ความคิดเห็นที่ 1 วันพุธที่ 12-1-11 ไปเก็บภาพช่วงกลางคืนอีกครั้ง แฟนไปร่วมงานด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 54 23:51:01 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:15:06

ความคิดเห็นที่ 2 วันพฤหัสฯที่ 13-1-11 มีเลี้ยงเพลพระ ให้ลูกหลานถ่ายกันเอง ช่วงเช้ายังคงไปทำกายภาพบำบัดหัวไหล่ที่โรงพยาบาลกลาง 11.30 น.ออกจากโรงพยาบาลกลางทางด้านถนนเสือป่า ข้ามถนนไปปากถนนเจ้าคำรพ แวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือหมูที่ปากถนนเจ้าคำรพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:15:33

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไม่มีโอกาสชิมส้มตำเจ๊ตุ่ม ตรงหัวมุมปากถนนเจ้าคำรพหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:15:58

ความคิดเห็นที่ 4 เริ่มด้วยเส้นหมี่น้ำตกหมู 30 บาท หมูหมักดี ตับสด หมูตุ๋นนุ่ม น้ำแกงรสจัดกำลังดี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:16:23

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อด้วยเส้นหมี่แห้งที่ปรุงรสมาให้เรียบร้อยอีกชาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:16:58

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เติมถั่วงอกดิบ แต่เติมใบโหระพาเช่นเดียวกับชามแรก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:17:21

ความคิดเห็นที่ 7 จากนั้นข้ามถนนขึ้นรถเมล์ฟรีสาย 204 ไปทำธุระที่สยามพาราก้อน 12.07 น.ไม่มีการต่อแถวล้นออกมาข้างนอกเพื่อซื้อโดนัท ทุกอย่างต้องมีเกิดแล้วจึงมีดับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:17:58

ความคิดเห็นที่ 8 วันศุกร์ที่ 14-1-11 วันทำพิธีกงเต็ก ช่วงเช้าไปโรงพยาบาลกลาง ออกจากโรงพยาบาลกลางหลังเที่ยงเล็กน้อย พิธีกงเต็กเริ่มเวลา 15.00 น.ยังมีเวลาทานข้าวเที่ยงและเดินเก็บภาพไชน่าทาวน์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:18:26

ความคิดเห็นที่ 9 ยังคงออกจากโรงพยาบาลกลางทางด้านถนนเสือป่า เลี้ยวซ้ายที่แยกเสือป่าเข้าถนนเจริญกรุงมุ่งหน้าไปสามแยก ผ่านร้านราดหน้าอยู่อี่ตรงบริเวณโรงหนังบรอดเวย์เก่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:18:52

ความคิดเห็นที่ 10 ข้ามถนนที่สามแยกหรือห้าแยกหมอมีไปฝั่งปากถนนทรงสวัสดิ์ เพื่อเดินเข้าถนนเจริญกรุงช่วงไปวงเวียนโอเดี้ยน ผ่านร้านคั้นกี่น้ำเต้าทองที่เก็บภาพไว้แล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:19:15

ความคิดเห็นที่ 11 เดินผ่านดงแผงขายล็อตเตอรี่ มาหยุดที่ปากซอยที่เดิมเป็นทางเข้าดงร้านหมูสะเต๊ะหลังโรงหนังเฉลิมบุรี หัวมุมด้านขวาคือร้านลอดช่องสิงคโปร์ ที่เลิกทานตั้งแต่ขึ้นราคาเป็นถ้วยละ 18 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:19:38

ความคิดเห็นที่ 12 แวะร้านข้าวต้มกระดูกหมูที่หัวมุมด้านซ้าย ร้านนี้หยุดทุกวันพระเพราะโรงเชือดหมูปิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:20:00

ความคิดเห็นที่ 13 สั่งข้าวต้มกระดูกหมูใส่ไข่หนึ่งชาม 40 บาท ปาท่องโก๋ 1 คู่ 5 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:20:28

