ความคิดเห็นที่ 1 ถนนทรงสวัสดิ์เป็นถนนเดินรถทางเดียว มีจุดเริ่มต้นที่วงเวียนห้าแยกทรงวาดของถนนทรงวาด พาดผ่านถนนเยาวราชและไปสุดที่สามแยกหรือห้าแยกหมอมี ซึ่งเป็นจุดที่ถนนทรงสวัสดิ์ บรรจบกับถนนเจริญกรุง ถนนมิตรพันธ์ และถนนพระรามที่สี่ ถนนทรงสวสสัดิ์จึงมีสองช่วง ช่วงแรกจากถนนทรงวาดถึงถนนเยาวราช ช่วงที่สองจากถนนเยาวราชถึงถนนเจริญกรุง เป็นถนนที่ตัดผ่านวัดสัมพันธวงศ์ เพื่อเชื่อมถนนทรงวาดกับถนนเยาวราช และส่วนต่อขยายที่เชื่อมกับถนนเจริญกรุง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:46:03

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามาจากถนนราชวงศ์ เมื่อมาถึงห้าแยกทรงวาด เลี้ยวซ้ายจะมีทางแยกสองทางแยก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:46:25

ความคิดเห็นที่ 3 แยกซ้ายสุดคือจุดเริ่มต้นของซอยวานิช 1 หรือสำเพ็ง ช่วงต้นประมาณ 100 เมตร เป็นย่านขายพลอยเทียม อวนและเชือกที่ใช้ในการทำประมง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:46:50

ความคิดเห็นที่ 4 แยกทางขวาคือจุดเริ่มต้นของถนนทรงสวสัดิ์ ต้นถนนมีร้านขายพลอยเทียม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:47:15

ความคิดเห็นที่ 5 ด้านซ้ายเป็นร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชสวนครัวและดอกไม้ของบริษัท เจียไต๋ จำกัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:47:44

ความคิดเห็นที่ 6 ติดกันเป็นร้านขายกระสอบ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของถนนทรงสวัสดิ์ช่วงแรก จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:48:14

ความคิดเห็นที่ 7 ประมาณ 30 เมตรจากต้นถนนทรงสวัสดิ์ ทางขวามือมีซอยที่แยกมาจากซอยคลองถมปทุมคงคา ปากซอยด้านซ้ายเป็นที่ตั้งของบริษัท เจียไต๋ จำกัด ต้นกำเนิดของเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือซีพี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:48:40

ความคิดเห็นที่ 8 ตั้งแต่เวลา 19.00 น.-23.00 น.ของทุกวัน บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาลิ้มเหล่าโหงว ลิ้มเหล่าโหงวเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาเก่าแก่ของถนนทรงสวัสดิ์ ปัจจุบันเป็นรุ่นที่สองและแยกเป็นสองร้าน ร้านที่ถนนทรงสวัสดิ์เป็นร้านน้องชาย ส่วนพี่ชายเปิดอีกร้านที่ริมถนนพระรามที่สี่ ใกล้ทางขึ้นทางด่วน แยกสะพานเหลือง แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 19:51:41 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:49:04

ความคิดเห็นที่ 9 รอบๆมีร้านหมูสะเต๊ะ ร้านรังนก ร้านน้ำส้มและร้านอาหารตามสั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:49:28

ความคิดเห็นที่ 10 ร้านลิ้มเหล่าโหงวคนแน่นตั้งแต่เริ่มเปิดขาย แต่ก็รอไม่นานเพราะทำเร็วและเสิร์ฟทีละสี่ชาม ทานร้านนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อเมื่อเกือบสี่สิบปีที่แล้ว จำได้ว่าผิวขาวหุ่นท้วมๆและชอบใส่เสื้อเชิ้ตคอกลมสีขาว เมื่อก่อนทานบ่อยเพราะบ้านเพื่อนเคยอยู่แถวนี้ ทานก๋วยเตี๋ยวแห้งแบบใส่ซ้อสเปรี้ยวครั้งแรกก็ที่ร้านนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:49:57

ความคิดเห็นที่ 11 สั่งน้ำส้มจากร้านขายน้ำส้มแก้วละ 20 บาท ร้านนี้แยกน้ำแข็งมาให้ สำหรับคนที่ชอบดื่มแบบไม่ใส่น้ำแข็ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:50:20

