ความคิดเห็นที่ 1 ร้านขนมโมจิจันทร์สุวรรณเป็นร้านขนาดใหญ่ห้องสุดท้าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:36:36

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าร้านมีขนมโมจิไส้ไข่เค็มเต็มลูกให้ชิมทั้งลูก ขนมโมจิจันทร์สุวรรณ์อร่อยสมกับคำแนะนำ แต่ไส้นี้ยังไม่มีขายจนกว่าจะถึงบ่ายสองโมง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:37:00

ความคิดเห็นที่ 3 จึงต้องซื้อเป็นไส้อื่นแทน ขนมโมจิของร้านนี้บรรจุในกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ต่างจากร้านอื่นที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมจตุรัส และขายในราคากล่องละ 40 บาท บรรจุกล่องละ 10 ลูก ในขณะที่ร้านอื่นบรรจุกล่องละ 9 ลูก กล่องละ 35 บาท 3 กล่องร้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:37:24

ความคิดเห็นที่ 4 เดินดูขนมอย่างอื่นในร้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:37:43

ความคิดเห็นที่ 5 ขนมไดฟูกุเป็นของที่อื่น ลูกเล็ก 12 ลูก 45 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:38:02

ความคิดเห็นที่ 6 ขนมเปี๊ยะแม่ศรีเมือง(ฮง)จากอินทร์บุรี กล่องละ 50 บาท แฟนซื้อมา 2 กล่องอร่อยมาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:38:22

ความคิดเห็นที่ 7 12.10 น.ออกจากร้านขนมโมจิจันทร์สุวรรณไปที่ร้านโกเนี้ยวที่อยู่ใกล้กัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:38:40

ความคิดเห็นที่ 8 ตู้ซ้ายมือหน้าทางเข้าร้าน มีปลากรายสต๊าฟขนาดใหญ่แขวนอยู่สามตัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:38:59

ความคิดเห็นที่ 9 รายการอาหารแนะนำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:39:18

ความคิดเห็นที่ 10 มาช่วงเที่ยงแทบไม่มีที่นั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:39:34

ความคิดเห็นที่ 11 รายการอาหารและราคา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:39:56

ความคิดเห็นที่ 12 พนักงานจดจำนวนและของที่สั่งพร้อมราคาลงในใบสั่ง ส่วนหนึ่งวางไว้ที่โต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:40:18

ความคิดเห็นที่ 13 โกยซีหมี่ 30 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:40:39

ความคิดเห็นที่ 14 ราดหน้าปลา 35 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:41:06

ความคิดเห็นที่ 15 หนังปลากรายทอด 35 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:41:43

ความคิดเห็นที่ 16 ปลาเห็ดหรือทอดมันปลากราย 60 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:42:04

ความคิดเห็นที่ 17 ลูกชิ้นปลาลวก 60 บาท ลูกชิ้นไม่มีกลิ่นปลากราย สู้ร้านเตี้ยข้างวัดไม่ได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:42:23

ความคิดเห็นที่ 18 เส้นหมี่น้ำรวม 30 บาท น้ำแกงออกเค็ม อาหารอื่นได้เร็ว แต่ก๋วยเตี๋ยวได้ช้ามาก ไม่ได้ซื้อลูกชิ้นปลาบรรจุถุงแช่เย็นกลับบ้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:42:43

ความคิดเห็นที่ 19 12.56 น.ออกจากนครสวรรค์มุ่งหน้าไปวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:43:03

ความคิดเห็นที่ 20 แผนที่ร้านโกเนี้ยวและร้านขนมโมจิจันทร์สุวรรณ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:44:20

ความคิดเห็นที่ 21 14.17 น.ถึงป้ายหลัก กม.ที่ 80 ของ ทล.1 กลับรถเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอัมพวัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:44:41

ความคิดเห็นที่ 22 ปรากฏว่าหลวงพ่อจรัลเพิ่งกลับขึ้นกุฏิ โดยหลวงพ่อจะออกมาพบญาติโยมวันละ 2 รอบ คือ 10.00 น.และ 14.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:45:01