ความคิดเห็นที่ 14 กระดูกหมูล้างทำความสะอาดอย่างดีไม่มีกลิ่นคาว น้ำข้าวต้มหอมไม่แพ้ร้านตรงข้ามวัดมังกรฯที่ขายกลางคืน แต่ปาท่องโก๋ค้างนานไปหน่อยเหมือนเคี้ยวแป้งเหนียวๆ ย่านนี้จะกลับมาอีกครั้งใน"เที่ยวไปกินไป @ ถนนทรงสวัสดิ์" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:20:55

ความคิดเห็นที่ 15 ข้ามถนนลำพูนไชยไปที่ร้านใหม่ของร้านเกี๊ยวหมี่ปูโอเดี้ยน ที่ย้ายมาอยู่เยื้องกับถนนกลันตันและเยื้องกับร้านเดิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:21:21

ความคิดเห็นที่ 16 รายการอาหารหน้าแรกมีราคากำกับ ส่วนด้านหลังไม่ลงราคา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:21:43

ความคิดเห็นที่ 17 เริ่มจากบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง 35 บาท เส้นบะหมี่เล็กนุ่ม เกี๊ยวใส่กุ้งชิ้นโต หมูแดงย่างได้หอม น้ำแกงหอมกลิ่นผักกวางตุ้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:22:07

ความคิดเห็นที่ 18 สั่งบะหมี่เกี๊ยวแห้งก้ามปู โดยสั่งก้ามเล็กสุด 150 บาท มีเจ้ามือเมื่อไหร่ค่อยสั่งก้ามละ 500 บาท ยกมาไม่มีเกี๊ยวกุ้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:23:36

ความคิดเห็นที่ 19 มีน้ำแกงและน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดมาให้อย่างละถ้วย ไม่รู้ว่าถ้าเป็นบะหมี่แห้งธรรมดา มีน้ำแกงให้ด้วยหรือเปล่า ร้านนี้มีป้ายติดให้เห็นชัดเจนว่า ถ้าขอน้ำแกงเพิ่มคิดถ้วยละ 5 บาท เพราะฉะนั้นอย่าดราม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:24:10

ความคิดเห็นที่ 20 ก้ามปูสำหรับบะหมี่ชามละ 150 บาท มีขนาดเท่าช้อนน้ำแกง ก้ามปูสดต้มได้ดี ไม่มีกลิ่นแอมโมเนีย เอาไว้ชวนแฟนกลับมาลองอย่างอื่นวันหลัง โดยเฉพาะเกี๊ยวกุ้งทอด ที่เห็นสั่งกันทุกโต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:24:43

ความคิดเห็นที่ 21 ข้ามถนนเข้าถนนกลันตัน ถึงถนนพระรามที่สี่เลี้ยวขวา เอาพาสปอร์ตและรูปถ่ายไปฝากทำวีซ่าเข้าพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:25:06

ความคิดเห็นที่ 22 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าตรอกสุกร 1 มาออกถนนมิตรภาพไทย-จีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:25:26

ความคิดเห็นที่ 23 เลี้ยวขวาไปทางวัดไตรมิตร ก่อนถึงวัดไตรมิตรมีร้านขายเครื่องจักสานหลายร้าน แม้จะมีไม่มากร้านเหมือนย่านประตูผี แต่ก็สะดวกในการเดินทางมาซื้อมากกว่าถ้าไม่ซื้อเครื่องหวาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:25:47

ความคิดเห็นที่ 24 13.37 น.เลี้ยวขวาเข้าวัดไตรมิตร แต่เดินเข้าทางด้านโรงเรียนมหาวีรานุวัตรและโรงเรียนวัดไตรมิตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:26:05

ความคิดเห็นที่ 25 โรงเรียนวัดไตรมิตรมีการจัดนิทรรศการตรุษจีนของนักเรียน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:26:26

ความคิดเห็นที่ 26 หลายซุ้มกำลังเก็บของ แต่ก็ยังพอมีภาพให้เก็บมาฝากกัน โดยเฉพาะความหมายของเครื่องเซ่นไหว้วันตรุษจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:26:49

