ความคิดเห็นที่ 1 วันอังคารที่ 15-2-11 7.41 น.ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.10 นาที ถึง Yangon Intl.Airport หรือสนามบินมิงกาลาดงเมื่อเวลา 8.10 น. เวลาของพม่าช้ากว่าเมืองไทยครึ่งชั่วโมง เวลาต่อจากนี้ไป คือเวลาในพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:22:16

ความคิดเห็นที่ 2 รับกระเป๋าเสร็จแล้ว มีเจ้าหน้าของบริษัททัวร์ในพม่าชื่อแสงมารอรับ ในขณะที่รอรถทัวร์ซึ่งพาอีกกลุ่มไปไหว้พระนอนและพระทันใจในกรุงยางกง แสงส่งเงินจ๊าดซึ่งแลกให้พวกเราล่วงหน้าคนละ 23,000 จ๊าด(Kyat)หรือ 1,000 บาท( 1 บาท = 23 จ๊าด) เป็นธนบัตรพม่าฉบับละ 1,000 จ๊าดไม่มีรอยพับ 23 ใบ ไม่มีรอยขาด ตามที่มัคกุเทสก์บอก ถ้ามีรอยพับหรือรอยขาดร้านค้าไม่รับ เงินจ๊าดฉบับละ 1,00 จ๊าดค่อนข้างใหม่ ต่างจากฉบับละ 500 จ๊าดสีน้ำตาลที่เน่ามาก แต่ร้านค้ารับ แม้ว่าจะมีเทปกาวปะเต็มไปหมดหรือขอบมีรอยขาดก็ตาม การพกเงินดอลล่าห์สหรัฐไปพม่าก็เช่นกัน ร้านค้ารับแต่ธนบัตรใหม่ที่ไม่มีรอยพับ การซื้อของที่จ่ายด้วยเงินดอลล่าห์สหรัฐ ต้องให้ร้านค้าโชว์เงินทอนให้ดูก่อน เพราะร้านค้าจะแกล้งทอนธนบัตรเก่าให้ ซึ่งจะมีปัญหาในการซื้อของที่อื่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:22:44

ความคิดเห็นที่ 3 8.57 น.รถทัวร์เดินทางมาถึง คนบนรถลงมาเข้าห้องน้ำในสนามบิน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:23:04

ความคิดเห็นที่ 4 รถแท็กซี่ของพม่า เป็นรถร้อนและไม่มีมิเตอร์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:23:23

ความคิดเห็นที่ 5 รถนำเที่ยวในการเดินทางครั้งนี้ เป็นรถปรับอากาศขนาดยี่สิบสี่ที่นั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:24:10

ความคิดเห็นที่ 6 ขึ้นรถมีน้ำเย็นบรรจุขวดหนึ่งลิตรให้คนละขวด น้ำเย็นริมถนนของพม่าแตกต่างจากที่อื่นจนอาจไม่กล้าดื่ม ตอนสุดท้ายจะมีภาพให้ดูว่าเพราะอะไร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:24:35

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อย มัคกุเทศน์สาวชาวพม่าพูดไทยชัดแจ๋ว เพราะจบจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:24:59