ความคิดเห็นที่ 12 ชามแรกเป็นบะหมี่แห้ง 30 บาท บะหมี่เป็นแบบเส้นแบนและอร่อย ไม่มีน้ำแกงให้ ร้านก่วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เมื่อสั่งแบบแห้ง จะไม่มีน้ำแกงให้ ระยะหลังมีร้านบางแห่งให้น้ำแกงด้วย ทำให้คนรุ่นใหม่บางคนนึกว่า เป็นสิ่งที่ต้องมีให้ทุกครั้งที่สั่งแบบแห้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:50:47

ความคิดเห็นที่ 13 ของแฟนเป็นเส้นเล็กแห้ง ทั้งสองชามราดด้วยซ้อสเปรี้ยวที่ปรุงให้เจือจางเล็กน้อย แต่บางวันก็ฉุนรสเปรี้ยว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:51:13

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อด้วยบะหมี่น้ำ เกี๊ยวปลาบางวันออกเค็มเล็กน้อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:52:00

ความคิดเห็นที่ 15 ปิดท้ายด้วยเส้นใหญ่น้ำแบ่งกันทาน เส้นใหญ่เนื้อเนียนบางและใส บนถนนทรงวาด มีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอร่อยที่ขายช่วงเย็นอีกสองร้าน ร้านหนึ่งคือร้านลิ้มเหล่าซา การที่มีชื่อร้านคล้ายกัน ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ความจริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ร้านลิ้มเหล่าโหงวทั้งสองแห่งเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่ 19.00-23.00 น. จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:53:00

ความคิดเห็นที่ 16 ที่หน้าร้านลิ้มเหล่าโหงว จะมีรถเข็นขนมจีบของนายเหลียงเข็นมาจอดขาย โดยเข็นจอดสลับกับร้านลิ้มเหล่าโหงว ร้านลิ้มเหล่าซาและร้านนายย้งบนถนนทรงวาด นายเหลียงนั้นเป็นน้องชายของนายเซี้ย ที่ขายขนมจีบอยู่ที่ถนนแปลงนาม หน้าวัดญวนชื่อวัดมงคลสมาคม(วัดโห่ยคั้นตื่อ) เราจะกลับมาพบกับนายเหลียงอีกครั้งใน"เที่ยวไปกินไป @ ถนนทรงวาด" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:53:33

ความคิดเห็นที่ 17 ฝั่งซ้ายของถนนทรงวาดเยื้องกับบริษัทเจียไต๋ เป็นร้านหูฉลามและผัดหมี่แต้จิ๋ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:53:59

ความคิดเห็นที่ 18 ตามด้วยร้านขายกระสอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:54:17

ความคิดเห็นที่ 19 และร้านขายอวน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:54:41

ความคิดเห็นที่ 20 ตึกแถวฝั่งนี้ ขายกระสอบกันแทบทุกห้องมาจนถึงปากซอยข้างวัดสัมพันธวงศ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:55:10

ความคิดเห็นที่ 21 แต่แหล่งใหญ่ของการขายกระสอบจะอยู่ทางฝั่งขวาของถนนทรงสวัสดิ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:55:33

ความคิดเห็นที่ 22 ในยุคที่การใช้กระสอบปอเฟื่องฟูนั้น ตึกแถวริมถนนทรงสวัสดิ์ส่วนใหญ่เป็นร้านขายกระสอบ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:55:58

ความคิดเห็นที่ 23 รวมถึงตึกแถวด้านหลังอีกสองซอย ซึ่งสร้างบนที่ธรณีสงฆ์ของวัดสัมพันธวงศ์ จะมีรถบรรทุกสิบล้อจอดรอส่งกระสอบ รวมถึงรอขึ้นกระสอบเพื่อส่งไปโรงสีข้าว หรือโรงงานบรรจุธัญพืชในต่างจังหวัด การที่ย่านนี้เป็นแหล่งขายกระสอบ น่าจะมาจากที่ย่านถนนทรงวาดในอดีต เป็นแหล่งค้าข้าวและธัญพืช มีความต้องการใช้กระสอบในการบรรจุจำนวนมาก รวมถึงสะดวกกับโรงงานที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ที่เมื่อบรรทุกข้าวและธัญพืชขึ้นเรือมาส่งที่ย่านทรงวาดแล้ว ขากลับสามารถบรรทุกกระสอบกลับไปด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:56:22

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ปัจจุบันร้านขายกระสอบปอเริ่มน้อยลง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:56:48

ความคิดเห็นที่ 25 เพราะความนิยมเปลี่ยนหันไปใช้กระสอบพลาสติกกันมากขึ้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:57:08

