ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แวะเที่ยวระหว่างทาง เพราะได้รับคำแนะนำให้ไปถึงนครสวรรค์ก่อนเที่ยง เนื่องจากโรงแรมที่พักอยู่ใกล้กับถนนที่ใช้ในขบวนแห่ อาจมีการปิดถนนกันตั้งแต่เที่ยง 10.25 น.ข้ามสะพานเดชาติวงศ์ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสูตัวเมืองนครสวรรค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:48:01

ความคิดเห็นที่ 2 ลงจากสะพานถึงแยกเดชาติวงศ์เลี้ยวขวาเข้าถนนสวรรค์วิถี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:48:21

ความคิดเห็นที่ 3 ถึงแยกตัดกับถนนอรรถกวีเลี้ยวซ้าย ประมาณ 20 เมตรเลี้ยวขวาเข้าโรงแรมแกรนด์วิษณุ คุณปื๊ดผู้ผ่านทางมารออยู่แล้ว โรงแรมถูกจองเต็มหมดทุกห้อง หลังจากรวมกระเป๋าไว้ที่ห้องหนึ่งเพื่อรอการเคลียร์ห้องแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:48:40

ความคิดเห็นที่ 4 คุณปื๊ดพาพวกเราไปทานก๋วยเตี๋ยว ที่ถนนเทพสิทธิชัย หรือซอยสวรรค์วิถี 27 ข้างวัดนครสวรรค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:49:03

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นร้านบนทางเท้าริมกำแพงวัดนครสวรรค์ ร้านนี้มีชื่อว่าร้านเตี้ยข้างวัด เหตุที่ต้องเน้นว่าร้านเตี้ยข้างวัด ก็เพราะมีร้านพี่น้องที่ชื่อเตี้ยเหมือนกันอีกร้านหนึ่ง คุณปื๊ดเล่าให้ฟังว่าพี่น้องบ้านนี้เตี๊ยทุกคน เตี๊ยคนโตทำงานที่ร้านหลี ซึ่งเป็นต้นตำหรับของลูกชิ้นบัวลอย ต่อมาออกมาเปิดร้านเอง สุดท้ายเซ้งสูตรให้อีกสองเตี้ยในครอบครัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:49:24

ความคิดเห็นที่ 6 ร้านเตี้ยข้างวัดเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-17.00 น.ไปถึงเพิ่งตั้งร้านเสร็จ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:49:45

ความคิดเห็นที่ 7 แฟนสั่งน้ำบลูเบอรี่โซดาที่ร้านขายน้ำแถวนั้นให้หนึ่งถ้วย ซึ่งน่าจะเป็นต้นเหตุของอาการท้องเสียในเวลาต่อมา เนื่องจากสิ่งแปลกปลอมในถ้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:50:15

ความคิดเห็นที่ 8 แยกกันนั่งสองโต๊ะ เขียนรายการใส่กระดาษส่งให้พนักงาน ไม่นานก๋วยเตี๋ยวที่สั่งก็มาเต็มโต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:50:41

ความคิดเห็นที่ 9 มีทั้งก๋วยเตี๋ยวแห้งไก่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:50:58

ความคิดเห็นที่ 10 เส้นหมี่น้ำหมูปั้นและลูกชิ้นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:51:17

ความคิดเห็นที่ 11 เส้นหมี่น้ำไก่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:51:38

ความคิดเห็นที่ 12 บะหมี่น้ำลูกชิ้นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:52:00

ความคิดเห็นที่ 13 เส้นเล็กแห้งรวมมิตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:52:18

ความคิดเห็นที่ 14 ของตัวเองเริ่มด้วยบะหมี่แห้งหมูปั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:52:59

ความคิดเห็นที่ 15 ตามด้วยบะหมี่แห้งลูกชิ้นปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:53:32

ความคิดเห็นที่ 16 ตบท้ายด้วยเกาเหลารวมมิตร ทุกชาม 25 บาทเท่ากัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:53:59