ความคิดเห็นที่ 23 ทุกครั้งที่มาวัดอัมพวันจะซื้อของกินได้หนึ่งอย่าง ครั้งแรกได้ลูกตำลึงเชื่อม ครั้งนี้ได้ปลากระดี่แดดเดียว เหมาหมดกระจาดได้ 1 กิโลฯ 130 บาท แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 12:19:12 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:45:22

ความคิดเห็นที่ 24 ออกจากวัดอัมพวันมุ่งหน้าไปจังหวัดอ่างทอง เลี้ยวขวาเข้าตัวจังหวัดอ่างทอง ถึงแยกเรือนจำเลี้ยวขวาไปวัดม่วง เส้นทางสายอ่างทอง-สุพรรณบุรี ระยะทาง 8 กม. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:45:49

ความคิดเห็นที่ 25 15.20 น.เลี้ยวซ้ายเลียบคลองชลประทานไปวัดม่วงจอดรถแล้วเดินไปที่พระพุทธรูปที่สูงที่สุดในดลก วัดม่วง ตั้งอยู่ หมู่ที่ ๖ ตำบลหัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง วัดม่วงสร้างขึ้นเป็นวัดตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2230 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้กลายสภาพเป็นวัดร้าง เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2525 พระคูวิบูลอาจารคุณ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มาปักกลดธุงดงค์ เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง จึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาวและหลวงปู่แดงมาบอกว่า ให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครูเป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วงขึ้นมาใหม่ได้ และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง จนถึงปัจจุบันนี้ ในปีพ.ศ. 2526 ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการเริ่มบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่างๆขึ้น โดยได้รับการบริจาค ทั้งเงินทำบุญ และทำบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดำเนินงานในการก่อสร้าง กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์ วันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2527 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:46:17

ความคิดเห็นที่ 26 ในปีพ.ศ. 2534 พระวิบูลอาจารคุณ ได้ร่วมพลังจิตอธิฐานร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ในการสมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 และราชวงศ์จักรี มีพระนามว่า"พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" มีหน้าตักกว้าง 62 ม. สูง 93 ม. มูลค่าในการก่อสร้าง 106,000 บาท ( หนึ่งร้อยหกล้านบาท ) วันเสาร์ที่ ต มีนาคม พ.ศ. 2534(วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4) ปีมะเมีย เวลา 9.00 น. ได้วางศิลาฤกษ์โดยสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณดาราม กทม. เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) เป็นประธานฝ่ายดำเนินการก่อสร้างและหาทุน และให้กฤษ์การก่อสร้างได้ดำเนินมา จนสำเร็จในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 (วันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8) รวมเป็นเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 16 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 - 2550 ปัจจุบันวัดม่วงแห่งนี้ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๗๒ ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าว ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้ซื้อรวบรวมได้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ที่มา - http://wat-muang.com/aboutus1.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:46:40

ความคิดเห็นที่ 27 สักการะด้วยดอกไม้ธูปเทียนแล้ว เดินขึ้นไปที่ฐานองค์พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญหรือหลวงพ่อใหญ่ มีกลุ่มคนเข้าแถวเพื่อใช้สองมือแตะนิ้วกลางขององค์พระเพื่อความเป็นสิริมงคล บางคนเอากระเป๋าเงินแตะนิ้วกลางขององค์พระด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:47:04

ความคิดเห็นที่ 28 ลงบันไดนาคด้านหน้าไปชมสวนประติมากรรมหน้าหลวงพ่อใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:47:29

ความคิดเห็นที่ 29 ภายในสวนประติมากรรมประกอบด้วยรูปปั้นจากเวชสันดรชาดก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:47:54

ความคิดเห็นที่ 30 รูปปั้นยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวนมหาราชและพระมหาอุปราชแห่งพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:48:20