ความคิดเห็นที่ 27 เดินออกข้างมหามณฑปไปออกถนนเจริญกรุง ข้ามถนนเจริญกรุงเข้าถนนเยาวราช ข้ามถนนเยาวราชตรงหน้ามูลนิธิเทียนฟ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:27:11

ความคิดเห็นที่ 28 เลี้ยวขวาที่หน้าศาลเจ้าแม่กวนอิม เดินฝั่งซ้ายหลบแดดมุ่งหน้าไปวัดจักรวรรดิ์ ผ่านโรงน้ำชานิวสมอย่างที่ย้ายจากข้างอดีตโรงหนังเทียนกัวเทียน มาอยู่ก่อนถึงแยกเฉลิมบุรี เมื่อก่อนชื่อโรงน้ำชานิวสามอย่าง ไปโรงน้ำชาเพื่อทำสามอย่าง ดื่มชา ฟังเพลงและ... จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:27:35

ความคิดเห็นที่ 29 หยุดเก็บภาพพนักงานกำลังทำความสะอาดรังนก โดยใช้ปากคีบๆเศษขนนกและสิ่งสกปรกอื่นๆออกจากรังนก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:27:57

ความคิดเห็นที่ 30 ผ่านแยกเฉลิมบุรีเดินไปตามถนนเยาวราช ผ่านร้านก๋วจั๊บนายเอ็ก ร้านตีทึงเกียเม้งและร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอึ้งเป็งชุง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:28:20

ความคิดเห็นที่ 31 ผ่านหน้าโรงหนังไซฮ้อที่ปากถนนเยาวพานิช ชื่อปัจจุบันคือโรงหนังไชน่าทาวน์ราม่า ไม่แวะเข้าห้องน้ำเพราะกลัวเสียตูด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:28:43

ความคิดเห็นที่ 32 ผ่านร้านขายเป็ดอบชานอ้อยที่โชว์รับฝุ่นทั้งวัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:29:49

ความคิดเห็นที่ 33 ผ่านทางเข้าตลาดเก่าเยาวราชซอย 11 ยังไม่ได้เขียนถึงซาละเปาร้านนี้สักที ร้านนี้เป็นพี่ชายของร้านซาละเปาที่ต้นถนนเยาวพานิช แต่ไม่ใช่ร้านซาละเปาไต้แป๊ะข้างภัตตาคารตั้งใจอยู่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:30:16

ความคิดเห็นที่ 34 เดินตรงไปแยกตัดกับถนนมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:30:37

ความคิดเห็นที่ 35 แผงขายจิงจูฉ่ายที่หน้าร้านทองเล้งหงษ์ปากถนนมังกร กำเล็ก 20 กำใหญ่ 40 บาท บางวันมีไซเอี่ยฉ่ายหรือวอเตอร์เครสท์ขายด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:31:02

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงแยกถนนมังกรเลี้ยวซ้าย ถึงแยกตัดกับซอยผลิตผลเลี้ยวขวา ยังค้นหาอยู่ว่าตรงไหนที่เรียกว่า"แยกปาฐกถา" ซึ่ง ดร.ซุนยัดเซ็น ขึ้นปราศัยระดมทุนล้มราชวงศ์ชิง แวะร้านไอศครีมอาแปะที่อยู่ติดกับร้านเต้าฮวยสำเพ็งทางด้านซ้ายมือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:31:28

ความคิดเห็นที่ 37 ขายมาร่วมห้าสิบปีจนเหลือฟันหน้าซี่เดียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:31:53

ความคิดเห็นที่ 38 ใส่ลูกบัวลูกชิดเพียงถ้วยละสิบบาท เราจะกลับมาพบกับอาแปะอีกครั้งใน"เที่ยวไปกินไป @ ถนนมังกร" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:32:14