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกชิ้นปลาของนครสวรรค์ เป็นลูกชิ้นปลากรายขนาดเท่าขนมบัวลอย หอมกลิ่นปลากรายอ่อนๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:54:22

ความคิดเห็นที่ 18 โต๊ะบางส่วนตั้งอยู่ในถนน จึงต้องระวังรถเมล์ที่วิ่งเบียดคับถนน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:54:55

ความคิดเห็นที่ 19 อิ่มแล้วคุณปื๊ดนำทางไปเข้าซอยมาตุลี 18 บนถนนมาตุลี เพื่อขึ้นไปวัดคีรีวงศ์บนเขาดาวดึงส์ ถึงยอดเขาดาวดึงส์มองเห็นหอชมเมืองสูงเท่าตึกสิบชั้น -เมื่อ พ.ศ. 2504 พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า เป็นต้น สงสัยว่าจะเป็นวัดร้าง จึงได้แจ้งให้กรมการศาสนาทราบ และได้ชักชวนประชาชนสร้างกุฎิเล็กๆที่เชิงเขา 4-5 หลัง สมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา พระธุดงค์ที่มาสร้างวัดถูกต่อต้านจากประชาชน ที่ครอบครองที่บริเวณที่ตั้งวัด ไม่สามารถสร้างวัดได้สำเร็จจึงได้จากไป เมื่อปี พ.ศ. 2507 กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุโบราณ และจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์ ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริง และพบบ่อกรุน้ำซึมด้วย กรมการศาสนา สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ 280 ไร่ พ.ศ. 2508 คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์ ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้าได้ ไปขอพระสงฆ์จากเจ้าคณะอำเภอเมืองฯ ที่วัดนครสวรรค์ เพื่อมาสร้างวัดคีรีวงศ์ คณะสงฆ์ได้ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.5 หรือ เจ้าคุณพระวิกรมมุนี ในปัจจุบัน ซึ่งจำพรรษาอยู่วัดนครสวรรค์ ให้มาสร้างวัดคีรีวงศ์ วัดคีรีวงศ์เป็นที่ตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดนครสวรรค์ ในความอุปถัมภ์ของ กรมการศาสนา นอกจากนี้วัดคีรีวงศ์ ยังเป็นที่ตั้งอุทยานการศึกษา ของจังหวัดนครสวรรค์ ที่มา-http://www.dhammathai.org/watthai/north/watkiriwong.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:55:22

ความคิดเห็นที่ 20 " แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 54 22:57:13 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:56:55

ความคิดเห็นที่ 21 ยอดเขามีที่จอดรถไม่มากนัก จอดรถตรงข้ามร้านอาหาร มีรถสกายแล็บแบบนครสวรรค์จอดอยูหนึ่งคัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:57:38

ความคิดเห็นที่ 22 ข้ามถนนไปที่พระจุฬามณีเจดีย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:57:55

ความคิดเห็นที่ 23 พระจุฬามณีเจดีย์ ตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ สร้างตรงฐานพระเจดีย์เก่า ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 19 ปลายกรุงสุโขทัย ประมาณ 600 ปีมาแล้ว ได้นามว่าพระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ เพราะเขาลูกนี้ตั้งชื่อว่าเขาดาวดึงส์   เนื่องจากอยู่ตรงสุดถนนดาวดึงส์ และอยู่เมืองนครสวรรค์ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ตั้งชื่อให้ และแนะนำให้สร้างพระจุฬามณีเจดีย์ไว้บนยอดเขา ที่มา-http://www.kiriwong.net/kv1.htm เจดีย์มีทั้งหมดสี่ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:58:17

ความคิดเห็นที่ 24 ชั้นสี่เป็นที่ตั้งของเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ นิยมบูชาด้วยธูปเทียนแพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:58:40

ความคิดเห็นที่ 25 รอบชั้นสี่สามารถมองเห็นรอบจังหวัดนครสวรรค์ไกลถึง 10 กม. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:59:06

ความคิดเห็นที่ 26 แม้ว่าวันนี้อากาศไม่เปิด แต่ก็สามารถมองเห็นบึงบรเพ็ด ส่วนพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ในวัดหลวงพ่อท้าว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:59:27