ความคิดเห็นที่ 26 เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:57:32

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อเข้าถนนทรงสวัสดิ์จากทางด้านถนนทรงวาด ทางด้านซ้ายมือคือที่ตั้งของวัดสัมพันธวงศ์หรือวัดเกาะ วัดสัมพันธวงศ์ มีชื่อเต็มว่าวัดสัมพันธวงศาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะธรรมยุติกนิกาย เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมมีคูคลองซึ่งเชื่อมต่อมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้อมรอบวัด จึงเรียกกันว่า"วัดเกาะ" ต่อมาในปี พศ.2339 รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามใหม่ว่า"วัดเกาะแก้วลังการาม" ต่อมารัชกาลที่ 4 พระราชทานนามใหม่ว่า"วัดสัมพันธวงศาราม" เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่ สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ในรัชกาลที่ 1 ผู้เป็นองค์ประธานบูรณะวัดแห่งนี้ ในสมัยที่ยังไม่ได้ตัดถนนทรงสวัสดิ์ วัดนี้มีหมู่กุฏิอยู่ทางด้านตะวันตก(ฝั่งขวาของถนนทรงสวัสดิ์)จรดคลองสัมพันธวงศ์ คือคลองระหว่างวัดสัมพันธวงศ์กับวัดปทุมคงคา ซึ่งบัดนี้ถมเป็นถนน และปลูกสร้างเป็นตึกแถวหมดแล้ว เมื่อทางราชการตัดถนนทรงสวัสดิ์ผ่านกลางวัด วัดจึงย้ายกุฏิมารวมกันทางด้านตะวันตกของถนนทรงสวัสดิ์ และย้ายหน้าวัดจากทางด้านสำเพ็ง มาอยู่ทางด้านถนนทรงสวัสดิ์ ที่มาส่วนหนึ่งจาก http://www.watsamphan.com/datawat/my03_history/index_my03_history.htm จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 22:58:15

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าวัด ทางซ้ายมือคือศาลาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา สร้างถวายโดยบริษัท เจียไต๋ จำกัด และเครือเจริญโภคภัณฑ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:00:05

ความคิดเห็นที่ 29 มองตรงไปคือพระอุโบสถ 3 ชั้น เป็นพระอุโบสถ 3 ชั้นแห่งแรกของประเทศไทย แต่ใช้เวลาสร้างนานที่สุด สร้างแทนพระอุโบสถและพระวิหารอายุ 167 ปี(พศ.2506)ที่ถูกทุบทิ้ง วางศิลาฤกษ์เมื่อวันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2506 โดย ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตร ผ่านไป 48 ปี ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เสียที ชั้นล่างเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม และโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาิทิตย์ สำหรับเยาวชนและประชาชน รวมทั้งห้องแสดงพิพิธภัณฑ์ของวัด ชั้น 2 ใช้เป็นหอประชุมหรือศาลาการเปรียญ ชั้น 3 เป็นพระวิหารและพระอุโบสถ สำหรับทำสังฆกรรม จะเห็นว่าหลังคาพระอุโบสถยังไม่มีช่อฟ้า ซึ่งแสดงว่าการก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จากการเก็บภาพที่วัดนี้ตั้งแต่วันที่ 8-3-2008 มาครบสามปี ตั้งแต่ภายในพระอุโบสถยังก่อสร้างอยู่ มาจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ ภายในพระอุโบสถยังไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และยังต้องมีการตกแต่งอีกมาก คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี แม้ว่าวัดนี้จะเป็นวัดที่มีรายได้มากก็ตาม แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 11:06:01 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:01:36

ความคิดเห็นที่ 30 อยากหม่ำปะหมี่ลูกชิ้นปลา้ร้านลิ้มเหล่าโหงวจัง อิอิ จากคุณ : The eye of love เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:01:45

ความคิดเห็นที่ 31 ด้านขวามือเป็นเรือนไทยสร้างใหม่ สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลังเพื่อใช้เป็นหอไตร เป็นอาคารถาวรนุสรณ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อน้อมถวาย เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวรมหาเถระ ป.ธ.9) สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ รูปที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:01:58

ความคิดเห็นที่ 32 The eye of love ...ไปตอนนี้ไม่ทันแล้ว 555 ....................................................................... การก่อสร้างเสร็จเกือบสมบูรณ์ แต่อนุญาตให้ขึ้นชมได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:03:05

ความคิดเห็นที่ 33 สร้างโดยช่างจากพระนครศรีอยุธยา เรือนหลักตรงกลางใช้เป็นหอไตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:03:29