ความคิดเห็นที่ 8 จากสนามบินเดินทางไปเมืองหงสาวดีหรือพะโคซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 80 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมง เพราะถนนไม่เรียบเหมือนบ้านเราและจะแวะเที่ยวกลางทาง รถยนต์ในพม่าเป็นรถพวงมาลัยขวาเหมือนบ้านเรา แต่ชับชิดขวาเหมือนประเทศลาวที่ใช้พวงมาลัยซ้าย ถ้าจะให้สันนิษฐานก็น่าจะเป็นเพราะพม่าเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จึงใช้รถพวงมาลัยขวา แต่เลือกขับชิดขวาเพื่อให้แตกต่างจากอังกฤษหลังได้รับอิสรภาพ เหมือนเป็นการขบถแบบหนึ่งต่ออดีตเจ้าอาณานิคม ระยะทาง 80 กม.แต่มีด่านเก็บเงินค่าผ่านทางถึงสองด่าน ค่าผ่านด่านราคามาตรฐาน แต่ถ้าเป็นด่านตำรวจแล้วแต่ต่อรอง โดยอาโก(พี่)คนขับรถจะลงไปจ่ายเงิน เมื่อเข้าเขตเมืองหงสาวดีจะมีเสากลางถนน มีหงส์สองตัวเกาะหลังกันบนยอดเสา โดยตัวเมียเกาะอยู่บนหลังตัวผู้ ระหว่างทางขับผ่านหมู่บ้านและตลาดหลายแห่ง แม้ว่าจะเก้าโมงกว่าแล้ว แต่พระเพิ่งเสร็จจากบิณฑบาตรและเดินกลับวัด แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 09:39:04 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:25:19

ความคิดเห็นที่ 9 10.20 น.เลี้ยวขวาที่ข้างทาง สัญญลักษณ์และป้ายโฆษณาบ่งบอกให้ทราบว่าเป็นร้านขายน้ำชาและกาแฟ จากที่อ้อยบอก คนพม่านิยมดื่มชามากกว่ากาแฟ และแนะนำให้ลองชิมเมื่อมีโอกาส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:25:41

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ที่แวะร้านนี้ก็เพื่อให้ทุกคนเข้าห้องน้ำ เนื่องจากวัดในพม่าไม่มีห้องน้ำสำหรับฆราวาส คนพม่าถือว่าไปวัดเพื่อไหว้พระและทำบุญ จึงไม่ควรทำให้วัดสกปรก สังเกตุได้จากต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าก่อนเดินเข้าวัดทุกแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:26:03

ความคิดเห็นที่ 11 ร้านขายของข้างห้องน้ำ ร้านนี้ไม่เก็บค่าเข้าห้องน้ำ โดยหวังแต่ค่าน้ำชาและกาแฟ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อดื่มบนรถ เพราะร้านน้ำชากาแฟไม่มีถ้วยพลาสติกแบบบ้านเรา แต่จะเทใส่ในถุงก๊อบแก๊บพร้อมหลอดหนึ่งอัน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:27:31

ความคิดเห็นที่ 12 10.31 น.ก่อนถึงตัวเมืองหงสาวดีเล็กน้อย เลี้ยวซ้ายเข้าวัดไจ้ปุ่น(Kyaik Pun)หรือวัดพระเจดีย์(ไจ้)สี่(ปุ่น)ทิศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:27:49

ความคิดเห็นที่ 13 ถอดรองเท้าถุงเท้าไว้บนรถแล้วเดินขึ้นบันไดเข้าวัด ซ้ายมือจะมีเจ้าหน้าที่เก็บค่าถ่ายรูป กล้องภาพนิ่งกล้องละ 300 จ๊าด(13 บาท) กล้องวีดิโอกล้องละ 500 จ๊าด(21.75 บาท) ค่าธรรมเนียมนี้เก็บทุกวัดนอกกรุงยางกง ส่วนวัดในกรุงยางกงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม -เพิ่มเติมข้อความ- ธนบัตรสีน้ำตาลหลังธนบัตรฉบับละ 200 จ๊าด คือธนบัตรฉบับละ 500 จ๊าด จะเห็นว่าเก่าแทบเปื่อยและเน่ามาก แต่ทางการพม่าก็ยังไม่ยอมออกธนบัตรใหม่มาทดแทน ดีที่พกเจลล้างมือไปด้วย แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 14:08:53 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:28:10

ความคิดเห็นที่ 14 ขวามือของบันไดเข้าวัดเป็นร้านค้า มีไม้ทานาคาพร้อมแท่นฝนทำจากหินขาย อ้อยบอกว่าที่วัดนี้ขายถูกที่สุด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:28:30