ความคิดเห็นที่ 31 รูปปั้นจากเรื่องพระอภัยมณี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:48:42

ความคิดเห็นที่ 32 รามเกียรติ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 33 เทวดาไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:49:33

ความคิดเห็นที่ 34 เทพเจ้าจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:49:56

ความคิดเห็นที่ 35 ไซอิ๋ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:50:17

ความคิดเห็นที่ 36 เจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:50:39

ความคิดเห็นที่ 37 เดินไปที่อุโบสถกลางดอกบัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:50:59

ความคิดเห็นที่ 38 ทุกกลีบดอกบัวรอบอุโบสถ มีรูปปั้นพระประจำวันเกิด รวมถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งในอดีตและปัจจุบัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:51:26

ความคิดเห็นที่ 39 รูปปั้นนักษัตรปีเกิด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:51:46

ความคิดเห็นที่ 40 พร้อมเทวดาและนางฟ้าประจำปีนักษัตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:52:11

ความคิดเห็นที่ 41 เดินไปที่วิหารแก้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:53:07

ความคิดเห็นที่ 42 วิหารแก้วก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ติดกระจกแก้วภายในและภายนอกทั้งหลัง ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2540 ขนาดกว้าง 16 เมตร ยาว 50 เมตร สิ้นงบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณ 25,497,789.00 บาท ภายในวิหารแก้ว หลวงพ่อเกษมได้เทหล่อทองเหลืองสร้างรูปเหมือน ของพระเกจิอาจารย์ดังๆทั่วประเทศจำนวน 50 องค์ ประดิษฐานรอบในวิหารแก้ว ที่มา - http://wat-muang.com/aboutus1.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:53:36

ความคิดเห็นที่ 43 ทางด้านขวาของวิหารแก้ว มีโลงแก้วบรรจุร่างที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเกษม ซึ่งละสังขารมรณภาพ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2544 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:54:02

ความคิดเห็นที่ 44 พระประธานในวิหารแก้ว ด้านหน้าซ้ายคือหลวงพ่อขาว ด้านหน้าขวาคือหลวงพ่อแดง ทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัดม่วง มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:54:26

ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อเปิดไฟในวิหารแก้ว แสงสะท้อนของโคมไฟในกระจก ทำให้ภายในวิหารแก้วสวยงามยิ่งขึ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:54:52

ความคิดเห็นที่ 46 ออกจากวิหารแก้วเดินไปชมแดนนรก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:55:12

ความคิดเห็นที่ 47 หลวงพ่อเกษมได้สร้างแดนนรกตามพระไตรปิฎก ที่ระบุถึงเรื่องผลบุญจากการสร้างบุญกุศล การสร้างบาปก็ต้องได้รับบาปตามสนองนั้น หลวงพ่อเกษมจึงได้ให้ช่างปั้นรูปหุ่น เป็นรูปคนที่มีร่างกายสูงใหญ่ เสื้อผ้าไม่มีนุ่งห่ม มีทั้งเพศชายและเพศหญิงเรียกว่าเปรต นอกจากนั้นยังมีรูปปั้น ทั้งเพศชาย เพศหญิง ตกอยู่ในกระทะทองแดง ถูกทรมานปีนต้นไม้มีหนาม (เรียกว่าต้นงิ้ว) รูปปั้นร่างกายเป็นคน มีหน้าตาเป็นรูปสัตว์ต่างๆ มีการถูกเฆี่ยนตี และทรมานทารุณ หลวงพ่อเกษมต้องการให้ผู้มาเที่ยวชมวัดม่วง ได้พิจารณาและนึกถึงหลักธรรม เพื่อให้เกิดสติ พระพุทธเจ้าได้สั่งสอน ถึงการมีกตัญญูรู้คุณคน ไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์ให้เกิดทุกข์ ไม่เกิดความละโมบ ลุ่มหลงอบายมุข กิเลสตัณหา เมื่อถึงการอวสานของตัวเอง (ตาย) ถ้าหากได้สร้างบุญไว้ ตายไปก็ได้รับบุญที่สร้างไว้ แต่ถ้าสร้างแต่บาป ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ข่มเหงรังแก ใส่ร้ายป้ายสี มัวเมาอบายมุขต่างๆ ฉุดคร่าหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน ฯลฯ ย่อมต้องนรกชดใช้กรรม ที่มา - http://wat-muang.com/aboutus1.php จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:55:33