ความคิดเห็นที่ 34 การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ 95% ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณห้าล้านสองแสนบาท เหลือเพียงการเขียนลายลงรักปิดทองตามเสาและผนังของหอไตร ซึ่งต้องใช้เงินอีกประมาณหนึ่งล้านห้าแสนบาทเศษ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:03:50

ความคิดเห็นที่ 35 ข้างเรือนไม้สักเป็นต้นมะฮอกกานี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:05:01

ความคิดเห็นที่ 36 หลังเรื่อนไม้สักเป็นอาคารสามชั้น ซึ่งชั้นสามเพิ่งเป็นข่าวเรื่องพระจักษุธาตุ เคยเดินขึ้นไปดูห้องจัดแสดงและแจกพระธาตุสองครั้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:05:22

ความคิดเห็นที่ 37 นอกจากนี้ยังมีอาคารสามชั้นอีกหลายหลังที่ใช้เป็นกุฏิสงฆ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:05:46

ความคิดเห็นที่ 38 มีทางเดินไปออกตรอกข้าวสาร ซึ่งเมื่อเลี้ยวขวาจะไปออกถนนพาดสาย แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปออกซอยวานิช 1 ("เที่ยวไปกินไป @ ถนนพาดสาย" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2008/10/D7145851/D7145851.html) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:06:08

ความคิดเห็นที่ 39 วัดนี้มีแมวค่อนข้างมาก เหมียวดำแม่ลูกอ่อนออกอาการระแวงเมื่อหยุดถ่ายรูป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:06:33

ความคิดเห็นที่ 40 เดินไปที่พระอุโบสถสามชั้น ซ้ายขวาหน้าบันไดทางขึ้น มีสิงห์ไทยแบบเดียวกับที่เห็นในพระอุโบสถวัดพระแก้ว หน้าบันพระอุโบสถด้านหน้า ประดิษฐานพระปรมาภิไธย "ภ.ป.ร." ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมื่อพ.ศ.2513 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:06:56

ความคิดเห็นที่ 41 เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:08:13

ความคิดเห็นที่ 42 ขวามือของชั้นสอง เป็นพระราชานุสาวรีย์ของพระปิยะมหาราช แบบเดียวกับที่สนามเสือป่า ส่วนด้านซ้าย เป็นพระราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าตากสินมหาราช แบบเดียวกับที่วงเวียนใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:08:35

ความคิดเห็นที่ 43 ซ้ายขวาของประตูทางเข้าชั้น 2 มีรูปของพระมหารัชชมังคลาจารย์ นิทฺเทสกเถร อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งได้ดำเนินการเสนอเรื่องผ่านเจ้าคณะฝ่ายสงฆ์และรัฐบาลตามลำดับ เพื่อขอพระบรมราชานุญาต รื้อพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ พร้อมกับก็ขอสร้างพระอุโบสถวิหารการเปรียญ เป็นอาคาราแบบจัตุรมุข ทรงไทย 3 ชั้น เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505 ทางวัดได้รับพระมหากรุณา พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้รื้อพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ และจัดสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น จึงได้ทำการรื้อพระวิหาร พระเจดีย์ออกก่อน เมื่อพระอุโบสถหลังใหม่เสร็จ พอใช้ประกอบสังฆกรรมได้ จึงได้ทำการรื้อพระอุโบสถหลังเดิมออก ในปีต่อมา ในวันที่ 6 สิงหาคม 2506 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมาสำหรับพระอุโบสถหลังใหม่ กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร แก่วัดสัมพันธวงศ์ ที่มา http://watsamphan.com/datawat/my12_mainhistory/03_boot.htm จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:09:03

ความคิดเห็นที่ 44 เดินผ่านประตูลงรักปิดทองเข้าสู่ชั้นใน มีบันไดซ้ายขวาขึ้นชั้นสาม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:09:27