ความคิดเห็นที่ 27 ลงจากพระจุฬามณีเจดีย์ไปยอดเขาฝั่งตรงข้าม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 22:59:49

ความคิดเห็นที่ 28 ขวามือของทางขึ้นยอดเขา เป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:00:19

ความคิดเห็นที่ 29 ติดกันเป็นโรงทานซึ่งเปิดตั้งแต่ 9.00-15.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:00:42

ความคิดเห็นที่ 30 มีอาหารน่าทานหลายอย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:01:01

ความคิดเห็นที่ 31 รวมถึงน้ำพริกขี้กา ซึ่งต่างจากน้ำพริกหนุ่มตรงที่ใส่ปลาย่างและไม่ใส่มะเขือยาว มีผักลวกให้ทานคู่กับน้ำพริกหลายอย่าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:01:19

ความคิดเห็นที่ 32 ของหวานเป็นเฉาก๊วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:01:39

ความคิดเห็นที่ 33 ยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 5 วา 9 นิ้ว เป็นลักษณะผสมเชียงแสน สุโขทัยและรัตนโกสินทร์ คือ ขัดสมาธิเพชร เกตุดอกบัวตูม สังฆาฏิสั้น แบบพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน พระพักตร์ ส่วนองค์และพระพาหาเป็นสมัยสุโขทัย   ส่วนแท่นพระเป็นสมัยรัตนโกสินทร์  พระพุทธรูปใหญ่บนยอดเขานี้ สร้างเมื่อ พ.ศ.2528 โดยนายชุณห์สีห์ นางปราณี อโนดาต เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย ที่มา-http://www.kiriwong.net/watkiriwong.html จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:02:02

ความคิดเห็นที่ 34 ลงจากวัดคีรีวงศ์ ข้ามสะพานเดชาติวงศ์เลี้ยวซ้ายไปศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม ชาวจีนเมื่ออพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ใด จะมีการสร้างศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์หรือปึงเถ่ากง ถ้าเมืองนั้นมีแม่น้ำไหลผ่านหรือติดทะเล ก็จะมีการสร้างศาลเจ้าแม่ทับทิมด้วย ชาวจีนในปากน้ำโพนับถือปึงเถ่ากง เทพเจ้ากวนอู เจ้าแม่ทับทิมและเจ้าแม่สวรรค์ จึงได้สร้างศาลเจ้าเพื่อเป็นที่ประทับและกราบไหว้บูชา โดยสร้างขึ้นสองศาล คือศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์ ริมฝั่งต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศตะวันออกของตลาดปากน้ำโพ และศาลเจ้าแม่หน้าผาที่ถนนโกสีย์ ริมฝั่งแม่น้ำปิงที่บ้านหน้าผา ขึ้นไปทางเหนือของตลาดปากน้ำโพ ที่มา -http://www.paknampho-chinesenewyear.com/bb/bbs/viewthread.php?tid=5&extra=page%3D1 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:02:28

ความคิดเห็นที่ 35 ก่อนขึ้นไปสักการะบนศาล เดินไปที่ท่าน้ำ เพื่อชมทัศนียภาพของตลาดปากน้ำโพบนถนนเจ้าพระยาและถนนโกสีย์ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:35:02 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:02:50

ความคิดเห็นที่ 36 บริเวณที่ตั้งศาลคือต้นแม่น้ำเจ้าพระยา มองไปทางขวาคือจุดบรรจบของแควทั้งสี่ ปิง วัง ยม น่าน โดยแควปิงและแคววัง รวมกันเป็นแม่น้ำปิงที่จังหวัดตาก สายน้ำเป็นสีเขียว(บน) ส่วนแควน้ำยมและแควน่าน รวมกันเป็นแม่น้ำน่านที่อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ สายน้ำเป็นสีแดง(ล่าง) แม่น้ำทั้งสองมารวมบรรจบกันที่ปากน้ำโพ ก่อนไหลไปออกอ่าวไทยซึ่งมีบ้านของเจ้าพระยาคนหนึ่งตั้งอยู่ จึงได้ชื่อว่าแม่น้ำเจ้าพระยา แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:35:46 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:05:18