ความคิดเห็นที่ 15 จุดสนใจของวัดไจ๊ปุ่นคือเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งมีพระพุทธรูปปูนปั้นสูง 30 เมตร นั่งพิงเจดีย์ทั้งสี่ทิศ จุดธูปเทียนสักการะที่แท่นสักการะเหนือบันได จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:28:49

ความคิดเห็นที่ 16 พระเจ้าธรรมเจดีย์ทรงสร้างเจดีย์ไจ้ปุ่นเมื่อปี พศ.1467 พระเจดีย์ก่อสร้างเป็นแกนทึบรูปทรงสี่เหลี่ยมตรงกลาง มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยสูง 30 เมตรประดิษฐานอยู่สี่ทิศ ทิศเหนือแทนพระสมณโคดมพุทธเจ้า ทิศใต้แทนพระโกนาคมนะพุทธเจ้า ทิศตะวันออกแทนพระกกุสันธะพุทธเจ้า และทิศตะวันตกแทนพระกัสสปะพุทธเจ้า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:29:11

ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ พศ.1930 รูปปั้นพระกัสสปะพุทธเจ้าทางทิศใต้พังเสียหาย และได้บูรณะขึ้นใหม่ใน พศ.2019 แต่มีพระพักตร์ขรึมเศร้ากว่าองค์อื่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:29:34

ความคิดเห็นที่ 18 มีอีกตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พระพุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปรอบเจดีย์สี่เหลี่ยมแทนตนเองกันคนละทิศ และสาบานว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ หากว่าคนไหนแต่งงาน ขอให้พระพุทธรูปที่สร้างอุทิศโดยคนนั้นพังลงมา ต่อมาน้องสาวคนเล็กซึ่งสร้างพระกัสสปะพุทธเจ้าทางทิศใต้แต่งงาน รูปปั้นพระกัสสปะพุทธเจ้าจึงถูกฟ้าผ่าพังลงมา แม้ว่าจะมีการสร้างใหม่จนสมบูรณ์ แต่พระพุทธรูปองค์นี้ก็ปรากฏรอยร้าวให้ต้องซ่อมแซมอยู่เสมอ จึงมีพระพักตร์ขรึมเศร้ากว่าองค์อื่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:30:06

ความคิดเห็นที่ 19 เดินประทักษิณหนึ่งรอบ หน้าพระพุทธรูปแต่ละองค์จะมีที่สรงน้ำพระ เราจะไปเรียนรู้วิธีสรงน้ำพระตามแบบพม่า ที่พระมหาเจดีย์ชเวดากอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:30:30

ความคิดเห็นที่ 20 เสาหงส์ที่มีในวัดพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:30:53

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อเสียของการเที่ยวพม่าก็คือไม่มีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าจะให้เดา น่าจะเป็นรูปปั้นของพระธรรมเจดีย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:31:13

ความคิดเห็นที่ 22 ศาลารายรอบเจดีย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:31:38

ความคิดเห็นที่ 23 ถวายเงินทำบุญ อ้อยแนะนำให้ทำบุญด้วยเงินจ๊าด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:32:02

ความคิดเห็นที่ 24 ลงบันไดไปขึ้นรถ พ่อค้าแม่ค้ารีบเสนอขายของ เสียงชวนให้ซื้อโปสการ์ดชุดละ 500 จ๊าด ถ้าไม่มีเงินจ๊าดจ่ายด้วยเงินไทยยี่สิบบาทก็ได้ อ้อยแนะนำให้เช็คก่อนจ่ายเงินว่ามียี่สิบใบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:32:28

ความคิดเห็นที่ 25 สาวๆแวะซื้อแท่งไม้ทานาคาพร่อมแท่นฝน ชุดละ 4,000 จ๊าด(174 บาท) แฟนซื้อมา 1 ชุด วิธีใช้ก็ง่ายแต่เมื่อยมือหน่อย แค่หยดน้ำลงบนแท่นหิน ฝนแท่งทานาคา จะได้ผงทานาคาผสมน้ำทาหน้า แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 01:21:09 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:32:50

