามว่าเค้าเอาไปขายเหรอ เค้าบอกว่า ที่บ้านเค้าทำอาหารขายครับ เออ ลุง ป้า คนอื่นเค้าไม่ต้องเอาไปใช้เลยนะ -_-" จากคุณ : SkyTrekker เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 22:05:52

ความคิดเห็นที่ 52 ดีนะที่ตอนนี้เรานิยมทานอาหารต้ม ทอดไม่กินกลัวอ้วน แต่ลำบากขนาดนี้ต้อง DIY น้ำมันกันเองแล้วละ คุณรัฐบาล จากคุณ : saynapuy เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 23:06:43

ความคิดเห็นที่ 53 ของขึ้นเอาขึ้นเอา มาตราการแต่ละอย่างไร้ฝีมือสิ้นดี  ปากท้องชาวบ้านไม่สนใจ คราวหน้าจำไว้ อย่าเลือกประชาวิบัติ เด็ดขาด   ทำได้แบบแย่ ๆ  ไม่สนใจประชาชน ของแพงขึ้น เงินไม่มีจะใช้กันอยู่แล้ว วัน ๆ เอาแต่ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน  ทำอะไรก็ไม่ได้ สู้ทักษิน ก็ไม่ได้ซักนิด เทียบไม่ติดฝุ่น เอาเด็กลูกแหง่มาบริหาร ก็แบบนี้แหละ เซ็ง .. จากคุณ : แกงไก่ไข่ดาว เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 23:38:18

ความคิดเห็นที่ 54 ตอนนี้น้ำมันถั่วหมดแล้ว สงสัยต้องใช้น้ำมันหมูมาทำกินแทน ไปดอกบัวมีแต่ปาล์มจำกัด1ขวด ยี่ห้อทับ..  ไม่เคยได้ยิน เฮ้ออ จากคุณ : นี่ ห รื อ ม นุ ษ ย์ (>> นี่ ห รื อ ม นุ ษ ย์ ? <<) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 00:42:09

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุุณ คุณ Spinnecker มากครับ ที่ให้ข้อมูลว่าทำไม ถึงผลิตน้ำมันถั่ว เพิ่มได้ยากทั้งที่ราคา วัตถุดิบ ยังไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น คงต้องย้อนกลับไปมองเรื่อง น้ำมันปาล์ม ทั้งการเตรียมตัวของรัฐก่อนมีการตัดสินใจขึ้นราคา กับการแก้ปัญหา ปาล์มขาดตลาด โดยส่วนตัว มองว่า การประกาศขึ้นราคาที่เดียวเกือบสิบบาท นั้นแหละครับ ที่ทำให้คน ตกใจ จนกลัวว่ามันจะขึ้นไปอีก เพราะ ข่าวก็บิ้วเหลือเกินว่า ปาล์มขาดตลาด หายาก ต้องนำเข้า คนเลยยิ่งเฮไปตุนกันยกใหญ่ น้ำมันอะไรก็คว้าไว้ก่อนละ (ชั้นวางของถึงโล่งไปหมด) ส่วนร้านของชำ อันนั้น ตุนแน่นอนอยู่แล้ว กำไรล้วนๆ ผมไม่เข้าใจว่า ทำไม รัฐไม่ทยอยขึ้นราคาทีละน้อย(ถึงสุดท้ายจะขึ้นไปราคาเท่ากันก็เถอะ) ในแง่จิตวิทยา คนก็จะไม่กังวลจนต้องรีบไปซื้อมาตุนไว้ และร้านค้าก็อาจจะไม่ลงทุนไปซื้อน้ำมันมาเก็บ เพราะเห็นว่าขึ้นทีละไม่มาก ส่วนเรื่องปาล์มขาดตลาด ฟังบางความคิดเห็น เหมือนกับมันไม่ขาดมาก หรือ ไม่อยากให้นำเข้า เพราะ กระทบกับคนทำสวน อันนี้ใครมีข้อมูลเชิงลึกบ้างไหมครับ แต่เท่าที่ดูถึงตอนนี้ ผมว่าการเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นราคาของรัฐยังไม่ดีพอครับ ทำให้คนที่ไหวตัวช้า หาซื้อของไม่ได้ ยิ่งเกิดวิตกจริต ไปกันใหญ่ และนับจากนี้ หากรัฐยังไม่ยอมหาวิธีแก้ไขอะไรเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนรู้สึกว่า ราคาน้ำมันปาล์มจะลดลง เราคงได้เห็นชั้นวางของโล่งตลอดไป และ อาหาร ของกิน ก็จะขึ้นราคามากกว่านี้แน่ แม้แต่ข้าวไข่เจียว ก็ยังต้องขึ้นราคาชัวร์ ปล. งานนี้ ไม่ว่าจะเสื้อสีไหนซวยเท่าเทียมกันถ้วนหน้า ดังนั้น อย่าพาลใส่กันเลยครับ จากคุณ : กะลาสี เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 05:11:54