ความคิดเห็นที่ 45 หลังประตูมีรูปปั้นหลวงปู่แหวน สุจิณโณ พ.ศ. 2512 ได้มีพระภิกษุจากวัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ จำนวน 3 รูป คือ พระครูวิมลญาณอุดม (ชินเทพ) พระครูสรภัญญประกาศ (ชม) และพระครูธรรมคุณาลังการ (นาค อตฺถวโร) ได้ทราบข่าวเกี่ยวกับปฏิปทา ด้านการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ จากท่านพระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (พระอาจารย์หนู สุจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้มาที่วัดสัมพันธวงศ์ ทั้งสามท่านเกิดศรัทธามาก จึงเดินทางขึ้นไปกราบหลวงปู่ ต่อมาพระเถระจากวัดสัมพันธวงศ์หลายรูปนอกจากที่กล่าวมาในเบื้องต้น ได้ขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่ มีหลายรูปได้มีโอกาสปฏิบัติดูแลจนถึงกาลมรณภาพของหลวงปู่ เป็นองค์สำคัญที่ช่วยดำเนินงาน           พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ให้เป็นไปอย่างสมเกียรติของท่าน และมีส่วนช่วยเหลืองานอันสำคัญอีกหลายอย่าง รวมถึงมีญาติโยมจากวัดสัมพันธวงศ์ เดินทางตามขึ้นไปทำบุญที่วัดดอยแม่ปั๋งจำนวนมาก ดังที่มีชื่อปรากฏอยู่ที่วัด จากการติดต่อกันดังกล่าวโดยย่อนี้ ทำให้ทางวัดสัมพันธวงศ์ ได้มีโอกาสจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวนหลายรุ่น เพื่อนำทุนมาสมทบทุนสร้างพระอุโบสถ เพราะในขณะนั้น ทางวัดอยู่ในช่วงการสร้างพระอุโบสถที่ก่อสร้างค้างอยู่ โดยได้รับเมตตาจากหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ และมีวัตถุมงคลอื่น ๆ ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่ขออนุญาตสร้างโดยพระครูวิมลญาณอุดม(ชินเทพ)อีกหลายรุ่นด้วยกัน วัดสัมพันธวงศ์จึงเป็นวัด ที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่แหวนอยู่เป็นจำนวนมาก ความเกี่ยวข้องของวัดสัมพันธวงศ์และหลวงปู่แหวน สุจิณโณ โดยละเอียด สามารถอ่านเพิ่มได้ที่ http://www.watsamphan.com/oldpic/puwan/ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:09:52

ความคิดเห็นที่ 46 หลังรูปปั้นหลวงปู่แหวน สุจิณโณ เป็นประตูอัตโนมัติ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:10:21

ความคิดเห็นที่ 47 เข้าสู่ศาลาการเปรียญ ที่ใช้เป็นห้องประชุมด้วย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:10:43

ความคิดเห็นที่ 48 ซ้ายมือของห้อง มีนิทรรศการเกี่ยวกับหลวงปู่แหวน สุจิณโณ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:11:05

ความคิดเห็นที่ 49 ตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:11:29

ความคิดเห็นที่ 50 โดยแบ่งเป็นสองชั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:11:55

ความคิดเห็นที่ 51 หิวบะหมี่ข้างบนจังค่า จากคุณ : ceacar salad เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:11:57

ความคิดเห็นที่ 52 ceacar salad ...ยังมีบะหมี่อีกสองร้านจ้า ......................................................................................................... ชั้นแรกด้านซ้ายสุด เป็นภาพของพระมหารัชชมังคลาจารย์ นิทฺเทสกเถร อดีตเจ้าอาวาส จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:13:17

ความคิดเห็นที่ 53 ตามด้วยรูปหล่อของมหาราชสามพระองค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:13:43

ความคิดเห็นที่ 54 จากซ้ายไปขวาคือ พระเจ้าตากสินมหาราช ผู้กอบกู้เอกราชจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และสมเด็จพระนเรศวนมหาราช เมื่อครั้งทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ประกาศอิสรภาพจากพม่าที่เมืองแครง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:14:13

ความคิดเห็นที่ 55 ขวามือคือรูปหล่อของพระมหารัชชมังคลาจารย์(เทศ นิทฺเทสโก) และหลวงปู่แหวน สุจิณโณ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:14:43

ความคิดเห็นที่ 56 ชั้นที่สองเป็นพระประธานของศาลาการเปรียญ เดิมเป็นพระประธานองค์รองในพระอุโบสถหลังเดิมที่ทุบทิ้ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:15:14

ความคิดเห็นที่ 57 และนำพระประธานองค์รอง พระปฏิมา และพระอัครสาวกซ้ายขวา มาไว้ที่ศาลาการเปรียญแห่งนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:15:39

ความคิดเห็นที่ 58 ออกจากศาลาการเปรียญขึ้นบันไดไปที่ชั้น 3 แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 11:11:20 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:16:05

ความคิดเห็นที่ 59 พระอุโบสถยังไม่มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ด้านบนของผนัง มีซุ้มบรรจุพระพุทธรูปปางต่างๆ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:16:35