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าขี้เกียจฝนกับหิน ก็มีแบบผงให้ผสมน้ำพร้อมแปรงทาหน้าขาย พร้อมคำบรรยายสรรพคุณเป็นภาษาไทย แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 00:34:27 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:33:09

ความคิดเห็นที่ 27 ร้านขายไม้แกะสลัก มีไม้จันทร์หอมแกะเป็นพระพุทธรูปด้วย แต่น้องอ้อยบอกว่า ที่วัดพระนอนในเมืองหงสาวดีถูกกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:33:38

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อนขึ้นรถ หม่องเลเด็กรถจะแจกผ้าเย็นให้คนละผืนเพื่อเช็ดเท้า 10.53 น.ออกเดินทางจากวัดไจ้ปุ่นมุ่งหน้าไปเมืองหงสาวดี ระหว่างทางผ่านมัสยิดหลายแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:35:00

ความคิดเห็นที่ 29 11.02 น.ถึงเมืองหงสาวดี ปราศจากตึกสูงทันสมัย เหมือนบ้านนอก สิ่งที่มีให้เห็นในหงสาวดีคือรถจักรยานยนต์ ที่ต้องพูดถึงก็เพราะว่า ในกรุงยางกงนั้น ห้ามใช้รถจักรยานยนต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:36:09

ความคิดเห็นที่ 30 ข้ามแม่น้ำหงสาวดี มุ่งหน้าไปเจดีย์ชเวมอดอร์หรือพระธาตุมุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:36:48

ความคิดเห็นที่ 31 10.35 น.ถึงทางเข้าพระธาตุมุเตาที่อยู่ระหว่างการขึ้นนั่งร้านเพื่อบูรณะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 01:23:37 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:37:15

ความคิดเห็นที่ 32 สิงห์พม่าหน้าทางเดินขึ้นพระธาตุมุเตา ในปากสิงห์คือพระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม หนึ่งในพระสององค์ที่คนพม่ากราบไหว้บูชา อีกองค์หนึ่งคือพระอรหันต์สีวลี ผู้เป็นเลิศทางด้านมีลาภมาก พม่าเรียกว่าพระอุปคุตว่า"พระผ่องต่ออู่" พระอุปคุตคือพระเถระรูปหนึ่งที่เกิดหลังพุทธกาลสองร้อยกว่าปี ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ท่านมีฌานสมาบัติสูงส่ง สถิตอยู่ ณ ท้องมหาสมุทร สามารถปราบพญามาร ที่จะมาทำลายงานฉลองพระบรมสารีริกธาตุตามที่พระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ เมื่อพุทธศักราช 218 มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 โดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างพระสถูปเจดีย์ขึ้น 84,000 แห่งทั่วชมพูทวีป เมื่อทำการสักการะแล้ว ได้แจกพระบรมสารีริกธาตุไปทั่วทุกนคร ซึ่งพระองค์มีพระราชประสงค์จะฉลองพระสถูปเจดีย์ทั้ง 84,000 แห่งนั้น และจะกระทำสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ แต่ทรงเกรงว่าจะมีมารเข้ามาทำลายพิธี จึงได้อาราธนาพระอุปคุต เพื่อทำการป้องกัน ขณะนั้นพญาวัสดีมาร ได้บันดาลให้เกิดพายุใหญ่พัดมา ปรารถนาจะให้ประทีปทั้งหลายดับเสียสิ้น และจะกระทำอันตรายแก่ผู้สักการบูชาพระสถูปนั้น พระอุปคุคจึงเนรมิตซากสุนัขเน่าแขวนไว้ที่คอพญามาร ไม่มีผู้ใดสามารถแกะออกได้ พญามารขอยอมแพ้ แล้วรำพึงว่า เราล่วงเกินพระพุทธองค์ แต่พระองค์ทรงมิได้ทำร้ายตอบ เพียงแต่สาวกของพระพุทธองค์ยังมีอิทธิฤทธิ์แรงกล้าถึงเพียงนี้ จึงบังเกิดความสำนึกและดำริปรารถนาพุทธภูมิในเบื้องอนาคตกาล พระอุปคุตจึงทำการแก้ไขให้ในที่สุด http://www.amuletcenter.com/product.detail_0_th_1778682 คนพม่านับถือบูชาพระอุปคุต เพราะท่านมีอิทธิฤทธิ์ปราบมาร จึงช่วยปกป้องคุ้มครองให้ผู้ที่บูชาปราศจากภัยอันตราย และการที่ท่านจำศีลอยู่ในน้ำ จึงมักมีการสร้างศาลพระอุปคุตไว้ริมบึงน้ำ เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ที่บูชาอยู่เย็นเป็นสุข การเอาพระอุปคุตมาไว้ในปากสิงห์นั้น มีตำนานว่าพระอินทร์มาเข้าฝันเจ้าอาวาส ให้สร้างพระอุปคุตไว้ในปากสิงห์ พระอุปคุตจะช่วยให้พระธาตุมุเตา รอดพ้นจากภัยแผ่นดินไหว ไม่พังลงมาอีก แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 54 13:51:55 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:37:56