ความคิดเห็นที่ 57 อนุมัติให้น้ำมันปาล์มขึ้นราคาได้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาปาล์มสูงเพราะ ต้องการเอาไปทำไบโอดีเซล แต่ ทำไม ถึงมาพยุงราคาน้ำมันไบโอดีเซล เห็นๆกันอยู่ว่าผู้ใช้รถกลุ่มหนึ่งที่ใช้น้ำมันชนิดนี้ ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่า แต่กลับได้รับการพยุงราคาเอาเงินกองทุนน้ำมันไปชดเชยให้ ???ทำไมไม่พยุงราคาน้ำมันที่ใช้ทำอาหารก่อน แล้วค่อยไปพยุงราคาน้ำมันสำหรับรถทีหลัง?? ใครช่วยตอบให้ผมเข้าใจหน่อยครับ จากคุณ : Poonoi เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 10:04:13

ความคิดเห็นที่ 58 ตั้งใจเอาลิงมาแก้แหก็เลยเป็นแบบนี้ เข้าใจเรื่องดินฟ้าอากาศแต่ไม่พอใจเรื่องของแพง ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกด้าน อย่าสนใจเรื่องจีดีพีและตลาดหุ้นเลยไกลตัวพี่น้อง น้ำมัน ข้าว ไข่ซิของจริง กลางปีรอเรื่องข้าวแพงต่อได้เลย ไม่รู้เขาจะไล่ให้ไปกินขนมปังหรือข้าวเหนียวแทนหรือเปล่า จากคุณ : sincara (sincara) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 10:24:27

ความคิดเห็นที่ 59 เอานิทานมาเล่าให้ฟังครับว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปยังไง ไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับเพราะผมไม่มีอะไรยืนยัน มีคนสามคน ทำงานอยู่กับเจ้านายคนเดียวกัน สมมุติชื่อเป็น นายค้าขาย นายเพาะปลูก กับนายพลัง ก็แล้วกันครับ กลัวติดตาราง สามคนนี้ทำงานด้วยกันแต่ต่างคนต่างทำ ไม่คุยกันปรึกษากัน เมื่อปีก่อนปลายปี นายค้าขายมีคนมาขออนุญาตการนำเข้าน้ำมันปาล์ม เนื่องจากกลัวว่าจะขาดแคลน แต่ไม่ไม่ยอมให้นำเข้า เพราะข้อมูลในมือคือในประเทศก็ผลิตได้เพียงพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องนำเข้า นายเพาะปลูกมีรายงานในมือทั้งเรื่องน้ำท่วม ทั้งเรื่องดินฟ้าอากาศ พบว่าปาล์มในประเทศมีผลผลิตตกต่ำลงมาก แต่ไม่ได้ประสานไปยังส่วนที่เกี่ยวข้อง ใช้วิธีก้มหน้าก้มตาชดเชยให้เกษตรกรฐานคะแนนต่อไป ลำพังแค่สองคนนี้ไม่คุยแลกข้อมูลกันก็แย่อยู่แล้ว แต่ที่หนักกว่าคือ ส่วนนายพลังนี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยทั้งสิ้น ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อยู่ดีๆทะลึ่งไปป่าวประกาศว่า "ปีหน้าน้ำมันดีเซลทั้งหมดต้องเป็น B5" นี่แหล่ะครับที่มาที่ไป เรื่องสมมุตินะครับ สมมุติจริงๆ แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 54 12:20:31 จากคุณ : Spinnecker เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 10:50:35