ความคิดเห็นที่ 48 กระทะทองแดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:55:57

ความคิดเห็นที่ 49 รูปปั้นเปรตสูงใหญ่กว่าสิบเมตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:56:40

ความคิดเห็นที่ 50 ด้านซ้ายเป็นเปรตชาย เดิมคงเปลือยเปล่าเห็นอวัยวะเพศชัดเจน ไม่แนะนำให้เดินลอดหว่างขา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:57:05

ความคิดเห็นที่ 51 ด้านขวาเป็นเปรตหญิงพุงโต จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:57:33

ความคิดเห็นที่ 52 บาปจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ตายแล้วถูกนำมาเชือด ฟื้นขึ้นมาเอาตัวมาเชือดใหม่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:58:03

ความคิดเห็นที่ 53 บาปจากการเสพย์ยาเสพย์ติดและของมึนเมา ตายแล้วถูกกรอกน้ำทองแดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:58:31

ความคิดเห็นที่ 54 บาปเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ชอบทรมานกลั่นแกล้งคนอื่น ตายแล้วถูกนำมาเข้าเครื่องทรมาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:58:55

ความคิดเห็นที่ 55 บาปจากการประพฤฒิผิดทางเพศ ตายแล้วต้องปีนต้นงิ้ว มีปีศาจถือหอกคอยทิ่มแทง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:59:20

ความคิดเห็นที่ 56 บาปเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ชอบแย่งผัวคนอื่น ตายแล้วลิ้นจะยาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 54 23:59:53

ความคิดเห็นที่ 57 บาปจากการชอบใส่ร้ายว่าร้ายผู้อื่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:00:53

ความคิดเห็นที่ 58 ตายตกนรกต้องถูกดึงลิ้นแทงลิ้น หรือนาบด้วยเหล็กร้อนตามจำนวนครั้งที่ทำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:02:17

ความคิดเห็นที่ 59 ทุกข์ทรมานในยมโลกแล้ว ต้องไปเกิดเป็นเดรัจฉานชดใช้กรรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:03:47

ความคิดเห็นที่ 60 จุดสุดท้ายที่แวะชมในวัดม่วง คือวิหารเจ้าแม่กวนอิมปางพันกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:04:20

ความคิดเห็นที่ 61 ก่อนกลับแวะซื้อข้าวแต๋นที่ร้านค้าข้างทางเข้าวัด 16.49 น.ออกจากวัดม่วง เย็นมากแล้วจึงไม่แวะตลาดศาลเจ้าโรงทองที่อยู่ใกล้ๆกัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:04:46

ความคิดเห็นที่ 62 ขนมโมจิซื้อมาหลายรส เช่นไส้ถั่วงาดำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:05:11

ความคิดเห็นที่ 63 แป้งโมจิหอม แต่ไม่แต่งกลิ่นและรสหวานจนเกินควรเหมือนยี่ห้ออื่น ไส้โมจิไม่หวานจัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:05:34

ความคิดเห็นที่ 64 ลัคกี้ยังคงไม่ชอบขนมโมจิแต่ชอบขนมเปี๊ยะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:05:59

ความคิดเห็นที่ 65 แบ่งปลากระดี่แดดเดียวมาทอด แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 12:20:54 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:06:30

ความคิดเห็นที่ 66 ทอดจนเหลืองกรอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:06:56

ความคิดเห็นที่ 67 เคี้ยวได้ทั้งตัว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:07:19

ความคิดเห็นที่ 68 ทานกับข้าวต้มหรือแกงส้มก็อร่อย จบบริบูรณ์ ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:08:02