ความคิดเห็นที่ 33 รถเลี้ยวไปจอดที่ลานจอดรถกึ่งกลางทางขึ้นพระธาตุมุเตา ถอดรองเท้าก่อนลงจากรถ มีนกทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก หมักเครื่องแกงเสียบไม้ย่างขาย หน้าประตูเล็กด้านข้างกึ่งกลางทางขึ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:38:21

ความคิดเห็นที่ 34 นอกจากนี้ยังมีของกินที่ดูคล้ายหมี่กรอบขาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:38:41

ความคิดเห็นที่ 35 เดินขึ้นบันไดไปที่พระธาตุมุเตา จ่ายค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูป 300 จ๊าด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:39:03

ความคิดเห็นที่ 36 พ้นบันไดจะพบกับศาลารายหลังคาห้าชั้นสี่ทิศขนาดใหญ่ ประดับด้วยไม้แกะสลักลวดลายทาสีทองสวยงาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:39:25

ความคิดเห็นที่ 37 มีเณรถือบาตรขอรับเงินบริจาค จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:39:46

ความคิดเห็นที่ 38 หันกลับไปมองบันไดทางขึ้น ที่มีศาลาหลังคาเจ็ดชั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:40:09

ความคิดเห็นที่ 39 รอบเจดีย์ยังมีอาคารไม้หลังคาเจ็ดชั้นอีกหลัง น่าจะใช้สำหรับสวดมนต์ทำสมาธิ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 54 00:42:37 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:40:45

ความคิดเห็นที่ 40 รวมถึงอาคารที่รอบอาคารที่มีลวดลายเหล็กดัด ทราบภายหลังว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:41:17

ความคิดเห็นที่ 41 กึ่งกลางลานคือเจดีย์พระธาตุมุเตา เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า คือมีความสูงถึง 114 เมตร -พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ(Shwemawdaw Paya) เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค(Baco/หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษาพม่าและคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา ซึ่งแปลว่าจมูกร้อน ทั้งนี้เพราะพระมหาธาตุองค์นี้สูงมาก ต้องแหงนหน้ามองจนต้องกับแสงแดด ทำให้จมูกร้อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:41:56

ความคิดเห็นที่ 42 พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ คือใช้เป็นที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณ ของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชย์ใหม่ ๆ ภายใต้วงล้อมของทหารมอญหลายหมื่นนายที่เป็นศัตรู แต่ก็ไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้ และพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้สามารถยึดพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:43:20

ความคิดเห็นที่ 43 ในรัชกาลต่อมาคือพระเจ้าบุเรงนอง ได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาธาตุสูงขึ้นอีกหลายเท่า และทรงถอดมณีที่ประดับยอดมงกุฎของพระองค์ถวายเป็นพุทธบูชาสูงสุด อีกทั้งกล่าวกันว่า ก่อนที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันจุดที่เชื่อว่าพระองค์ทำการสักการะก็ยังปรากฏอยู่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยกทัพมาตีพะโคก็ได้เสด็จมานมัสการด้วย ที่มา - วิกิพีเดีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:43:42