ความคิดเห็นที่ 39 เดินตามซอยผลิตผลไปออกถนนราชวงศ์ ผ่านร้านขายส่งของเล่นและวัดโลกานุเคราะห์ ถึงถนนราชวงศ์เลี้ยวซ้าย ถึงทางม้าลายเลี้ยวขวาเข้าสำเพ็ง ถึงแยกตัดกับถนนมหาจักร เลี้ยวซ้ายเข้าหลังวัดจักรววรดิ์ตรงหลังเมรุไปที่ศาลา 2 เพื่อเก็บภาพพิธีกงเต็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:32:39

ความคิดเห็นที่ 40 -คำว่า"กงเต็ก"นั้น มาจากคำสองคำรวมกัน คำแรกคือ"กง" หมายถึงการกระทำในสิ่งที่ถูกที่ชอบที่เป็นประโยชน์ และคำที่สองคือ"เต็ก" หมายถึงกุศลกรรมอันเกิดจากการทำกรรมดี รวมกลายเป็นคำเรียกพิธีการประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ 14.30 ถึงศาลา 2 วัดจักรวรรดิ์ บ้านและของใช้ทำจากกระดาษหรือของกงเต็กที่จะเผาส่งไปให้ผู้ตาย นำมาส่งที่ศาลาแล้ว ลูกหลานจะนำกระดาษเงินกระดาษทองสามแบบ ที่แขกช่วยกันพับหรือซื้อมา คือ 1 แบบตั่วกิมหรือค้อสี ใช้กระดาษเงินกระดาษทองขนาดกระดาษ A 4 พับทบกลางแล้วพับสอดหัวท้ายเป็นปลายแหลม 2 แบบกิมจั๊ว  เป็นกระดาษสีเหลืองขนาด 4x4 นิ้ว ตรงกลางพิมพ์อักษรจีนสีแดงในวงกลม นำมาพับครึ่งเป็นกระทงรูปเรือ 3 แบบทองแท่งหรือกิมเตี๊ยว ใช้กระดาษเงินกระดาษทองขนาดกระดาษ A 4 พับเป็นแท่งสีเหลี่ยมแทนทองแท่ง ทั้งหมดนำไปใส่ของกงเต็กยกเว้นห้องน้ำจนเต็ม เจ้าหน้าที่จะใช้กระดาษแผ่นยาวเขียนชื่อผู้รับและชื่อผู้ส่งติดบนของทุกชิ้น บางงานจะนำเสื้อของคนตายมาตัดเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำไปติดบนของกงเต็ก เพื่อให้ผู้ตายจำได้ เพราะแต่ละวันมีการทำพิธีกงเต็กกันหลายงาน จะได้ไม่รับของผิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:33:17

ความคิดเห็นที่ 41 ตั้งแต่ช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดหรือโรงเจมาติดตั้งภาพ ฉาก เครื่องเสียงและเครื่องดนตรีสำหรับพิธีกงเต็ก ภาพทั้งเจ็ดภาพหน้าพิธีสวดประกอบด้วย เง็กเซียนฮ่องเต้ พระสมันตภัทรพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้า พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า พระมัญชุศรีโพธิสัตว์และพระกษิติครรภโพธิสัตว์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:34:33