ความคิดเห็นที่ 60 เรา มา ต้ม นึ่ง ย่าง กันดีกว่า เพื่อสุขภาพกายและ สุขภาพจิต ที่ดีของเราทุกคน T.T จากคุณ : soft stone เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 14:55:31

ความคิดเห็นที่ 61 แก้ปัญหาไม่เก่ง จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 15:27:10

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้นี้แรงมาก  ตกใจเลยกับบางความเห็น จากคุณ : PandaMAN7777777 เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 17:39:06

ความคิดเห็นที่ 63 @ คห.36 มีรัฐบาลชุดไหนไม่โกงบ้างละครับ จากคุณ : เกิดแล้วตาย เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:07:14

ความคิดเห็นที่ 64 นึกว่าอยู่ห้องราชดำเนิน จากคุณ : ติ๊งหยอด เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:15:05

ความคิดเห็นที่ 65 โหวต ให้ ครัย จากคุณ : sandee.kung เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:32:06

ความคิดเห็นที่ 66 แย่แล้ว  ไม่ได้ไปจ่ายของมานาน  ไปถึงจะมีอะไรเหลือให้กินไหมเนี่ย จากคุณ : ฟ้าส่อง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 19:35:30

ความคิดเห็นที่ 67 อ่าน คห บนๆแล้ว เอาจตุพรมาเป็นนายกดีกว่าไหมครับ จากคุณ : Toh loneliness เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 21:10:32

ความคิดเห็นที่ 68 อยากให้ห้องนี้ปลอดการเมือง เพราะมีห้องที่ให้แสดงความเห็นเรื่องการเมืองอยู่แล้ว ที่สำคัญคือควรแสดงความเห็นแบบผู้รู้ เพื่อให้ผู้อื่นได้ทราบข้อเท็จจริง ไม่มั่ว จากคุณ : Daytime Lantern เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 22:24:00

ความคิดเห็นที่ 69 ผมไม่รู้..  แต่ผมมั่นใจว่า.. ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ผ่านมา..  คนส่วนใหญ่ในประเทศไทย คงคิดเหมือนกันหมดว่า นายสรยุทธเป็นนายก ส่วนนายตัน ..เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  เห็นไปเยี่ยมเยียน.. คอยช่วยเหลือประชาชน ..แทบทุกจังหวัด ..นายกตัวจริงออกแต่ข่าวอย่างเดียว  ตรูหล่อว๊อย.. แต่งานไม่เดิน.. ..เลิกหวังกับรัฐบาลพรรคนี้ไปอีกหลายชาติ.. ..งานจริงๆต้องลงมือทำ ต้องลงมือลุย ทำทันที ..ไม่รอแบ่งกันให้ลงตัวแล้วค่อยทำ  อนุมัติแล้ว ..แล้วก็เปลี่ยนอีก แบ่งกันใหม่ อนุมัติใหม่..  ไม่มีวันจบสิ้นซํกที กับนโยบายแบ่งกันไม่ลงตัวซักทีของพรรคนี้.. ..เรื่องแก้ปัญหาการเกษตร ..อันเป็นพื้นฐานของประเทศไทย ตั้งแต่ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ปาล์ม ฯลฯ สาระพัด..  ยังไม่เห็นมีอะไรที่ทำแล้วโดนใจซักเรื่องเดียว  พอโดนด่ามากๆหน่อย ..ก็ ..ก็ ..แจกเงิน ..ทำได้แค่เนี๊ยะ.. จากคุณ : nai_aoum เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 22:46:35