ความคิดเห็นที่ 44 จุดธูปเทียนสักการะพระธาตุมุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:44:05

ความคิดเห็นที่ 45 มีอีกตำนานกล่าวว่า มีพ่อค้าพี่น้องสองคนนามว่า"มหาศาล"และ"จุลศาล"เดินทางกลับจากค้าขายที่อินเดีย โดยได้อัญเชิญพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้ากลับมาด้วยสองเส้น และสร้างสถูปเล็กๆครอบไว้ ในศตวรรษที่ 16 พระเจ้าปะหยื่นหน่าว โปรดฯให้แกะเอามณีบนยอดพระมหามงกุฏ ไปทำฉัตรยอดถวายเป็นพุทธบูชา ต่อมาพระเจ้าโปต่อพญาสร้างฉัตรองค์ใหม่ถวาย และเสริมยอดขึ้นไปสูงถึง 90 เมตร ในศตวรรษที่ 20 ได้เกิดแผ่นดินไหวถึงสามครั้ง ครั้งสุดท้ายในปี คศ.1930 จนเจดีย์องค์เดิมส่วนหนึ่งพังทลายลงมา หลังสงครามโลกครั้งที่สอง จึงมีการบูรณะขึ้นมาใหม่จนมีความสูงถึง 114 เมตร และกลายเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:44:33

ความคิดเห็นที่ 46 อ้อย มัคกุเทศก์ชาวพม่า แนะนำให้จุดธูปสักการะ จากนั้นใช้มือแตะซากเจดีย์ อธิษฐานให้เกิดความมั่นคงในชีวิต เสร็จแล้วนำธูปเปล่าอีกหนึ่งดอก ไปปักบนร่องอิฐของซากเจดีย์ที่พังลงมา ที่พังลงมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม คศ.1917 เพื่อช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงอยู่ต่อไป เช่นเดียวกับคติความเชื่อของทางล้านนา ที่ใช้กิ่งไม้ค้ำยันต้นโพธิ์และกิ่งโพธิ์ ซึ่งพบเห็นตามวัดหลายแห่ง แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 54 12:29:25 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:44:57

ความคิดเห็นที่ 47 แวะศาลารายข้างเจดีย์พระธาตุมุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:45:17

ความคิดเห็นที่ 48 ศาลารายแต่ละหลังจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:45:37

ความคิดเห็นที่ 49 พอเดินเข้าไปเจ้าหน้าที่จะกล่าวคำไทยชัดเจนว่า"ทำบุญ ทำบุญ" เมื่อหย่อนเงินทำบุญในตู้กระจก เจ้าหน้าที่จะเคาะระฆังอนุโมทนาบุญ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:45:57

ความคิดเห็นที่ 50 พอมีเวลาจึงเดินชมรอบๆ มีระฆังทองเหลืองใบใหญ่ในศาลา คนพม่าไม่ใช้ไม้เคาะหรือตีระฆัง แต่จะใช้ไม้ทุบระฆัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:46:27

ความคิดเห็นที่ 51 พระนาคปรกศิลปพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:46:49

ความคิดเห็นที่ 52 เจดีย์สีทององค์เล็กที่ไม่มีประวัติบอกเป็นภาษาอังกฤษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:47:13

ความคิดเห็นที่ 53 ซากยอดเจดีย์มุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:47:38

ความคิดเห็นที่ 54 พระพุทธรูปในวิหารข้างซากยอดเจดีย์มุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:48:59

ความคิดเห็นที่ 55 11.36 น.ลงจากพระธาตุมุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:49:20

ความคิดเห็นที่ 56 รถรับจ้างหน้าทางขึ้นพระธาตุมุเตา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:49:55