ความคิดเห็นที่ 42 หลัง 15.00 น.เล็กน้อยเริ่มพิธีกงเต็กช่วงแรก โดยเริ่มจากการอาราธนาศีล พระที่นิมนต์มาทำพิธีกงเต็กในวันนี้มี 7 รูป มาจากวัดญวนชื่อวัดชัยภูมิการามที่ถนนเยาวพานิชย์ การทำพิธีกงเต็กต้องนิมต์พระจีนอย่างน้อย 5 รูป อาจเพิ่มเป็น 7, 9, 11 หรือ 21 รูปก็ได้ รูปแบบและพิธีการทำกงเต็กอาจมีแตกต่างกันบ้างตามแต่ละท้องถิ่น แต่หลักใหญ่ๆจะเหมือนกัน ประวัติพิธีกรรมกงเต็ก มี 2 ตำนาน ตำนานแรก สมัยพระเจ้าเหลี่ยงบู๊ตี่ เมื่อประมาณ พศ.1067 ได้ทำพิธีกงเต็กอุทิศส่วนกุศลให้กับพระมเหสี เป็นการทำกงเต็กใหญ่ 49 วัน มีการถือศีลกินเจ บวชพระภิกษุ สามเณรและแม่ชี พิมพ์พระไตรปิฎก ปฏิสังขรณ์บูรณะวัด สร้างถนน ปล่อยสัตว์ นิรโทษกรรมปล่อยนักโทษทั่วประเทศ และแจกทาน หลังจากพิธีครั้งนั้น พระสงฆ์ฝ่ายมหายาน แต่ละนิกายและแต่ละภาษาท้องถิ่น ได้ทำตามอย่างแต่ย่อพิธีให้สั้นลง ตัดพิธีกรรมปลีกย่อยออกและทำเพียงวันเดียว แต่ประชาชนก็ยังถือการไว้ทุกข์ 49 วัน โดยมีพิธีไหว้ทุก 7 วัน 7 ครั้ง(ชิกซุ้ง)ก่อนออกทุกข์ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 00:01:57 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:35:28

ความคิดเห็นที่ 43 ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการนิมนต์พระสงฆ์ญวนอานัมนิกาย มาทำพิธีกงเต็กในพระบรมมหาราชวัง โดยสวดเป็นภาษาเวียดนาม ต่อมาอุบาสกและอุบาสิกาตามโรงเจ ทั้งที่ถือศีลห้าหรือศีลแปด ก็มีการสวดมนต์และทำพิธีกงเต็กเหมือนฝ่ายสงฆ์ โดยอุบาสกแต่งกายด้วยชุดขาว(แปะอี) ส่วนอุบาสิกาแต่งกายด้วยชุดสีดำ มีการทำพิธีแตกต่างกัน อุบาสิกาสวดเพียงอย่างเดียว แต่พวกแปะอี เพิ่มบทเจรจาขอข้ามสะพานกับยมบาลและเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสะพาน รวมถึงเพิ่มพิธี"ชึงกิมซัว"หรือ"เจ๋าก่ง" ซึ่งเป็นการแสดงกึ่งกายกรรมโดยชายแต่งชุดพระจีนแบบพระถังซำจั๋ง เป็นพิธีกรรมที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อฝ่ายลูกสาวของผู้เสียชีวิต ที่จะได้กล่าวถึงต่อไป ตำนานที่สอง ในสมัยพุทธกาล มีบุตรเศรษฐีในกรุงสาวัตถีกระทำมาตุฆาต ต่อมาบวชเป็นพระเพื่อล้างบาป เมื่อมรณภาพตกนรก ภายหลังลูกศิษย์องค์หนึ่งเจริญฌานสมาบัติ เห็นอาจารย์กำลังทนทุกข์ทรมานจากกรรมเก่าอยู่ ด้วยความสงสารจึงประกอบพิธีกงเต็ก อัญเชิญวิญญานของอาจารย์มายังพิธี เพื่อขอขมากรรมต่อพระศรีรัตนตรัย ทำบุญทำทานอุทิศส่วนกุศล ให้อาจารย์พ้นจากทุกข์ในนรกและไปสู่สุคติ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:35:53