ความคิดเห็นที่ 37 ชมวิวต้นแม่น้ำเจ้าพระยาเสร็จแล้วขึ้นไปบนศาล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:05:49

ความคิดเห็นที่ 38 ซ้ายมือมีเสลี่ยงสำหรับแห่เทพเจ้าของศาลในวันอาทิตย์ เก้าอี้และเสลี่ยงพื้นตะปู สำหรับเชิญเจ้าเข้าทรงตอนตีห้าของวันอาทิตย์ ถ้าตื่นไหวจะข้ามมาเก็บภาพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:06:13

ความคิดเห็นที่ 39 รูปปั้นแทนเทพเจ้าทั้งสี่ถูกอัญเชิญจากศาลที่ประทับมาไว้ที่โต๊ะด้านหน้า แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:36:45 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:06:39

ความคิดเห็นที่ 40 เทพเจ้าทั้งสี่ในศาลแห่งนี้ประกอบด้วย 1 เจ้าแม่ทับทิม ชาวจีนไหหลำให้ความนับถือสูงสุด เป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตา ช่วยให้เป็นที่รักของผู้พบเห็น มีงานฉลองคล้ายวันเกิดของเจ้าแม่ทุกวันที่ 15 เดือน 10 ของจีน 2 เจ้าแม่สวรรค์ หรือเทียนโหวเซี้ยบ้อ เป็นเทพเจ้าคุ้มครองทางน้ำ มีงานฉลองคล้ายวันเกิดของเจ้าแม่ทุกวันที่ 23 เดือน 3 ของจีน 3 เจ้าพ่อเทพารักษ์ เป็นเทพเจ้าประจำถิ่น บันดาลให้ชาวบ้านอยู่เย็นเป็นสุข กิจการค้ารุ่งเรือง มีงานฉลองคล้ายวันเกิดของเจ้าพ่อทุกวันที่ 15 เดือน 1 ของจีน และ 4 เจ้าพ่อกวนอูหรือกวงกง เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ คุ้มครองขจัดภัยอันตรายและความชั่วร้าย ตลอดจนอุปสรรคต่างๆให้หมดสิ้นไป เป็นที่เคารพของผู้รับราชการ มีงานฉลองรำลึกทุกวันที่ 23 เดือน 5 ของจีน ที่มา-http://www.paknampho-chinesenewyear.com/bb/bbs/viewthread.php?tid=5&extra=page%3D1 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:07:34

ความคิดเห็นที่ 41 แม้ว่าจะมีการเชิญเทพเจ้าทุกองค์ไปประดิษฐานที่โต๊ะด้านหน้าแล้ว แต่กระถางปักธูปและรางปักเทียนยังคงตั้งอยู่ที่เดิมหน้าศาลเทพเจ้าแต่ละองค์ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:37:54 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:07:58

ความคิดเห็นที่ 42 ศาลประทับของเทพเจ้าแต่ละองค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:08:26

ความคิดเห็นที่ 43 ด้านซ้ายเป็นศาลเจ้าพ่อสามตัวหรือฮั่วกวงไต้ตี่ คนที่เคยดูหนังเรื่องไซอิ๋ว คงจำเทพเจ้าสามตาถือทวนที่มีสุนัขวิ่งนำหน้า และต่อสู้กับเห้งเจี่ย ก่อนที่เห้งเจียจะถูกพระยูไลจับขังรอพระถังซำจั๋งมาปล่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:08:49

ความคิดเห็นที่ 44 ซื้อธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทองและน้ำมันเติมตะเกียงชุดละ 50 บาท เพื่อสักการะเทพเจ้าทั้งหมดในศาล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:09:17