ความคิดเห็นที่ 60 พระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในพระอุโบสถเดิมไม่ปรากฏพระนาม ต่อมา ท่านเจ้าคุณ พระมหารัชชมังคลาจารย์ นิทฺเทสกเถร อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ รูปที่ 9 ได้ถวายพระนามว่า "พระพุทธนราสภะทศพล" เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยไม้ เป็นซุงคว้านไส้กลวง ภายนอกถือปูนทับ พระพาหาเป็นไม้ทั้งลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย หน้าพระเพลากว้าง 2 ศอก 1 คืบ 11 นิ้ว พระประธานองค์รอง(องค์ล่าง สร้างเมื่อปี พศ.2517) สมเด็จพระสังฆราช วาสนมหาเถระ วัดราชบพิธ ประทานไว้ประจำวัดสัมพันธวงศ์ พร้อมทั้งถวายพระนามว่า"พระพุทธศรีสุทธิสัมพันธ์" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:17:09

ความคิดเห็นที่ 61 ชั้น 3 มีระเบียงรอบพระอุโบสถ ด้านซ้ายมองเห็นโรงเรียนวัดสัมพันธวงศ์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:17:36

ความคิดเห็นที่ 62 กลับลงมาที่ชั้นล่าง ซ้ายขวาของพระอุโบสถสามชั้น มีมณฑปหอระหัง ชั้นล่างของมณฑปหอระหังด้านขวา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาศักดิ์สิทธิ์ 2 องค์ คือ"หลวงพ่อหินศักดิ์สิทธิ์" และ "หลวงพ่อพวงมาลัย" ตั้งประดิษฐานอยู่ในภายในมณฑป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:18:01

ความคิดเห็นที่ 63 อาคารพระอุโบสถสามชั้นเมื่อมองจากถนนรอบพระอุโบสถ พื้นถนนรอบพระอุโบสถเป็นที่จอดรถ ได้ยินว่าบริษัท เจียไต๋ จำกัดเช่าไว้ทั้งหมด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:18:24

ความคิดเห็นที่ 64 เดินไปทางด้านซ้ายของพระอุโบสถ มีรอยพระพุทธบาทจำลอง รูปหล่อหมอชีวกโกมารภัจจ์ พระนอน และหลวงปู่ทวด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:18:46

ความคิดเห็นที่ 65 ติดกันเป็นศาลาราย ภายในมีรูปปั้นที่น่าจะเป็นอดีตเจ้าอาวาสอีกองค์หนึ่ง และพระพุทธรูปหินอ่อนศิลปแบบพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:19:31

ความคิดเห็นที่ 66 หลังพระอุโบสถคือศาลาสามัคคีมีธรรม เป็นอาคารปฏิบัติธรรมและกุฏิแม่ชี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:20:28

ความคิดเห็นที่ 67 มีบริการประเมินสุขภาพแบบองค์รวม นวดจัดกระดูกปรับสมดุลโครงสร้าง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:21:35

ความคิดเห็นที่ 68 เดินเข้าไปภายในศาลาสามัคคีมีธรรม เลี้ยวซ้ายจนสุดกำแพงวัด(หน้าวัดเดิม)ที่ติดกับสำเพ็ง เพื่อพาไปชมพระปรางค์องค์หนึ่ง ที่มีอายุเกือบ 160 ปี มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่บังอยู่ด้านหน้า พระปรางค์องค์นี้มีชื่อว่า"อัฏฐังคสุวรรณมหาปรางค์" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:22:39

ความคิดเห็นที่ 69 ข่าวการค้นพบพระปรางค์องค์นี้เมื่อเดือนมิถุนายน พศ.2548 สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากเพราะไม่มีใครทราบมาก่อน เนื่องจากบริเวณที่ตั้งองค์พระปรางค์อยู่นอกกำแพงวัด เดิมวัดสัมพันธวงศ์ไม่มีกำแพงวัด จึงถูกชาวบ้านข้างเคียงสร้างอาคารรุกที่เข้ามาในบริเวณวัด จนปิดล้อมองค์พระปรางค์ไว้นอกวัดเมื่อมีการสร้างกำแพงวัด ประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ กระทั่งเมื่อ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าอาวาส ได้สั่งให้คนงานไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เนื่องจากมีคนจากต่างจังหวัดมาเล่าให้ท่านฟังว่า มีเทวดาที่รักษาพระปรางค์ มาเข้าฝันบอกว่า มีพระปรางค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่หลังวัดและห้ามมิให้มีการรื้อถอน จึงออกตรวจสอบดูพบว่าพระปรางค์ดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ถูกชาวบ้านต่อเติมอาคารมาบดบังอยู่ มีเศษดินเศษใบโพธิ์ทับถมจนเห็นแต่ปลายยอด ทางวัดจึงได้รื้อสิ่งกีดขวางพระปรางค์ออก รวมทั้งขอร้องให้ชาวบ้านที่สร้างอาคารรุกล้ำเข้ามาบดบังองค์พระปรางค์ รื้อออกทั้งหมดเพื่อบูรณะพระปรางค์ เนื่องจากมีอายุเก่าแก่ถึง 152 ปี จากนั้นจัดให้มีพิธีกรรมทางศาสนาฉลองพระปรางค์ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2548 แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 54 11:16:36 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:23:25