ความคิดเห็นที่ 44 สมัยก่อนนั้นการทำพิธีกงเต็กเริ่มทำกันเวลา 18.00 น.และกินเวลายาวนานกว่าจะได้กลับบ้านก็เกือบตีหนึ่ง รุ่งขึ้นต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำพิธีส่งศพและเคลื่อนศพไปฝังที่สุสาน ทำให้ลูกหลานเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก จึงมีการตัดทอนพิธีกรรมให้สั้นลง และแบ่งเป็นสองช่วง โดยเริ่มช่วงแรกเวลา 15.00 น.ถึงประมาณ 17.00 น. โดยมีช่วงพักสวดให้ประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อเย็นแก่ลูกหลานและผู้ที่มาช่วยงาน จากนั้นเริ่มช่วงที่สองประมาณ 18.30 น.ถึงไม่เกิน 22.00 น.ทำให้ลูกหลานไม่เหนื่อยและแขกไม่ต้องอยู่ดึกจนเลิกพิธี อาราธนาศีลแล้ว เป็นการสวดเปิดมณฑลสถานพิธีกงเต็ก ต่อหน้าท้าวมหาชมพู หรือเวโทโพธิสัตโต แม่ทัพของท้าวจตุรบาล(ซี้ไต่เทียงอ๊วง) และเป็นเทพผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนาหรือเทพผู้พิทักษ์วัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:36:15

ความคิดเห็นที่ 45 เพื่อขออนุญาตทำพิธีกงเต็ก และให้ท่านเปิดทางให้ดวงวิญญานผู้ตายเข้ามาร่วมพิธีกงเต็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:36:47

ความคิดเห็นที่ 46 พระผู้ทำพิธีอ่านชื่อผู้ตายและรายชื่อลูกหลานที่ขออนุญาตทำพิธีกงเต็ก จากนั้นจุดธูปสามดอกใส่"โถลือ" หรือที่ใส่ธูปขณะบูชาพระ ให้ลูกชายคนโตยกขึ้นไหว้สามครั้ง ด้ามที่ใช้ถือมีมังกรแลบลิ้นยื่นออกไป จะมีช่องเสียบธูปต่อจากปลายลิ้นของมังกรสามช่อง ความหมายคือมังกรบูชาพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:37:15

ความคิดเห็นที่ 47 พระผู้ทำพิธีอ่านใบฎีกา ระบุชื่อที่อยู่ผู้ตาย ตามด้วยชื่อลูกหลาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:37:38

ความคิดเห็นที่ 48 จากนั้นนำใบฎีกาใส่ในม้ากงเต็กพร้อมกระดาษเงินกระดาษทอง จุดธูปสามดอกและเทียนหนึ่งเล่ม ใช้เทียนเขียนยันต์ที่หัวม้ากงเต็ก พรมน้ำมนต์ด้วยใบทับทิม ปักธูปที่ตัวม้ากงเต็ก ให้ลูกชายคนโตยกขึ้นจบ เสร็จแล้วให้เจ้าหน้าที่นำม้ากงเต็กไปเผา เพื่อให้ม้ากงเต็กวิ่งไปส่งใบฎีกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:38:06

ความคิดเห็นที่ 49 จากนั้นพระถือโคมวิญญานซึ่งมีเสื้อผู้ตายคลุมอยู่ ไปทำพิธีให้ลูกหลานผู้ตาย เชิญผู้ตายมาร่วมในพิธีกงเต็ก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:38:30

ความคิดเห็นที่ 50 จากนั้นมาทำพิธีขอขมากรรม ที่หน้ารูปพระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสัตว์ ลูกชายคนโตถือกระถางธูปหน้าศพ หลานชายคนโตถือโคมวิญญาน ทั้งหมดเดินเรียงแถวตามพระไปยังมณฑลพิธี ซึ่งมีห้องน้ำกระดาษตั้งอยู่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:38:52

ความคิดเห็นที่ 51 วางอ่างล้างหน้าที่หน้าห้องน้ำกระดาษ พระสวดทำพิธีแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:39:16

ความคิดเห็นที่ 52 ให้ลูกชายคนโตยกอ่างล้างหน้าวางในห้องน้ำกระดาษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:39:39

ความคิดเห็นที่ 53 ใช้ผ้าทำท่าลูบขึ้นลงสามครั้ง บางพิธีให้ลูกสะใภ้ยกอ่างล้างหน้าไปเททิ้ง เหมือนธรรมเนียมการเตรียมอ่างล้างหน้าไว้ให้พ่อผัวแม่ผัวทุกเช้า แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 54 00:10:25 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:41:53