ความคิดเห็นที่ 57 11.49 น.นั่งรถกลับเข้าเมืองหงสาวดีเพื่อทานข้าวเที่ยง สินค้าที่ขายในพม่า หลายอย่างนำเข้าจากประเทศไทย สังเกตุได้จากเสื้อยืดที่เด็กท้ายรถสองแถวใส่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:50:23

ความคิดเห็นที่ 58 จอดรถหน้า Three Pine Hotel พอลงรถมีเด็กๆส่งเสียงเรียก"พี่"กรูกันมาขอเงิน ตกลงกันไว้ว่าจะไม่ให้เงิน ไม่อย่างนั้นไม่ได้เดินต่อเหมือนที่อินเดีย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:50:58

ความคิดเห็นที่ 59 แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ภัตตาคารบนชั้นสองของโรงแรม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:51:46

ความคิดเห็นที่ 60 เครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่า ทำให้เย็นโดยใส่น้ำแข็งก้อนที่ทุบเป็นก้อนเล็กใส่มาในชามสเตนเลส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:52:14

ความคิดเห็นที่ 61 รายการแรกเป็นแกงจืดหมูสับและผักกวางตุ้ง ลูกชิ้นออกแนวเละ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:52:41

ความคิดเห็นที่ 62 กุ้งแม่น้ำเผาคนละตัว ไม่มีตะกั่วฝังในหัวกุ้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:53:11

ความคิดเห็นที่ 63 น้ำพริกกุ้งหยอง รสไม่จัด มีใส่กล่องขายด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:53:42

ความคิดเห็นที่ 64 ว๊าวววววววววว พระ,เจดีย์ บ้านเค้าอลังการมากกกกกก จากคุณ : เจ๊วรรณา เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:54:09

ความคิดเห็นที่ 65 ไข่เจียว อาหารสามัญแทบทุกมื้อที่อยู่ในพม่า จานนี้ใส่หอมแดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:54:19

ความคิดเห็นที่ 66 เจ๊วรรณา...แต่ละแห่งอลังการงานสร้างทั้งนั้นครับ .................................................................................... หมูผัดพริกหวานสดกรอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:56:05

ความคิดเห็นที่ 67 ไก่ผัดพริกแกงแบบพม่า หอมเครื่องแกงอ่อนๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:56:29

ความคิดเห็นที่ 68 ปลากะพงสามรส ยกมาตั้งให้ดูก่อน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:56:54

ความคิดเห็นที่ 69 จากนั้นพนักงานยกไปข้างโต๊ะ ใช้ช้อนส้อมเลาะเนื้อปลาตักแบ่งปลาเป็นชิ้นตามจำนวนคน เสร็จแล้วจัดเรียงเป็นตัวปลา หัวปลาตั้งขึ้น เป็นการนำเสนออาหารที่ยอดเยี่ยมมาก เสียดายที่ไม่รู้มาก่อน มิเช่นนั้นจะถ่ายวีดิโอเก็บไว้ เนื้อปลาทอดกรอบ น้ำราดไม่เผ็ด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:57:16

ความคิดเห็นที่ 70 ผัดผักรวมมิตร จานหลักอีกจานแทบทุกมื้อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:58:43

ความคิดเห็นที่ 71 ผลไม้เป็นแตงโมและมะละกอ ของหวานเป็นหม่าหลั่ยก๊อเนื้อนุ่มรสกล้วย ปิดท้ายด้วยกาแฟร้อนถ้วยละ 500 จ๊าดที่จ่ายเงินเองต่างหาก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:59:11

ความคิดเห็นที่ 72 ออกเดินทางต่อไปรัฐมอญ 13.44 น.ถึงเมืองสะโตง ผ่านแม่น้ำสะโตง แม่น้ำประวัติศาสตร์ความกว้าง 600 เมตร ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ใช้พระแสงปืนต้นนกสับยาวเก้าคืบ ยิงสุรกำมาแม่ทัพพม่าตายตกจากคอช้าง เมื่อครั้งถอยทัพจากเมืองแครงหลังประกาศอิสรภาพ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 00:59:34