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อก่อนเพื่อนหิ้วโมจิเจ้านี้มาให้กินทุกครั้งที่ปิดเทอมค่ะ อร่อยดี   แต่เห็นปลากระดี่แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปตลาดนัดซื้อมาทอดบ้างค่ะ จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:15:55

ความคิดเห็นที่ 70 น้ำลายไหล อยากทานทอดมันปลากรายครับ ^^ จากคุณ : PimNarakAhh+ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:17:06

ความคิดเห็นที่ 71 ตามไปเที่ยววัดม่วง ด้วยค่ะ ดูอลังการ น่าไปเที่ยวชมมากค่ะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 00:43:41

ความคิดเห็นที่ 72 ไปนครสวรรค์ ผมชอบร้านขายกะหรี่ปีาบ คุณจิ๋ม  รอคิวซื้อทำกันสดๆเลยครับ จากคุณ : หมูครับ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 02:59:24

ความคิดเห็นที่ 73 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : เหมียว beautycats เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 04:50:48

ความคิดเห็นที่ 74 คิดถึงปลากระดี่ เมื่อก่อนยกยอหน้าบ้านก็ได้แล้ว เดี๋ยวนี้ ไม่มีทั้งยอ ทั้งที่ให้ยก จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 05:36:10

ความคิดเห็นที่ 75 โกยซี่หมี่กับราดหน้าปลาน่าทานมาก ๆ เลยคะ จากคุณ : BROWN STITCH เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 09:10:30

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณสำหรับภาพพาเที่ยว อยากทานทอดมันปลาและปลาสลิด แจกกิี๊ฟขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:01:22

ความคิดเห็นที่ 77 ไปอ่างทอง ไม่เคยแวะวัดม่วงเลยค่ะ ขอบคุณที่พาไปเที่ยว ครั้งหน้าต้องไปไหว้พระใหญ่บ้างแล้ว จากคุณ : ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:13:19

ความคิดเห็นที่ 78 โมจิน่าหม่ำค่ะ ลัคกี้ไม่หม่ำส่งมาทางนี้ค่ะอาสาม ^____________^ จากคุณ : Hathi เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:15:32

ความคิดเห็นที่ 79 แอบเกาะล้อ  มาเที่ยวด้วยค่ะ  ปลากระดี่แดดเดียวทอดอร่อยนะคะ แต่ต้องทานตอนสุกใหม่ๆกรอบดีจัง... จากคุณ : phanet เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:38:44

ความคิดเห็นที่ 80 โมจิกินอยู่ไส้เดียวค่ะ ไส้ถั่วไข่เค็มอ่ะค่ะ จากคุณ : ปุ้ม หญิง เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:49:04

ความคิดเห็นที่ 81 ม่านบาหลี...เป้นครั้งแรกที่ลองโมจิร้านนี้ อร่อยดีครับ PimNarakAhh+...หนึบๆเคี้ยวเพลินดีครับ หมู (ตัว) อ้วน ...วัดม่วงมีหลายจุดที่น่าชมครับ หมูครับ ...มีโอกาสคงได้แวะลองครับ เหมียว beautycats ...พักนั้ไม่เห็นมีทริปไปถ่ายรูปบ้างเลย เจ้่าชายกบ ...ปลากระดี่เป็นปลาที่พบเห็นได้ตามแหล่งน้ำทั่วไป เพิ่งไม่นานนี้เองครับที่รู้ว่าทานได้ BROWN STITCH ...รสชาติใช้ได้ทั้งคู่ครับ พนอจัน ...รอดูภาพเค้กสวยๆอีกครับ ป้าอ้วนเหนียวเนื้อ ...เสียดายที่คราวนี้ไม่ได้แวะเที่ยวตลาดศาลเจ้าโรงทองที่อยู่เลยไปอีกนิดเดียว เดือนหน้าคงไปอีกครับ เพราะคราวนี้พลาดนมัสการหลวงพ่อจรัล Hathi ...ฮิ ฮิ ลงท้องไปหมดแล้ว phanet ...กรอบทั้งตัว เคี้ยวจนหมดทั้งตัวเลยครับ ปุ้ม หญิง ...เสียดายที่วันนั้นมีแต่ให้ชิมอย่างเดียว อร่อยดีครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 54 11:53:35 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 11:52:07