ความคิดเห็นที่ 54 พระสงฆ์สวดอัญเชิญพระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสตว์ ให้เสด็จมาเป็นสักขีพยานในมณฑลพิธี จากนั้นเริ่มพิธีขอขมากรรม มีผ้าขาวคล้องที่เสาโคมวิญญาน ให้ลูกชายและหลานชายคนโตถือชายคนละข้าง เมื่อถึงช่วงคำนับพระพุทธเจ้าและเหล่าพระโพธิสัตว์ ลูกหลานจะก้มคำนับและหลานชายคนโตโค้งโคมวิญญาน เพื่อคำนับแทนผู้ตาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:42:24

ความคิดเห็นที่ 55 จุดธูปสามดอกใส่"โถลือ" หรือที่ใส่ธูปขณะบูชาพระให้ลูกชายคนโตยกขึ้นไหว้สามครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:42:51

ความคิดเห็นที่ 56 พระผู้ทำพิธีอ่านใบฎีกา ระบุชื่อที่อยู่ผู้ตาย ตามด้วยชื่อลูกหลาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:43:16

ความคิดเห็นที่ 57 จากนั้นนำไปเสียบที่นกกงเต็ก จุดธูปสามดอกและเทียนทำพิธีส่งนกกงเต็ก หลังลูกชายคนโตยกนกกงเต็กขึ้นจบแล้ว เจ้าหน้าที่นำนกกงเต็กไปเผา เพื่อให้นกกงเต็กบินไปส่งใบฎีกา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:44:24

ความคิดเห็นที่ 58 16.05 น.ด้านนอกศาลาเตรียมตั้งโต๊ะเลี้ยงช่วงเย็น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:44:49

ความคิดเห็นที่ 59 16.15 น.ตั้งโต๊ะเตรียมของไหว้กงม่าหรือไหว้บรรพบุรุษ ขั้นตอนนี้ลูกหลานใส่แค่ชุดขาวทำพิธีและไม่ต้องใส่หมวก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:45:17

ความคิดเห็นที่ 60 ของไหว้ประกอบด้วยผลไม้ห้าอย่าง ฮกก๊วยหรือฮวกก๊วยสีขาวประทับตราสีแดง กระดาษเงินกระดาษทอง อั่งก๊วยทั้งใหญ่และเล็ก ซาแซหมู เป็ดและไก่ กับข้าวเจหกอย่าง ข้าวสวย น้ำชา เหล้าขาวอย่างละ 7 ถ้วย และกระถางธูป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:45:41

ความคิดเห็นที่ 61 ใช้ตะเกียบคีบกับข้าวแต่ละอย่างปักบนชามข้าว หรืออาจปักเต้าหู้เหลืองทุกชามก็ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:46:12

ความคิดเห็นที่ 62 ลูกหลานและภรรยาผู้ตายถือธูปคนละดอก พระสวดเชิญวิญญานบรรพบุรุษมารับเครื่องเซ่นไหว้ จากนั้นนำธูปไปปักที่กระถางธูปบนโต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:46:36

ความคิดเห็นที่ 63 เจ้าหน้าที่นำของบนโต๊ะมาให้ร่วมกัน"เฮี่ยง"หรือจบอุทิศให้วิญญานบรรพบุรุษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:47:00

ความคิดเห็นที่ 64 ถวาย"กุยเซีย"หรือหีบเสื้อผ้าสีแดงสามหีบให้บรรพบุรุษ จำนวนหีบไม่จำเป็นต้องครบคนเพื่อความประหยัด แต่ถ้าจะให้ครบคนนับเฉพาะลูกในและสะใภ้ ส่วนลูกนอกซึ่งหมายถึงลูกสาวที่แต่งออกไปแล้วไม่ต้อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:47:25

ความคิดเห็นที่ 65 ระหว่างนั้นพระยังคงสวดเจริญพระพุทธมนต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:47:49