ความคิดเห็นที่ 45 กระดาษเงินกระดาษทองให้เขียนชื่อ วันที่เกิดและวันเดือนปีเกิด อธิษฐานแล้วนำไปวางไว้ที่หน้าเทพเจ้าองค์ใดก็ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:09:41

ความคิดเห็นที่ 46 จะถวาย"กวงเม้งกิ๊กเซี่ยงเต็ง"หรือตะเกียงเสริมดวงก็ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:10:07

ความคิดเห็นที่ 47 ธงของศาลเจ้าที่จะใช้ในการแห่รับเจ้าในวันอาทิตย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:10:31

ความคิดเห็นที่ 48 จังหวัดนครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่มีชาวจีนไหหลำอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชุมชนรอบศาลเจ้า ถ้าเป็นงานวันเกิดเจ้าแม่ทับทิมที่เชิงสะพานซังฮี้ จะมีอาหารไหหลำขายหน้าศาลหลายอย่าง แต่ที่นี่แม้จะมีคนมาไหว้ช่วงตรุษจีนกันมาก แต่กลับไม่มีของกินไหหลำรอบศาลเลย คนเก่าคนแก่บอกว่าอายุมากแล้วทำไม่ไหว โดยเฉพาะขนมที่ทำจากข้าวเหนียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:11:12

ความคิดเห็นที่ 49 ออกจากศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม ข้ามสะพานเดชาติวงศ์เลี้ยวขวาเข้าถนนสวรรค์วิถี เลี้ยวขวาเข้าถนนอรรถกวี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนโกสีย์ วิ่งเลียบแม่น้ำปิงจนถึงบ้านหน้าผา จอดรถที่ลานจอดรถของศาลเจ้าแม่หน้าผา ศาลแห่งนี้เป็นที่ตั้งของมูลนิธิส่งเสริมงานประเพณี แห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ นอกจากนี้ยังเป็นที่ทำการของคณะกรรมการจัดงานประเพณีประจำปี(เถ่านั้ง) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:11:47

ความคิดเห็นที่ 50 จุดธูปเทียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลแล้วออกมาที่ถนนโกสีย์ ตรงข้ามศาลมีตอไม้ตะเคียนขนาดยักษ์ที่ขุดพบในแม่น้ำปิง กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธฺ์ริมถนน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:12:55

ความคิดเห็นที่ 51 ปาดหนึ่งทีค่ะ ละเอียดมากกกกก ขนาดเราเองคนนครสวรรค์ ยังไม่รู้ละเอียดขนาดนี้ รอชมนะคะ จากคุณ : umbrella lullaby เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:12:59

ความคิดเห็นที่ 52 umbrella lullaby ...ขอบคุณครับ ............................................................................................ ไม่ได้มีใครตีมันจนเลือดโชก แต่มีคนเล่นพิเรนทร์เอาสีแดงทาตัวมัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:14:06

ความคิดเห็นที่ 53 เพิ่งจะบ่ายสองโมงครึ่งและยังอิ่มอยู่ แต่คุณปื๊ดชวนไปทานปลาเห็ดทอดร้านดังติดกับศาลเจ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:14:55

ความคิดเห็นที่ 54 ร้านนี้มีชื่อว่าร้านหน้าผาปลาทอดมัน เลือกนั่งในห้องแอร์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:15:21

ความคิดเห็นที่ 55 รายการอาหาร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:15:47

ความคิดเห็นที่ 56 ช้อนส้อมบรรจุในซองพลาสติกมิดชิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:16:15

ความคิดเห็นที่ 57 ปลาเห็ดทอดหรือทอดมันปลากราย 150 บาท สับตีจนเนื้อเด้งมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:16:50

ความคิดเห็นที่ 58 เชิงปลากรายทอด 150 บาท ถูกใจเพราะเนื้อปลากรายสีเทาตรงเชิงหอมมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:17:21

ความคิดเห็นที่ 59 ยำลูกชิ้นปลากรายรสจัด 100 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:17:55

ความคิดเห็นที่ 60 แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายยอดมะพร้าวอ่อน 130 บาท ทานกับขนมจีน ไม่ได้ชิม แต่หลายคนบอกว่าเครื่องแกงหอม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:18:33