ความคิดเห็นที่ 70 ด้านนายอดุลย์ รัตตานนท์ อดีตอธิบดีกรมการศาสนา ไวยาวัจกรวัดสัมพันธวงศ์ กล่าวว่า บริเวณที่มีการพบพระปรางค์ ตนเคยว่าจ้างช่างให้มาตัดแต่งต้นโพธิ์ เพราะกลัวว่ากิ่งจะหักไปทับบ้านชาวบ้าน แต่ปรากฏช่างที่มารับงานดำเนินการไม่สำเร็จ และทิ้งงานไปโดยไม่ทราบสาเหตุถึง 5 ครั้งด้วยกัน นอกจากนี้แม่ชีที่อยู่จำพรรษาในบริเวณนั้นเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเวลากลางคืนมักจะเห็นคนเดินเข้าเดินออกบริเวณต้นโพธิ์ดังกล่าว ที่ติดอยู่กับพระปรางค์อยู่บ่อยครั้ง หากวันใดเป็นวันพระ บางครั้งเห็นคนใส่ชุดขาว คล้ายกับชุดของผู้ปฏิบัติธรรมเดินผ่านหายไปในบริเวณดังกล่าว น่าเชื่อว่าเป็นเทพที่คอยปกปักรักษาพระปรางค์อยู่ มีถ้อยคำจารึกที่ฐานพระปรางค์ว่า สร้างขึ้นในปีพ.ศ.2396 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 และตรงกับสมัยที่พระเนกขัมมุนี(คง) เป็นเจ้าอาวาส http://www.watsamphan.com/oldpic/stupa/ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:24:20

ความคิดเห็นที่ 71 และจากนิมิตของนายไพศาล แสนไชย จ.ลำพูน พระปรางค์องค์นี้ กลุ่มคนผู้สร้างได้เอาพระธาตุใส่บรรจุไว้ข้างในด้วย โดยประดิษฐานไว้ตรงกลางข้างในองค์พระปรางค์ เมื่องานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทาองค์พระปรางค์ด้วยสีเหลือง พร้อมกับได้ช่วยกันตั้งชื่อให้กับพระปรางค์องค์นี้ด้วยว่า "อัฏฐังคสุวรรณมหาปรางค์" หรือเรียกกันสั้นๆในหมู่ผู้ที่มาสร้างว่า "พระปรางค์อัฏฐังค" "อัฏฐังค" หมายถึง "อัฏฐังคิกมรรค" คือมรรคมีองค์แปดประการ "สุวรรณ" เรียกตามสีเหลือง ที่ได้ทาให้กับองค์พระปรางค์ "มหาปรางค์" คือ ความยิ่งใหญ่ของพระปรางค์ที่นับว่ามีขนาดใหญ่โตมาก หากเทียบกันกับฐานะของเหล่าผู้สร้างที่มีทั้งหมด 63 คน ซึ่งแต่ละคนได้กลับมาเกิดใหม่ในปัจจุบัน ตามรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ"นิมิตพิศวง เรื่อง อัฏฐังคะสุวรรณะมหาปรางค์" ที่เพื่อนซึ่งเติบโตที่นี่ให้ยืมมา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:25:12

ความคิดเห็นที่ 72 ติดกับศาลาสามัคคีมีธรรม คือโรงเรียนวัดสัมพันธวงศ์ เป็นโรงเรียนไทย-จีน เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึง ป.6 ข้างโรงเรียนมีซอยข้างวัดสัมพันธวงศ์ไปออกซอยวานิช 1 สำเพ็ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:25:59

ความคิดเห็นที่ 73 ติดกับกำแพงวัดข้างซอยวัดสัมพันธวงศ์ เป็นกลุ่มอาคารเก่าสองชั้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:26:46

ความคิดเห็นที่ 74 ออกจากวัดสัมพันธวงศ์เลี้ยวซ้าย เยื้องวัดสัมพันธวงศ์คือซอยปทุมคงคา ซึ่งสามารถเดินไปออกถนนทรงวาดและวงเวียนโอเดี้ยนได้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:27:41