ความคิดเห็นที่ 82 น่าไปเที่ยวจังเลยค่ะ อาหหารน่าทานทุกอย่างเลย เคยไปเที่ยวนครสวรรค์ครั้งเดียวเมื่อนานมาแล้ว ส่วนใหญ่ได้แต่นั่งรถผ่านค่ะ(บ้านอยู่เชียงใหม่) จากคุณ : jena_naam เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:38:29

ความคิดเห็นที่ 83 รูปสวยดีค่ะ ดูเพลินเลย จากคุณ : แม่การะเกด เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 12:49:03

ความคิดเห็นที่ 84 jena_naam ...หลังจากมีถนนบายพาส คนที่เดินทางไปภาคเหนือก็แวะตัวเมืองนครสวรรค์น้อยลงครับ แม่การะเกด ...ขอบคุณครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 15:44:02

ความคิดเห็นที่ 85 ตามอาสามไปเที่ยวด้วยค่ะ ถ่ายภาพพระสวยมากค่ะ จากคุณ : CoffeeBake เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 17:02:21

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นปลากระดี่แล้วอยากกินเลยครับ ไม่ได้กินนานมากๆ ตอนเด็กๆชอบสุดๆ จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 17:14:21

ความคิดเห็นที่ 87 อยากทานทอดมันกับปลากระดี่แดดเดียวทอดมากเลยค่ะ  น่าทานจริงๆ ขอบคุณภาพสวยๆและเนื้อหาละเอียดๆที่นำมาฝากนะคะ จากคุณ : กระทะเหล็ก เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 17:34:39

ความคิดเห็นที่ 88 ชอบโกเนี้ยวมาก ลูกชิ้นบัวลอย ตอนนี้ไม่ได้ไปนครสรรค์เหมือนแต่ก่อนล่ะ จะซื้อแม็คโครก็แพงซะ หลายร้อย จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 22:18:16

ความคิดเห็นที่ 89 CoffeeBake ...วัดม่วงน่าไปเที่ยวครับ jin leng ...กรอบอร่อยมากครับ กระทะเหล็ก ...มีโอกาสจะซื้อไปทอดงาน C&B สักหลายกิโลฯครับ Christian Chang ...ซื้อที่ร้านห่อละครึ่งกิโลฯ 140 บาทเองครับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:19:08

ความคิดเห็นที่ 90 อาสามคะ..ปลากระดี่แดดเดียวแถวบางกรวยก็พอมีนะคะ ไว้เจอกันครั้งหน้า..ป้าจอยจะหิ้วไปฝากนะคะ จากคุณ : ป้าจอยเอง เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:53:28

ความคิดเห็นที่ 91 เห็นโบสถ์วัดม่วงแล้วนึกถึงวัดท่าซุงเลยค่ะ คล้ายๆกันค่ะ จำได้ว่าเคยไปนานแล้วที่ในโบสถ์มีเสากระจกสีขาววิบแวบๆ โมจิเค้าอร่อยค่ะนิ่มดี ตอนแรกชอบอีกยี่ห้อนึงตอนนี้ชอบอันนี้แล้ว จากคุณ : quilt เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 02:15:52

ความคิดเห็นที่ 92  I  like your kratoo ka .   When I was very young  and went  to temples with "Hell"  , I was so scared . จากคุณ : ceacar salad เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:21:50

ความคิดเห็นที่ 93 ป้าจอยเอง ...ชอบคุณครับ quilt ...เท่าที่ชิมมาร้านจันทร์สุรรณ์อร่อยดีครับ ceacar salad ...Must be Wat Phai Rong Wua. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:32:47