ความคิดเห็นที่ 61 จานสุดท้ายเป็นปลาม้านึ่งซีอิ๊ว 350 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:19:17

ความคิดเห็นที่ 62 เนื้อปลาชิ้นหนาและสด แต่น้ำซีอิ๊วยังไม่โดนเท่าที่ควร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:19:50

ความคิดเห็นที่ 63 มื้อนี้เจ็ดคนรวมค่าห้องแอร์คนละ 5 บาท น้ำดื่ม น้ำแข็งและเบียร์ไฮเนเก้นสามขวด 1,292 บาท อาการท้องเสียออกฤทธิ์จนต้องเข้าห้องน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:20:31

ความคิดเห็นที่ 64 กลับมาที่ๆจอดรถของศาลเจ้าแม่หน้าผา มังกรที่จะแสดงในขบวนแห่คืนนี้เริ่มตั้งขบวนแล้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:21:15

ความคิดเห็นที่ 65 กลับมาผักผ่อนที่โรงแรมที่ถนนอรรถกวี แต่ระหว่างทางกลับโรงแรม ผ่านซอยอรรถกวี 4 เห็นบางอย่างจึงออกมาอีกคนเดียว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:21:45

ความคิดเห็นที่ 66 เลี้ยวขวาเข้าซอยอรรถกวี 2 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:22:14

ความคิดเห็นที่ 67 หลังตึกแถวระหว่างซอยอรรถกวี 4 และซอยอรรถกวี 2 คือที่ตั้งของสำนักเอ็งกอเจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:22:45

ความคิดเห็นที่ 68 นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสมาคมจีนหลายแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:23:22

ความคิดเห็นที่ 69 ต้นกำเนิดของเอ็งกอ  ตามประวัติศาสตร์ของประเทศจีนกล่าวไว้ว่า ณ ที่เมืองหนึ่งของประเทศจีน   มีพวกกบฎทำการยึดเมือง และกระทำการไม่เหมาะสม  จึงทำให้เหล่าขุนนาง เศรษฐีและประชาชน     ไม่ว่าจะยากดีมีจนได้รวมพลังกัน เพื่อที่จะต่อสู้และยึดเมืองที่ตนอาศัยอยู่กลับคืนมา   จึงคิดหาวิธีการต่างๆ ที่จะเข้าเมืองโดยไม่ถูกพวกกบฏจับได้  และที่สำคัญคือต้องจำหน้าไม่ได้   คนกลุ่มนี้จึงคิดการแสดงขึ้นมาชุดหนึ่ง ให้มีความแตกต่างกันกับการแสดงที่เป็นชุดงิ้ว และเรียกขานว่า“เอ็งกอ” และได้แต่งกายในชุดรัดกุมเหมือนทหารออกศึก มีรูปแบบการแสดงด้วยการเต้นตีไม้  สร้างความเร้าใจ เพื่อเบนความสนใจของพวกกบฏ จนสามารถยึดเมืองกลับคืนมาได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:23:49