ความคิดเห็นที่ 66 ศาลา 1 ที่ติดกัน มีพิธีกงเต็กเช่นกัน คนตายเป็นผู้หญิง มี"แปะอี"หรือชุดขาวทำพิธีกงเต็ก กงเต็กทำพิธีพร้อมกันสองศาลา เสียงสวดจึงตีกันอย่างช่วยไม่ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:48:14

ความคิดเห็นที่ 67 ฝรั่งที่ผ่านมาหยุดเก็บภาพที่ศาลา 1 ด้วยความสนใจ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:48:36

ความคิดเห็นที่ 68 เสร็จจากพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ มาทำพิธีที่หน้าศพต่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:48:57

ความคิดเห็นที่ 69 เซ่นไหว้ด้วยของไหว้แบบเดียวกับเซ่นไหว้บรรพบุรุษอีกชุด แต่ฮวกก้วยไม่ประทับตราสีแดง และหีบเสื้อผ้าใช้สีเขียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:49:23

ความคิดเห็นที่ 70 จากนั้นนำกระดาษเงินกระดาษทองไปเผาส่งให้ใช้ในถังนอกศาลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:49:48

ความคิดเห็นที่ 71 ต่อด้วยการนำหีบเสื้อผ้าไปเผาที่เตาเผาของวัด หลังเมรุกำลังเตรียมโต๊ะจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:50:16

ความคิดเห็นที่ 72 เผาหีบเสื้อผ้าของกงม่าก่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:50:41

ความคิดเห็นที่ 73 มาดูว่าเตรียมกับข้าวอะไรบ้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:51:07

ความคิดเห็นที่ 74 วันนี้รับทีเดียวสองงานใกล้กัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:51:34

ความคิดเห็นที่ 75 น่าจะเป็นหัวปลานึ่งบ๊วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:52:06

ความคิดเห็นที่ 76 ดูเหมือนจะเป็นน้ำราด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:52:32

ความคิดเห็นที่ 77 ผัดโป๊ยเซียนแน่นอน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:52:57

ความคิดเห็นที่ 78 ที่ศาลา อาม่ากำลังตัดแบ่งฮวกก้วยให้ลูกหลาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:53:20

ความคิดเห็นที่ 79 พนักงานใช้ผ้าปูโต๊ะลายต่างกันเพื่อให้รู้ว่าคนละงาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:53:47

ความคิดเห็นที่ 80 17.15 น.ร่วมรับประทานอาหารเย็น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:54:09

ความคิดเห็นที่ 81 น้ำจิ้มสามอย่างรวมพริกน้ำปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:54:37

ความคิดเห็นที่ 82 กับข้าวทานกับข้าวสวยมี 5 อย่าง ราคาโต๊ะละ 1,500 บาท เริ่มด้วยผัดโป๊ยเซียนแปดเซียน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:54:59

ความคิดเห็นที่ 83 ต่างจากจับฉ่ายไหหลำตรงที่ไม่ผัดกับวุ้นเส้น แต่ผัดกับถั่วงอกและเครื่องต้องมีแปดอย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:55:23

ความคิดเห็นที่ 84 ขาเป็ดน้ำแดง ใส่เห็ดหอมรองด้วยผักปวยเล้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:55:52

ความคิดเห็นที่ 85 เต้าหู้ทรงเครื่อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:56:19

ความคิดเห็นที่ 86 ราดมาบนกุยช่ายขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:56:42

ความคิดเห็นที่ 87 หัวปลาจีนนึ่งบ๊วยโรยหน้าด้วยหมึกทอดกรอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:57:08

ความคิดเห็นที่ 88 ปิดท้ายด้วยแกงจืดปีกบนไก่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:57:32

ความคิดเห็นที่ 89 ต้มกับเก๋าคี่โกจิเบอรี่และซี้ชวงช่ายหรือผักเสฉวน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:57:54

ความคิดเห็นที่ 90 กับข้าวทั้งห้าอย่างมาในขนาดมหึมาและรสดี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 54 22:58:22