ความคิดเห็นที่ 75 ประมาณยี่สิบเมตรจากวัดสัมพันธวงศ์คือปากถนนพาดสาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:28:37

ความคิดเห็นที่ 76 ขวามือของถนนพาดสายคือทางเข้าด้านหลังของโรงแรมไชน่าทาวน์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:29:30

ความคิดเห็นที่ 77 เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพาดสายไปประมาณ 50 เมตร เลยร้านกาแฟเอ็กเต็งผู่กี่ไปเล็กน้อย เพื่อพาไปดูร้านใหม่ของร้านกาแฟเอี๊ยะแซ ซึ่งย้ายจากตรงข้ามศาลเจ้าแม่กวนอิม มาอยู่ที่ชั้นล่างด้านขวาของโรงแรมซินใต้ตง เป็นร้านขนาดสองห้อง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:30:15

ความคิดเห็นที่ 78 กลับออกมาที่ถนนทรงสวัสดิ์ เยื้องถนนพาดสายมีร้านอาหารขนาดสองห้องที่ดูไม่น่าเข้าอยู่ร้านหนึ่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:30:43

ความคิดเห็นที่ 79 ร้านนี้มีชื่อว่าร้าน"ไล่เฮง" เป็นร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งบนถนนทรงสวัสดิ์ ด้วยสภาพร้านที่ดูเก่าๆ และผ่านไปทีไรก็มีลูกค้าน้อยมาก จึงไม่ได้สนใจที่จะแวะ แต่ในใจก็ยังนึกอยู่ว่า ร้านนี้น่าจะมีดีบางอย่าง จึงยังคงเปิดขายอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:31:09

ความคิดเห็นที่ 80 เพราะมีคำพูดหนึ่งของคนเยาวราชว่า "ร้านอาหารใดที่ไม่อร่อย จะไม่สามารถขายได้ในเยาวราช" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:31:36

ความคิดเห็นที่ 81 อีกทั้งมีเพื่อนที่เคยอยู่ย่านนี้บอกว่าสุกี้แบบไหหลำของร้านนี้อร่อย จึงต้องขอลองดูหน่อย รายการอาหารของร้านนี้ มีเท่าที่เห็นบนกำแพง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:32:19

ความคิดเห็นที่ 82 เลือกนั่งที่โต๊ะหน้าร้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:32:42

ความคิดเห็นที่ 83 เพื่อเก็บภาพการทัวร์ไชน่าทาวน์ด้วยรถจักรยาน ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยเองกลับไม่สนใจ ที่จะเดินเที่ยวชมไชน่าทาวน์ของบ้านเรา แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับให้ความสนใจในการเที่ยวชมตามตรอกซอกซอย เพื่อชมในสิ่งบ้านเมืองเขาไม่มี แต่คนไทยที่ไปเที่ยวเมืองนอก กลับไม่สนใจที่จะไปเที่ยวชมบ้านเมืองเก่าของประเทศนั้น บางคนเที่ยวตามรายการทัวร์ และให้น้ำหนักการไปเที่ยวที่การช้อปปิ้งซื้อของมากกว่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:33:09

ความคิดเห็นที่ 84 การมาร้านนี้ครั้งแรกสั่งอาหารเพียงอย่างเดียวคือสุกี้เนื้อ 200 บาท เป็นสุกี้แบบเดียวกับร้านเอี้ยวฮั้วที่ถนนพระรามที่สี่ ร้านเอี้ยวไถ่ที่ปิ่นเกล่า ร้านเจริญไทยที่ลาดหญ้า ร้านไท้เฮงที่ซอยเยาวราช 8 ร้านกวนอาที่ถนนพระรามที่ 3 และร้านเรือนเพชรที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:33:40

ความคิดเห็นที่ 85 มีเนื้อวัวหมัก และหมึกดองคลุกน้ำปรุงรส ตอกไข่ไก่สองฟองใส่มาในจานเปลใบใหญ่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:34:08

ความคิดเห็นที่ 86 และน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้แดง ผสมกระเทียม พริกและรากผักชีสับ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:34:35

ความคิดเห็นที่ 87 ร้านไล่เฮงยังคงใช้เตาถ่านในการต้มน้ำแกง ในขณะที่หลายร้านเปลี่ยนไปใช้เตาแก๊ส มีจานใส่ผักบุ้ง ผักกาดขาวและวุ้นเส้นมาเพิ่มอีกหนึ่งจาน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 23:35:01