ความคิดเห็นที่ 70 การแสดงแต่ละครั้งถ้าเป็นชุดสมบูรณ์  ต้องใช้ผู้แสดงจำนวน  108  คน ตามตัวเลข 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน แต่ในปัจจุบันเรามักจะเห็นไม่ครบ เนื่องจากการแสดงต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางกาย จิตใจและเสื้อผ้านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือหลายอย่าง  อีกสาเหตุหนึ่งก็คือการมีการแสดงเอ็งกอครบจำนวน  108  คนนี้ มักจะมีเหตุการณ์ณ์สูญเสียชีวิตของนักแสดงเอ็งกอเกิดขึ้นอยู่เสมอ กลายเป็นความเชื่อว่า เหมือนตำนานเขาเหลียงซานที่สุดท้ายตายเกือบหมด จึงทำให้จัดผู้แสดงไม่ครบตามจำนวนจนทุกวันนี้   ปัจจุบันการแสดงโชว์หรือออกงานประเพณีต่างๆ มักจะมีผู้แสดงอย่างต่ำ 40 คนขึ้นไปเสมอ   ซึ่งไม่รวมพวกตีล่อ  เป่าเขาควาย  ตีกลองใหญ่  ฉาบเล็ก ฯลฯ ก่อนการแสดง  ต้องนำขนมไหว้ของชาวจีนที่เรียกว่า"ง่วนก้วย" นำมาไหว้และเต้นแสดงให้เทพเจ้าเห็น   หลังจากนั้นนำขนมไหว้ ให้ผู้แสดงรับประทานคนละเล็กละน้อย เพื่อเป็นสิริมงคลในการแสดง   ไม่ให้เกิดอุปสรรคใดๆ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และทุกครั้งที่กระทำตามนี้ ไม่เคยบังเกิดเหตุการณ์ใดๆที่ไม่ดีเลย อ่านเพิ่มเติมได้ที่ -  http://www.nmt.or.th/chonburi/phanatmuni/Lists/List57/AllItems.aspx จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:24:17

ความคิดเห็นที่ 71 ก่อนถึงการแสดงในช่วงกลางคืน ผู้แสดงจะผลัดกันวาดลวดลายบนใบหน้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:24:42

ความคิดเห็นที่ 72 วาดลวดลายบนใบหน้าเสร็จแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักรบและใส่หมวก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:25:05

ความคิดเห็นที่ 73 ระหว่างรอบ้างก็รับประทานอาหาร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:25:32

ความคิดเห็นที่ 74 บ้างก็พักผ่อนตามอัธยาศัย แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 00:43:03 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:25:59

ความคิดเห็นที่ 75 ขอถ่ายรูปเด็กๆที่มาแสดงเอ็งกอ ก่อนเดินสำรวจเส้นทางขบวนแห่ตอนกลางคืน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:26:26

ความคิดเห็นที่ 76 ปิดท้ายภาค 1.1 ด้วยแผนที่การเที่ยวช่วงเช้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:27:03

ความคิดเห็นที่ 77 ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ อาสาม จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:34:15

ความคิดเห็นที่ 78 สวัสดีตอนดึกค่ะ เห็นก๋วยเตี๋ยวแล้วปั่นป่วนจนต้องรีบไปนอนก่อนที่จะต้องไปหาของกิน  พรุ่งนี้มาดูใหม่นะคะ จากคุณ : inthemoon เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:39:40

ความคิดเห็นที่ 79 ผมคนนครสวรรค์ เรียนก็เรียนโรงเรียนนครสวรรค์  แต่ไม่เคยขึ้นไปวัดดาวดึงส์เลย อยู่ใกล้เหมือนปากกับจมูกแท้ๆ (-_-") อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ครับ ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : scozember เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:48:03

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ อาสามเก็บภาพดีมาก ๆเลยค่ะ สวยด้วยค่ะ จากคุณ : นู๋ยู้ฮู้ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 54 23:54:16

ความคิดเห็นที่ 81 ตามอาสามไปเที่ยวครับ... จากคุณ : บ๊องแบงค์ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:03:57

ความคิดเห็นที่ 82 หมู (ตัว) อ้วน ...รับก๋วยเตี๋ยวกี่ชามดี ? inthemoon...ขออภัยที่ลงภาพก๋วยเตี๋ยวหลายชามไปหน่อย 555 scozember...แก้ตัวไม่ยากครับ ช่วยรีวิวร้านโกยีมาฝากหน่อย นู๋ยู้ฮู้ ...บางทีวิญญานนักข่าวมันเข้าสิงน่ะ บ๊องแบงค์ ...ตามหลังมาเลยครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 00:48:24