ความคิดเห็นที่ 73 ผ่านด่านเก็บค่าผ่านทางด่านที่สาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:00:06

ความคิดเห็นที่ 74 แวะจอดที่ร้านอาหารหลังผ่านด่านเก็บเงินค่าผ่านทางมาประมาณ 100 เมตรเพื่อให้เข้าห้องน้ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:00:37

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เป็นจุดแวะพัก มีชากาแฟและน้ำอัดลมจำหน่าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:01:28

ความคิดเห็นที่ 76 มีตู้ขายผลไม้เชื่อม ของขึ้นชื่อของเมืองสะเทิม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:01:52

ความคิดเห็นที่ 77 ปาดดดดด มารอดูคะ เราชอบดูเวลามีคน รีวิว ประเทศเพื่อนบ้านมากเลย เพราะว่ามีหลายประเทศที่เราไม่รู้ว่าเขากินยังไง เช่นพม่านี้เลย จากคุณ : phittyeve เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:02:10

ความคิดเห็นที่ 78 เดินไปดูที่ตู้ขายกับข้าว ถาดแรกดูเหมือนเต้าเจี้ยวหลน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:02:17

ความคิดเห็นที่ 79 phittyeve ...แต่ละชาติรอบประเทศไทย มีเพียงประเทศลาวที่อาหารใกล้เคียงบ้านเราที่สุดครับ .......................................................................................................... แกงไก่ไม่ใส่กะทิ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:04:07

ความคิดเห็นที่ 80 ปีกไก่ทอด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:04:29

ความคิดเห็นที่ 81 แกงเนื้อหมูและแกงหมูบด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:04:58

ความคิดเห็นที่ 82 ปลาทอดและแกงปลา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:05:20

ความคิดเห็นที่ 83 ปลาช่อนทอดกับพริกคั่วตำที่ได้ชิมวันรุ่งขึ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:05:47

ความคิดเห็นที่ 84 ระหว่างรอคนอื่นเข้าห้องน้ำและสั่งเครื่องดื่ม เดินออกมานอกร้าน ข้างร้านอาหารเป็นร้านขายน้ำมันที่เห็นริมถนนตลอดการเดินทาง ปั๊มน้ำมันในพม่ามีน้อย ตั้งแต่ออกจากยางกงมีให้เห็นไม่ถึงสิบแห่ง แต่มีร้านขายน้ำมันเต็มไปหมด โดยแบ่งใส่ขวดสำหรับรถจักรยานยนต์ และแบ่งใส่ถังแกลลอนสำหรับรถยนต์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:07:17

ความคิดเห็นที่ 85 มองไปฝั่งตรงข้ามของถนน มีร้านค้าสามร้าน ข้ามถนนไปดู โดยมองซ้ายก่อนแลัวค่อยมองขวาเหมือนที่ลาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:07:49

ความคิดเห็นที่ 86 ของที่ขายมีผลไม้กวนและผลไม้เชื่อมกล่องละ 500 จ๊าด ถั่วแผ่นที่ดูคล้ายถั่วทอดโรยงา แผ่นใหญ่สองแผ่น 500 จ๊าด แผ่นเล็กสามแผ่น 500 จ๊าด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:08:18

ความคิดเห็นที่ 87 เม็ดมะม่วงหิมพานต์ห่อละ 500 จ๊าด สองข้างทางของถนนสายนี้ มีไร่ปลูกต้นมะม่วงหิมพานต์หลายแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:08:45

ความคิดเห็นที่ 88 ตู้ขายหมาก คนพม่ายังนิยมกินหมาก จะพบแผงขายหมากอีกหลายแห่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:09:09

ความคิดเห็นที่ 89 มองไปทางขวาของร้านนี้ เดาได้เลยว่าที่ใส่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่แบบนี้คืออะไร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 01:09:34