ความคิดเห็นที่ 83 อาไปบ้านหนูมา บ้านหนูสวยมั๊ยคะ บ้านหนูอยู่ไม่ไกลจากจุดกำเนิดแม่้น้ำเจ้าพระยาค่ะ เดิน5นาที ฝั่งตรงข้ามเป็นศาลเจ้าจีนค่ะ บ้านหนูอยู่ฝั่งตลาดเลยค่ะ พรุ่งนี้จะเข้ามาดูใหม่นะคะ ว่าเจอคนรู้จักมั่งหรือป่าว อิอิ ดีใจจัง จากคุณ : Schnuggy ชนุ๊กกี้ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 02:08:18

ความคิดเห็นที่ 84 ลูกชิ้นปลา ที่นี่ขึ้นชื่อแถมลูกเล็ก ใส่มาทีเต็มชามเลย ผิดกับลูกชิ้นยักษ์ ใส่มาลูกเดียว ยังไงก็ชอบลูกชิ้นจิ๋วมากว่าครับ จากคุณ : หมูครับ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 03:37:54

ความคิดเห็นที่ 85 ก๋วยเตี๋ยวไก่น่ากินมากๆค่ะ จากคุณ : เหมียว beautycats เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 04:48:14

ความคิดเห็นที่ 86 ตามไปเที่ยว ตามไปกิน ตามไปชิมด้วยค่ะ อาสาม จากคุณ : ต้นน้ำปลายฟ้า เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 06:23:51

ความคิดเห็นที่ 87 คงต้องไปเที่ยวนครวรรค์บ้างแล้ว  เพราะเปลี่ยนไปมาก   ชอบตรง tower ชมวิว  อยากขึ้นไปดูวิวนครสวรรค์ค่ะ จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 07:38:01

ความคิดเห็นที่ 88 ดาวจ๋าตามอาสามมาแบบกระย่องกระแย่งค่ะ เพราะไปเที่ยวราชบุรี สวนผึ้งแบบสนุกสนาน  กลับมาก็ป่วยเลย วันนี้เลยมาช้าไปหน่อย คริคริ ที่นครสวรรค์ ดาวจ๋ามีเพื่อนอยู่หลายคน เวลาใครลงมาก็มักจะให้ซื้อเจ้าลูกชิ้นปลาเล็กๆมาฝากน่ะค่ะ ดาวจ๋าชอบเอามาลวก จิ้มกินเล่นเปล่าๆ อาหย่อยยย จากคุณ : ดาวจ๋า (satineesh) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:26:48

ความคิดเห็นที่ 89 อยากเอารูปที่ผมถ่ายมาแจมบ้าง   แต่ใช้กล้องออโต้  แถมไม่ใช้โปรแกรมอัตโนมัติด้วย  ไปตั้งช่อง A กะจะตั้งรูรับแสงเอง  แต่ไม่ได้ดังใจ ถ้าไม่ว่าผมจะขอคัดภาพพอดูได้ลงบ้างได้ไหมครับ แต่เจ้าของกระทู้นี่คนนครสวรรค์ย้ายไปกรุงเทพหรือเปล่าครับ  ดูรู้รายละเอียดเกี่ยวกับนครสวรรค์มากจัง (ผมไปวันแห่วันที่ 5 ก.พ.ตอนค่ำครับ) จากคุณ : เฒ่าเทคโน เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 08:51:25

ความคิดเห็นที่ 90 ไปเที่ยวนครสวรรค์ด้วยคนค่ะ อาสามลืม โมจิ จันทร์สุวรรณ อ่ะค่ะ จากคุณ : กรีน..ที เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:03:27

ความคิดเห็นที่ 91 ก๋วยเตี๋ยวแต่ละชามดูน่าทานทั้งเลย โดยเฉพาะก๋วยเตี๊ยวไก่แห้ง เห็นแล้วทำให้นึกถึงมื้อกลางวันล่วงหน้าเลย แหะแหะ :) จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:28:19

ความคิดเห็นที่ 92 ได้เที่ยวชมนครสวรรค์เต็มตาก็วันนี้แหละ....ใกล้เกลือกินด่างค่ะ... จากคุณ : phanet เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 09:29:54

ความคิดเห็นที่ 93 ได้ชมงานโดยที่นั่งอยู่บ้าน ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : sun_ice เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 54 10:00:43